เซวียเสี่ยวหรั่นแค่นเสียงหึ "วางใจได้ เนื้อหมูของพวกเขาต่อให้ยกให้เปล่าๆ ข้ายังรังเกียจว่าไม่สะอาด"
ทันทีที่พูดจบก็ลุกขึ้น หิ้วชายกระโปรงเดินไปเติมฟืนใต้เตาหิน
"ข้าจะไปดูน้องมู่เซียงสักหน่อยนะ"
ซีมู่เซียงกำลังยุ่งอยู่กับการตัดเย็บกระโปรงยาวสีแดงให้เธอ
"น้องมู่เซียง ตลาดนัดหมู่บ้านลิ่วไผมีวันไหน"
เมื่ออยู่ไม่ไกล เธอก็ควรตามพวกซีต้าเฉียงไปสักครั้งน่าจะสะดวกหน่อย
"ที่หมู่บ้านลิ่วไผมีตลาดนัดทุกห้าวันเ้าค่ะ ครั้งหน้าก็เป็วันมะรืน ต้าเหนียงจื่ออยากไปหรือ" มือของซีมู่เซียงยังคงเคลื่อนไหวตลอดเวลา
"อื้อ ข้าอยากไปซื้อของหน่อย จะให้รบกวนบิดาเ้าทุกครั้งก็กระไรอยู่" เซวียเสี่ยวหรั่นอยากทำความรู้จักกับโลกใบนี้ให้มากขึ้นด้วย "น้องมู่เซียง เ้าจะไปด้วยกันไหม"
ซีมู่เซียงเงยหน้าขึ้นมอง ทำท่าขบคิดก่อนจะพยักหน้า "ดีเลย ข้าไม่ได้ไปเดินชมตลาดมานานมากแล้ว"
พอรู้ว่าซีมู่เซียงจะไปเป็เพื่อน เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยอุ่นใจขึ้น
"เอาไว้ตัดเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ข้าจะสอนเ้าถักชุดไหมพรม ไม่มีอะไรซับซ้อน ฝีมือการเย็บปักของเ้าดีเพียงนี้ ต้องถักได้ดีอย่างแน่นอน"
ดวงตาของซีมู่เซียงทอประกายวิบวับ "ท่านย่าช่วยข้าฟั่นใยป่านเป็เส้นหนาเอาไว้ไม่น้อย"
"อื้ม ใช้ได้ ป่านเส้นหนาของพวกเ้าสามารถย้อมสีได้ เสื้อที่ถักออกมาก็จะยิ่งงดงามมากขึ้น"
เซวียเสี่ยวหรั่นแนะนำ เข้าหมู่บ้านครั้งนี้ เธอพบว่าผู้สูงวัยทั้งหญิงชายในขู่หลิ่งถุนมักสวมชุดพื้นเมืองซึ่งมีเอกลักษณ์ ผ้าเ่าั้พวกนางก็คงจะทอและย้อมสีเอง
ซีมู่เซียงพยักหน้า "ผ้าฝ้ายของพวกเราล้วนย้อมสีกันเอง"
ทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่ง เซวียเสี่ยวหรั่นก็ออกไปดูไฟ
ก่อนจะย่อตัวลง เธอต้องเสียเวลาดึงชายกระโปรงไปด้านหน้าแล้วหนีบไว้ที่หว่างขาทั้งสอง ถึงจะนั่งย่อตัวลงมาได้
"ใครกันเป็คนกำหนดว่าสตรีจะต้องสวมกระโปรงยาว คงจะว่างมากเลยสินะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นบ่นพึมพำ กระโปรงตัวใหม่เพิ่งสวมได้สองวัน ชายกระโปรงก็เปรอะเปื้อนขนาดนี้แล้ว
เหลียนเซวียนซึ่งไม้เท้าเดินโขยกเขยกออกมาจากหลังห้องครัวถึงกับหยุดชะงัก
แม่นางผู้นี้แล่นมาจากที่ใดกันแน่ หรือสตรีที่นั่นไม่สวมกระโปรงยาว?
เหลียนเซวียนกลั่นกรองประโยคสุดท้ายของเธอได้โดยปริยาย
เซวียเสี่ยวหรั่นเติมฟืนเรียบร้อยก็ลุกขึ้น "เหลียนเซวียน อาเหลยเล่า? ยังไม่กลับมาอีกหรือ"
"ไป... หลังเขา"
พอฝนหยุด ลิงตัวนั้นก็ย่องออกไป เหลียนเซวียนเดินไปที่ระเบียงอย่างเงียบเชียบ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะซักประวัติของนาง
"เฮ่อ อาเหลยชอบป่าเขาเช่นนี้ พามันมาัักับโลกของผู้คน ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด"
ป่าหลังฝนมีแต่ความเขียวขจีอันชุ่มชื้น เสียงสกุณาขับขานเสนาะหู เซวียเสี่ยวหรั่นมองผืนป่าเ่าั้แล้ว รู้สึกว่าการใช้ชีวิตในป่าก็ไม่เลวนัก
อย่างน้อยสายตาของเธอตอนนี้ก็ดีกว่าเมื่อสองเดือนก่อนมากแล้ว
หากสถานการณ์แคว้นหลีไม่มีาวุ่นวายอีก เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็น่าจะดี
เซวียเสี่ยวหรั่นมองไปทางหลังเขาพลางนึกวางแผนอยู่ในใจ
การที่เธอยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้นทำให้เหลียนเซวียนไม่ค่อยสบายใจ
นางเป็อะไร กำลังเหม่อลอย หรือคิดฟุ้งซ่านอันใดอีกแล้ว
ยามพูดมากก็รู้สึกว่านางน่ารำคาญ แต่พอไม่พูดกลับรู้สึกว่านางมีบางอย่างปิดบังตนเองอยู่ ทำให้เหลียนเซวียนรู้สึกหงุดหงิด
"เปรี๊ยะๆ" เสียงฟืนปะทุจากก้นเตา
เซวียเสี่ยวหรั่นได้สติกลับมา ก็รีบไปหยิบผ้าขี้ริ้วที่วางไว้ตรงขอบหน้าต่าง นี่เป็เศษผ้าที่ตัดมาจากชายอาภรณ์ตัวเดิมของเหลียนเซวียน
เนื้อผ้าของอาภรณ์ตัวนั้นของเขาดีมาก แต่สวมใส่มานานหลายเดือนจนขาดหมดแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นจึงต้องตัดชายอาภรณ์ที่ขาดจนเกินจะซ่อมแซมออกมาใช้ประโยชน์ ส่วน้าที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็ให้ซีมู่เซียงช่วยแก้เป็ชุดตัวในให้
ด้วยเหตุนี้ เหลียนเซวียนจึงมีชุดตัวในที่ทำเสร็จแล้วหนึ่งชุด
เธอใช้ผ้าขี้ริ้วจับฝาหม้อ เปิดดูความแรงของไฟ พอเห็นว่าพอประมาณแล้ว ก็ยกหม้อลงจากเตาแล้วเทใส่ชามของเหลียนเซวียน
"เหลียนเซวียน วันมะรืนข้าจะไปตลาดนัดหมู่บ้านลิ่วไผกับพวกท่านลุงซี ต้องไปซื้อของที่ต้องใช้ยามเลี้ยงแขกกลับมา" เซวียเสี่ยวหรั่นยกยาออกมาจากห้องครัว
เพิ่งบอกนางไปหยกๆ ว่าอย่าออกจากบ้านบ่อยนัก แวบเดียวนางก็โยนทิ้งไปจากสมองเสียแล้ว เหลียนเซวียนจ้องเธอไม่พูดสักคำ
เซวียเสี่ยวหรั่นวางยาผึ่งไว้ให้เย็น ไม่ได้ยินเสียงตอบตกลง พอหวนนึกดูก็เข้าใจความคิดของเขา
"ข้าไปกับพวกท่านลุงซี มู่เซียงก็ไป ไม่เกิดเื่หรอก อีกอย่าง ก็ต้องไปซื้อเนื้ออยู่แล้วด้วย จะให้อดอาหารเพราะสำลักติดคอ ไม่ออกไปแม้แต่หน้าประตูเลยหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นแค่นเสียงเยาะ "ครั้งนี้ข้าจะเอาพริกติดตัวไปด้วย ใครกล้ามาแหย็ม แม่จะจัดให้น้ำมูกน้ำตาไหลนองหน้าไปเลย"
ถ้อยคำคุยโวของเธอทำให้เหลียนเซวียนรู้สึกขบขันจนแทบกลั้นไม่อยู่ ต้องเกร็งใบหน้า "ถ้าเจอ... คนร้ายป่าเถื่อน คงไม่ทันกาล"
"ฮึ่มๆ ข้าไหนเลยจะโชคร้ายขนาดออกจากบ้านก็จะไปเจอกับคนพรรค์นั้น" เซวียเสี่ยวหรั่นถลึงตาใส่เขา "ท่านลุงซีก็บอกแล้ว ว่าในละแวกหมู่บ้านของพวกเขาไม่มีโจร ต้องออกจากเมืองหลินอันถึงอาจจะเจอกับคนร้ายป่าเถื่อนพวกนั้น"
เธอวางถ้วยในมือของเขา แล้ววิ่งกลับไปที่ห้องของตนเอง หยิบสเปรย์วิ่งออกไปข้างนอก
"พริกเหลือไม่มากแล้ว รอใช้หมดก่อน ข้าจะต้องซื้อพริกที่เผ็ดร้อนรุนแรงที่สุดมาทำใหม่อีกชุด" เซวียเสี่ยวหรั่นดูของเหลวสีแดงที่เหลือเพียงชั้นบางๆ ด้วยความรู้สึกปวดใจ ครั้งก่อนพ่นใส่หมาป่าสมควรตายตัวนั้นไปซะเยอะ สิ้นเปลืองชะมัด
พริกที่เผ็ดร้อนรุนแรงที่สุด? เหลียนเซวียนมุมปากกระตุก ไม่รู้ว่านางไปเรียนรู้วิธีการแบบนี้มาจากไหน
แม้จะดูไม่ค่อยเข้าท่า แต่สำหรับสตรีอ่อนแอก็เป็วิธีป้องกันตัวที่ได้ผลจริงๆ
เหลียนเซวียนนึกอยากรู้เกี่ยวกับมันมาโดยตลอด
คราก่อนได้ยินนางบอกว่าเป็พริกน้ำพ่นได้
พริกจะพ่นออกไปอย่างไร
ดูเหมือนว่าจะมีเสียงชี่ๆ แบบนี้ก็พ่นออกไปแล้วหรือ?
เหลียนเซวียนส่งชามยาที่ดื่มแล้วให้เธอ หลังจากนั้นมือใหญ่ก็ยื่นมาที่เธอ
เซวียเสี่ยวหรั่นทำตาปริบๆ อย่างงุนงง เขาจะทำอะไร?
"ให้... ข้าดูหน่อย" เสียงทุ้มต่ำแหบพร่านิดๆ เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของบุรุษเพศ
เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินเสียงหัวใจของตนเองเต้นแรง
เขาจะดูขวดสเปรย์ อืม...
เธอรู้สึกลังเล
ยามอยู่ในป่า เธอใช้ของในยุคปัจจุบันโดยไม่ได้หลบเลี่ยงเขา
เธอคิดว่าหลังออกจากป่าแล้ว ก็คงต่างคนต่างไปไม่พบเจอกันอีก ดังนั้นเธอจึงไม่คิดมาก
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน สถานการณ์ภายในแคว้นหลีไม่สู้ดี ไม่เอื้อต่อการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เธอจึงอยากตามเขาไปแคว้นฉีดูว่าเป็อย่างไร
ถ้าสถานการณ์บ้านเมืองของแคว้นฉีมั่นคงสงบสุข เธอก็อยากจะไปตั้งรกรากที่นั่น
หลังจากคอของเหลียนเซวียนหายดีแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นเชื่อว่าดวงตาของเขาจะต้องหายไม่ช้าก็เร็วๆ นี้
ของยุคปัจจุบันเหล่านี้ แค่เห็นก็รู้ว่าไม่ใช่ของในยุคสมัยนี้ ถึงเวลาถ้าเขาเกิดซักถามประวัติของเธอขึ้นมา ก็คงยากจะปั้นแต่งเื่หลอกลวง
ความลังเลของเธอ ทำให้เหลียนเซวียนหรี่ตาจดจ้อง ยังคงไม่รั้งมือกลับ
"เอ้อ... แท้จริงแล้วก็แค่ขวดใบเล็กเท่านั้นเอง"
ในที่สุดเธอก็วางขวดสเปรย์ใส่มือเขา
ถึงอย่างไรตอนนี้เหลียนเซวียนก็ยังมองไม่เห็น ให้จับๆ คลำๆ คงไม่เป็ไร หลังจากดวงตาของเขาหายแล้ว เธอค่อยเอาไปซ่อน แล้วอ้างว่าทำหายไปแล้วก็ได้
ต่อให้เขาเคลือบแคลงสงสัย ก็คงไม่ไปรื้อค้นสัมภาระของเธอ เช่นนั้นก็หลอกเขาต่อไปก่อนแล้วกัน เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะอย่างไร้สุ้มเสียง
