ในไม่ช้าหลินซืงฉิงแจ้งเื่นี้ให้พ่อของเธอทราบ ผู้นำตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิงคนปัจจุบันคือหลินเต๋อเทียน และมีหลินซือฉิงเป็ลูกสาวเพียงคนเดียว ส่วนหลินจื้อชิง หลินซิวเหวิน และนายน้อยคนอื่นๆ เป็ลูกหลานตระกูลหลินเช่นกัน
แม้หลินเต๋อเทียนจะควบคุมทรัพยากรในตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิงมากที่สุด แต่เขาก็ไม่สามารถละเลยพี่น้องของเขาได้ เป็เหตุผลว่าทำไมตระกูลหลินจึงเป็ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเยี่ยนจิง ความร่วมแรงร่วมใจกันในรุ่นของพวกเขาทำให้ตระกูลหลินเป็ปึกแผ่นจนถึงทุกวันนี้
“อะไรนะ ซิวเหวินเหรอ?” เมื่อได้ยินว่าหลินซิวเหวินกลายเป็คนปัญญาอ่อน หลินเต๋อเทียนถึงกับนั่งไม่ติด
นี่เป็เื่ใหญ่มาก! ใครจะไม่รู้ว่าหลินซิวเหวินเป็หลานชายคนโปรดของผู้าุโตระกูลหลิน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็คนปัญญาอ่อนไปแล้ว ถ้าตาเฒ่าหลินหงชวนรู้ต้องคลั่งแน่ และจะเกิดสึนามิพัดเข้าเมืองเยี่ยนจิง!
หลินเต๋อเทียนวางสายแล้วรีบเตรียมตัวไปตรวจสอบที่บ้านพักของเซียวฉี่ด้วยตัวเอง ผลกระทบของเื่นี้ใหญ่เกินไป ตอนนี้ไม่ควรให้เื่แพร่ออกไป ขณะนั้นเองก็มีสายของหลินซือฉิงโทรเข้ามาอีกครั้ง
“พ่อคะ เมื่อกี้ไช่เฉ่าหงโทรมาหาหนู” เสียงใสดังผ่านโทรศัทพ์
“หืม? เขาว่ายังไงบ้าง” หลินเต๋อเทียนคิ้วขมวดเล็กน้อย
“มีชายสวมหน้ากากมาหาเสียวฉี่ค่ะ” น้ำเสียงของหลินซือฉิงจริงจังและหนักแน่น “ซิวเหวินถูกชายสวมหน้ากากคนนั้นทำร้ายจนาเ็ แล้วเสียวฉี่ก็ถูกลักพาตัวไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน...”
ตอนที่เซียวฉี่โทรมาหาเธอก่อนหน้านี้ ยังไม่ทันได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถูกคนใช้กำลังบังคับแล้วก็ตัดสายไป ดังนั้นหลินซือฉิงจึงไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
“แล้วเขารู้ได้ยังไง?” หลินเต๋อเทียนถามเพียงคำเดียวก็ชี้ให้เห็นจุดสำคัญ
“เสียวฉี่โทรไปขอความช่วยเหลือจากเขาค่ะ” หลินซือฉิงยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับเื่นี้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เนื่องจากในวันธรรมดา ไช่เฉ่าหงยังแสดงภาพลักษณ์สมบูรณ์แบบ ทำให้หญิงสาวรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้ ร่วมกับหลินซือฉิงทำให้เซียวฉี่และไช่เฉ่าหงรู้จักกันจนสนิทสนม เมื่อมีปัญหาจึงไม่แปลกที่เซียวฉี่เลือกโทรหาไช่เฉ่าหงคนแรก
“ชายสวมหน้ากาก...” หลินเต๋อเทียนได้ยินคำพูดนั้นก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “พ่อเข้าใจแล้ว ลูกพาซิวเหวินไปโรงพยาบาลก่อน แล้วคอยดูอาการว่าเป็ยังไงบ้าง”
“กำลังไปค่ะ” หลินซือฉิงกล่าวต่อ “ใช่แล้ว ไช่เฉ่าหงพูดอีกว่าเป็ไปได้มากว่าเป้าหมายสุดท้ายของชายสวมหน้ากากคือเขา พ่อคะ...”
“พ่อเข้าใจแล้ว” หลินเต๋อเทียนพยักหน้าแล้วใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว
เขารู้ว่าชายสวมหน้ากากเป็ใคร ไม่ใช่เ้าหนุ่มข้างกายเย่เฟิงที่เรียนวิทยายุทธ์มานิดหน่อยเหรอ? มากกว่าครึ่งคือ้าให้เย่เฟิงตัดใจ ใครบ้างไม่รู้ความรู้สึกที่หลินซือฉิงมีต่อไช่เฉ่าหง?
“จะไม่ให้เกิดเื่กับคนดวงใจของลูกหรอก” หลินเต๋อเทียนพูดจบอย่างรวดเร็วแล้ววางสายไป จากนั้นเริ่มสั่งให้คนไปบ้านพักของไช่เฉ่าหง เฝ้ารอกระต่ายใต้ต้นไม้! ไม่ใช่แค่เพื่อคุ้มครองไช่เฉ่าหง แต่เพื่อจับตัวชายสวมหน้ากากคนนั้นด้วย
หลังจากวางสายแล้ว หลินซือฉิงก็ขับรถไปด้วยความสับสน แม้หลายคนพูดว่าไช่เฉ่าหงเป็คนที่เธอรัก แต่ทุกครั้งที่เธอคิดถึงผู้ชายคนนี้ กลับไม่เคยมีความรู้สึกหวานซึ้งหรือมีความสุขเลย เป็เพียงความเฉยชาเหมือนกับคนอื่นๆ เท่านั้น
นี่คือความรู้สึกชอบเหรอ?
ไม่... แน่นอนว่าไม่ใช่
ในฐานะคนตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิง ทุกการกระทำและทุกการเคลื่อนไหวของเธอล้วนต้องระมัดระวังให้มาก ต่อให้เธอมีความรักหรือคบแฟนสักคน ก็ต้องให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของครอบครัวเป็อันดับแรก แม้ไช่เฉ่าหงจะดูสมบูรณ์แบบมากแค่ไหน แต่หลินซือฉิงกลับไม่รู้สึกเสน่หาในตัวเขาเลย หากพิจารณาตามผลประโยชน์ของตระกูลแล้ว เขาก็เป็ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดจริงๆ แต่เธออดนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับเย่เฟิงเมื่อตอนกลางวันไม่ได้เลย เธอจะเลือกไช่เฉ่าหงเพื่อผลประโยชน์ของตระกูล หรือเลือกเย่เฟิงเพื่อทำให้คุณปู่ดีใจ? มีเพียงสองตัวเลือกนี้เหรอ?
หลินซือฉิงเหลือบมองที่นั่งผู้โดยสาร หลินซิวเหวินหลับสนิททั้งที่น้ำลายยังไหลออกจากมุมปาก เธอได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่้าคิดมาก หญิงสาวรู้เพียงว่าถ้าชายสวมหน้ากากที่ลักพาตัวเซียวฉีไปเป็พวกเดียวกับเย่เฟิง ซ้ำยังทำให้หลินซิวเหวินกลายเป็แบบนี้จริงๆ ล่ะก็ เธอจะไม่ให้อภัยเย่เฟิงเด็ดขาด
............
แน่นอนว่าตอนนี้เย่เฟิงยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกไช่เฉ่าหงโยนความผิดให้และกลายเป็แพะรับบาปไปแล้ว เขาพยายามทำทุกอย่างให้เป็ไปตามแผน การสังหารผู้คืนชีพศพเป็ไปอย่างราบรื่น จากนั้นเขาก็ได้รับไหกักิญญา ทันทีที่ชายชราเสียชีวิต ศพขาวซีดของไห่ถางกับจ้าวอี้เปยก็กลายเป็ดินร่วงลงสู่พื้น
ในที่สุดชายหน้ากากหัวกะโหลกก็ว่ายน้ำขึ้นจากทะเลสาบเทียม พวกเขาโยนศพของชายชราลงทะเลสาบโดยไม่ได้คิดมาก จากนั้นใช้ความเร็วสูงสุดมุ่งตรงไปบ้านพักในเขตเยี่ยนซี ไม่ว่าชายหน้ากากหัวกะโหลกหรือเย่เฟิง ต่างก็รู้ที่อยู่ของไช่เฉ่าหง และเ้าหมอนั่นก็ยังอยู่ที่บ้านพักในเขตเยี่ยนซี ทั้งสองคนต้องใช้การจู่โจมรุนแรงสังหารไช่เฉ่าหงโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว!
นอกเหนือจากจุดประสงค์นี้คือการนำกลิ่นอายพลังฟ้าดินในห้องใต้ดินมาไว้ในกำมือ แน่นอนว่าเขาไม่สามารถบอกเื่นี้กับชายหน้ากากหัวกะโหลกได้
ระหว่างทางเขายังตรวจสอบไหกักิญญาในมือ แต่ไม่พบสิ่งเร้นลับในนั้น มันเป็แค่โถก้นลึกสีดำที่ด้านในบรรจุขี้เถ้าเท่านั้นเอง
‘ิญญาของจ้าวอี้เปยจะต้องอยู่ในนี้แน่ และไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน หากฉันบรรลุระดับพลังลมปราณสิบปีเมื่อไร จะสามารถใช้วิชาผสานิญญา แล้วเรียกิญญาเขาออกจากไหกักิญญา...’ เย่เฟิงครุ่นคิด
ไหกักิญญานี้ต้องเป็เครื่องมือเฉพาะของผู้คืนชีพศพแน่ และชายชราคนนั้นก็เป็ผู้คืนชีพศพที่มีสถานะสูงสุด ไหนี้มีประสิทธิภาพมาก ควรค่าแก่การเป็เครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ แต่เขายังไม่สามารถใช้มันได้ ทำได้เพียงเก็บรักษาไว้ชั่วคราวเท่านั้น หากมีพลังลมปราณขั้นสิบปีเมื่อไร เขาจะเรียกิญญาจ้าวอี้เปยออกจากในนั้นแน่นอน
ส่วนิญญาคนอื่น มันเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ?
ตลอดทาง ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปบ้านพักในเขตเยี่ยนซีด้วยความเร็วสูง
“เหมือนมีบางอย่างผิดปกติ” ชายหน้ากากหัวกะโหลกเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นายฆ่าชายชราคนนั้น ไช่เฉ่าหงน่าจะรู้ตัวแล้ว ถ้าพวกเราไปบ้านพักเขตเยี่ยนซีแล้วต้องลงมืออย่างระวัง ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่ทำมาอาจพังได้”
“เขาอาจเตรียมการไว้หมดแล้ว?” เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณพูดมาเถอะว่าไอ้คนพิลึกที่เรียกกันว่ายอดฝีมือลึกลับนั่นคือตัวอะไรกันแน่?”
“คนพวกนั้นเป็เพียงคนธรรมดา แต่หลังจากได้รับยาเสพติดตัวใหม่ต่อเนื่องกันหนึ่งปี เซลล์ร่างกายจะค่อยๆ เปลี่ยนสภาพ” ชายหน้ากากหัวกะโหลกอธิบายต่อ “ตอนนี้ ขอเพียงฉีดยาพันธุกรรมบางอย่างเข้าไปในร่างกาย จะทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนสภาพกลายเป็รูปร่างแบบนั้น แต่ในขณะเดียวกันพละกำลังจะเพิ่มขึ้นมากและร่างกายก็แข็งแกร่งเหมือนเหล็ก”
เย่เฟิงได้ยินว่าตัวประหลาดพวกนี้มีชั้นเหล็กกล้าอยู่ใต้ิั นี่เป็ผลจากการกลายพันธุ์ของเซลล์หรอกเหรอ? ดูเหมือนวิทยาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเพ่ยเค่อกรุ๊ปนั้นน่าทึ่งมากจริงๆ ถ้าปล่อยมันเข้ามาในประเทศ จะต้องนำมาซึ่งความเสียหายมหาศาลแน่ ตระกูลหลินจะไม่รับรู้เื่นี้สักนิดเลยเหรอ?
“ถึงแล้ว ที่นี่แหละ” ครึ่งชั่วโมงต่อมา ชายสวมหน้ากากหัวกะโหลกส่งเสียงเบา ทั้งสองคนมาถึงด้านนอกของบ้านพักในเขตเยี่ยนซีแล้ว เนื่องจากเป็ปฏิบัติการลับ ทั้งสองคนจึงไม่สะดวกเรียกรถมาเพื่อหลีกเลี่ยงการมีช่องโหว่ ทำได้เพียงวิ่งมาจึงทำให้เวลาล่าช้าไปสักหน่อย
พวกเขาเดินเข้าไปเงียบเชียบแล้วซ่อนตัวหลังูเาเทียม พลางลอบมองบ้านพักของไช่เฉ่าหงที่อยู่อีกฝั่งของทะเลสาบเทียม กวาดตามองรอบๆ ดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ทั้งสองคนไม่กล้าประมาท
“มีคนดักซุ่มโจมตีอยู่รอบบ้านพัก” เย่เฟิงสังเกตอย่างระแวดระวังก็เห็นคนหลายคนสวมชุดลายพรางอยู่ในพุ่มไม้ด้านข้างบ้านพัก แล้วสีหน้าเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา
“แยกกันลงมือ” ชายสวมหน้ากากหัวกะโหลกตวัดสายตามองบ้านพักที่มีแสงไฟส่องสว่างก่อนตัดสินใจเด็ดขาดในเวลาวิกฤติเช่นนี้ “มันเป็คนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติที่ตระกูลหลินส่งมาแน่นอน ฉันจะล่อพวกมันออกไปเอง ส่วนนายก็เข้าบ้านพักแล้วหาโอกาสกำจัดไช่เฉ่าหงซะ!”
เย่เฟิงหรี่ตาแล้วพยักหน้ารับทราบ
ตระกูลหลินส่งคนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติมาคุ้มครองไช่เฉ่าหงเหรอ? นี่มันเลี้ยงลูกเสือลูกตะเข้ชัดๆ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้