น้ำเสียงของฮวาชีเยว่ขึ้นจมูกเล็กน้อยราวกับกำลังจะร่ำไห้ ลู่ซินและคนอื่นๆ คาดว่าเป็เพราะนางสงสารเด็กคนนี้มากเกินไปด้วยเป็คนใจดี
“เร็วเข้า เรียกท่านว่า ‘มารดา’ สิ”
โหย่วชุ่ยเอ่ยอย่างใจดีพร้อมตบไหล่เทียนซีเบาๆ ทว่าเด็กน้อยกลับกลัวอย่างหนักราวกับกระต่ายตื่นตูม เขามองฮวาชีเยว่อย่างหวาดกลัว แล้วเข้าไปหลบหลังโหย่วชุ่ย
ใจของฮวาชีเยว่ดิ่งลง เทียนซีได้รับาแทางใจเพราะถูกทรมานเสียจนยามนี้หวาดกลัวคนแปลกหน้าไปหมดแล้ว
โหย่วชุ่ยถอนใจเบาแล้วกล่าว “เด็กคนนี้ทนทุกข์มามาก ย่อมต้องหวาดกลัวคนแปลกหน้าเป็ธรรมดา ท่านต้องอดทนนะเ้าคะ”
ฮวาชีเยว่พยักหน้าแล้วจึงเข้าหาเด็กน้อยช้าๆ แต่ละก้าวของนางช่างหนักหน่วงนัก ราวกับกำลังแบกรับน้ำหนัก์ไว้บนบ่าและในใจ น้ำหนักนั้นทั้งหนักหน่วงและแสนเ็ป
นางเข้าหาเขา จับมือเทียนซีเอาไว้ เด็กชายแตกตื่น เขาดิ้นรนสุดกำลัง ทว่านางไม่ยอมปล่อยมือเขา
“นับแต่นี้ เ้าคือฮวาเทียนซี อย่าได้กลัวไปเลย...นับแต่นี้มารดาเ้าจะปกป้องเ้า จะไม่มีใครมาทำร้ายเ้าได้อีกแล้ว! หากมีใครกล้าทำร้ายเ้า ข้าจะ...ฉีกมันเป็ชิ้นๆ! ”
ฮวาชีเยว่เอ่ยอย่างโศกเศร้า ทันใดนั้นเด็กชายก็มองนางด้วยดวงตากลมโต ั์ตาของเขาราวหยกดำ เปล่งประกายแสนน่ารัก
“ลูก…”
หยาดน้ำตาหลั่งริน จมูกของนางเริ่มตื้อตัน ชาติที่แล้วเด็กคนนี้เติบโตในท้องนางมาสิบเดือน นางคลอดเขาอย่างยากลำบากทำให้นางเสียเืมาก โชคดีเหลือเกินที่เทียนซีปลอดภัย หลังจากนั้นนางต้องทรมานเลี้ยงเขากับแม่นมเพียงสองคน นางหวาดกลัวทุกครั้งที่เขาล้มป่วย นางปวดใจทุกครั้งที่เขาาเ็ สายเืที่เชื่อมโยงนี้จะไม่มีวันจางหาย นางยังรักใคร่เขา ปกป้องเขาอย่างทะนุถนอมตลอดมา
ทว่ากลับมีเหตุให้เทียนซีถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายทั้งยังโดนทรมาน ในฐานะมารดาเขา นางรู้สึกเหมือนตนเองล้มเหลวในหน้าที่ นางไม่ใส่ใจเกินไป!
เทียนซีมองนางที่ตาแดงก่ำ จากนั้นจึงผ่อนคลายเมื่อไม่เห็นแววตาโหดร้าย เขาก้มหน้าไปอีกทาง
สายตาฮวาชีเยว่ตกลงไปบนมือเล็กของเขา
มือของเขาเคยใสกระจ่างนุ่มนวลดังดอกบัวยามนี้กลับเต็มไปด้วยรอยแผลเป็ นางมิอาจทนคิดได้เลยว่าเขาต้องผ่านความเ็ปมามากมายเพียงใด!
ทันใดนั้นฮวาชีเยว่ก็อุ้มเทียนซีขึ้นมา เขาใกลัวเสียจนขดตัวอยู่ในอ้อมแขนนาง ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย
ฮวาชีเยว่อุ้มเทียนซีเข้าไปในเรือน ก้าวเข้าไปในห้อง แล้วจึงวางเขาลงบนเตียง “ลู่ซิน บอกห้องครัวเตรียมอาหารกลางวันแล้วส่งมาที่นี่…”
น้ำเสียงนางคล้ายใกล้ะเิน้ำตา ทั้งลู่ซินและโหย่วชุ่ยต่างก็มองหน้ากันอย่างกังวล
นับแต่คุณหนูใหญ่กลับมาก็ราวกับกลายเป็คนละคน นางเฉลียวฉลาดเป็อย่างยิ่งทั้งยังเ้าแผนการ มากเสียจนอี๋เหนียงสองและฮวาเมิ่งซือต่างก็รู้สึกแย่ขึ้นมาโดยไร้เหตุผล
ทว่าในดวงตาของนางกลับเปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้า สายตายามมองเทียนซีราวกับเห็นบุตรชายที่พลัดพรากจากกันไปนาน เต็มไปด้วยความหดหู่และเสียใจ
ตอนนี้มิใช่เวลาให้พวกนางพูด พวกนางจึงได้ออกจากห้องมาอย่างเงียบงัน ให้สองแม่ลูกได้มีเวลาด้วยกันตามลำพัง
“เทียนซี แม่ขอโทษนะ...เ้าต้องทรมานเพียงนี้...แม่จะไม่มีทาง ไม่มีวันให้เ้าต้องเผชิญความลำบากเช่นนั้นอีกแล้ว!” ท้ายที่สุดหยาดน้ำตาก็ก่อตัวในดวงตาของฮวาชีเยว่ ไหลรินราวไข่มุกเม็ดโตที่ขาดจากสาย
เทียนซีจ้องมองสตรีประหลาดเบื้องหน้าตนอย่างงุนงง มารดาเขาเพิ่งจากไป คนที่บ้านก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างโหดร้าย
ยังมีองค์หญิงฮุ่ยเจินที่แสนใจร้ายผู้นั้น นางใช้เล็บคมๆ จิกเข้าเนื้อเขา ทั้งยังป้อนยาพิษทำให้เขาพูดไม่ได้
คนพวกนั้นล้วนแต่มองเขาด้วยสายตาดุร้ายตลอดเวลา
เป็เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน แต่เทียนซีรู้สึกราวกับเขาตกจากแดน์สู่ขุมนรก ทุกที่รอบกายเต็มไปด้วยความสกปรกดำมืด ความเ็ปกลับเป็สหายร่วมทาง!
เขาใที่ “ท่านแม่” คนนี้ร่ำไห้เพื่อเขาจริงๆ เทียนซีกะพริบตา แล้วจึงยื่นมือเล็กสั่นเทาออกไปเช็ดน้ำตาจากบนใบหน้าของฮวาชีเยว่
ฮวาชีเยว่สะอื้น จากนั้นจึงกอดเทียนซี ร่ำไห้อย่างไร้เสียง
เทียนซีดูคล้ายจะสะดวกใจอยู่กับนางมากขึ้น เขาตบไหล่นางเบาๆ หมายความว่าอย่าร้องไห้
นางไม่รู้ว่าตนร้องไห้เนิ่นนานเพียงใด ทว่าเมื่อหยุดร้องแล้ว นางก็จุมพิตหน้าผากเทียนซีเบาๆ “เทียนซี นับแต่วันนี้เป็ต้นไป...เ้าต้องเรียกข้าว่า ‘ท่านแม่’ เข้าใจหรือไม่?”
เทียนซีมองนางอย่างน่าสงสาร จากนั้นฮวาชีเยว่จึงนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายมิอาจพูดได้อีกต่อไปเพราะพิษที่องค์หญิงฮุ่ยเจินป้อนให้เขาทาน
ดวงตาของฮวาชีเยว่ปรากฏร่องรอยดุดัน เมื่อคิดว่าเขาต้องประสบพบเจอเื่ราวเลวร้ายเพียงใดทั้งที่อายุเพียงเท่านี้
“เทียนซีไม่ต้องกังวล...แม่จะเอาคืนแทนเ้าเอง ทุกคนที่ทำให้เ้าเสียใจมันต้องชดใช้!” ฮวาชีเยว่มิกล้าเอ่ยถ้อยคำรุนแรงต่อหน้าบุตรชาย
แม้เด็กคนนี้จะผ่านเื่ราวมามาก นางก็ไม่้าให้ิญญาบริสุทธิ์ของเขาต้องแปดเปื้อนด้วยความเกลียดชัง