เยว่เฟิงเกอเห็นว่าอีกฝ่ายติดกับอย่างรวดเร็ว ก็ยิ้มถามซูมู่เจ๋อ “ท่านจะแจกไพ่เอง หรือจะให้ข้าเป็คนแจก? ”
ซูมู่เจ๋อผายมือข้างหนึ่งออกมา ก่อนจะเท้าคาง “เ้าแจกก็แล้วกัน”
จะอย่างไรเขาก็มั่นใจในตัวเองมาก ไม่ว่าใครเป็คนแจกไพ่ ตานี้ก็ต้องเป็เขาที่ชนะอย่างแน่นอน
เยว่เฟิงเกอก้มหน้าก้มตาแจกไพ่ ขณะที่ซูมู่เจ๋อจดจ้องมือเยว่เฟิงเกอตาไม่กะพริบ
มือของนางขาวเนียนเล็กบางและว่องไว ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่น่าใช่มือของบุรุษ อีกทั้งนางยังเป็คนร่างเล็ก ไม่ใช่รูปร่างอย่างที่ชายผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งจะมีได้
แต่เมื่อมองใบหน้าและฟังเสียงของอีกฝ่าย คนกลับไม่ต่างจากชายผู้หนึ่ง
ในตอนที่ซูมู่เจ๋อกำลังคิดอะไรไร้สาระอยู่นั้น เยว่เฟิงเกอก็แจกไพ่เสร็จแล้ว
“ท่านเดิมพันสูงหรือต่ำ? ” เยว่เฟิงเกอทวงถาม
ซูมู่เจ๋อดึงสติกลับมาได้ เม้มปากยิ้มกล่าวว่า “สูงหรือต่ำก็ได้ทั้งนั้น ตานี้ให้เ้าเป็ใหญ่ได้เต็มที่”
เยว่เฟิงเกอทำเพียงยักไหล่เบาๆ และย้ายเงินทั้งหมดไปวางไว้ข้างสูง
ทุกคนต่างจับตามองไพ่ที่อยู่ในมือของคนทั้งสอง ใจของพวกเขาแทบกระดอนออกจากอก บางคนถึงกับมีเหงื่อซึมหน้าผาก
เยว่เฟิงเกอและซูมู่เจ๋อเปิดไพ่แต่ละใบในมือของตนออกมาอย่างเชื่องช้า
ไพ่ใบแรกของซูมู่เจ๋อมีตัวเลขที่สูงกว่าของเยว่เฟิงเกอ ใบที่สองเองก็เช่นกัน
เมื่อถึงไพ่ใบที่สาม ทุกคนจึงอดไม่ได้ให้ลุ้นจนต้องกลั้นหายใจ
ซูมู่เจ๋อมั่นใจมากว่าไพ่ใบที่สามของตนจักต้องสูงกว่าอีกฝ่ายแน่
ทว่า แม้เยว่เฟิงเกอจะเห็นว่าไพ่สองใบแรกของตนต่ำกว่าอีกฝ่าย นางก็ไม่มีท่าทีกังวลแม้แต่น้อย แต่กลับเป็จินว่านหลี่ที่ใจนมือชื้นเหงื่อ
หากว่าไพ่ใบที่สามของเยว่เฟิงเกอยังต่ำกว่าเถ้าแก่โรงพนันอี เช่นนั้นตานี้จะไม่ใช่เพียงเงินของเยว่เฟิงเกอที่ต้องตกเป็ของอีกฝ่ายทั้งหมด แต่หนี้ของจินว่านหลี่เองก็ย่อมไม่ได้รับการชำระได้
จินว่านหลี่รู้สึกได้ว่าหัวใจตนเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาเกือบจะหายใจไม่ทันแล้ว
ในตอนนี้เองโรงพนันแห่งนี้ก็เรียกได้ว่าเงียบเชียบเสียจนน่าใ ทุกคนคล้ายจะลืมวิธีหายใจไป
ซูมู่เจ๋อหงายไพ่ใบที่สามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ้ามีสัญลักษณ์บอกจำนวนสาม
ทุกคนพร้อมใจกันสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความใ
สายตาของพวกเขาต่างหันไปมองมือของเยว่เฟิงเกอ เห็นว่านางค่อยๆ เปิดไพ่ใบที่สามอย่างช้าๆ
้ามีสัญลักษณ์บ่งบอกจำนวนเก้า
เมื่อนับรวมกันแล้วกลายเป็ว่าไพ่ทั้งสามใบของเยว่เฟิงเกอมีจำนวนสูงกว่าไพ่ของซูมู่เจ๋อเล็กน้อย
ถึงแม้จะแค่เล็กน้อย แต่ในตานี้ก็ถือว่าเยว่เฟิงเกอเป็ฝ่ายชนะ
เยว่เฟิงเกอยิ้มบางๆ มองซูมู่เจ๋อ นางเห็นเพียงสายตาของอีกฝ่ายมีแววเ็าวาบผ่าน
เยว่เฟิงเกอเก็บตั๋วเงินทั้งหมดบนโต๊ะกลับมาอย่างไม่ใส่ใจในท่าทีของเขา ก่อนจะกล่าวกับเขาอีกครั้งว่า “ตานี้ข้าชนะแล้ว เถ้าแก่ก็ควรจะรักษาสัญญาใช่หรือไม่ ให้ถือเสียว่าหนี้สินทั้งหมดของจินว่านหลี่หมดสิ้นกันตรงนี้”
ซูมู่เจ๋อหรี่ตาน้อยๆ แต่ไม่พูดออกมาแม้ประโยคเดียว
เดิมทีไพ่ทั้งสามในมือเขาเป็เลขจำนวนน้อยทั้งหมด เนื่องจากสังเกตเห็นั้แ่ตอนที่เยว่เฟิงเกอแจกไพ่แล้ว ดังนั้น ตอนที่เขาเปิดไพ่จึงได้เล่นสกปรกกับไพ่เ่าั้
และเพราะเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วคล้ายเล่นกล สามารถสับเปลี่ยนไพ่สองใบนั้นไปไว้ที่มือของเยว่เฟิงเกอแทน แน่นอนว่าทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ไม่มีใครมองออก
ด้วยเหตุนี้เองซูมู่เจ๋อที่สับเปลี่ยนไพ่ใบที่สามเรียบร้อยแล้ว จึงยิ่งมั่นอกมั่นใจว่าหนนี้ต้องคว้าชัยชนะมาครองได้อย่างแน่นอน
เพียงแต่ สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ทั้งๆ ที่เขาแน่ใจว่าเปลี่ยนไพ่ใบที่สามแล้ว ซึ่งจำนวนบนไพ่ใบสุดท้ายนั้นยังเป็ตัวเลขที่มากที่สุดอีกด้วย หากเปลี่ยนเป็ไพ่ใบนี้มา จะอย่างไรตานี้เขาก็ต้องเอาชนะอีกฝ่ายได้
ทว่า ไพ่ใบที่สามนี้ไม่ได้ถูกเปลี่ยนมา ไม่ว่าไพ่สองใบแรกจะสูงแค่ไหนก็ไม่มีทางเอาชนะในตานี้ได้
ซูมู่เจ๋อไม่เข้าใจเลยจริงๆ ในโลกแห่งการพนันตัวเขานับเป็บุคคลระดับพี่ใหญ่แล้ว มิเช่นนั้นคงไม่มีคุณสมบัติให้เป็เถ้าแก่โรงพนันแห่งนี้หรอก
ยิ่งกว่านั้น คนที่เล่นตุกติกอยู่ในโรงพนันแห่งนี้ทั้งหมดล้วนเป็ลูกศิษย์ของเขา เป็เขาที่สอนคนเ่าั้มากับมือ
เพราะเหตุนี้ซูมู่เจ๋อถึงได้ประเมินเยว่เฟิงเกอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต่ำไปหน่อย
สำหรับเยว่เฟิงเกอ ไม่ว่าจะเป็การพนันชนิดใด นางล้วนเชี่ยวชาญอยู่ในระดับพี่ใหญ่แห่งโลกพนันทั้งสิ้น ครั้นนางยังอยู่ในยุคปัจจุบันก็ชอบปลอมตัวเป็ชายแฝงตัวเข้าไปในโรงพนัน
ดังนั้น รูปแบบและลูกเล่นเหล่านี้ นางคุ้นเคยราวกับเป็นิ้วบนฝ่ามือตน
มิหนำซ้ำนางยังเคยคิดกลโกงเฉพาะตัวขึ้นมาเองอีกด้วย ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเลียนแบบได้
ในครั้งนี้เยว่เฟิงเกอได้สำแดงกลโกงเฉพาะนี้ออกมา
เมื่อครู่ที่นางแจกไพ่ ก็เริ่มเล่นสกปรกแล้วด้วยแน่ใจว่าต่อให้ตนไม่โกง อีกฝ่ายก็ต้องโกงแน่
หลังจากแจกไพ่เสร็จ ตอนที่ซูมู่เจ๋อเปิดไพ่ นางสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังสับเปลี่ยนไพ่ทั้งสามใบพอดี
แม้จะเห็นเช่นนั้น เยว่เฟิงเกอก็ไม่คิดเปิดโปงการกระทำของเขา เพราะนางรู้ดีว่า หากพูดไป ทุกคนที่นี่ก็คงไม่เชื่อคำพูดนาง
ซูมู่เจ๋อนึกว่าตนมือไวมากแล้ว ไม่มีทางมีใครค้นพบว่าเขาเล่นตุกติกแน่ มิคาดในสายตาของเยว่เฟิงเกอจะคล้ายภาพที่เคลื่อนไหวช้า ทำให้นางเห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อถึงไพ่ใบที่สาม ซูมู่เจ๋อก็ยังคงสับเปลี่ยนมันอย่างแเีและว่องไวอีกครั้ง ทำเอาเยว่เฟิงเกอเป็ต้องแอบหัวเราะเยาะในใจ โดยที่ภายนอกยังคงไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา
ความว่องไวของเยว่เฟิงเกอไม่ได้เร็วกว่าซูมู่เจ๋อเท่าเดียว แต่ในตอนที่ซูมู่เจ๋อกำลังจะหงายไพ่ใบที่สามของตนเองนั้น ไพ่ของเขาก็ถูกนางสับเปลี่ยนไปแล้ว
ผลลัพธ์จึงเป็เช่นที่ทุกคนเห็น ไพ่ใบสุดท้ายที่มีจำนวนสูงที่สุดมาตกอยู่ในมือของเยว่เฟิงเกอ
สีหน้าของซูมู่เจ๋อดำคล้ำหาใดเปรียบ จะอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจ ไพ่ของตนไปอยู่ในมืออีกฝ่ายได้อย่างไร?
“เถ้าแก่? ” เยว่เฟิงเกอเห็นว่าซูมู่เจ๋อเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา จึงเอ่ยเตือนอีกครั้ง “เถ้าแก่จะผิดสัญญาไม่ได้นะ มีคนดูอยู่เยอะแยะเพียงนี้”
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ซูมู่เจ๋อ ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมา แม้ใบหน้าจะยังประดับรอยยิ้ม แต่สายตากลับเ็า
“ในฐานะเถ้าแก่ของโรงพนันว่านจิน ข้าย่อมไม่มีทางกลับคำ พูดคำไหนคำนั้น” ซูมู่เจ๋อพูดพลางหันศีรษะไปด้านข้าง “ท่านฟาง...”
ท่านฟางเดินค้อมเอวเข้ามาหา “เถ้าแก่”
“ไปนำสมุดบัญชีหนี้สินทั้งหมดของจินว่านหลี่มา ั้แ่วันนี้ไป หนี้ที่จินว่านหลี่ติดกับโรงพนันและกับเ้า ให้ถือเสียว่าเป็โมฆะ” ซูมู่เจ๋อกล่าวด้วยเสียงเ็า
ท่านฟางมองจินว่านหลี่ไปทีหนึ่ง จากนั้นจึงถลึงตามองเยว่เฟิงเกออย่างดุร้าย ก่อนจะเดินไปที่เรือนหลังอย่างไม่ค่อยยินยอมพร้อมใจ หยิบสมุดบัญชีออกมาแล้วขีดฆ่าหนี้สินทั้งหมดของจินว่านหลี่ต่อหน้าทุกคน
จินว่านหลี่เห็นว่าหนี้ทั้งหมดของตนจบสิ้นลงแล้วก็ดีใจจนหน้าแทบผิดรูป
“ขอบคุณเถ้าแก่ซู ขอบคุณท่านฟาง ขอบคุณคุณชาย” จินว่านหลี่ค้อมกายขอบคุณไปรอบวง
วันนี้เขานับว่าได้กำไรยิ่งแล้ว ไม่เพียงหมดหนี้หมดสิน แค่วันนี้ทั้งวันคอยรับใช้ปรนนิบัติคุณชายท่านนี้ให้ดี เขาก็จะได้รับค่าจ้างอีกห้าร้อยตำลึง
วันนี้ต้องเป็วันดีของเขาอย่างแน่นอน ไม่สิ ต้องเรียกว่าดวงดีอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าเื่ทางนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว ก็หมุนกายเตรียมเดินไปจากโรงพนัน
“ช้าก่อน”
ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังจะก้าวเท้าออกจากโรงพนันนั้น เสียงทุ้มต่ำของซูมู่เจ๋อก็ดังขึ้น
เยว่เฟิงเกอรู้ว่าเขากำลังเรียกนาง แต่พนันระหว่างทั้งคู่ได้จบลงไปแล้ว เพราะเป็การพนันที่ตัดสินแพ้ชนะในตาเดียว
ซูมู่เจ๋อเล่นตุกติกกับไพ่ แน่นอนว่าเยว่เฟิงเกอไม่มีทางปล่อยให้เขาเอาชนะง่ายๆ
ดูท่าเถ้าแก่โรงพนันคนนี้คงจะเสียใจภายหลังแล้วกระมัง?
เยว่เฟิงเกอหมุนกายไปมองซูมู่เจ๋อ “ท่านยังมีเื่ใดอีก? ”
ซูมู่เจ๋อถามด้วยความคับข้องใจเล็กน้อย “บอกข้ามา เ้าเอาชนะข้าได้อย่างไร”
จะคิดอย่างไรซูมู่เจ๋อก็ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเอาชนะเขาได้อย่างไร
ในแคว้นเป่ยชวนแห่งนี้ รวมถึงในโลกพนัน หากจะเรียกตัวเขาว่าพี่ใหญ่ก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงคัดค้าน
แต่วันนี้ภายใต้สายตาหลายคู่ที่จับจ้องมา เขากลับพ่ายแพ้
ซูมู่เจ๋อไม่ยินยอมปล่อยเยว่เฟิงเกอไปเช่นนี้ เขาไม่เคยพบเยว่เฟิงเกอมาก่อน สามารถกล่าวได้ว่าคนคนนี้เพิ่งมาโรงพนันว่านจินเป็ครั้งแรก
แต่คนที่เพิ่งเคยมาเป็ครั้งแรกกลับสามารถเอาชนะท่านฟางได้ถึงสามตาอย่างต่อเนื่อง และยังสามารถเอาชนะเขาได้ทั้งๆ ที่เขาเองก็เล่นตุกติกกับไพ่ภายใต้สายตาของคนมากมาย
คนคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ซูมู่เจ๋อจึงไม่อยากปล่อยอีกฝ่ายไปเช่นนี้
“เ้ามีนามว่าอะไร? ” ซูมู่เจ๋อถามขึ้น
มุมปากเยว่เฟิงเกอโค้งขึ้น ดูท่าเถ้าแก่โรงพนันคนนี้คงจะยอมศิโรราบให้กับความสามารถที่แท้จริงของนางแล้ว
“เยว่เฟิง [1] ” เยว่เฟิงเกอไม่ได้บอกชื่อจริงของตนไป นางเพียงแต่งชื่อขึ้นมาหลอกๆ
“เยว่เฟิง” ซูมู่เจ๋อทวนชื่อนี้อีกครั้ง ทว่า ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นกำลังจะกล่าวอะไรต่อ กลับเห็นเงาหลังของนางเดินออกไปจากโรงพนันแล้ว
ซูมู่เจ๋ออยากจะเข้าไปขวางเยว่เฟิงเกอไว้
ต่อให้จะต้องพนันกันอีกตาแล้วต้องสูญเสียเงินทองไปอีกมากโข เขาก็ยินดี
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เขาเพียงมองแผ่นหลังที่ค่อยๆ ห่างไปของเยว่เฟิงเกออย่างใจลอย
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] เยว่เฟิง(月封)ออกเสียงเหมือนกัน แต่อักษรคนละตัวกับชื่อของเยว่เฟิงเกอ(月凤歌)