หลังมัดผมทรงหางม้า เซวียเสี่ยวหรั่นก็ทัดผมม้าที่ยาวแล้วไว้หลังหู
เธอพกยางรัดผมมาเพียงสองเส้น เส้นหนึ่งของเธอ อีกเส้นของเหลียนเซวียน ไม่เหลือพอให้มัดผมหน้าม้า
เธอะโโลดเต้นอย่างมีความสุขราวกับนกน้อย วิ่งไปล้างหน้าที่ริมแม่น้ำ ก่อนแล่นไปหาเห็ดที่เชิงเขาชื้นแฉะ
เห็ดหลังฝนมีเยอะเป็พิเศษ
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ได้เสียเวลามากเด็ดมาได้กองหนึ่ง เอาไปล้างที่ริมแม่น้ำให้สะอาด ก่อนโยนลงหม้อ
"วันนี้กินมังสวิรัติ ฮ่าๆ ไม่ใส่เนื้อ"
เห็ดเต็มหม้อน่าจะพอพวกเขากินแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มกว้าง
เหลียนเซวียนได้ยินเช่นนั้น มุมปากก็โค้งขึ้นเป็รอยยิ้ม
"รออีกสักหน่อย อากาศอบอุ่นขึ้น บนเขาก็คงมีผักป่าที่สามารถกินได้เพิ่มมากขึ้น ในที่สุดวันเวลาที่ต้องกินแต่เนื้อทุกวันก็จะผ่านพ้นไปเสียที"
เซวียเสี่ยวหรั่นนับเนื้อในกระบุง
"แต่เนื้อของเราก็ไม่มากแล้ว กินได้อีกประมาณสองวัน"
เนื้อและกระดูกที่เอามาจากถ้ำพร่องไปไม่น้อย เกาลัด เหอเถา ลูกพลับแห้งเ่าั้ก็กินหมดไปแล้ว
เหลียนเซวียนพยักหน้า มีแผนการในใจแล้ว
ยามน้ำในหม้อเริ่มเดือด อาเหลยก็กลับมาจากจากไปเตร็ดเตร่ที่ไหนมาสักแห่ง
ขาของมันยังกะเผลกอยู่ แต่ขาหลังสามารถแตะพื้นได้แล้ว เพียงแต่ยังไม่อาจออกแรงมากเกินไป
"อาเหลย แอบไปเที่ยวที่ไหนมา" เซวียเสี่ยวหรั่นเหลือบมองมือของมันถือต้นอ่อนของต้นอะไรสักอย่าง
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยยื่นต้นอ่อนให้เธออย่างใจกว้าง
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางรับมา ดูแล้วก็ไม่แน่ใจว่าเป็อะไร จึงส่งต้นอ่อนคืนให้อาเหลย
อาเหลยรับไป ก่อนเด็ดเข้าปากกินอย่างเอร็ดอร่อย
เซวียเสี่ยวหรั่นกำลังอารมณ์ดี เห็นอะไรก็รื่นตาไปหมด
"วันนี้อากาศแจ่มใส ทิวทัศน์งดงาม ผีเสื้องานหนัก ผึ้งก็งานยุ่ง ฮาลาล้า..." [1]
เซวียเสี่ยวหรั่นคีบเห็ดในหม้อขึ้นมาใส่ชามของอาเหลยด้วยรอยยิ้ม ไม่ลืมกำชับให้มันระวังร้อน
เพราะแดดออก ก็เลยอารมณ์ดีเป็พิเศษ? เหลียนเซวียนรู้สึกงุนงง
หลังกินมื้อเช้าที่ไม่มีเนื้อสัตว์แล้ว ก็เดินทางต่อ
ขุนเขาหลังฝนสดชื่นเป็พิเศษ หยาดน้ำค้างใสแจ๋วบนยอดไม้เขียวขจี หักเหเป็สีรุ้งภายใต้แสงตะวัน
อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดอกตูมเล็กๆ สีเหลืองเบียดเสียดอยู่บนกิ่งไม้ ยามลมโชยมาดูราวกับคลื่นสีเขียว สีเหลืองเป็ระลอก
ดอกไม้สีขาวบ้าง ชมพูบ้างแลดูสะดุดตาท่ามกลางใบไม้สีเขียวขจีเ่าั้
ความงดงามของวสันตฤดูทำให้ลืมดินโคลนที่เปื้อนเต็มรองเท้าไปเสียสนิท เซวียเสี่ยวหรั่นกับอาเหลยะโโลดเต้นในป่าอย่างเริงร่า อาศัย่เวลาที่เหลียนเซวียนยังมาไม่ถึง ไปเก็บเห็นโดยรอบ เตรียมไว้เป็อาหารมื้อเที่ยง
อาเหลยแสนรู้มาก เซวียเสี่ยวหรั่นสอนมันเก็บเห็ดครั้งเดียว มันก็จำได้ว่าต้องเก็บเห็ดชนิดไหนบ้าง
อาศัยความสามารถของอาเหลย ไม่ช้าเซวียเสี่ยวหรั่นก็เก็บเห็ดมาได้กองใหญ่
"ว้าว อาเหลยของพวกเราเก่งจริงๆ เป็ผู้เชี่ยวชาญตัวน้อยด้านการหาเห็ดเลยนะเนี่ย ฮ่าๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นป้อยอไม่หยุด
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยได้รับคำชม สีหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
เหลียนเซวียนเดินตามมาถึงไม่เร่งไม่ช้า ได้ยินเสียงพวกนางะโขึ้นลง ก็ยิ้มพลางถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ เหตุใดถึงมีพลังเหลือเฟือกันขนาดนี้
กลางขุนเขาไร้เดือนปี มีเพียงทิวากับราตรี
คณะเดินทางของพวกเขาเดินตามกระแสน้ำเป็เวลาครึ่งเดือนแล้วโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ตลอดครึ่งเดือนมานี้มีฝนปานกลางสองครั้ง ประกอบกับเซวียเสี่ยวหรั่นมีระดู จึงหยุดเดินทางเพื่อหลบฝนต่อเนื่องห้าวัน
ั้แ่ออกจากถ้ำถึงตอนนี้ ก็เดินทางมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
อากาศอบอุ่นขึ้น ทั่วทั้งูเาเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสี สัตว์เล็กๆ แต่ละชนิดเพิ่มมากขึ้น
ไก่ป่า ห่านป่า กระต่ายป่า ะโออกมาเป็ระยะ แพะป่า กวางป่า วัวป่า ก็ปรากฏตัวออกมาให้เห็น
อาหารประเภทเนื้อไม่ขาด อาหารประเภทผักก็มีล้นเหลือ ผักป่าและเห็ดทุกชนิดแทบจะเอื้อมมือไปเด็ดได้ทุกเมื่อ
แม้อาหารการกินไม่ขาด แต่ต้องเดินข้ามเขาไม่หยุดทุกวัน เซวียเสี่ยวหรั่นผอมลงอย่างรวดเร็ว
จากดวงหน้ารูปไข่เริ่มจะกลายเป็ผลแตงอยู่รอมร่อ เนื้อนิ่มๆ ตรงหน้าท้องเปลี่ยนเป็แบนราบและแข็งแรง ขากางเกงซึ่งเคยคับแน่น ตอนนี้พอดีกับเรียวขาเล็กๆ ทั้งสองข้างของเธอแล้ว
แม้จะคาดด้วยเข็มขัดฟาง แต่ก็พร้อมจะหลุดได้ทุกเมื่อ
อารมณ์ที่เบิกบานในตอนแรกเริ่มกลายเป็วิตกกังวล
แม่เ้าโว้ย ไม่รู้ว่าตอนนี้น้ำหนักของเธอจะสักสี่สิบห้ากิโลได้หรือเปล่า
ตอนอ้วนก็คิดอยากจะลดความอ้วน แต่พอผอมจนจะกลายเป็ลิงก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เธอ้าเหมือนกัน
หน้าแหลม แผ่นหลังบาง หน้าท้องราบเรียบ แขนขาเรียว หน้าอกยังหดเล็กลง
เสื้อชั้นในเธอถอดทิ้งไปนานแล้ว พอสวมเสื้อผ้าหนาๆ ข้างหน้ากับข้างหลังแทบจะแบนราบเสมอกัน
ส่วนที่เคยอวบอิ่มไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นส่องกระจกอย่างเศร้าใจ รู้สึกว่าตนเองผอมเกินไปแล้ว
ใบหน้าซูบเกินไป ทำให้ยิ่งตาโต ดวงหน้ารูปไข่ที่เคยดูดีตอนนี้ผอมจนจะคล้ายปลาทองเข้าไปทุกที
เบะปากหันหน้ากลับไป เริ่มแปรเปลี่ยนความเสียใจและหงุดหงิดให้กลายเป็พลัง
ตักกระดูกชิ้นใหญ่ในหม้อขึ้นมากิน เธอต้องขุนตัวเองให้เนื้อกลับคืนมาให้ได้
เหลียนเซวียนรู้สึกว่าแม่นางผู้นี้เป็คนที่คาดคะเนได้ยากจริงๆ
อารมณ์เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ
เมื่อไม่กี่วันก่อนยังร่าเริงเบิกบานร้องเพลงทั้งวัน มาสองวันนี้กลับกลัดกลุ้มมีแต่เสียงถอนหายใจ
ใจสตรีดั่งเข็มก้นสมุทร คำพูดนี้ไม่ผิดจริงๆ
"เหลียนเซวียน ท่านรีบกินหน่อย อากาศอบอุ่นขึ้นแล้ว เนื้อกวางจะปล่อยไปไม่ได้"
เซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งกำลังกลัดกลุ้มยังไม่ลืมกำชับเขา
เหลียนเซวียนปรายตามา ก่อนผงกศีรษะ
"อาเหลย เ้าก็ต้องกินเยอะขึ้น ตอนนี้พวกเราจะย่างขาเลียงผากินกัน" เซวียเสี่ยวหรั่นแทะกระดูก นึกสารพัดวิธีที่จะช่วยให้ตนเองมีเนื้อมีหนังเพิ่มขึ้น
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยแยกเขี้ยวหัวเราะ มันมักสนใจเื่กินเป็พิเศษอยู่แล้ว
เมื่อวันก่อนเหลียนเซวียนล่ากวางป่ามาได้ตัวหนึ่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นสกัดน้ำมันกวางออกมา เอามาแทนที่น้ำมันเลียงผาที่เหลือจากคราวก่อน
นั่นเป็กวางตัวใหญ่ รูปร่างอ้วนพี ยังมีเขากวางยาวๆ อีกคู่
เขากวางกับหนังกวางค่อนข้างมีราคา เซวียเสี่ยวหรั่นเก็บไว้ทั้งสองอย่าง หลังออกจากเขาได้เมื่อไร สามารถเอาไปแลกเป็เงิน
เนื้อกวางมีเยอะเกินไป พวกเขาเอาไปไม่หมด ต้องตัดใจเอาไปแต่ขากวางสี่ข้าง
เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ มดงูหนูแมลงพิษก็เพิ่มขึ้นมาก
บางครั้งเดินๆอยู่ ก็มีงู กิ้งก่าหรือตะขาบโผล่ออกมาจากพุ่มไม้
เซวียเสี่ยวหรั่นใอยู่หลายครา จนค่อยๆ ตั้งสติได้
งูพิษเป็สายพันธุ์ที่มีน้อย ส่วนมากจะเป็งูไม่มีพิษ
แต่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด เธอยังต้องระมัดระวังตัวด้วยการตีหญ้าแถวนั้นก่อนจะเดินผ่าน
แบบนี้ก็จะช่วยให้ความถี่ในการตกอกใน้อยลงมากแล้ว
ตลอดเส้นทางแห่งนี้ พวกเขาเดินผ่านป่าเงียบสงัด ปีนหน้าผาที่ขรุขระลัดเลาะผ่านพุ่มไม้คดเคี้ยว และได้ชมทิวทัศน์งดงามน่าหลงใหลของฤดูใบไม้
เสื้อกั๊กขนหนานุ่มถูกถอดออกนานแล้ว รองเท้าฟางใต้ฝ่าเท้าก็เปลี่ยนมาคู่แล้วคู่เล่า
แต่ผืนป่ายังคงยาวไกลไร้ขอบเขต
เซวียเสี่ยวหรั่นปีนขึ้นไปดูบนต้นไม้มองไปไกลๆ เห็นแต่สีเขียวสูงๆ ต่ำๆ เพียงชั่วพริบตาสมองก็บื้อไป
พระเ้า พวกเขาเดินทางมาเกือบจะสองเดือนแล้ว
...
[1] เพลงประกอบละครทีวีเื่องค์หญิงกำมะลอ