อวี่เหวินเจี๋ยหรี่ตา รอยยิ้มหล่อเหลาบนใบหน้ายังคงเบ่งบาน“ฉินชู่อะไร? แม้ว่าทั้งสองคนจะคล้ายกันเล็กน้อย ฉินชู่ก็ยังเป็ฉินชู่สตรีคนนั้นก็ยังเป็ตัวนาง จะเอามาพูดรวมกันได้อย่างไร”
อวี่เหวินหรูเยียนเหลือบมองอวี่เหวินเจี๋ย เลิกคิ้วอย่างครุ่นคิด "ข้าคิดว่าในใจพี่ชายข้ายังคงไม่ลืมสาวงามผู้นั้นข้ายังคิดอยู่เลยว่าถ้าเป็เช่นนี้ต่อไป ให้พี่ชายเอ่ยปากขอสตรีผู้นั้นกับฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉีให้มาเป็ตัวแทนสาวงามก็ดี มาลองคิดดูแล้ว ข้าคงคิดมากไป"
อวี่เหวินเจี๋ยหัวเราะเบาๆ ตัวแทนหรือ
แววตาจ้องมองร่างที่เรียบง่ายนั่นอย่างไม่ละสายตาใบหน้าชายหนุ่มยิ้มแย้ม ทว่าดวงตากลับเ็า
หลังจากนั้นไม่นาน ท่ามกลางสายตามากมาย บุรุษผู้หนึ่งเดินไปหาสตรีด้านข้างเหนียนอีหลานอวี่เหวินเจี๋ยขมวดคิ้วหล่อเหลาของเขาเล็กน้อย
"พี่ชาย นั่นใครหรือ?"เสียงของอวี่เหวินหรูเยียนดังขึ้นทันที ดูเหมือนจะสังเกตเห็นบุรุษชุดขาวและม่วงแล้ว...
หนานกงฉี่หรือ?
เหนียนยวี่มองบุรุษที่เดินเข้ามาคิ้วงามสองข้างอดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากัน
และเมื่อเหนียนอีหลานเห็นเขาเดิมบนใบหน้ามีรอยยิ้มงดงามก็มิอาจทนไหว
เอ้อเปี่ยวเกอบอกอย่างชัดเจนว่าเื่เมื่อคืนจัดการเรียบร้อยแล้ว ทำให้เหนียนยวี่สูญเสียความบริสุทธิ์ได้อย่างแน่นอนแต่ว่าผลลัพธ์เล่า?
นางมิอาจลืมได้ลงว่าเหนียนยวี่ปรากฏตัวต่อหน้านางอย่างไร้ร่องรอยความเสียหายในใจนางไม่รู้สึกยินดี แม้แต่ตอนนี้ ความไม่ยินดีในใจนางก็ยังคงไม่หายไป
“อีหลาน สตรีนางนี้คือ…”วันนี้หนานกงฉี่สวมเสื้อสีขาวม่วง ถือพัดในมือบุคลิกท่วงท่าเสมือนบัณฑิตปัญญาชนผู้คงแก่เรียน รอยยิ้มไร้พิษภัยทำให้ผู้คนที่มองมาไม่ระแวดระวังเขาแต่อย่างใด ทว่าก็เป็เช่นนี้ ยามที่งูแลบลิ้นฉกออกมาในทันใดผู้คนจึงค่อยเข้าใจว่าบุรุษผู้นี้แท้จริงมีพิษร้ายมากเพียงใด
เหนียนยวี่สบตาหนานกงฉี่อย่างไม่ละสายตาใบหน้าราบเรียบ
แม้ในใจเหนียนอีหลานจะตำหนิหนานกงฉี่ที่ทำไม่สำเร็จทว่าก็มิกล้าออกอาการ ฝืนยิ้มออกมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"เอ้อเปี่ยวเกอ นี่คือเหนียนยวี่ น้องสาวข้า...เหนียนยวี่ ยวี่เอ๋อร์ เขาคือเปี่ยวเกอที่คืนนั้นบอกว่าอยากเจอเ้า"
"จริงหรือ?" เหนียนยวี่ยิ้มราบเรียบ พยักหน้าให้หนานกงฉี่"เหนียนยวี่เคยเจอคุณชายหนานกงฉี่แล้ว"
ความโอนอ่อนผ่อนตามเช่นนี้กลับทำให้หนานกงฉี่ยิ่งรู้สึกสนใจ เหนียนยวี่ผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้านี้กับสตรีที่อยู่นอกประตูเมืองในวันนั้นราวกับเป็คนละคนทว่าความห่างเหินและราบเรียบที่แฝงลึกในแววตานั้นกลับเหมือนกันทุกประการ
หนานกงฉี่จ้องมองเหนียนยวี่อย่างไม่ละสายตาครู่หนึ่งประหนึ่งว่าเขากำลังค้นหาบางสิ่งในดวงตาเงียบสงบไร้พิษภัยคู่นั้นฉับพลันเหมือนอะไรมีบางอย่างพาดผ่าน
เหนียนยวี่ขมวดคิ้วทันใดนั้นก็ได้ยินหนานกงฉี่เอ่ยปากขึ้นอย่างแฝงความหมายว่า "เ้าคือยวี่เอ๋อร์งั้นหรือคิดดูแล้ว ข้ากับยวี่เอ๋อร์คงมีดวงสมพงศ์กัน"
ยวี่เอ๋อร์หรือ?
คิ้วของเหนียนอีหลานขมวดหากันแน่นขึ้นเล็กน้อยความสัมพันธ์ของพวกเขา คืบหน้าไปถึงระดับที่จะเรียกแบบนี้ได้ั้แ่เมื่อใดกัน
ไม่เพียงแค่เหนียนยวี่เท่านั้น เหนียนอีหลานเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เอ้อเปี่ยวเกอของตนเรียกชื่อนี้ของเหนียนยวี่ทว่าหลังจากความรู้สึกประหลาดใจ สิ่งที่ตามมาคือการประเมินมองอย่างละเอียดเหนียนอีหลานจับตาดูสายตาของหนานกงฉี่ที่มองเหนียนยวี่ ในใจคาดเดาออกมาได้เื่หนึ่ง
เอ้อเปี่ยวเกอของตนผู้นี้ ไม่ค่อยสนใจสตรีนักทว่าสายตาของเขาเมื่อเห็นเหนียนยวี่นั้นเห็นได้ชัดว่าสนใจอย่างยิ่ง
เอ้อเปี่ยวเกอ เขา...
"เปี่ยวเกอ ท่านอย่าขู่ขวัญยวี่เอ๋อร์" เหนียนอีหลานลากจูงเหนียนยวี่ไม่ชอบหนานกงฉี่ที่มองเหนียนยวี่เช่นนี้เป็ที่สุด
หนานกงฉี่เลิกคิ้ว ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวเข้าไปใกล้เหนียนยวี่ "ขู่ขวัญนางหรือ ฮ่าๆ ความกล้าหาญของยวี่เอ๋อร์น้อยแค่นี้เองหรือ"
วันนั้นที่ประตูเมือง สตรีที่ขี่ม้าข้างหลังเขากล้าหาญอย่างยิ่งยวด!
ในใจหนานกงฉี่ยิ่งเกิดความรู้สึกสนใจในตัวสตรีผู้นี้อย่างไร้สาเหตุ
เหนียนยวี่หรือ
หนานกงฉี่จ้องมองนาง ดวงตาสีนิลคู่นั้นราวกับกำลังคิดคำนวณอะไรบางอย่าง
"เสี่ยวยวี่เอ๋อร์..."
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเหนียนยวี่สะดุ้งใเล็กน้อย นอกจากมู่อ๋องจ้าวอี้ที่เรียกนางเช่นนี้ก็ไม่มีใครอีกแล้ว
เหนียนยวี่มองไปตามทิศทางของเสียงคาดไม่ถึงว่าจ้าวอี้กำลังขี่ม้าพุ่งทะยานมาทางนี้
เหตุใดเขาถึงเข้ามาทางประตูอันชิ่ง?
เหล่าขุนนางอำมาตย์และบรรดาสมาชิกในตระกูลที่เป็สตรีที่จะเข้าวังหลวงต้องเข้าทางประตูอันชิ่ง ส่วนองค์ชาย องค์หญิงและท่านอ๋องไหนแต่ไรมาต้องเข้าทางประตูจูเชวียเหตุใดเขา...
ไม่เพียงแต่เหนียนยวี่เท่านั้นผู้คนที่นั่นต่างก็มองไปทางจ้าวอี้ วันนี้เขายังคงสวมเสื้อสีน้ำเงินภายใต้แสงของดวงอาทิตย์ ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มอย่างเจิดจ้า เป็ประกายสว่างไสวพร่างพราว
ผู้คนมากมายที่ได้เห็นหัวใจเต้นแรงขึ้นดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
ถึงกับลืมไปว่าคนที่ท่านอ๋องมู่เรียกเมื่อครู่คือชื่อของเหนียนยวี่และสายตาของเขาก็ยังคงหยุดอยู่ที่เหนียนยวี่ เคลื่อนตัวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ทว่าเหนียนอีหลานกลับไม่ได้เพิกเฉยในจุดนี้มือของนางที่ถือผ้าเช็ดหน้ากำแน่นขึ้นในทันใด
ในสายตาของเขา มีเพียงเหนียนยวี่จริงหรือ
เสี่ยวยวี่เอ๋อร์...การเรียกอย่างสนิทสนมเช่นนี้ช่างทำให้ในใจของคนฟังเป็ทุกข์มากจริงๆ
เมื่อนึกถึงแผนการที่ล้มเหลวเมื่อคืนนี้เหนียนอีหลานก็ยิ่งออกอาการไม่พอใจ ถ้าหากเหนียนยวี่สูญเสียความบริสุทธิ์ไปจริงๆยามนี้เกรงว่าเหนียนยวี่คงไม่มีหน้าไปเจอท่านอ๋องมู่อีกเป็แน่ น่าเสียดาย...
สูดหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง เงาร่างของม้าก็มาถึงตรงหน้านางและเหนียนยวี่
"ส่งมือเ้ามา" น้ำเสียงแจ่มใสชัดเจนของจ้าวอี้ดังขึ้นเหนือหัวของเหนียนยวี่
เื่ราวจับพลัดจับผลูเช่นนี้เหนียนยวี่ยื่นมือออกไป วินาทีหลังจากนั้น มือของนางถูกฝ่ามือใหญ่จับไว้ ด้วยแรงของบุรุษก็ทำให้ร่างของเหนียนยวี่ะโลอยขึ้นไปและทั้งตัวก็นั่งลงด้านหน้าของจ้าวอี้อย่างมั่นคง
เหนียนยวี่อยู่บนหลังม้าแล้ว ใน่เวลาสั้นๆนั้น ทุกคนอ้าปากค้างในทันที
ท่านอ๋องมู่ เขา...ดึงสตรีผู้หนึ่งขึ้นหลังม้า!
ยามนี้ แขนทั้งสองข้างโอบรอบหญิงสาวไว้แน่นการกระทำที่สนิทสนมเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน
แล้วสตรีผู้นั้นเป็ใคร?
เหนียนยวี่รู้สึกได้ถึงสายตานับไม่ถ้วนที่มองมาสายตาเ่าั้กระสับกระส่าย แรกเริ่มสับสน ทว่าไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็ความอิจฉาริษยา
มุมปากของเหนียนยวี่กระตุกขึ้นอย่างอดไม่ได้ นางรู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อยที่ยื่นมือออกไปเมื่อครู่นี้
ดีมาก...วันนี้เกรงว่านางจะกลายเป็ศัตรูของหญิงสาวมากมายแน่แล้ว
โชคดีที่จ้าวอี้ดึงเหนียนยวี่ขึ้นหลังม้าและไม่ได้รั้งรออยู่นานมากเขากระตุกบังเหียน โอบเหนียนยวี่ไว้ในอ้อมแขนและขี่ม้าผ่านประตูอันชิ่งไป
เสียงเกือกม้าดังไกลออกไปเรื่อยๆ จนลับหายไป
ด้านนอกประตูอันชิ่งกลับมาเงียบสงบความสงบเงียบนั้นใกล้เคียงกับความแปลกประหลาด
แทบทุกคนยังคงติดอยู่กับฉากเมื่อครู่
"ใคร...สตรีนางนั้นเป็ใคร"ไม่รู้ว่าเป็ใครที่ถามประโยคนี้ ช่างถามออกมาตรงกับความคิดในใจของผู้คนมากมาย
ทว่าหลังจากคำถามนี้ก็ยังคงมีแต่ความเงียบอยู่นาน ดูเหมือนแต่ละคนกำลังคาดเดาตัวตนของสตรีผู้นั้น
"ใช่แล้ว!"ทันใดนั้นก็มีเสียงคนอุทานขึ้นมา "สตรีนางนั้นยืนอยู่กับคุณหนูใหญ่ตระกูลเหนียนหรือว่าจะเป็คุณหนูรองตระกูลเหนียน?"
น้ำเสียงของหญิงสาวคนนั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทว่าการกล่าวถึงนี้ ทำให้ใครหลายคนเกิดความคิดขึ้นมา
ในเมืองชุ่นเทียนไม่มีผู้ใดไม่ทราบชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่ตระกูลเหนียนทว่ากลับไม่เคยได้ยินเื่ของคุณหนูรองตระกูลเหนียนเลย
ผู้คนเล่าลือกันว่าคุณชายรองตระกูลเหนียนเดิมทีเป็สตรี
ได้ยินว่า...เหนียนยวี่ถูกองค์หญิงใหญ่ชิงเหอรับเป็บุตรีบุญธรรมและได้บันทึกนามลงในทะเบียนของราชสำนักแล้ว ทว่ากลับสูญเสียความโปรดปรานไปอย่างรวดเร็ว...
สตรีผู้นั้นก็คือคุณหนูรองที่สูญเสียความโปรดปรานน่ะหรือ?
คุณหนูบุตรีอนุที่สูญเสียความโปรดปรานเหตุใดถึงได้...ใกล้ชิดกับท่านอ๋องมู่เยี่ยงนี้!
เหตุการณ์ที่เห็นเมื่อครู่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเห็นได้ชัดว่าค่อนข้างไม่ธรรมดา
“หึ น่าสนใจ” บนรถม้า ทั้งสองคนที่เฝ้ามองเื่ทั้งหมดก่อนหน้านี้สีหน้าแววตาเปลี่ยนไป ดวงตาอวี่เหวินเจี๋ยฉายแววสนใจอย่างมากหากคนที่จ้าวอี้พาไปคือเหนียนอีหลาน เขาก็คิดว่ามันสมเหตุสมผลทว่าคนที่เขาพาไปกลับเป็อีกคน และคุณหนูใหญ่ตระกูลเหนียนนั่น...