เมื่อโอวหยางจวินเหยียนได้ยินก็ทำเพียงมองเจียงเฉิงด้วยสายตาเ็า เื่ที่ชายคนนี้มีความรู้สึกไม่ปกติธรรมดาต่อภรรยาตน เขารู้นานแล้ว ทั้งยังรู้ด้วยว่า ั้แ่ที่ตนและภรรยาไปจากดินแดนตะวันตกเฉียงเหนืออันห่างไกล อีกฝ่ายก็คอยช่วยเหลือตระกูลฉินอยู่เื้ัมาโดยตลอด ทำให้กิจการการค้าทั้งหมดของตระกูลฉินได้พัฒนาและเติบโตไปอย่างมั่นคง
เขารู้ เหตุที่เจียงเฉิงยอมทำทั้งหมดนี้ก็เพื่ออวิ๋นซีทั้งสิ้น
“สตรีของเปิ่นหวาง ไม่จำเป็ต้องให้ผู้นำตระกูลเจียงมาเป็กังวล”
เจียงเฉิงไม่ได้หมุนกายกลับไป เช่นเดียวกับจวินเหยียนที่เอาแต่มุ่งหน้าไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับอีกฝ่าย เขารู้ เื่บางเื่ใช่ว่าตัวเขาจะสอดมือเข้าไปยุ่งได้ อีกทั้ง ความสัมพันธ์บางอย่างก็ใช่ว่าตัวเขาจะเข้าไปแทรกกลางได้...
หลังจากที่จวินเหยียนเร่งร้อนมาถึงเรือนพัก ชายหนุ่มก็ได้แต่เฝ้ามองอวิ๋นซีที่ดวงหน้าซีดขาว เขาถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “หลิ่วเซิงเล่า? เหตุใดจึงยังไม่มา? ”
ในตอนนี้เองด้านนอกเรือนก็มีชายหนึ่งหญิงหนึ่งรีบก้าวเดินเข้ามาอย่างเร่งร้อน เพียงปรายตามอง จวินเหยียนก็รู้และจดจำได้แล้วว่า นั่นคืออาจารย์อาน้อยของเขาและหลิ่วเซิง และเป็อาจารย์อาน้อยที่ขึ้นหน้ามาพูดกับเขา “เ้าเด็กบ้า รีบหลีกไปเสีย ให้ข้าตรวจดูนางหน่อย”
จวินเหยียนรู้ดีว่า วิชาแพทย์ของอาจารย์อาน้อยล้ำเลิศ เขาไม่คิดพูดอะไร และรีบถอยออกเพื่อให้อาจารย์อาน้อยจ้าวลี่เจียได้เข้าใกล้ภรรยา หลังจากที่นางตรวจชีพจรแล้วก็หันมายืนยันอีกเสียงว่า อวิ๋นซีโดนยาขับเือย่างรุนแรงชนิดหนึ่งเข้า นางพูดต่อ “หากจะให้ทำคลอดตอนนี้ ก็คงไม่ทันแล้ว”
อวิ๋นซีลืมตาขึ้นน้อยๆ มองหวนเอ๋อร์ที่กำลังยืนด้วยท่าทีร้อนรนอยู่ข้างจ้าวลี่เจีย “ผ่าคลอด และต้องแน่ใจว่าเด็กจะปลอดภัย”
“ผ่าคลอด? ” จ้าวลี่เจียมองไปยังอวิ๋นซี นางรู้อยู่นานแล้วว่า สตรีผู้นี้มีความสามารถในการผ่าคลอด แต่สาวใช้ข้างกายอีกฝ่ายจะทำได้จริงหรือ? ต้องรู้ก่อนว่า เื่นี้ไม่ใช่เื่เล่นๆ
“ในท้องชายาหนิงอ๋องมีเด็กอยู่สองคน ตอนนี้นางถูกยาขับเื หากไม่ผ่าคลอดทันที ข้ากังวลว่าจะมีหนึ่งศพสามชีวิต” ตอนนี้เองเป็หลิ่วเซิงที่กล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน
ขณะที่จวินเหยียน เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักค้างไปทั้งร่าง ภรรยาท้องลูกแฝดอยู่? เหตุใดเื่นี้จึงไม่มีใครบอกเขา?
ส่วนอวิ๋นซีที่กำลังสะลึมสะลืออยู่ก็พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นเยียบ “ฉุนเอ๋อร์ เร็วเข้า”
หลายปีมานี้ ฉุนเอ๋อร์และเหล่าสาวใช้ข้างกายคอยอยู่ติดตามเป็ผู้ช่วยอวิ๋นซีมาตลอด หนึ่งในนั้นเคยดูนางผ่าท้องเพื่อทำคลอดมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉุนเอ๋อร์เคยมีโอกาสได้ลงมือผ่าคลอดเองมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้น นางจึงเชื่อมั่นว่าฉุนเอ๋อร์สามารถทำได้
สุดท้าย ภายใต้การร้องขอของอวิ๋นซี ฉุนเอ๋อร์และหวนเอ๋อร์ก็เร่งตระเตรียมอุปกรณ์สำหรับผ่าคลอดจนเสร็จสิ้น และยังมีจ้าวลี่เจียคอยช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า จวินเหยียนที่รออยู่ด้านนอกรู้สึกราวกับตนแทบจะเป็บ้า
นอกจากนี้ เื่ที่อวิ๋นซีต้องประสบพบเจอ คนในวังเองก็ได้ทราบเื่แล้ว เสี้ยวเหวินตี้จึงมีรับสั่งให้ถงไห่มาเฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยตนเอง ส่วนฮองเฮาก็ไม่รอช้าส่งหมัวมัวข้างกายมาจวนอ๋องเช่นกัน ทว่า อวี้เฟยนั้นร้อนรนใจยิ่งกว่าจนต้องออกจากวังมาด้วยตนเอง
อวี้เฟยมองจวินเหยียนที่เดินไปเดินมาอยู่ด้านนอก นางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เอาละ ในยามนี้หนิงอ๋องจะยิ่งลนลานมิได้ เ้าควรรู้ว่าอาซีและลูกล้วน้าเ้า ดังนั้น เ้าต้องพยายามใจเย็นลงหน่อย”
นางไม่เคยรู้เลยว่า จวินเหยียนที่เป็คนสงบนิ่งเสมอมาจะมีด้านที่ยากจะสงบจิตสงบใจเช่นนี้ด้วย เมื่อได้เห็นจวินเหยียนเป็เช่นนี้ อวี้เฟยกลับอดไม่ได้ให้รู้สึกดีใจจากใจจริง เพราะจวินเหยียนที่เป็เช่นนี้ดูคล้ายกับคนปกติทั่วไปบ้างแล้ว เนื่องจากนางยังจำได้ว่า ตอนเด็กๆ จวินเหยียนเป็เด็กดีที่รู้หนังสือ รู้มารยาท ถึงแม้เขาจะมีสีหน้ายิ้มแย้มปรองดองให้ทุกคน แต่ในใจกลับปิดกั้นผู้อื่น
ตอนนี้ได้เห็นเขาเป็กังวลเื่ภรรยาตนเช่นนี้ นางก็รู้ในทันทีว่าสิ่งใดคือจุดอ่อนของเขา ขณะเดียวกันสิ่งนั้นก็ทำให้เขามีความเป็มนุษย์มากขึ้น
ณ จวนรัชทายาท
รัชทายาทโอวหยางเทียนหัวมองสตรีที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาในห้องหนังสือ เขารีบอุ้มคนเข้ามาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็จูบอย่างดุดัน และเป็นานถึงยอมปล่อย “เื่ที่จวนหนิงอ๋อง เปิ่นไท่จื่อทราบแล้ว เหม่ยจี เ้าทำได้ดีมาก”
เหม่ยจีกอดโอวหยางเทียนหัวกลับ นางยิ้มขณะอิงแอบไปกับอกแข็งแรงบึกบึนของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ ก่อนจะพูดว่า “เหม่ยจีบอกแล้วว่าจะช่วยองค์รัชทายาท ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้ได้เพคะ อีกประการ ยามนี้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว หากโดนยาขับเืชนิดรุนแรงนี้เข้าไป เหม่ยจีไม่เชื่อหรอกว่านางจะยังรักษาชีวิตของตนและลูกเอาไว้ได้”
“เ้าว่า เ้า้าชีวิตของอวิ๋นซี? ” ประโยคสุดท้ายของนางทำเอาโอวหยางเทียนหัวถึงกับะเิโทสะ “มิใช่ว่าเปิ่นไท่จื่อบอกไปแล้วหรือ อวิ๋นซีผู้นั้น หากเก็บไว้ยังทำประโยชน์ให้เราได้ในอนาคต”
เหม่ยจีตอบกลับอย่างไม่ร้อนรน “รัชทายาท อวิ๋นซีผู้นั้นเป็คนระแวดระวังมาก ก่อนหน้าเหม่ยจีได้ลองลงมือสามสี่ครั้ง แต่นางกลับมองออกตลอด ดังนั้น หากคิดอยากจะกำจัดเด็กในท้องนาง วิธีเดียวที่สามารถทำได้ก็คือการใช้ยาขับเืชนิดรุนแรง เหม่ยจีหวังว่ารัชทายาทจะทรงเข้าพระทัย นี่คือวิธีเดียวเท่านั้น”
“่นี้สตรีนางนั้นคลุกตัวอยู่แต่ในจวนอ๋อง กว่าจะรอจนถึงวันนี้ที่นางออกมาข้างนอกนับว่าไม่ง่าย ดังนั้น ทุกสิ่งที่เหม่ยจีจัดเตรียมไว้ทั้งหมดนี้ ไม่ง่ายเลยนะเพคะ หากพลาดไป พวกเราก็เรียกได้ว่าไม่มีโอกาสอีกแล้ว รัชทายาท พระองค์ไม่ทรงสงสัยสักนิดเลยหรือเพคะ? สองสามีภรรยาหนิงอ๋องล้วนคิดว่าเด็กในท้องคือลูกสาว? เื่นั้นจะเป็จริงดังว่าหรือ? เหม่ยจีคิดว่านี่เป็ลูกไม้ที่พวกเขาสามีภรรยาคิดขึ้นมาเพื่อทำให้คนทั่วหล้าสับสนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เด็กในท้องชายาหนิงอ๋องก็มีความเป็ไปได้แปดเก้าส่วนว่าเป็ผู้ชาย”
โอวหยางเทียนหัวฟังเหม่ยจีวิเคราะห์เื่ราว ความกริ้วโกรธที่ลุกโชนเมื่อครู่พลันสงบนิ่งลง เหม่ยจีพูดถูก หากอวิ๋นซีให้กำเนิดลูกชายจริงๆ เมื่อถึงตอนนั้น เื่มากมายก็คงไม่ใช่เื่ที่ตนจะสามารถควบคุมได้แล้ว
“รัชทายาท สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือพระองค์ต้องรีบทำให้สตรีในจวนตั้งครรภ์ มีเพียงการทำเช่นนี้เท่านั้นที่ฝ่าาจะทรงให้ความสนใจจวนรัชทายาทมากขึ้น” เหม่ยจีมองโอวหยางเทียนหัว มือเรียวยาวของนางค่อยๆ คืบคลานลงไปยังท้องน้อยของเขา “เหม่ยจี ช่างไร้วาสนา ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรแก่พระองค์ได้ แต่ก็ยังหวังให้พระองค์มีโอรสมาก มีความสุขมาก ส่วนคำขอเพียงหนึ่งเดียวของเหม่ยจีก็คือ ขอแค่ได้อยู่ข้างกายพระองค์เช่นนี้เพคะ”
โอวหยางเทียนหัวกอดนางแน่น ไม่คิดติดใจเื่เล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวกับอวิ๋นซีอีกแล้ว อย่างไรเสีย หากสตรีของโอวหยางจวินเหยียนจะตายก็ตายไป แต่สตรีในอ้อมแขนเขา เพื่อตัวเขาแล้ว นางแทบจะต้องสูญเสียชีวิต จนท้ายที่สุดชั่วชีวิตนี้ไม่อาจเป็แม่คนได้
ในบรรดาสตรีมากมาย เขาติดค้างนางเป็อย่างยิ่ง ดังนั้นจึงถือโอกาสที่วันนี้อารมณ์ดีมอบความสำราญของปลาและน้ำแก่นางสักรอบ ทว่า ในตอนที่คนทั้งสองเตรียมจะกระทำเื่บางอย่างกันในห้องหนังสือ ด้านนอกกลับมีเสียงขององครักษ์คู่พระทัยองค์รัชทายาทดังลอดเข้ามา “องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ ชายารัชทายาททรงเป็ลมไป เมื่อครู่จึงได้เชิญหมอหลวงมาตรวจชีพจร ท่านหมอบอกว่าชายารัชทายาทกำลังมีข่าวดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ประโยคนี้ราวกับเป็สายฟ้าสายหนึ่งที่ฟาดลงมากลางหัวใจขององค์รัชทายาท เขาผละกายออกจากสตรีแล้วลุกยืนขึ้นทันทีพลางมองสตรีที่ถูกเขาถอดกางเกงออกหมด ทั้งยังมีท่าทีเตรียมพร้อมตอบสนองเขา “เหม่ยจี เ้ากลับไปก่อน ตอนกลางคืนเปิ่นไท่จื่อจะไปหาเ้า”
ไม่นานหลังจากนั้นรัชทายาทก็เร่งร้อนจนมาถึงเรือนเด็ดดารา เขามองลู่หลิงฉิงที่เอนกายอยู่บนเตียง โดยมีมือหนึ่งวางอยู่บนท้อง ทันทีที่นางเห็นโอวหยางเทียนหัวเดินเข้ามาก็ส่งยิ้มให้แล้วรีบลุกขึ้น “องค์รัชทายาท”
เพียงเอ่ยเรียกองค์รัชทายาทคำเดียว น้ำตานางก็ถึงกับร่วงหล่น
โอวหยางเทียนหัวมองนางด้วยสายตาเคลือบแคลง จากนั้นจึงเอ่ยถาม “ตั้งครรภ์แล้ว จริงหรือ? ”
ลู่หลิงฉิงพยักหน้า “อืม ท่านหมอบอกว่า ตั้งครรภ์ได้เกือบสามเดือนแล้วเพคะ” แน่นอนว่านางย่อมรู้อยู่แก่ใจ เด็กคนนี้เป็ผลพวงจากเหตุการณ์ในสองสามวันนั้น แต่สิ่งที่นางคิดไม่ถึงก็คือ ยามที่ตั้งครรภ์กลับไม่พบอาการอะไรเลย