พรรคเทพหมาป่า์ ยอดเขาหยั่งรู้กระบี่!
หวังเค่อนอนทอดหุ่ยอยู่บนเก้าอี้ปรับเอน ตาสวมแว่นกันแดด ดื่มด่ำไปกับการอาบแดดอันหาได้ยาก
จางเจิ้งเต้าเดินนวดหน้าช้ำเขียวช้ำม่วงเข้ามาหา
“หวังเค่อ ลูกค้าต่างแยกย้ายออกอาคารเสินหวังกลับสำนักใครสำนักมันหมดแล้ว!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยเสียงต่ำขณะยังนวดหน้าต่อไป
“เกิดอะไรขึ้นกับหน้าเ้า?” หวังเค่อฉงนสนเท่ห์
“ยังไม่ใช่ต้องโทษเ้า!” จางเจิ้งเต้าเผยสีหน้าคั่งแค้น
“โทษข้า?” หวังเค่อผงะไป
“วันนั้นเ้าบอกว่าจะให้ข้าเป็ผู้จัดการอาคารเสินหวังเป็การชั่วคราว แล้วก็จะให้เงินเดือนข้าเพิ่มด้วย แต่ตัวเ้าวิ่งแจ้นกลับยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ไปคนเดียว จำไม่ได้รึ?” จางเจิ้งเต้าถามหน้าดำ
“แน่นอนว่าต้องจำได้! ตอนนั้นจางหลี่เอ๋อร์ตะเบ็งเสียงดังจนทั้งอาคารเสินหวังได้ยินทั่วถึงกันหมด จากนั้นก็ต่อยตีกับมู่หรงลวี่กวงขึ้นมา การปะทะของพวกมันะเืฟ้าสะท้านปฐีโดยแท้! กวาดทำลายกระจกของอาคารข้าไปตั้งเท่าไหร่ แต่พอเห็นว่าแค่กวัดแกว่งกระบี่ไปมาไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นข้าก็เลยกลับพรรค!” หวังเค่ออธิบาย
จางเจิ้งเต้าหน้าดำ “เ้ายังมีหน้ามาพูด!”
“เป็อะไรไป? ข้าพูดผิดตรงไหน?” หวังเค่อเบิ่งตามองอีกฝ่าย
“มู่หรงลวี่กวงถูกจางหลี่เอ๋อร์ไล่จิกไล่ทึ้ง ไม่รู้ว่านางไปกินรังแตนมาจากไหนถึงได้สติแตกแบบนั้น มู่หรงลวี่กวงไม่กล้าปะทะด้วยได้แต่ปัดป้องมือเป็ระวิง แต่หลังจากจางหลี่เอ๋อร์ทะเลาะตบตีกับอีกฝ่ายไปได้พักหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่มีความหมาย เลยตั้งใจจะมาทวงแค้นกับเ้านี่แหละ!” จางเจิ้งเต้ารำลึกเหตุการณ์
“นางสติฟั่นเฟือนไปแล้วกระมัง จะมาทวงแค้นอะไรกับข้าเนี่ย!? ตลอดหลายวันมานี้อะไรอร่อยอะไรสดชื่นล้วนประเคนส่งให้นางหมด แถมยังหางานให้น้องชายนางเสียด้วยซ้ำ ไม่เพียงแต่ไม่ซาบซึ้งน้ำใจข้า แต่ยังคิดมาทวงหนี้แค้นกันอีก? บ้าไปกันใหญ่แล้ว!” หวังเค่อบ่นเป็หมีกินผึ้ง
“เ้าก็ไปบอกกับนางเองแล้วกัน ตอนนั้นนางแหกปากท้าสู้อยู่นอกประตูสำนักนานสองนาน เรียกให้เ้าออกไปเจอ! แถมยังส่งศิษย์มาขอวัดฝีมืออีกด้วย!” จางเจิ้งเต้าว่า
“ก่อนหน้านี้ที่ข้ากลับมาข้ากำลังกักตน! ข้าไม่ได้ยิน!” หวังเค่อผายมือ
“จางหลี่เอ๋อร์แหกปากอยู่ตรงประตูพรรคสองวันสองคืนเ้ากลับไม่ได้ยินเลยสักแอะ? ผายลมสิ! เ้ารู้ไหมว่าศิษย์สำนักอื่นเอาไปพูดกันว่าอย่างไรบ้าง? พวกมันหาว่าเ้ามันกากเดนของเหล่าบุรุษ หาว่าเ้าหว่านน้ำใจไร้เหลียวแล สาวเ้ามาหาถึงประตูบ้าน แต่เ้ากลับเืเย็นไม่ยินยอมออกไปพบนาง!” จางเจิ้งเต้ารำลึกเหตุการณ์
“ข้าไปหว่านน้ำใจไร้เหลียวแลตอนไหนกัน? ข้าไม่สนิทกับนางด้วยซ้ำ นางตั้งใจยั่วสวาทข้าสิไม่ว่า! แม่งเอ๊ย มีปากพูดก็พูดกันไปเรื่อย นี่ไม่ใช่ย่ำยีความบริสุทธิ์ข้าหรือไร?” หวังเค่อสบถอย่างหัวเสีย
จางเจิ้งเต้าใบหน้ากระตุก “แน่นอนว่าต้องมีคนที่เลื่อมใสในความสามารถของเ้า ทั้งที่เป็แค่เซียนเทียนกระจอกงอกง่อยแต่กลับสามารถจีบศิษย์พี่หญิงใหญ่พรรคอีกาทองคำชั้นดวงธาตุทองคำขั้นสูงสุดติด พวกมันก็เลยอยากขอคำชี้แนะเื่การหลีสาวจากเ้านี่แหละ!”
หวังเค่อ “…!”
“จางหลี่เอ๋อร์ะโเรียกเ้าอยู่สองวันเ้าล้วนไม่แยแส นางตั้งท่าจะถล่มอาคารเสินหวังแต่เคราะห์ดีท่านประมุขออกหน้าลงมือช่วยเ้าคลี่คลายวิกฤต จางหลี่เอ๋อร์ก็เลยนำพวกจางเสินซวีและศิษย์พรรคอีกาทองคำจากไปหมดแล้ว!” จางเจิ้งเต้าอธิบาย
“แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า! เ้าทำหน้าทำตาแบบนั้นแปลว่าอะไร? ข้าไม่สนิทสนมกับนางเลยสักนิด!” หวังเค่อตวาดอย่างมีน้ำโห
สีหน้าเชื่อเ้าก็แปลกแล้วของจางเจิ้งเต้าแสดงความดูถูกลึกล้ำต่อหวังเค่อ
“จางหลี่เอ๋อร์จากไปได้สองวันแล้ว แล้วทำไมหน้าเ้าถึงบวมเขียวบวมม่วงแบบนี้?” หวังเค่อถามอย่างสงสัยใคร่รู้
“ยังไม่ใช่ต้องโทษเ้า!”
“เกี่ยวอะไรกับข้าอีกเนี่ย?” หวังเค่อตาโต
“ก็เพราะเ้าให้ข้าเป็ผู้จัดการอาคารเสินหวังไงล่ะ แม่งเอ๊ย หลายวันนี้พอมีคนอยากยกเลิกประกันทีไรข้าก็ต้องเป็คนเข้าไปเกลี้ยกล่อมห้ามปรามพวกมันเสียทุกครั้ง หลายวันมานี้ข้าทั้งถูกทุบถูกรุมสหบาทามาตั้งเท่าไหร่รู้บ้างหรือไม่!” จางเจิ้งเต้าเค้นเสียงลอดไรฟัน
“เ้าคิดว่าผู้จัดการเป็กันง่ายๆ หรือไง? เ้าคิดว่าเงินหามาได้ง่ายๆ หรือไง? ตัวเ้าไม่รู้จักระวังความปลอดภัยเอง เกี่ยวอะไรกับข้า!” หวังเค่อกลอกตา
“ถุย ยังไม่ใช่เป็เพราะเ้า! เมื่อก่อนบิดาเคยเป็ผู้มีวาสนาขนาดไหน! แต่เ้าหวังเค่อโจรถ่อยสารเลว เ้าเล่นเอาแต่ส่วนที่ดีไป เหลือแต่ความฉิบหายวายวอดไว้ให้ข้า ตัวเองกลับมานอนตีพุงสบายใจเฉิบอยู่นี่!” จางเจิ้งเต้าตาลุกเป็ไฟ
“เอาแต่ส่วนที่ดีไปอะไร นี่เป็เื่ปกติของการทำธุรกิจต่างหาก เงินของข้าเอาไว้ใช้ในการใหญ่! อีกอย่าง ธุรกิจของเราเป็ธุรกิจแบบโปร่งใสเที่ยงธรรม ไม่ใช่แหกตาขายทีเดียวแล้วตีจาก แต่พอออกมาจากปากเ้ากลับเหมือนว่ากำลังหลอกเอาเงินอยู่เลย!” หวังเค่อเบิ่งตา
“แล้วไม่ใช่รึไง? เศษกระดาษกองหนึ่งแต่หลอกทำเงินได้สิบล้านชั่ง!” จางเจิ้งเต้าร้องเสียงแหลม
เ้ายังมีหน้ามาพูดอีกรึ?
“สิ่งที่เราขายคือบริการ สิ่งที่เราขายคืออนาคต สิ่งที่เราขายคือความสุข ข้าก็บอกเ้าไปั้แ่เริ่มกิจการแล้วนี่? แถมเ้ายังบอกว่าถึงไหนถึงกันไม่ใช่รึ? เพิ่งจะขายประกันได้แค่นี้ก็รู้สึกพอใจแล้ว?” หวังเค่อเอ่ยอย่างดูถูก
“อึก นี่ยังจะมีคนมาซื้อเพิ่มอีกรึ?” จางเจิ้งเต้าถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“เหลวไหล อีกไม่นานต้องมีมาแน่ แถมไม่ใช่จำนวนเท่านี้ แต่ขายดีเป็เทน้ำเทท่าเลยต่างหาก กระทั่งสิบเท่าตัวก็เป็ไปได้ที่จะขายออกไปได้!” หวังเค่อเอ่ยราวกับเป็เื่ที่แน่นอนมาก
“จริงรึ? สิบ สิบเท่า?” จางเจิ้งเต้าเอ่ยกระท่อนกระแท่น
“แน่อยู่แล้ว รอเวลาสุกงอมเสียก่อน อย่าเพิ่งใจร้อนไป ก่อนอื่นก็รอให้ระลอกนี้อิ่มตัวก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” หวังเค่อกล่าวชักจูง
“รอเวลาสุกงอมอันใด เริ่มลงมือกันเลยเถอะ! สิบเท่าเลยนะ! ไม่ต้องรอแล้ว พี่หวัง ต้องทำยังไงบ้างท่านรีบบอกมาเร็วเข้า! จะงานสกปรก งานลำบากลากเืก็ว่ามาได้เลย!” จางเจิ้งเต้าถูมืออย่างกระตือรือร้น
หากทำเงินได้สิบเท่า งั้นตนไม่รวยเละเลยรึ? ตอนนี้ตนได้เป็ผู้จัดการอาคารเสินหวัง กำไรส่วนแบ่งก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
“ยังไม่ถึงเวลา รอไปก่อน!” หวังเค่อส่ายหน้า
“ยังต้องรออะไรอีก!” จางเจิ้งเต้าร้อนใจเป็กำลัง
“ไม่งั้นเ้าก็ทำเองคนเดียวเลย!” หวังเค่อกลอกตา
จางเจิ้งเต้าหน้าดำ หากข้าสามารถไร้ยางอายได้เท่าเ้า ข้าจะมาเป็ผู้จัดการทำลมผายอะไร!
ขณะที่จางเจิ้งเต้ากำลังเดือดเนื้อร้อนใจอยู่นั้น ห่างออกไปไม่ไกลก็มีเงาร่างสายหนึ่งเคลื่อนตัวเข้ามา
หวังเค่อเมื่อเห็นเข้าก็ต้องดีดตัวออกจากเก้าอี้ปรับเอนทันควัน
“ท่านอาจารย์ ลมอะไรหอบท่านมานี่? รีบรินชาให้ท่านอาจารย์ก่อน!” หวังเค่อออกปากสั่งสมุนโดยไม่รอช้า
ความกระฉับกระเฉงเอาใจใส่ของหวังเค่อ เฉินเทียนหยวนคล้ายมองไม่เห็น มันจับจ้องหวังเค่อด้วยใบหน้าดำทะมึน
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็อะไรไป? มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน!” หวังเค่อรีบยิ้มประจบเอาใจ
“ฮึ่ม เื่จางหลี่เอ๋อร์นี่มันยังไง? นางะโเรียกเ้าอยู่ด้านนอกสองวันสองคืน! เ้าไปทำเื่ที่ดินฟ้าไม่อาจให้อภัยอะไรไว้กันแน่? เดือดร้อนให้อาจารย์ต้องบากหน้าแก่ๆ ออกไปช่วยสะสางความอาฆาตพยาบาทนั่นจึงจะไล่นางกลับไปได้!” เฉินเทียนหยวนเอ่ยเสียงเย็นจนน่าขนลุก
“ข้าเปล่านะ! ข้าเป็ผู้บริสุทธิ์ ท่านอาจารย์ ท่านรู้นี่ว่าข้าเป็คนยังไง ข้าไม่ได้ไปตอแยนางเลยสักกระจิด!” หวังเค่อเอ่ยอย่างหดหู่
“ยังไม่ยอมพูดความจริงอีกรึ?” เฉินเทียนหยวนถลึงตา
ห่านจิก สองวันก่อนต้องไปตามล้างตามเช็ดให้ศิษย์หน้าเหม็นนี่ ขายขี้หน้าประชาชีที่สุด
“ท่านอาจารย์ ข้าเป็ผู้บริสุทธิ์จริงๆ นางคงจะเข้าใจอะไรผิดไปสักอย่าง! ท่านรู้นี่ว่าข้าระดับฝีมือเท่าใด ตัวนางระดับฝีมือเท่าใด มีแต่นางที่มีคุณสมบัติรังแกข้า แล้วข้าจะกล้าตอแยนางได้ยังไง? ก่อนนี้นางเคยมายั่วสวาทข้า แต่เพราะข้าไม่เล่นด้วยนางก็เลย...!” หวังเค่อเอ่ยอย่างชอกช้ำอาดูร
จางเจิ้งเต้าทางด้านข้างตาโต ความเข้าใจต่อความหน้าเหม็นไร้ยางอายของหวังเค่อยิ่งลึกซึ้งกว่าเก่า แม่งเอ๊ย ต่อหน้าเฉินเทียนหยวนก็ยังจะกล้าคุยโวขนาดนี้? อย่างจางหลี่เอ๋อร์น่ะนะจะมายั่วสวาทเ้า?
เฉินเทียนหยวนไล่ตามองหวังเค่อ พบว่าหนังหน้าของเ้าศิษย์คนนี้หนาเสียยิ่งกว่ากำแพงเมือง แม้ฉากหน้าจะทำเป็โกรธแต่แท้ที่จริงเฉินเทียนหยวนไม่ได้โกรธเกลียดอะไรขนาดนั้น การที่ศิษย์ของมันเป็อย่างนี้ถือเป็เื่ดี อย่างน้อยที่สุดมันก็ไม่เสียเปรียบใคร!
“ฮึ่ม เื่ของพวกเ้าข้าไม่สนใจหรอก แต่อย่าได้นำเื่ขี้หมูราขี้หมาแห้งแบบนี้เดือดร้อนมาถึงพรรคเทพหมาป่า์อีก! ดีร้ายยังไงเ้าก็เป็ศิษย์ข้า ต่อให้เ้าไม่ต้องรักษาหน้าตัวเอง แต่อาจารย์ยังต้องทำอยู่!” เฉินเทียนหยวนถลึงตาคาดโทษหวังเค่อ
“ท่านอาจารย์วางใจได้เลย นับแต่นี้ไปหากข้าพบเห็นจางหลี่เอ๋อร์ข้าจะหนีไปให้ไกล!” หวังเค่อพยักหน้าทันที
หวังเค่อไม่ปฏิเสธอีกต่อไป เพราะมันมองออกว่าท่านอาจารย์เป็ห่วงมันจากใจจริง มันไม่เคยคิดเถียงคำไม่ตกฟากกับผู้ที่เอาใจใส่มันจากใจจริงอยู่แล้ว
“อืม รู้แล้วก็ดี จริงสิ ครั้งนี้ข้ามาเพื่อบอกเ้าว่าเดี๋ยวอาจารย์ต้องออกจากพรรคเดินทางไกล เ้าก็คอยดูแลความปลอดภัยของตัวเองด้วย!” เฉินเทียนหยวนเอ่ยอย่างขึงขัง
“ให้ข้าดูแลตัวเอง?” หวังเค่อชะงักไป
เพราะอะไร? ข้าอยู่ที่ยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ปลอดภัยออกจะตาย! แม้แต่อาคารเสินหวังก็แทบจะไม่ได้ไปด้วยซ้ำ
“พวกถงอันอันหนีไปได้อีกแล้ว!” เฉินเทียนหยวนอธิบาย
หวังเค่อ “…!”
ไม่ใช่ว่าถงอันอันกับแก๊งหัวสะท้อนแสงสิบคนเพิ่งจะถูกจับได้หรอกหรือ? หนีไปได้อีกแล้ว?
“ท่านอาจารย์ นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน? ไอ้วิตถารถงอันอันนั่นถูกจับมาที่พรรคเทพหมาป่า์เป็ครั้งที่สองแล้ว แล้วทำไม ทำไมมันถึงยังหนีไปได้อีก!?” หวังเค่อไม่อยากเชื่อ
เฉินเทียนหยวนส่ายหน้า “โม่ซันซันเป็คนดูแล มันใช้พวกถงอันอันล่อไส้ศึกลัทธิมารที่แฝงตัวอยู่ในพรรคเทพหมาป่า์ออกมาเพื่อกำจัดไปในคราเดียว แต่น่าเสียดาย...!”
“หรือก็คือไม่ยอมเสียลูกก็ไม่ได้หมาป่า? แต่พอได้หมาป่ากลับต้องเสียเด็ก?” หวังเค่ออุทานอย่างตกตะลึง
เฉินเทียนหยวนพยักหน้า “ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง! แต่โม่ซันซันรับรองว่าไส้ศึกที่อยู่ในพรรคเทพหมาป่า์ถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว!”
หวังเค่อเผยสีหน้าอัปลักษณ์
“แล้วก็ครั้งนี้โม่ซันซัน มู่หรงลวี่กวงวางแผนจับกุมถงอันอันที่อาคารเสินหวัง แต่เพราะไม่ทำตามข้อตกลงที่เคยบอกกับเ้าไว้แต่แรกข้าจึงลงโทษพวกมันไปแล้ว หลังทำการตรวจสอบแล้วกุศลปราบมารจากไส้ศึกมารที่จับมาได้ในครั้งนี้จะตกเป็ของเ้าทั้งหมด!” เฉินเทียนหยวนอธิบาย
หวังเค่อพยักหน้าสีหน้ายังคงอัปลักษณ์ “ศิษย์ทราบแล้ว ข้าจะกันไม่ให้ถงอันอันตอบโต้ได้อีก!”
“อืม งั้นก็ตกลงตามนี้!” เฉินเทียนหยวนพยักหน้า
เฉินเทียนหยวนออกจากยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ผ่านประตูสำนักก่อนหายลับไปกับขอบฟ้า เฉินเทียนหยวนรู้สึกวางใจในตัวศิษย์คนนี้เป็ที่สุด ถึงอย่างไรซะด้วยความหน้าไม่อายนี้ต่อให้อยากถูกคนมาเอาเปรียบก็ยังเป็ไปได้ยาก
หวังเค่อส่งเฉินเทียนหยวนจากไป สีหน้ายังคงอัปลักษณ์ไม่น่าดู “จบแล้ว จบแล้ว ข้าขอตัวเผ่นก่อนล่ะ!”
“เผ่น?” จางเจิ้งเต้าทำหน้างง
“เหลวไหล ท่านอาจารย์ข้าไปจากพรรคเทพหมาป่า์ ผู้หนุนหลังข้าจากไปแล้ว งั้นตัวข้าที่อยู่ในพรรคจะยังเหลือความปลอดภัยอันใดให้พูดถึง? อีกอย่าง ศิษย์พี่รองพากลุ่มศิษย์พี่ออกไปเตรียมงานชุมนุมประตูั ขืนข้ารั้งอยู่มีหวังถูกมู่หรงลวี่กวง โม่ซันซันสองคนนั่นรุมทึ้งพอดีสิ? ไม่ได้การ ก่อนอื่นข้าต้องเผ่นก่อน!” หวังเค่อพูดเร็วจนลิ้นแทบพันกัน
“โม่ซันซัน มู่หรงลวี่กวงคงไม่มาหาเื่เ้าหรอกมั้ง? พวกมันยังมีคุณธรรมกว่าเ้าเลย!” จางเจิ้งเต้าทำหน้างง
“ผายลม! หากมีคุณธรรมแล้วทำไมถึงได้ทำตัวย้อนแย้งนัก? ไม่กี่วันก่อนวางแผนจับกุมถงอันอันแต่ถึงกับไม่มาบอกข้า นี่ไม่ใช่ขุดหลุมฝังข้าอีกรึ?” หวังเค่อจ้องจางเจิ้งเต้าตาเขม็ง
“แต่...!”
“ไม่มีแต่ เ้าช่วยข้าดูลาดเลาหน่อย ข้าขอชิ่งก่อนล่ะ ไว้รอท่านอาจารย์กลับมาข้าถึงค่อยกลับเข้าพรรค!” หวังเค่อกล่าวรัวเร็ว
“นี่เ้าจะไปตอนนี้เลยรึ!?” จางเจิ้งเต้าแสนงงงวย
“เหลวไหล ถงอันอันเข้าออกพรรคเทพหมาป่า์มาแล้วสองครั้ง พรรคเทพหมาป่า์นี้ยังปลอดภัยอยู่อีกรึ?” หวังเค่อแค่นเสียงอย่างดูถูก
“แต่ไม่ใช่โม่ซันซันบอกว่าไส้ศึกทั้งหมดภายในพรรคถูกพบตัวแล้วหรือไง?”
“ข้าไม่เชื่อคำพูดของไอ้ตัวบัดซบโม่ซันซันนั่นหรอก!” หวังเค่อเอ่ยขวานผ่าซาก
…
ตำหนักหมาป่าประจิม!
มู่หรงลวี่กวงและโม่ซันซันกำลังนั่งจิบชาด้วยกัน
“มู่หรงลวี่กวง เ้ายังหัวเสียเื่จางหลี่เอ๋อร์ไม่หายอีกรึ? ช่างมันเถอะน่า ใต้หล้ามีอิสตรีมากมายปานไหน เลิกคิดได้แล้ว จางหลี่เอ๋อร์นั่นอารมณ์ร้ายเกินไป!” โม่ซันซันเอ่ยปลอบ
“เ้าตำหนักโม่ ไม่ใช่ท่านคอยอยู่นอกอาคารเสินหวังหรอกหรือ? แล้วท่านหายไปไหนเล่า? หากไม่ใช่ว่าไม่เห็นท่าน ข้ากับจางหลี่เอ๋อร์จะเกิดเื่เข้าใจผิดกันได้ยังไง? ตัวท่านต้องอยู่ที่นั่นในตอนนั้น ขึ้นไปข่มจางเสินซวี ผลักประตูเข้าไปตรงๆ แค่นี้ก็ไม่เกิดเื่เข้าใจผิดกันแล้ว!” มู่หรงลวี่กวงยังคงเดือดไม่หาย
“จะมาโทษข้าไม่ได้ ข้าออกไปเฝ้าระวังนอกอาคารเสินหวัง ผลคือดันไปเจอเ้าตำหนักสามของลัทธิมาร ข้าไล่ตามไปแล้ว! แต่ก็ถูกมันยื้อยุดไว้!” โม่ซันซันยิ้มขื่น
“สุดท้ายก็ไล่ไม่ทันอยู่ดี!” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยเสียงหม่น
“มันเองก็เป็ทารกแกนิญญา ข้าอับจนปัญญาจริงๆ!” โม่ซันซันยิ้มขื่น
มู่หรงลวี่กวงหน้าดำ เ้าอับจนปัญญา แต่หวยมาออกที่ข้าไม่ใช่รึ!
“ครั้งนี้แม้ทำถงอันอันหลุดมือ แต่ท้ายที่สุดก็ล่อไส้ศึกลัทธิมารที่แฝงตัวอยู่ในพรรคออกมาได้ ไส้ศึกพวกนี้อันตรายกว่าถงอันอันเสียอีก เพราะงั้นไม่ถือว่าไม่ได้อะไรเลย อีกอย่าง เ้าเป็เช่นนี้ก็สามารถไล่ล่าถงอันอันได้อีก!” โม่ซันซันปลอบ
“ล่าถงอันอันได้อีก? จะเหมือนเดิมหรือไม่?” มู่หรงลวี่กวงหดหู่สุดเปรียบ
ครั้งก่อนจับไม่ได้ไล่ไม่ทันยังพอพูดได้ว่าเป็เล่ห์กลของถงอันอัน แต่ครั้งนี้ล่ะ? หวังเค่อจับถงอันอันมาได้ แต่เ้ากลับทำหลุดมือไปอีก ถ้าลองไปจับอีกครั้งเ้าจะยังอวดโอ่ลำพองอีกหรือไม่?
“เ้าลองคิดดูนะ หวังเค่อจับถงอันอันมาสองครั้ง ถงอันอันมันจะไม่เกลียดแค้นหวังเค่อหรือ? พวกเราแค่ให้หวังเค่อล่อถงอันอันต่อไปจนกว่าถงอันอันจะโผล่มาให้จับเท่านั้นก็ใช้ได้แล้ว!” โม่ซันซันปลอบ
“แต่หวังเค่อจะยอมตกปากรับคำหรือ?” มู่หรงลวี่กวงนิ่วหน้าถาม
“ก็ค่อยๆ เกลี้ยกล่อมมันสิ!” โม่ซันซันปลอบ
ทั้งสองไม่ได้รู้เลยว่าหวังเค่อในตอนนั้นคาดเดาถึงความประสงค์ร้ายของพวกมันสองคนออกนานแล้วดังนั้นจึงเผ่นออกจากพรรคไปเงียบๆ ั้แ่ไก่โห่
