เด็กสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า ขดตัวอยู่ที่มุมข้างๆ
หลินกู๋หยู่ยกมือขึ้นนวดศีรษะ คิ้วของนางขมวดแน่น สีหน้าของนางย่ำแย่อยู่หลายส่วน
“พวกเ้า พวกเ้าเห็นเด็กอายุราวสองขวบหรือไม่?” หลินกู๋หยู่ลดเสียงลง น้ำเสียงของนางขึ้นจมูกเล็กน้อย ดวงตาของนางรู้สึกทรมานราวกับจะมีเืออกมา
ทนต่อความคลื่นไส้และความอยากอาเจียน หลินกู๋หยู่กุมหน้าอกแน่น สายตาของนางจับจ้องไปที่ผู้คนรอบข้างเ่าั้
ในความมืด นางมองเห็นใบหน้าของคนเ่าั้อย่างคลุมเครือ ไม่ชัดเจนนัก
“ที่นี่มีเด็กอยู่” เสียงแ่เบาแว่วดังขึ้นจากด้านข้าง
ในรถมีเด็กผู้หญิงราวเจ็ดแปดคน หลินกู๋หยู่ข้ามผ่านคนเ่าั้ ไม่ใช่เื่ง่ายกว่าจะเดินไปด้านข้าง เมื่อนางเห็นเด็กคนหนึ่งกำลังนอนซมอยู่บนพื้น นางพยายามกอดเด็กอย่างสุดความสามารถ
ยื่นมือออกไปััใบหน้าเล็กๆ นั้น หลินกู๋หยู่มองเห็นเด็กในอ้อมแขนของนางได้ไม่ชัดเจนนัก
“เ้าตื่นได้แล้ว” หลินกู๋หยู่เขย่าเด็กในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง และกระซิบเสียงเบาว่า “ตื่นสิ!”
“ท่านแม่~”
เสียงที่อ่อนแอดังก้องอยู่ในใบหูของหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่รู้สึกเพียงว่าขอบตาของนางร้อนผ่าว หยาดน้ำไหลซึมวนอยู่ในเบ้าตา นางอุ้มเด็กชายขึ้นมา น้ำเสียงของนางสั่นเครือราวกับจะร้องไห้ "โต้ซา โต้ซา เป็ความผิดของแม่ เป็ความผิดของแม่ทั้งหมด"
เด็กในอ้อมแขนขยับ
โต้ซาลืมตาด้วยความงุนงง เมื่อได้ยินเสียงของหลินกู๋หยู่ เด็กน้อยก็อดไม่ได้ที่จะคว้าชายเสื้อของหลินกู๋หยู่และร้องไห้ "ท่านแม่ โต้ซาคิดว่าท่านแม่ไม่้าโต้ซาอีกต่อไปแล้ว"
เมื่อได้ยินเสียงของโต้ซา หัวใจของหลินกู๋หยู่ก็แทบจะแหลกสลาย
หลินกู๋หยู่กอดโต้ซาแน่น อดไม่ได้ที่จะซบหน้าที่ใบหน้าเล็กๆ ของเด็กน้อย "ไม่เป็ไร แม่มาหาเ้าแล้ว ไม่ต้องกลัว"
“เงียบ!” เสียงของชายหนุ่มผู้ใจร้อนลอดดังมาจากข้างนอก “ถ้าพวกเ้ายังพูดอีก ข้าจะทิ้งพวกเ้าลงทั้งหมด”
เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มคนนั้น หลินกู๋หยู่ก็กลับมามีสติอีกหน
เช็ดน้ำตาบนใบหน้า เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ แล้วะโออกไปข้างนอก "ข้าอยากจะกลับไป!"
“สาวน้อย เ้าอยู่อย่างสงบเถอะ อย่าฝันไป” เสียงแม่ค้าคนกลางลอดดังมาจากข้างนอก “เ้าได้เซ็นสัญญาซื้อขายแล้ว”
เมื่อได้ฟังเสียงของแม่ค้าคนกลาง ใบหน้าของหลินกู๋หยู่ก็เปลี่ยนสี นางพูดอย่างขุ่นเคือง "เหลวไหล ข้าเซ็นซื้อขายั้แ่เมื่อไร?
เมื่อได้ฟังดังนั้น หญิงาุโก็พูดกลั้วหัวเราะอย่างขบขัน "เ้าเป็ลมหมดสติไม่ใช่หรือ ในตอนนั้นมีคนที่บอกว่ารู้จักเ้า เ้าชื่อว่าหลินกู๋หยู่ แล้วขายเ้าออกไป"
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ค้ามนุษย์คนกลาง หลินกู๋หยู่ก็ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าก็อัปลักษณ์อย่างมาก
“คนผู้นั้นคือใคร?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามอย่างระแคะระคาย
“ข้าขอคิดดูก่อน ดูเหมือนจะสกุลฟาง ส่วนชื่ออะไรนั้นข้าก็จำไม่ได้แล้ว” แม่ค้าคนกลางพูดอย่างไม่มั่นใจ
จะต้องเป็ฟางซื่อแน่นอน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของหลินกู๋หยู่ก็น่าเกลียดกว่าเดิม คิ้วของนางขมวดแน่น
"หยุด!" หลินกู๋หยู่ะโเสียงดัง
“เ้าบ่นอะไร” แม่ค้าค้ามนุษย์พูดอย่างโกรธจัด “ข้าบอกแล้ว ที่ข้าพูดก็เพราะเห็นแก่เ้าที่โชคร้ายเท่านั้น เ้าอย่าคิดว่าได้คืบแล้วจะเอาศอก”
"ข้า้าคุยเื่ธุรกิจกับเ้า" หลินกู๋หยู่พูดอย่างใจเย็น "ข้าจะไม่ปล่อยให้เ้าเสียเงิน ข้าจะทำให้เ้าได้เงินเพิ่ม"
เมื่อฟังคำพูดของหลินกู๋หยู่แล้วแม่ค้ามนุษย์คนกลางก็คิดว่ามันตลกนัก "เ้ามีเงินเท่าไร? ถ้าเ้ามีเงิน คนอื่นจะขายเ้า?"
“ข้าแค่ป่วย” หลินกู๋หยู่ไอสองครั้งและพูดอย่างใจเย็น “ครอบครัวของข้าร่ำรวย ผู้ชายของข้าเป็นักล่าสัตว์ เ้าควรจะรู้ด้วยว่านักล่าสามารถทำเงินได้มากมายจากการล่าเหยื่อ”
"หยุดรถ!"
รถม้าที่แล่นโคลงเคลงอยู่แต่เดิมค่อยๆ หยุดลง
แม่ค้าคนกลางเปิดม่านรถ ชี้นิ้วมือไปที่หลินกู๋หยู่และพูดอย่างเฉยเมยว่า "ออกมาหาข้า"
หลินกู๋หยู่ตามแม่ค้าคนกลางออกจากรถ โดยยังคงอุ้มโต้ซาไว้ในอ้อมแขน
เมื่อโต้ซาเห็นแม่ค้าคนกลาง เด็กน้อยก็ใมากจนร้องไห้
แม่ค้าคนกลางยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้น นางพูดด้วยความโมโห "เด็กคนนี้ชอบเอะอะโวยวายจริงๆ ตอนที่ซื้อมา ถ้าไม่โดนทุบหมดสติ ข้าไม่รู้ว่าจะร้องไห้ไปอีกนานแค่ไหน"
ลมกระโชกแรง วัชพืชสองข้างทางก็ปลิวไหวไปมา
โต้ซากอดคอของหลินกู๋หยู่สุดแรง ร้องไห้จนตัวสั่น
“นี่คือลูกของข้า” หลินกู๋หยู่พูดเบาๆ “เ้าดูสิ เด็กคนนี้สวมผ้าฝ้าย ข้าขึ้นไปทีู่เาเป็เพื่อนสามีของข้า จึงสวมเสื้อผ้าเก่าๆ เมื่อกลับมาก็พบว่าลูกหายตัวไปแล้ว เลยออกตามหา"
แม่ค้าคนกลางเบี่ยงสายตามองไปที่ใบหน้าที่ขาวนวลของหลินกู๋หยู่ สุดท้ายจึงเอ่ยอย่างลังเลว่า "แต่พวกเ้าทั้งสองคนได้ขายตัวแล้ว ถ้าพวกเ้า้าเป็อิสระ พวกเ้าก็ต้องซื้อตัวเองกลับมา"
“ตกลง” หลินกู๋หยู่เข้าใจความหมายของแม่ค้ามนุษย์คนกลางเช่นกัน
ถ้านางวิ่งหนีไปพร้อมกับโต้ซาในอ้อมแขนในเวลานี้ บางทีคนพวกนี้อาจจะตามหาพวกนางอย่างไม่มีวันหยุดอย่างแน่นอน
แต่ถ้าเื่นี้สามารถแก้ไขได้ในตอนนี้ มันก็เป็เื่ของเงิน พวกเขาก็ยังมีเงินบางส่วนอยู่ในมือ
“ตอนที่ข้าซื้อเ้า ข้าใช้เงินห้าตำลึง ส่วนเด็กในอ้อมแขนของเ้าราคาสองตำลึง รวมเป็เจ็ดตำลึง” แม่ค้ามนุษย์คนกลางคิดคำนวณเร็วมาก ดวงตาทั้งสองข้างของนางขยายใหญ่ขึ้นขณะมองหลินกู๋หยู่
ในตอนแรกนางไม่ได้สังเกต แต่เมื่อนางมองดูสตรีที่อุ้มเด็กอยู่ตรงข้ามอย่างพินิจ คิดไม่ถึงว่าสตรีตรงหน้าคนนี้จะมีราศีที่แตกต่างออกไป
สตรีในชนบทคนไหนบ้างที่แต่งงานแล้วไม่เหนียมอายขลาดกลัว จะมีสักกี่คนที่ใจกว้างขนาดนี้
สตรีนั้นมีหลายประเภท
หญิงสาวบ้านนอกที่แต่งงานแล้ว บางคนเหนียมอายขลาดกลัว ไม่กล้าพูดเป็เวลานาน บางคนปากร้าย ปากร้ายถึงขั้นไม่มีภาพลักษณ์ของผู้หญิงหลงเหลือ
แต่หญิงสาวในเมืองนั้นมีความแตกต่าง
บุตรีของครอบครัวเล็กๆ แต่ละคนล้วนมีมารยาทที่ดี บางครั้งพวกนางก็ดูเหนียมอาย
แต่บุตรีจากตระกูลใหญ่นั้นแตกต่าง ไม่เพียงแต่มีมารยาทดีเท่านั้น แต่นางจะสงบเสงี่ยม ไม่ตื่นเต้นลุกลี้ลุกลนไม่ว่าจะพบเจอกับสถานการณ์ใด
สตรีคนนี้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อพบลูก แต่ั้แ่นั้นมานางก็สงบเสงี่ยมลงมาก ยืนอยู่ตรงหน้านางตอนนี้ นางก็ไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อถูกแม่ค้าคนกลางมองเช่นนี้ หลินกู๋หยู่ก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย "ถ้าข้า้าซื้อสัญญาซื้อขายระหว่างเราสองคนคืน ข้าจะต้องใช้เงินเท่าไร?"
แม่ค้าคนกลางค้ามนุษย์รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ขณะมองหลินกู๋หยู่ ไม่นานนางก็เอ่ยว่า "ถ้างั้นจ่ายเงินสิบตำลึง เ้าทั้งคู่"
“เมื่อก่อนข้าขึ้นราคาในการขายคน แต่ครั้งนี้ลดราคาลงสำหรับเ้า” หญิงาุโพูดด้วยความลำบากใจเล็กน้อย
หลินกู๋หยู่มองแม่ค้ามนุษย์คนกลางที่กำลังพินิจมองนาง คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า "ตกลง เงินสิบตำลึงก็คือเงินสิบตำลึง พวกเ้านำรถม้าไปกับข้า แล้วข้าจะให้เงินพวกเ้าสิบสองตำลึง"
ดวงตาของแม่ค้ามนุษย์คนกลางสว่างเป็ประกาย
“คิดว่าตอนนี้ประตูเมืองน่าจะปิดแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะกลับไปที่จวนเจียง” หลินกู๋หยู่พูดโดยแสร้งทำเป็ลำบากใจ “เช่นนี้ก็ได้ เ้าส่งข้าไปที่หมู่บ้านสกุลฉือที่อยู่ใกล้เคียงได้โดยตรง”
เมื่อแม่ค้ามนุษย์คนกลางได้ยินคำว่า "จวนเจียง" สีหน้าของนางก็ชะงักงันชั่วคราว นางพยักหน้าและโค้งตัวรับคำด้วยความนบนอบ
ว่าแล้วว่าทำไมสตรีคนนี้ถึงได้ใจเย็นและสงบเสงี่ยมนัก
แม่ค้าคนกลางรีบให้สารถีขับรถม้าไปที่บ้านสกุลฉือ
หลินกู๋หยู่นั่งข้างนอกเพื่อชี้ทาง
แม่ค้าคนกลางมองไปที่หลินกู๋หยู่ เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "เอ่อ... เราสองคนก็นับว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีแล้ว ข้าแค่อยากจะถามว่าเ้ารู้จักคนของตระกูลเจียงหรือ?"
ในความเป็จริงนางแค่ใช้สกุลเจียงมาหลอกล่อก็เท่านั้น แต่เมื่อได้ยินแม่ค้ามนุษย์คนกลางถามเช่นนั้น นางก็พูดอย่างเนิบๆ "ข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณหนูตระกูลเจียง"
“คุณหนูท่านไหน?” แม่ค้ามนุษย์คนกลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวังระคนระแคะระคาย
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย "บางสิ่งบางอย่าง ยิ่งรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น"
“ใช่ ใช่ ใช่” ความลังเลเดิมของแม่ค้าคนกลางเหือดหายไป
ถ้าเป็คนประเภทไร้สมองก็คงจะบอกแล้วว่าเป็คุณหนูท่านใด
การที่หลินกู๋หยู่ไม่ตอบคำถามนี้ ทำให้แม่ค้ามนุษย์คนกลางมองนางแตกต่างออกไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากเื่ส่วนตัวของหญิงสาวแพร่งพรายออกไปคงไม่ส่งผลดีเป็แน่
พอพวกเขามาถึงบ้านสกุลฉือ หลินกู๋หยู่ก็ได้ยินเสียงทะเลาะโวยวายดังลอดมาจากระยะไกล
เมื่อหลินกู๋หยู่ปรากฏตัวในเรือนใหญ่ของสกุลฉือโดยมีโต้ซาอยู่ในอ้อมแขน เมื่อสบกับดวงตาของฟางซื่อ สีหน้าก็ยิ่งอัปลักษณ์
ฟางซื่อชี้ไปที่หลินกู๋หยู่ราวกับว่านางเห็นผี ขยี้ดวงตาอย่างแรงและพูดด้วยความโกรธ "เ้า เ้า นี่เ้าออกมาได้อย่างไร?"
หลินกู๋หยู่ลดสายตาลงช้าๆ หันหน้าไปมองสตรีาุโที่ยืนอยู่ด้านข้าง พูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง "เ้าบอกสิว่าใครเป็คนทุบข้าและขายให้เ้า?"
แม่ค้ามนุษย์คนกลางมองดูท่าทีเช่นนั้นของฟางซื่อ นางเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าตอนนี้นางควรยืนอยู่ฝ่ายใด ชี้นิ้วมือไปที่ฟางซื่อและพูดด้วยเสียงต่ำว่า "คือนาง"
หลินกู๋หยู่ทอดมองไปที่ฟางซื่อด้วยใบหน้าขบขัน
เมื่อฉือหางเห็นหลินกู๋หยู่และโต้ซาปรากฏตัว เขาใมาก เขายืนอึ้งและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
เขาได้ยินว่าหลินกู๋หยู่หนีไปพร้อมกับโต้ซา สิ่งที่ฉือหางคิดประการแรกคือเป็ไปไม่ได้ ฟางซื่อต้องพูดปดอย่างแน่นอน
แต่กระนั้นก็ตามเขาไม่รู้จะพูดอย่างไร เขารู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าฟางซื่อกำลังพูดปด
เมื่อมองไปที่หลินกู๋หยู่และโต้ซา ฉือเย่ก็กลืนน้ำลายด้วยความดีใจ "พี่สะใภ้สาม?"
ฉือหางรีบเดินไปหาหลินกู๋หยู่และกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา
“เ้ากลับมาแล้วจริงๆ?”
เสียงที่ไม่มั่นใจของฉือหางดังมาจากเหนือศีรษะ มุมปากของหลินกู๋หยู่ก็อดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้น "มีคนอยู่เยอะ ปล่อยข้า"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฉือหางก็ปล่อยหลินกู๋หยู่ออก เอื้อมมือไปแตะใบหน้าเล็กๆ ของโต้ซาด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจ
“พี่สะใภ้รอง” ดวงตาของหลินกู๋หยู่ลุกโชน นางหรี่ตาเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก “ทำไมเ้าถึงขายข้ากับโต้ซา”
เมื่อโจวซื่อได้ยินคำพูดของหลินกู๋หยู่ นางมองไปที่ฟางซื่อด้วยความประหลาดใจ "ครอบครัวเ้ารอง เ้าทำอะไร?!"
เมื่อฟางซื่อได้ยินคำพูดของโจวซื่อก็ตัวสั่นเทิ้มและส่ายศีรษะอย่างแรง "ไม่ ท่านแม่ ข้าไม่ได้ทำ ไม่ใช่ ไม่ใช่จริงๆ เห็นได้ชัดว่าเป็หลินกู๋หยู่ เป็ตัวนางเอง ใช่ เป็ตัวนางเองที่…”