นี่พวกเขาเป็ญาติกับหลินฟู่อินแน่หรือ ผู้เฒ่าหลินเป็ปู่แท้ๆ ของหลินฟูอินแน่ใช่หรือไม่
หลินฟู่อินไม่เข้าใจว่าว่าเหตุใดจ้าวซื่อถึงได้หาเื่เปิดศึกกับนางอย่างจริงจัง แต่ตอนนี้หลังจากนางเห็นปู่หลินกระทำสิ่งต่างๆ เพื่อช่วยเหลือจ้าวซื่อซึ่งปกติแล้วหาได้ยากนัก ก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นในใจนาง
อยู่ๆ นางก็นึกเหตุผลออก
ผู้าุโทั้งสามตระกูลจะต้องมาหาปู่หลินเมื่อเช้าเป็แน่ เพื่อบอกเื่ราวเกี่ยวกับที่นางอธิบายไปคราวก่อน
จุดประสงค์หลักอย่างไรก็คือการช่วยเหลือคนที่้าให้ช่วยเหลือ ดังนั้นพวกเขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินตามที่้า
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็การข่มขู่หรือการชดเชย สาเหตุหลักๆ คือ้าบังคับให้นางจ่ายเงินออกไปเพื่อยุติเื่อื้อฉาวทั้งหมดใช่หรือไม่?
“ท่านปู่ รายงานเื่นี้กับเ้าหน้าที่ทางการได้นะเ้าคะ ถ้าเื่นี้ไม่สามารถแก้ไขกันเองได้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกเ้าค่ะ ท่านพูดสิ่งหนึ่ง ส่วนข้าเองก็พูดอีกสิ่งหนึ่ง” หลินฟู่อินกล่าว
หวังจะกดดันให้นางส่งเงินเพื่อเอาไปช่วยเหลือหลินต้าหลางอย่างนั้นหรือ เป็ไปไม่ได้หรอก
ถึงนางจะสามารถหาเงินได้หลายหมื่นตำลึงเงินในแต่ละวันก็ตาม แต่นางจะไม่ช่วยเหลือหลินต้าหลางแน่นอน นางอยากจะนำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือเด็กกำพร้าด้วยซ้ำไป
ทันทีที่ได้ยินหลินฟู่อินพูดเื่รายงานเ้าหน้าที่ สีหน้าปู่หลินพลันมืดครื้ม
จ้าวซื่อเกิดความกลัวขึ้น นางตัวสั่นเล็กน้อย แต่บังคับกดความประหม่าในใจไว้ ฝืนยิ้มและกล่าวว่า “โถ่เอ๊ย เราเองก็เป็ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ข้าไม่้าทำให้เื่ราวลุกลามใหญ่โต ข้าสามารถปิดตาและปล่อยเื่นี้ให้ผ่านไปได้ เหตุใดเราต้องไปรายงานกับทางการด้วยล่ะ หือ?
“สะใภ้ใหญ่ เ้าพูดถูกต้อง!” ปู่หลินกล่าว “ไม่เคยมีใครในครอบครัวหลินที่ถูกทางการดำเนินการมาก่อน! เราจำเป็ต้องรายงานเื่ภายในครอบครัวให้กับทางการหรือ?”
“ไม่ไปแจ้งความกับเ้าหน้าที่แล้วหรือ?” หลินฟู่อินถามจ้าวซื่อ
จ้าวซื่อส่ายหัวไปมา “ไม่ ไม่ ไม่ต้องแล้ว”
ปู่หลินยังกล่าวอีกว่า “จะไม่มีใครไปรายงานกับเ้าหน้าที่ทั้งนั้น”
หลินฟู่อินขยับริมฝีปากตนขึ้นช้าๆ “ท่านไม่้ารายงานเื่เหล่านี้แก่ทางการหรือเ้าหน้าที่ แต่ท่าน้าใส่ร้าย กล่าวหาว่าข้าทำร้ายผู้อื่น ซึ่งข้าไม่ได้ทำ”
หลังได้ยินคำพูดของหลินฟู่อิน คนที่ยังมีเหตุมีผลก็กล่าวกับปู่หลินว่า “ท่านผู้เฒ่าหลิน ท่านเห็นหรือไม่ว่าสะใภ้ใหญ่ของท่านช่างพูดเื่ไร้สาระเสมอ แต่หลินฟู่อินน่ะยังเด็กนัก แต่นางกลับเคารพกฎเกณฑ์ตลอด ลูกสะใภ้รองกับลูกสาวสองคนของนางเองก็เป็พยานยืนยันให้กับหลินฟู่อินว่านางช่วยเหลือสะใภ้ใหญ่ของท่านไว้ เช่นนี้ถึงจะสามารถพูดถึงเื่ความยุติธรรมได้จริง”
หลี่เจิ้งพยักหน้าหลายครั้ง เขาเดินไปหาปู่หลินแล้วพูดเสียงอ่อน “พี่ชาย ตอนนี้หลินฟู่อินมีพยานแล้ว ส่วนจ้าวซื่อเองไม่มีพยาน ฉะนั้นเห็นได้ชัดว่าจ้าวซื่อเล่นลูกไม้สกปรก ดังนั้นท่านก็ควรจะยุติธรรมสักหน่อย จบเื่เถอะ อย่างไรวันนี้ก็เป็วันมงคลของหลานชายท่าน คุณชายใหญ่หลิวเองก็มาที่นี่ด้วยตัวเอง อย่าให้แขกผู้มีเกียรติเห็นเื่ตลกนี้เลย”
ใบหน้าปู่หลินขุ่นมัวหลังจากได้ยินคำพูดหลี่เจิ้ง
คราวนี้เขาบ่นในใจถึงหลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอ เด็กสาวสองคนนั้นวิ่งออกไปเพื่อเชิญคุณชายหลิว ไม่เช่นนั้นทั้งสองคนจะต้องอยู่ข้างจ้าวซื่อแน่นอน และเป็พยานให้กับจ้าวซื่อได้
หลิวฉินมองปู่หลิน ในใจนึกเยาะเย้ย
เขายกนิ้วขึ้นมองเล็บที่ตัดแต่งมาอย่างเรียบร้อย กล่าวเสียงเบา “ทุกคนก็มองออกว่าทั้งคู่ต่างก็ยืนกรานในเื่ของตัวเอง ฝั่งสะใภ้ใหญ่จ้าวซื่อก็มีเื่ของนาง ฝั่งหลินฟู่อินก็มีเื่ของนาง ถ้าให้เป็เื่ง่ายก็แค่รายงานกับทางการและเ้าหน้าที่ตามที่หลินฟู่อินบอก” หลังจากหยุดพัก เขาก็ยิ้มและกล่าวต่อ “ไม่ว่าจะเป็ใคร อย่างไรเ้าเมืองก็คงลงมือลงไม้สักทีสองทีก็น่าจะสารภาพได้แล้วละ”
เมื่อได้ยินประโยคนั้นเข้าว่าเ้าเมืองจะลงโทษ สีหน้าจ้าวซื่อพลันขาวโพลนราวหิมะ
หลิวฉินมองไปที่นางและจงใจกล่าวว่า “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ สีหน้าของท่านขาวเหมือนหิมะทีเดียว ท่านกำลังกลัวหรือเปล่าน่ะ?”
“กลัว กลัวอะไรกัน? เหตุใดข้าต้องกลัวด้วย” จ้าวซื่อปากแข็ง
หลิวฉินยิ้มอ่อนโยน พยักหน้าชื่นชมนาง “ท่านป้าใหญ่ กระดูกสันหลังของท่านคงจะแข็งแรงดี ไม่กลัวก็ดีแล้ว ท่านไม่มีพยาน เมื่อรายงานเื่เหล่านี้กับเ้าหน้าที่ให้ทราบเื่ของท่าน เ้าเมืองคงจะลงไม้ที่ท่านก่อนเป็คนแรก”
“มะ มะ…” จ้าวซื่อใกับคำพูดของหลิวฉินจนวางมือลงจากต้นขาของหลินฟู่อินและกล่าวซ้ำๆ ว่า “ข้าจะไม่รายงานเื่นี้กับทางการ ข้าจะไม่รายงานเื่นี้กับทางการ”
หลินฟู่อินหัวเราะขึ้นมา หลิวฉินยกนิ้วโป้งให้ จากนั้นก็มองไปที่จ้าวซื่อและเยาะเย้ย “แล้วหากข้าไปรายงานเื่นี้กับทางการล่ะ?”
“ท่านพ่อ นางเด็กคนนี้้าชีวิตของข้า นางไม่สามารถเตะข้าให้ตายได้ ดังนั้นนางเลยจะให้เ้าเมืองจัดการตีข้าจนตายแทน” จ้าวซื่อร้องออกมา “นี่ก็เป็เื่โกหกอีกเื่”
ผู้คนในหมู่บ้านหูลู่รู้ดีว่าจ้าวซื่อเกรงกลัวหลินฟู่อิน
หลิวฉินมองเห็นปากที่สั่นระริกนั่น เขามองไปที่หลี่เจิ้งและผู้าุโทั้งสาม ก่อนเอ่ยปาก “บางทีพวกท่านอาจจะยังไม่ทราบกันว่าฟู่อินน่ะ นางช่วยบรรดาสตรีในเมืองให้ไปหาหมอ ไม่ให้แขวนคอ ไม่ว่าจะเป็คนร่ำรวยหรือคนยากจนต่างก็สรรเสริญนางทั้งนั้น ฝีมือการแพทย์ของนางก็ดีมาก แล้วจะเป็ไปได้อย่างไรที่นางจะทำตัวโหดร้ายถึงขนาดวางแผนฆ่าป้าและหลานแท้ๆ ของตัวเองได้ พวกท่านคิดว่านี่มันน่าเชื่อถือเช่นนั้นหรือ?”
หลี่เจิ้งและผู้าุโทั้งหลายรู้สึกอับอายอยู่พักใหญ่
ชื่อเสียงของหลินฟู่อินนั้นเป็ที่เลื่องลือในเมืองนัก การที่บ้านเกิดของนางจะเกิดข่าวลือไร้สาระเช่นนี้มีแต่เื่น่าขำ
ผู้คนเริ่มจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การกระทำอันเสียสติของจ้าวซื่อ
“จ้าวซื่อ ทุกท่านได้พูดอย่างที่ควรพูดออกมาแล้ว ฟู่อินเป็หมอและช่วยชีวิตคนเท่านั้น ไม่ทำอันตรายเ้าหรอก เ้าก็ได้ยินที่คุณชายหลิวกล่าวแล้วนี่ หากเ้าไม่มั่นใจ เช่นนั้นเ้าสามารถร้องเรียนกับเ้าหน้าที่ทางการได้เลย ข้าไม่สามารถดูแลเื่ภายในครอบครัวได้หรอกนะ” หลี่เจิ้งกล่าว “ข้าไม่สามารถจัดการเื่ภายในครอบครัวได้” หลี่เจิ้งจับเคราแพะของตนก่อนกล่าวออกมา
ท่าทีของจ้าวซื่ออ่อนลง ชายชราก่นด่านางในใจ จ้าวซื่อคนนี้กล้าที่จะทำเื่ที่เคยทำมาก่อน ตอนนี้นางจะมาถูกหลอกด้วยคำไม่กี่คำ เป็เื่ไร้ยางอายยิ่งนัก
“ท่านผู้เฒ่าหลิน เื่นี้ท่านคิดว่าควรจะจัดการเช่นไรดี?” มองเห็นจ้าวซื่อก้มศีรษะลงและไม่กล่าวอะไรออกมา หลี่เจิ้งจึงถามปู่หลิน
ปู่หลิน้าพูดคลี่คลายสถานการณ์ให้จ้าวซื่อ แต่เมื่อเขาเห็นหลี่เจิ้งและผู้าุโอีกสามตระกูล รวมถึงคุณชายใหญ่หลิวซึ่งจ้องตรงมายังตน เขาก็เกิดความกลัวขึ้นในใจ
ยิ่งหลินฟู่อินมิได้มีท่าทีตื่นตระหนก ดวงตาของนางจับจ้องมาที่เขาอย่างเยาะเย้ย ถึงแม้เขามีความตั้งใจเ่าั้แต่ก็ไม่พูดอะไรออกไป
ขณะนั้นเองที่หลินต้าซานผลักฝูงชนเข้ามา เขาเพิ่งเดินทางไปบ้านของซิ่วไฉชราเพื่อรับคู่สามีภรรยาและหลินต้าหลางมา
เขาเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาและเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดทุกคนไม่นั่งที่โต๊ะ มารวมตัวที่ประตูทำไมกัน?”
“โอ้ เ้ากลับมาแล้ว” บรรดาผู้คนที่มุงดูอย่างเกียจคร้านเห็นหลินต้าซานกลับมา ก็เริ่มอธิบายแก่เขา “หลินต้าซาน ภรรยาของเ้าบอกว่าหลานสาวของนางหลินฟู่อินเตะนางล้มลง และ้าจะเอาชีวิตนางละ”
ใบหน้าของหลินต้าซานย่ำแย่ลง ก่อนจะมองไปที่หลินฟู่อินราวกับมีดคมกริบ “เพราะเหตุใดเ้าถึงทำเช่นนั้น? เ้าเป็คนร้ายกาจเช่นนี้หรือ หลินฟู่อิน? ท่านป้าใหญ่ของเ้ากำลังตั้งท้องอยู่นะ แค่เตะเพียงหนึ่งครั้งจากเ้าก็สามารถฆ่านางและลูกได้แล้ว!”
“ช่างเป็สตรีที่จิตใจต่ำช้ายิ่งนัก!” หลินต้าหลางชำเลืองมองหลินฟู่อินอย่างเ็า เสแสร้งจงใจทำตัวเป็บุตรกตัญญู เขาหมอบลงเพื่อช่วยดึงจ้าวซื่อขึ้นมา
เมื่อจ้าวซื่อเห็นว่าหลินต้าหลางมาถึงและย่อตัวลงมาเพื่อช่วยดึงนางให้ลุกขึ้น นางก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากและคว้ามือของหลินต้าหลางเอาไว้ ก่อนจะร่ำไห้ออกมา “ต้าหลาง ข้าเกือบจะไม่ได้อยู่ดูเ้าแล้ว!”
มองเห็นบุตรและหลานชายกลับมาถึง ปู่หลินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลี่เจิ้งเห็นว่าทุกอย่างกำลังจะจบลง แต่เพราะหลินต้าซานและบุตรชายอยู่ที่นี่ เกรงว่ายังมีปัญหารออยู่ คิ้วของเขาเลิกขึ้นทันที
หลินฟู่อินรู้สึกว่าการที่หลินต้าหลางมาน่าจะดีกว่า และเื่จะคลี่คลายได้ดีกว่าเดิม
“ข้าก็บอกไปแล้ว ตราบใดที่รายงานเื่ทุกอย่างไปกับเ้าหน้าที่ทางการให้เข้าใจ แต่พวกท่านไม่อยากไปแจ้งเ้าหน้าที่ทางการ แล้วข้าถูกรั้งตัวไว้ตรงนี้ทำไมกันล่ะ?” หลินฟู่อินเยาะเย้ยและมองหลินต้าหลาง “พี่ต้าหลาง ท่านเป็ซิ่วไฉ ท่านแม่ของท่านเกือบจะถูกข้าเตะถึงแก่ความตาย ท่านศึกษาเื่กฎหมายมามากนี่ ท่านควรจะรีบพาท่านป้าใหญ่ลุกขึ้นแล้วไปแจ้งทางการเสีย”
“แจ้งทางการ? ใครกันที่จะไปแจ้งทางการ?” หลินต้าหลางตะคอกก่อนเงยหน้าขึ้นมองหลินฟู่อิน พูดด้วยน้ำเสียงประณามว่า “เ้าไม่คิดหรือว่าเ้าช่างใจร้ายที่จะทำร้ายสตรีสักคน เ้าอยากให้ชื่อเสียงของเ้ามัวหมองอย่างนั้นหรือ?”
ความหมายก็คือ้ากล่าวหาหลินฟู่อินว่าไม่สนใจชื่อเสียงของตน ไม่สนใจชื่อเสียงของครอบครัวหลิน และนำพาแต่เื่ไม่ดีมาให้ทุกคน
หลินฟู่อินกำลังจะเอ่ยปาก แต่หลิวฉินก็กล่าวแทรกขึ้นมาว่า “ซิ่วไฉหลินต้าหลาง อย่าพูดออกมาทั้งหมดเลย หากฟู่อินตั้งใจจะทำร้ายคนจริงๆ หรือแม้กระทั่งทำร้ายท่านแม่ของท่านก็เถอะ ทุกคนทราบดี ทุกคนมีตาที่มองเห็นได้ ฟู่อินมีพยาน ส่วนท่านแม่ของท่านน่ะไม่มีพยานที่จะพิสูจน์ว่าหลินฟู่อินเตะนางจริงหรือไม่” หลิวฉินเลิกคิ้วเชิงดูิ่ ดูไม่ดีนักทว่าหล่อเหลา
การปรากฏตัวของเขาที่แฝงอยู่ในฝูงชนทำให้หลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอหัวใจกระตุกเล็กน้อย
เป็เพราะในตอนนั้นพวกนางมิได้สนใจมารดาของตน พวกนางรู้สึกว่าสิ่งที่คุณชายหลิวพูดนั้นถูกต้อง
หลินฟู่อินกวาดตาไปยังกลุ่มคนที่รวมตัวกัน จากนั้นก็มองเห็นหลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอ สองสาวพี่น้องพบว่าหลินฟู่อินมองไปยังใบหน้าของหลิวฉิน และใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้มอันไร้เดียงสา หัวใจพวกนางเต้นรัว
ทันใดนั้นก็เกิดความคิดดีๆ ขึ้นมา
หลินต้าหลางมองหลิวฉินด้วยสายตาดำมืด เห็นอีกฝ่ายดูร่ำรวยและโดดเด่นผิดปกติ ในใจก็ทราบดีว่านี่จะต้องเป็คุณชายใหญ่หลิวฉินที่บิดาเขาพูดถึง เขาปิดบังแววตามืดครึ้มของตน
ท้ายที่สุด เขาเอ่ยปากอย่างไม่เต็มใจ “ในเมื่อฟู่อินมีพยาน เช่นนั้นข้าขอฟังเื่ราวจากพยาน เล่ามาให้ข้าฟังบ้างสิ”
ตอนนั้นเอง หลินเฟินและหลินฟางสองพี่น้องก็ขยับตัวมาด้านหน้า จากนั้นหลินเฟินจึงเล่าย้อนเื่ราวที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ความสนใจของทุกคนจึงพุ่งตรงไปที่หลินเฟิน
หลินฟู่อินเดินช้าๆ ไปหยุดอยู่ข้างหลิวฉิน พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
หลิวฉินฟังหลินฟู่อินแนะนำ ถึงเขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึง้าให้เขาลงมือทำอะไรเช่นนั้น แต่สิ่งที่หลินฟู่อินกล่าว เขาย่อมช่วยนางได้อย่างไม่มีเงื่อนไข
จากนั้นเมื่อหลินเฟินเล่าจบ หลิวฉินจึงหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “ท่านซิ่วไฉหลินคงจะเข้าใจทุกเื่แล้วกระมัง? หากยังมีเื่สงสัยกันละก็ เช่นนั้นข้าจะเป็คนช่วยตัดสินใจเอง เอาอย่างนี้ละกัน หากท่านใดสามารถพิสูจน์ได้ว่าเื่ที่เกิดขึ้นที่กล่าวว่าหลินฟู่อินเตะผู้คน หรือจ้าวซื่อกล่าวความเท็จ ข้าผู้เป็สุภาพบุรุษจะเชิญเขาเ่าั้ไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารหลิวจี้ และได้รับรางวัลอีกห้าตำลึงเงิน”
หลังจากหลิวฉินพูดจบ ฝูงชนก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเื่ดังกล่าว
ในใจของปู่หลินและหลินต้าหลางรู้ดีว่าคำพูดของหลิวฉินตรงกันข้ามกับจ้าวซื่อ
เหตุผลก็เป็ที่รู้กันดีว่าจ้าวซื่อโกหกและกำลังกล่าวความเท็จใส่หลินฟู่อิน ดังนั้นพวกเขาจึงกลัวว่าจะมีคนอื่นนอกจากเฟิงซื่อและบุตรสาวสองคนเห็นสิ่งเ่าั้
ทว่าหากคุณชายใหญ่หลิวไม่กระทำการใด ทุกคนก็จะไม่ขยับปากเอ่ยเพราะเป็คำสั่งที่ห้ามใครพูดอะไรทั้งนั้น
แต่ตอนนี้มีเงินรางวัลห้าตำลึงเงิน และได้ไปรับประทานอาหารในภัตตาคารที่ดีที่สุดของเมือง เกรงว่าจะไม่มีคนให้ความสำคัญกับคำพูดของเขาแล้ว
หลินฟู่อินเพียงจับจ้องไปยังหลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอสองพี่น้องเท่านั้น นางเห็นดวงตาของทั้งสองเปล่งประกายสดใสและมองไปที่หลิวฉิน ทันใดนั้นพวกนางก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ะโออกมาจากตรงนั้นได้
สองสาวพี่น้องชี้มือไปยังจ้าวซื่อ ก่อนจะกล่าวเป็เสียงเดียวกันว่า “ท่านแม่นั่นแหละที่ใส่ความหลินฟู่อิน!”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันตรงหน้าทำให้บรรดาผู้ชมแทบจะทรุดร่างลงกับพื้น เบิกตากว้าง อ้าปากกว้างและมองไปยังสองพี่น้อง
ถึงจะมีพยานออกมาพูดแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าจะเป็บุตรสาวของจ้าวซื่อออกมา อา…
เกิดเื่สนุกแน่!
สองสาวพี่น้องไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองจนต้องะโออกมาเข้าร่วมด้วย หลินฟู่อินหัวเราะกับการใช้แผนชายงาม และมันก็สำเร็จเสียด้วย
เมื่อมีคนโง่สองคนออกมากล่าวว่าจ้าวซื่อใส่ความเท็จแก่หลินฟู่อิน ใบหน้าของพวกเขาก็ดำทะมึนทันที
หลินต้าซานแผดเสียงดังลั่นว่า “พวกเ้าทั้งสองคนหุบปาก กลับไปยังห้องของพวกเ้าซะ อย่าทำให้ข้าอับอาย!”
หลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอใกลัวแทบตายแล้ว พวกนางมองไปยังหลิวฉิน
สายตาสองคู่อันน่าสงสารจ้องไปยังหลิวฉิน ขณะที่หลิวฉินมองกลับไปยังสายตาทั้งคู่ที่ราวกับถอดมาจากจ้าวซื่อ ขนบนตัวของเขาพลันลุกชันทั่วร่าง
เพื่อไม่ให้เป็การเสียเวลาต่อหลินฟู่อิน เขาจงใจโปรยยิ้มใส่ และมองด้วยสายตาอ่อนโยน “พวกเ้าทั้งสองไม่ต้องกลัวไป สิ่งที่พวกเ้ากล่าวออกมา ตราบใดที่เป็เื่จริง พวกเ้าไม่ได้คำนึงถึงเื่ส่วนตน มา พี่ชายจะพาเ้าทั้งสองไปทานอาหารกัน” พอมาคิดดูแล้วดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก
เขายิ้มและกล่าว “แน่นอน ซิ่วไฉหลินและหลินฟู่อินได้รับเชิญไปทานอาหารด้วยกัน เชิญเลย”
เขาพูดเพื่อให้กำลังใจหลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอ
หลินเสี่ยวเหอเกิดความกล้าขึ้นมา จึงเปิดปากเอ่ยขึ้นว่า “ใช่แล้วเ้าค่ะ ท่านแม่ของข้าน่ะหกล้มลงไป โชคดีว่าได้หลินฟู่อินช่วยเอาไว้ ตอนนั้นข้ากำลังช่วยจับแขนท่านแม่พร้อมกับเสี่ยวเถา ข้าปล่อยมือท่านแม่ก่อน จากนั้นเสี่ยวเถาก็ปล่อยมือท่านแม่ไปอีกคน ท่านแม่ของข้าก็เลยเกือบจะล้มลง ท่านแม่คงจะหวาดกลัวมากเพราะนางร้องเสียงดังลั่นเลย ข้ามองกลับไปก็เห็นหลินฟู่อินกำลังช่วยดึงท่านแม่เอาไว้เ้าค่ะ”
“ใช่แล้วเ้าค่ะ ข้าก็มองกลับไป นี่ถ้าไม่ใช่เพราะหลินฟู่อินเกรงว่าท่านแม่คงจะล้มไปแล้ว นางรีบวิ่งเข้าไปช่วยท่านแม่เอาไว้เ้าค่ะ” หลินเสี่ยวเถาเอ่ยอย่างไม่เต็มใจนัก
คราวนี้เื่จริงก็ปรากฏออกมาในที่สุด
ใบหน้าจ้าวซื่อเปลี่ยนเป็สีแดงทันที
บรรดาคนรอบข้างที่มองจ้าวซื่อพลันเกิดความรู้สึกรังเกียจ พลางคิดว่าจ้าวซื่อคนนี้ช่างไม่มีจิตสำนึกเสียจริง แถมยังกระทำเื่น่าเกลียดออกมาเช่นนี้
ปู่หลิน หลินต้าหลาง และหลินต้าซานมีสีหน้าซีดขาวสลับกัน พวกเขารู้สึกละอายใจในตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปู่หลิน เพราะเขาเป็ผู้กล่าวโทษว่าหลินฟู่อินอาจจะเตะจ้าวซื่อแบบไม่ตั้งใจก็เป็ได้
บุตรสาวทั้งสองของจ้าวซื่อทำเื่ดี แต่ราวกับตบหน้านาง
หลินฟู่อินยกริมฝีปากขึ้นและมองไปที่ปู่หลิน รวมทั้งคนใกล้เคียงในห้องโถงใหญ่ นางมองท่านปู่หลินด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
สีหน้าของชายชราน่าเกลียดขึ้นทันทีเมื่อนางมองมายังเขา หลินต้าหลางเงยหน้าขึ้นมาเจอ เขาได้แต่กำหมัดและปล่อยออก
เขาเดินเข้าไปหาหลินฟู่อิน ก้มตัวลงและกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “น้องฟู่อิน นี่เป็ความผิดของท่านแม่ข้าเอง ท่านคงจะสับสนและทำอะไรไม่คิดลงไปจนทำผิดต่อเ้าแล้ว! ข้าขอโทษแทนท่านแม่ของข้า ข้าหวังว่าน้องฟู่อินจะยกโทษให้ท่านแม่ของข้าในครั้งนี้ เพราะนางกำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย”
เมื่อหลินฟู่อินเห็นเขาแสดงท่าทีเช่นนี้ นางจึงยิ้มและเอ่ยเสียงเบา “หากท่านพูดเช่นนี้ก่อนหน้านี้ คงไม่เกิดเื่ราวใหญ่โตเช่นนี้”
หลินต้าหลางก้มศีรษะลง ประกายตาแฝงความชั่วร้ายเอาไว้ “ใช่แล้ว น้องฟู่อินกล่าวถูกต้อง เป็ความผิดของข้าเอง ข้าปกป้องท่านแม่มากเกินไป ข้าต้องขอให้เ้ายกโทษให้กับความเห็นแก่ตัวของบุตรชายเช่นข้าด้วย”
นี่นับได้ว่าเป็คำพูดขอโทษอันสง่างาม ยอมรับผิดและขอโทษต่อทุกคนแทนจ้าวซื่อ ในขณะเดียวกันก็แสดงความกตัญญูของเขา หลินต้าหลางด้วย
หลินฟู่อินไม่้าปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่้า นางยิ้มและพูดขึ้น “พี่ต้าหลาง ข้ารู้ว่าท่านเป็บุตรกตัญญูเ้าค่ะ ข้ายังทราบดีว่าท่านป้าใหญ่ไม่ได้้าจะใส่ความเท็จว่าข้าทำร้ายนาง นางเพียง้าให้ข้ายอมอ่อนข้อและส่งเงินทั้งหลายเพื่อให้ท่านนำไปใช้ในการเรียนและการสอบเลื่อนระดับเ้าค่ะ”
เป็ครั้งแรกที่เขาได้ยินการพูดถึงเื่นี้ต่อหน้าทุกคน สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที
ปู่หลินเองก็กังวลและโกรธเมื่อได้ยิน แต่เขาเองไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมาต่อหน้าผู้คน
มีเพียงหลินต้าซานที่จ้องหลินฟู่อิน ก่อนจะดุว่า “ฟู่อิน นี่เ้ากำลังพูดเื่อะไรกัน? ท่านป้าใหญ่ของเ้าจะเป็คนเช่นนั้นได้อย่างไร?”
หลินฟู่อินหัวเราะ “แหม หากท่านป้าใหญ่มิได้เป็คนเช่นนั้น แล้วเป็คนเช่นไรกันล่ะเ้าคะ?”
จ้าวซื่อเป็คนอย่างไรกันแน่น่ะหรือ? ใครในหมู่บ้านหูลู่ที่จะไม่ทราบกันเล่า?
เป็คนอย่างที่หลินฟู่อินกล่าวมาอย่างไรล่ะ
ดังนั้นทุกคนจึงทำเพียงก้มหน้าและหัวเราะกันอย่างลับๆ
หลินต้าหลางเงยหน้าขึ้น กวาดตามองหลินฟู่อินอย่างมืดมน เขาขบกรามคิดชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า “ฟู่อิน เ้าเข้าใจผิดแล้วละ ท่านแม่ของข้าอาจจะชอบพูดจาไร้สาระ เื่นี้ข้ารู้ดี ข้ารู้ว่าทุกท่านก็รู้ ในเมื่อเป็เช่นนั้นเหตุใดเ้าต้องไปยุ่งเกี่ยวกับนางด้วยเล่า?”
“พี่ต้าหลางไม่้าให้ข้ายุ่งเกี่ยวกับท่านลุงใหญ่ ท่านป้าใหญ่อย่างนั้นหรือ?” หลินฟู่อินถามด้วยรอยยิ้ม
หลินต้าหลางกำหมัดของเขาอีกครั้ง จากนั้นจึงปล่อยออก และพยักหน้า “แน่นอน ข้าหวังว่าน้องฟู่อินจะไม่เข้าใจข้าผิดไป”
หลินฟู่อินพยักหน้ารับ ก่อนจะมองไปยังหลี่เจิ้ง
หลี่เจิ้งได้รับสัญญาณลับจากนาง จึงมองไปยังหลินต้าหลาง ก่อนจะยิ้มและกล่าว “ในเมื่อซิ่วไฉหลินมีความจริงใจในการขอโทษแทนมารดาของเขาแล้ว นี่นับเป็เื่ดี แต่ข้าก็เข้าใจในเื่ที่ฟู่อินพูดเช่นกัน นางคิดว่ามารดาของเ้าจงใจใส่ความนาง และ้าจะข่มขู่นางเพื่อให้มอบเงินทองสนับสนุนการเรียนของเ้า เช่นนั้นเ้าก็จงประกาศให้ทุกคนรับรู้เถอะ ว่าเ้าจะไม่ใช้เงินจากญาติที่ไร้บิดามารดามาสนับสนุนเ้า”
หลังจากหลี่เจิ้งกล่าว ผู้าุโทั้งหลายก็จ้องเขม็งไปยังหลินต้าหลาง
บรรดาคนที่อยู่รอบๆ ต่างเห็นด้วย “ใช่แล้ว ถึงแม้ซิ่วไฉหลินจะไม่มีความคิดเหล่านี้ก็เถอะ นี่เป็เื่ดีที่เขาจะได้ประกาศจุดยืนของตัวเอง และยังสร้างความมั่นใจให้ฟู่อินด้วย นางเป็แค่เด็กสาวตัวเล็กๆ แถมยังมีน้องเล็กอีกสองคนอีก ถึงนางจะมีความสามารถหาเงินมาได้ แต่ก็ต้องใช้ประทังชีวิตนะ จริงหรือไม่?”
“ใช่แล้ว ไม่ใช่เื่ง่ายเลย หากท่าน้าให้หลินฟู่อินจ่ายเงินให้ซิ่วไฉหลินไปเรียนต่อ นั่นเป็เื่ใจร้ายมากๆ!”
“ถ้าฉู่ซื่อรู้ว่าท่านจัดการดูแลลูกๆ ของนางเช่นไรแล้ว ไม่แน่ว่านางอาจจะลุกขึ้นมาจากหลุมศพและกัดท่านก็ได้…”
ปู่หลินรู้สึกว่าคำพูดของผู้คนเริ่มรุนแรงขึ้นและไม่อาจรับฟังได้อีกต่อไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเกาะเต็มใบหน้า
หลินต้าหลางก้มศีรษะลงและขบกรามเบาๆ เพื่อชื่อเสียงอันดีงามและพร์ของเขาแล้ว เขาจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “ถึงแม้ท่านแม่ของข้าอาจจะมีความคิดเช่นนั้น แต่ข้าไม่มีความคิดเช่นนั้นหรอกขอรับ โปรดวางใจได้เลยเหล่าท่านผู้าุโและทุกท่านในตระกูล!”
เมื่อได้ยินหลินต้าหลางประกาศออกมาต่อหน้าผู้คน ทุกคนก็ผงกหัวรับรู้
หลินฟู่อินขมวดคิ้ว หลินต้าหลางกล่าวคำพูดเหล่านี้หรือ เหมือนเขาจะยังมีลูกเล่นอีกใช่หรือไม่
สิ่งแรกที่นางทำคือกะพริบตาให้หลิวฉินที่กำลังตกตะลึงขณะจ้องมายังหลินฟู่อิน นางชี้นิ้วไปทางปู่หลิน หลินต้าซานและจ้าวซื่อ จากนั้นเขาก็รับรู้ความหมายที่หลินฟู่อิน้าจะสื่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้