ร้านอาหารขนาดใหญ่แต่ด้านในมีลูกค้าแค่เพียง 3 โต๊ะเท่านั้น ชายเตี้ยหุ่นท้วมคนหนึ่งกำลังเขียนนวนิยายในขณะที่จิบกาแฟบลูเมาน์เทนอยู่ที่ข้างหน้าต่าง หนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังป้อนสลัดผลไม้ให้กันด้วยความหวานชื่น ส่วนที่เหลืออีกโต๊ะก็คือเสิ่นิกับเซี่ยวอี๋ คู่รักข้าวใหม่ปลามัน
ผ่านไปไม่นาน บริกรก็ถือสเต๊กเนื้อออกมาเสิร์ฟสองชิ้น เขาราดซอสพริกไทยดำต่อหน้าพวกเขา รูปลักษณ์อันหอมกรุ่นช่างกระตุ้นความอยากอาหาร
เซี่ยวอี๋หยิบมีดและส้อมขึ้นมา เตรียมตัวจะรับประทาน แต่กลับถูกเสิ่นิสลับถาดกับของเขาเอง
“ทานของผม ปลอดภัยกว่า” เสิ่นิเอ่ยเตือนอย่างรอบคอบ
“ไม่ใช่มั้ง ไม่ใช่หนัง Action ซะหน่อย จะวางยาพิษในนี้เลยหรือ?” เซี่ยวอี๋หั่นสเต๊กและทานเข้าไปคำโต
และทันใดนั้นเอง เธอก็เห็นเสิ่นิหยิบสิ่งมีชีวิตสีดำเข้มออกมาจากเป้ด้านหลัง เซี่ยวอี๋เกือบจะอาเจียนออกมา เพราะว่านั่นคือหนูตัวขนาดเท่ากับฝ่ามือ
“เวร! น่าขยะแขยงเป็บ้า! นายเอามาจากไหน? รีบเอาออกไปเร็ว!” เซี่ยวอี๋ขนลุกซู่ ให้เธอเผชิญหน้ากับนักเลง 10 คนเสียยังจะดีกว่าให้เธอเผชิญหน้ากับหนู ตรรกะของหญิงสาวช่างพิลึก
“จับมาจากท่อระบายน้ำข้างถนนเมื่อกี้นี้ ระบบย่อยอาหารของเ้าตัวนี้คล้ายกับมนุษย์มาก แข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ เอามาทดสอบยาพิษได้ยอดเยี่ยมนัก” เสิ่นิพูดพลางหั่นสเต๊กที่เดิมทีเป็ของเซี่ยวอี๋ให้เป็ชิ้นเล็กๆ และยื่นให้หนูตัวนั้น
เ้าหนูดำไม่เลือกกิน มันใช้อุ้งเท้าน้อยๆ ของมันคว้าเอาไว้และแทะเล็มไปสองคำ ไม่ถึง 3 วินาที เ้าหนูตัวนั้นก็สั่นกระตุกไปทั้งตัว ก่อนจะตาเหลือกฟองฟูมปาก
“อันฉี...อาฆาตแรง ใช้ไซยาไนด์เป็ยาพิษ” เสิ่นิยิ้มอย่างขมขื่น บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่เขากลัวไปกว่าแม่มดตนนี้อีกแล้ว ใครอย่าได้ไปยั่วโมโหเธอเข้าล่ะ
“ทำไมเธอถึงรู้ว่าเราจะอยู่ที่ไหน?” เซี่ยวอี๋กำมีดพลางถามด้วยความประหม่า เธอเหลียวซ้ายแลขวา
“เราได้รับการฝึกอบรมมาแบบเดียวกัน สามารถคาดเดาพฤติกรรมของกันและกันได้อย่างแม่นยำ จะทำอะไรตอนไหน จะไปไหน ล้วนเป็ที่ประจักษ์ อีกเดี๋ยวผมจะเปิดระบบเตือนภัยของร้านอาหาร แล้วจะหนีไปทางประตูรักษาความปลอดภัยที่ใกล้ที่สุด...และเธอก็จะดักรออยู่ที่หน้าประตู” เสิ่นิพูดพลางจุดไฟแช็กและโยนไปยังเครื่องตรวจจับเขม่าควันบนฝ้า
ทันใดนั้น เสียงระฆังในร้านอาหารก็ดังขึ้น ฝนเทียมกระหน่ำเทลงมาจากเพดาน
ด้านหลังประตูนิรภัย มุมปากของอันฉียกขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้น ในมือของเธอถือเลื่อยตัดเนื้อแช่แข็งในครัวไว้ รอให้เสิ่นิพานางเมียน้อยออกมาอย่างใจจดใจจ่อ
คนที่ผลักประตูนิรภัยออกมาก่อนกลับไม่ใช่สามีของตน แต่เป็ชายเตี้ยหุ่นท้วมพร้อมถือคอมพิวเตอร์และหนังสือไว้ในมือ
“เวร! เปลี่ยนแนวเหรอ?” อันฉีทิ้งเลื่อยไฟฟ้าด้วยความหงุดหงิดก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
เกิดความโกลาหลที่หน้าประตู เสิ่นิลากเซี่ยวอี๋ออกจากร้านอย่างรวดเร็ว ในมือยังคว้าสเต๊กชิ้นที่ไม่ได้เปื้อนยาพิษติดมาด้วย ราวกับสัตว์ป่าผู้หิวโหย
วันนั้นทั้งวัน เซี่ยวอี๋ไม่รู้รอดผ่านมาได้อย่างไร? เธอรู้สึกเหมือนถูกเสิ่นิลากไปมาเหมือนกับว่าว ร่อนไปทั่วครึ่งเมืองหลินไห่ พวกเขาผ่านจุดชมวิวซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว พักผ่อนใต้สะพานซึ่งมีผู้คนมากมายมารวมตัวกัน ถึงขนาดทานอาหารที่เหลือในจานอาหารกลางวันของคนอื่น ขโมยกระเป๋าสตางค์ไปแล้ว 3 ใบ เสิ่นิบอกว่าใช้ได้เฉพาะเงินสด การใช้การ์ดจะเป็การเผยตำแหน่งที่ตั้ง
พวกเขาประสบกับการจู่โจมของอันฉีบนท้องถนนไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง แต่ก่อนเธอจะลงมือ เธอก็ถูกเสิ่นิสกัดไว้ได้ทุกครั้ง พวกเขาเหมือนกำลังเล่นซ่อนหาในเลเวลสูงกันอยู่ ซึ่งเสิ่นิเป็ผู้ซ่อน อันฉีเป็คนหา แต่เมื่อพวกเขาพบกัน อันฉีก็จะกลายร่างในทันที และในทันทีที่อันฉีถูกเสิ่นิจับได้ เธอก็จะหยุดโจมตีโดยสิ้นเชิง
เสิ่นิบอกว่าไม่ใช่เพราะเธอใจดี แต่เป็เพราะเธอมั่นใจในตัวเองสูง ถ้าการลอบสังหารถูกจับได้ เธอกลัวว่าจะถูกหัวเราะเยาะเอา
ดังนั้นเสิ่นิจึงพยายามซ่อนตัวให้มิดชิดที่สุด และหาอันฉีให้เจอ ซึ่งต้องใช้พลังงานอย่างสูงส่ง เมื่อผ่านไปหนึ่งวัน ชายหนุ่มก็เริ่มเผยให้เห็นถึงความอ่อนล้า แต่เขาจะยอมให้เซี่ยวอี๋ถูกพบตัวไม่ได้
ตกดึก เสิ่นิพาเซี่ยวอี๋ไปยังถนนสายโรงแรมคู่รักซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเมืองมหาวิทยาลัย
“เถ้าแก่ เปิดห้องหน่อย” เสิ่นิยื่นบัตรประชาชนที่เคาน์เตอร์ ที่นี่คือโมเต็ลคู่รักโนเนมชื่อว่า “ซ่อนกลิ่น”
“คุณชื่อหวังต้าฉุย?” เถ้าแก่หัวโล้นในวัย 40 ปีหยิบบัตรประชาชนขึ้นมาดูแล้วดูอีก “ไม่ค่อยเหมือนเลยนะ? รูปบนบัตรนี่มันไอ้อ้วนตาขวางหนัก 100 กิโลเลยนะ?”
“ลดน้ำหนัก ทำศัลยกรรม ไม่อย่างนั้นจะเด็ดดอกฟ้าแบบน้องสาวคนนี้ได้ยังไง?” เสิ่นิใช้บัตรที่ขโมยมา เขาช่างมีพร์ราวกับผี เขาเหล่ตาพร้อมกับรวบตัวของเซี่ยวอี๋ไว้ เป็เชิงอวดอ้าง
“เข้าใจแล้ว ห้อง 402 เตียงใหญ่สุดเซ็กซี่ ขอให้พวกคุณมี่เวลาแห่งความสุข” เถ้าแก่ยิ้มแปลกๆ พลางกระซิบกับเสิ่นิอีกครั้ง “ชุดพร้อมหรือยัง? แถมถุงยางให้สามกล่อง รวมให้ในแพ็คเกจ เป็โปรโมชั่น!”
“สามกล่องพอที่ไหน? ผมจะเอา 12 กล่อง!” เสิ่นิอวดเบ่งเสียงสูง
“น้องชายฟิตมาก แต่ฟังคำแนะนำพี่หน่อยนะ ‘ตอนหนุ่มใช้ร่างกายหักโหม แก่มาจะน้ำตาจะตกในนะ...’ ” เถ้าแก่พูดพลางยื่นกล่องถุงยางให้ทั้งเซต
เตียงใหญ่ในห้อง 402 เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยรสชาติ ภาพวาดอันเร้าอารมณ์ติดเต็มฝาผนัง เพดานก็ยังติดกระจกอีกด้วย
เซี่ยวอี๋ที่เหนื่อยล้านั่งลงบนเตียงทรงกลม แต่ร่างของเธอไม่ได้นั่งลงอย่างมั่นคง ทั้งตัวยวบลงไปในเตียงน้ำ
“คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ” เสิ่นิกล่าวพร้อมกับนั่งลงด้านข้างและแกะกล่องถุงยางออก เขาหยิบแอลกอฮอล์เกรดทางการแพทย์เทลงไป เพื่อทำะเิขนาดเล็ก
“นายไม่ได้หยิบกางเกงในสะอาดมาด้วย” เซี่ยวอี๋กล่าวด้วยความสลด
“สวมไอ้นี่ไปก่อน” เสิ่นิเปิดตู้ แน่นอนว่ามีชุดชั้นในสุดเซ็กซี่ตัวใหม่อยู่ในนั้น เนื้อผ้าลูกไม้สีแดง เรียกได้ว่าเห็นทะลุปรุโปร่ง
“ไอ้นี่ใส่ได้เหรอ?” เซี่ยวอี๋กังวลจนแทบอยากจะร้องไห้
“พอประทังไปก่อน พรุ่งนี้ผมจะไปซื้อให้คุณใหม่” เสิ่นิถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“ทำไมฉันถึงต้องมารับกรรมแบบนี้? ก็เห็นอยู่ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลย แต่กลับจะถูกภรรยานายไล่ฆ่าเนี่ย” เซี่ยวอี๋กำชุดชั้นในซึ่งมีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามีเชื้อโรคหรือเปล่าเอาไว้แน่น น้ำตาของเซี่ยวอี๋เอ่อล้นคลอเบ้า
“นั่นไม่ใช่ภรรยาผม” เสิ่นิย้ำ
“ทำไมนายไม่กล้าพูดกับเธอแบบนี้ล่ะ? ตอนนี้ฉันดูเหมือนเป็เมียน้อยนายเลย แล้วไหนจะยังต้องใส่ชุดพวกนี้ ในสถานที่บ้าบอแบบนี้กับนายอีก!” ความกดดันของเซี่ยวอี๋ได้ะเิออกมาแล้ว
“เซี่ยวอี๋ ขอโทษ ผมทำให้คุณลำบากแล้ว” เสิ่นิเดินเข้าไปหาเซี่ยวอี๋ เขาคุกเข่าลงหนึ่งข้างและกุมมือทั้งสองข้างของเซี่ยวอี๋ไว้พร้อมกับกล่าวอย่างละอายใจ “ผมสัญญากับคุณ หากตะวันลับขอบฟ้าในวันพรุ่งนี้แล้วเธอยังไม่มีทีท่าว่าจะจากไป ผมจะหาจังหวะแก้ปัญหาเื่นี้กับเธอตามลำพัง ตอนนี้ คุณไปอาบน้ำก่อนดีกว่าไหม?”
“บ้าเอ๊ย แค้นนี้ฉันจะเอาไว้คิดบัญชีกับนายทีหลัง” เซี่ยวอี๋ผลักเสิ่นิ หญิงสาวโมโหและหยิบชุดชั้นในวับๆ แวมๆ เดินเข้าห้องน้ำไป ห้องในโมเต็ลนี้ไม่รู้มีฉากกอดรัดฟัดเหวี่ยงของชายหญิงมาแล้วเท่าไร เซี่ยวอี๋รู้สึกว่าทุกอย่างสกปรกมาก เธอพยายามไม่ััสิ่งรอบตัว ถ้าไม่ใช่เพราะผ้าขนหนูผืนนั้นบรรจุอยู่ในหีบห่อแบบใช้แล้วนำไปฆ่าเชื้อ เธอก็คงจะสวมแค่ชุดชั้นในออกมา
“เช็กรหัสผ่านเร็วเข้า” ทันทีที่เซี่ยวอี๋ออกมา เสิ่นิก็กล่าวเตือน
“อย่ามางี่เง่าน่า?” เซี่ยวอี๋ทำสีหน้าไม่สบอารมณ์และคลานขึ้นเตียงไป
“เราตกลงกันแล้ว ต่อให้ห่างกันแค่ไม่กี่วินาที เราก็ต้องตอบรหัสให้ถูก” เสิ่นิยืนกราน
“ทำไมดอกไม้ถึงแดงอย่างนี้?” เซี่ยวอี๋ยังไม่ทันได้มุดเข้าไปในผ้าปูเตียงดี
“เพราะดอกเดซี่ถูกหมื่นคนแทง เอาล่ะ ผมคือเสิ่นิ” เสิ่นิกล่าวอย่างพอใจ “ตอนนี้ใช้รหัสผ่านนี้ไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนใหม่”
“นายเล่นบ้าๆ ไปก่อนก็แล้วกัน ฉันนอนก่อนล่ะ” เซี่ยวอี๋ปวดหัวจี๊ด
สำหรับอันฉี เธอมาถึงถนนบริเวณหน้าโรงแรมแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าไปค้นหา ่สุดท้าย เธอคลาดจากร่องรอยของเสิ่นิไปราว 10 นาที พลาดแค่เพียงนิดเดียวก็ห่างกันไกลโข ตรงหน้าของเธอมีโมเต็ลราวๆ 40 แห่ง รวมจำนวนห้องพักทั้งหมดก็น่าจะมากกว่า 500 ห้อง
อันฉีเชื่อว่าเสิ่นิจะต้องไม่ใช้บัตรประชาชนของตัวเองเปิดห้องเป็แน่ ยิ่งเป็ไปได้ว่าติดสินบนเ้าของร้าน และโรงแรมขนาดเล็กซึ่งไม่มีอินเทอร์เน็ตเช่นนี้ ตรวจสอบขึ้นมาก็ยุ่งยากทีเดียว อันฉีน่าจะใช้เวลาครึ่งค่อนคืนในการตามหาสุนัขชายหญิงคู่นั้น
ตามหลักการคิดของนิรวาน เสิ่นิควรที่จะคาดหวังว่าอันฉีจะเสาะหา เพราะการค้นหาเช่นนี้จะยิ่งสูบพลังงานของอันฉีไป อย่างน้อยเสิ่นิกับเซี่ยวอี๋ก็จะได้พักผ่อนสักครึ่งคืน
กฎข้อแรกของการเล่นเกมแมวจับหนูก็คือ อย่าสูญพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ในขณะที่หนูพักผ่อนอย่างปลอดภัย
อันฉีเจอร้านอาหารของคุณลุงม่ายร้านหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรม เธอจึงเดินเข้าไป หญิงสาวสั่งอาหารแคลอรีสูง เธอทานพลางสำรวจมองถนนไป
นี่เป็ค่ำคืนที่ค่อนข้างเงียบสงบ...
เซี่ยวอี๋เหนื่อยมาก เธอหลับสนิท แต่เสิ่นิกลับนั่งอยู่บนโซฟาริมหน้าต่าง เขามองลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่าน เห็นอันฉีซึ่งนั่งอยู่ในร้านอาหารที่อยู่ห่างออกไปเพียง 400 เมตรได้อย่างชัดเจน
เธอยังคงงดงาม แม้จะได้ติดต่อกันกว่าครึ่งปี ใบหน้าของเธอก็ยังไม่มีริ้วรอยสักนิด เธอได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นราวกับนักบุญอันศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเริ่มฆ่าคนขึ้นมา...ความโหดร้ายของแม่มดนั้น แม้แต่เสิ่นิก็ยังยากจะรับมือได้
“เฮ้อ กว่าจะได้เจอ ทำไมไม่คุยกันดีๆ นะ?” เสิ่นิถอนหายใจพลางปิดม่านและซ่อนตัวในเงามืด
“เสิ่นิ ไอ้งี่เง่า คิดเป็ปรปักษ์กับฉันเพราะนังเมียน้อย...นายทำฉันเจ็บจริงๆ เจ็บเข้าไปถึงหัวใจ อีกแค่ครึ่งปีฉันก็จะสำเร็จนิรวานแล้ว จะได้กลับมาครองคู่กับนายอย่างมีความสุข แค่ครึ่งปีนายก็อดทนรอไม่ได้หรือไง?” อันฉีที่น้ำตาคลอฟุบลงกับโต๊ะ ช่างดูเหงาหงอย
7 โมงเช้า เสิ่นิปลุกให้เซี่ยวอี๋ตื่นจากการหลับใหล
“ทำอะไร? เช้าขนาดนี้?” เซี่ยวอี๋ขมวดคิ้วพลางจ้องไปยังนาฬิกา
“บนถนนใน่เวลานี้มีคนเยอะที่สุด อีกอย่างล้วนแต่เป็พวกลุงๆ ป้าๆ ที่มาออกกำลังกาย จ่ายตลาดกันตอนเช้า เป็่เวลาดีที่สุดสำหรับการหลบหนี” เสิ่นิกล่าวพลางทำความสะอาดกระเป๋าเดินทาง
สิบนาทีให้หลัง เสิ่นิก็พาเซี่ยวอี๋เดินออกมาจากโรงแรม เมื่อเสิ่นิมองย้อนกลับไป ที่ด้านหน้าร้านของคุณลุงม่ายก็ไร้เงาของอันฉีแล้ว