[อืม…นี่ นี่อาจเป็เพราะโพธิสัตว์กับปีศาจนั้นแยกเป็สองคนจริง แหะๆ ] ระบบหัวเราะอย่างอึดอัดใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายเื่นี้อย่างไร
ท่านผู้นั้นกำลังทำอะไรกันนะ อยากร้องขอชีวิตจริงๆ
อวี๋มู่กุมหน้าผาก : ฉันติดค้างเ้าชีหย่วนอะไรกันนักกันหนานะ ตอนนี้ถึงต้องมาทรมานฉันแบบนี้…
ระบบได้ยินคำพูดนี้ ก็สะดุ้งโหยงไปทั้งตัว รีบสังเกตปฏิกิริยาอวี๋มู่ พบว่าเขาคงแค่บ่นๆ ไปอย่างนั้น ถึงโล่งอกไปเปราะหนึ่ง
[โฮสต์ครับ คุณไม่ต้องห่วง โพธิสัตว์นั้นจิตใจบริสุทธิ์ น่าจะพิชิตง่ายพอสมควร คุณวางจุดโฟกัสไปที่ตัวปีศาจดีกว่าครับ]
อวี๋มู่พยักหน้า รู้ดีว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่หัวแข็งเข้าสู้แล้ว
อวี๋มู่เดาว่า “หย่งอวี้” น่าจะเป็ฉายาทางธรรมของเฟิงอวี้ ตอนที่โกนหัวบวชได้ชื่อมาตามลำดับขั้นจนได้คำว่าหย่ง จากนั้นรวมเข้ากับตัวอักษรจากชื่อจริงที่ว่าอวี้ ก็กลายเป็ฉายาทางธรรม หยงอวี้ นับว่าเป็การประกาศตนว่าเป็พุทธมามกะ
เขานับหย่งอวี้ว่าเป็ด้านโพธิสัตว์ของเฟิงอวี้ ส่วนเฟิงอวี้คือด้านปีศาจ แบบนี้จะแบ่งง่ายกว่า
ชั้นสิบแปดของเจดีย์เจิ้นเยา ตรงที่นักบวชน้อยหย่งอวี้นั่งขัดสมาธิอยู่คือแท่นหินตรงยาวห้าเมตร ้ามีจารึกอักษรที่อวี๋มู่อ่านไม่ออกอยู่
อวี๋มู่สังเกตเห็นด้านใต้เสื้อผ้าของหย่งอวี้มีโซ่ล่ามยาวออกไป ตรงปลายพันอยู่กับเสาหินเจดีย์ ตรงเสาเจดีย์ก็มีจารึกแกะสลักอยู่มากมาย น่าจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกับแท่นหิน
นี่ต้องกลัวเขาขนาดไหนกันนะ ถึงได้ป้องกันถึงเพียงนี้…
“โยมอวี๋ เ้ามาอีกแล้วหรือ” เขารับรู้ถึงบรรยากาศที่แตกต่าง หย่งอวี้ลืมตาขึ้นมองไปที่อวี๋มู่
อวี๋มู่กำลังสำรวจเขาอยู่ จังหวะนี้จึงสบตากันพอดี
จากนั้น อวี๋มู่ถึงกับตกตะลึง
เดิมเขานึกว่าเ้าลูกสุนัขเว่ยสวยมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เทียบกัน เขาพบว่านักบวชน้อยตรงหน้านี่โฉมงามยิ่งกว่า
หย่งอวี้มีดวงตาที่ดูใสบริสุทธิ์ ั์ตาดำซ่อนประกายแห่งธรรม เวลาที่สบตา สามารถทำให้อีกฝ่ายนั้นเหมือนถูกชำระล้างั้แ่ร่างกายยันจิตใจ
คิ้วเขาเข้มดั่งเนินเขาไกล จมูกโด่งสูง ริมฝีปากบางแต่ได้รูป สีชมพูอ่อนระเรื่อ พอฉีกยิ้ม แก้มทั้งสองข้างก็เผยให้เห็นลักยิ้มที่ไม่ค่อยชัดนัก
หย่งอวี้เอ่ยอย่างหน่ายใจ “โยมอวี๋ อาตมานั้นมุ่งทางธรรม หาได้คิด…”
พูดถึงตรงนี้ เขาเหมือนคิดถึงบางเื่ ใบหน้ามีเืฝาด ขบริมฝีปากล่างแล้วเอ่ย “หาได้คิดมีสัมพันธ์ชู้สาวกับเ้า ดังนั้นเ้าไม่ควรมาชั้นสิบแปดนี่อีก”
อวี๋มู่กะพริบตา เอ่ยถามระบบ : ระบบ ิญญาพิศวาสตัวเดิมนี้ไปทำอะไรเขาไว้บ้าง?? ทำไมปฏิกิริยาของเขาถึงน่าแปลกขนาดนี้??
[ผมขอค้นสักครู่ครับ] หลังจากระบบค้นเสร็จ หัวเราะเจื่อนพูดกับอวี๋มู่ [ร่างเดิมนี่มีจริตจะก้านไม่เบา วันๆ เอาแต่คิดถึงนักบวชน้อย เมื่อสบโอกาสก็มักจะมาพูดจาอ้อร้อใส่เขา อยากเกี่ยวพันกับหย่งอวี้แล้วทำ**** กับเขา]
อวี๋มู่ : …ซวยแล้ว
เดาว่าหย่งอวี้คงรู้สึกว่าคำพูดพวกนั้นยากจะเอ่ยออกมาได้ จึงใช้คำว่า “สัมพันธ์ชู้สาว” นี่นับว่าให้เกียรติเขาอย่างมาก
ในตอนนั้น ชายแท้ทั้งแท่งอย่างอว๋มู่เหมือนติดโรคติดต่อจากเขา พาลให้รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว
เขากระแอม เดินเข้าไปใกล้หย่งอวี้ จากนั้นนั่งลงห่างจากแท่นหินประมาณสองเมตร หันหน้าเข้าหานักบวชน้อย
“ข้ามาเพื่อขอโทษเ้า” เขาคิดพิจารณาคำพูด เอ่ยด้วยท่าทีขึงขัง “ข้ารู้สึกละอายใจต่อการกระทำก่อนหน้านี้ของตัวเอง จึงตัดสินใจขอแก้ตัวใหม่ นับแต่นี้ข้าจะสวดมนต์กับนักบวชน้อยทุกวัน จิตมุ่งทางธรรม เพื่อจะได้หลุดพ้นจากการเป็ิญญาในเร็ววัน แล้วกลับชาติไปเกิดใหม่”
ขณะพูด เขายังแสร้งทำท่าสองมือประกบกัน คำนับหย่งอวี้
หย่งอวี้ชะงักเล็กน้อย เขาไม่ค่อยเข้าใจทำไมผ่านมาแค่สองวัน เ้าิญญาพิศวาสตัวนี้ถึงเปลี่ยนไปมากมายเช่นนี้ แต่พอได้ยินอีกฝ่ายอยากฝักใฝ่และเรียนรู้ทางธรรม เขาจึงรู้สึกปลื้มแทนอวี๋มู่
“โยมอวี๋มีใจเยี่ยงนี้ อาตมาดีใจแทนเ้าเหลือเกิน” เขายิ้ม ดุจดังตะวันอบอุ่นท่ามกลางหิมะ ดูบริสุทธิ์ผุดผ่อง “ถ้าอย่างนั้น ต่อจากนี้โยมอวี๋มาฟังท่านเ้าอาวาสแสดงธรรมเทศนาพร้อมกับข้าทุกวันตอนเที่ยง แม้ความรู้อาตมายังตื้นนัก แต่ก็เพียงพอที่จะแนะนำโยมได้”
หลังจากนั้นแถบหัวใจสีดำสองแถบก็ปรากฏขึ้น โดย้าช่องของโพธิสัตว์นั้นแดงวาบขึ้นมาหนึ่งดวง จนอวี๋มู่ตกตะลึง
อวี๋มู่ : สุดยอด ระบบ คะแนนความประทับใจเ้านักบวชน้อยนี่ขึ้นง่ายชะมัด!
[ผมบอกแล้วไง โพธิสัตว์นั้นใสซื่อบริสุทธิ์ ง่ายที่จะพอใจต่อผู้คน คุณจดจ่อกับปีศาจก็พอแล้ว]
เห็นทีสำหรับหย่งอวี้แล้ว ขอเพียงตัวเองฝักใฝ่ธรรมะ ทำตัวเป็คนปกติ โอ้ ไม่ใช่ ิญญาปกติ คะแนนความประทับใจคงขึ้นได้อย่างง่ายดาย
อวี๋มู่โล่งอก มองดูนักบวชน้อยตรงหน้า ยิ่งมองยิ่งคุ้นตา อีกทั้งเวลาที่อยู่ด้วยกันก็รู้สึกสบายใจมาก แม้ตัวจะเป็ิญญา จะขัดแย้งกับพระธรรมสักหน่อย แต่บุคลิกท่าทางของหย่งอวี้กลับทำให้คนวางใจอย่างน่าประหลาด ซึ่งเขาชอบมาก
กระนั้นทั้งสองจึงตกลงตามนี้ ทุกวันตอนเที่ยงอวี๋มู่จะมาที่นี่ หลบอยู่ในมุมชั้นสิบแปดที่ไม่โดนตะวัน เพื่อฟังพระอาจารย์วัดหนานหลัวทั้งหลายผลัดกันเทศนาธรรมผ่านกระจกน้ำ
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน หย่งอวี้แน่ใจแล้วว่าเขาไม่มีการกระทำเหลวไหลเหมือนแต่ก่อน ในใจเริ่มก่อเกิดความรู้สึกดีต่อเขา
บวกกับเขานั้นเปล่าเปลี่ยวมานาน ในที่สุดตอนนี้ก็มีคนมาอยู่เป็เพื่อน แม้ปากจะไม่พูด แต่ในใจกลับมีความสุข
ในเวลาอันรวดเร็ว คะแนนความประทับใจก็เพิ่มเป็สามดวง
แต่ก็ถึงแค่ตรงนี้แล้วหยุดค้าง ค้างแบบนิ่งสนิทไม่ขยับเขยื้อน
อวี๋มู่ไตร่ตรองกับระบบ รู้สึกว่าปัญหานี้น่าจะเกิดจากตัวปีศาจ
ระบบบอกว่าคะแนนความประทับใจของทั้งสองนั้นเชื่อมกันอยู่ หากจะเพิ่มคะแนนแค่แถบเดียวก็ไม่น่าเป็ไปได้ พวกเขาจึงเริ่มวิเคราะห์ว่าจะเพิ่มคะแนนจากฝั่งปีศาจอย่างไรดี
กระนั้น วันนี้กลางดึก อวี๋มู่เดินขึ้นชั้นสิบแปดท่ามกลางสายตาบ้างก็เลื่อมใส บ้างก็ตกตะลึง บ้างก็เห็นใจของภูตผีน้อยสามตัว
ในเจดีย์เจิ้นเยามีเื่คำเตือนกล่าวขานไว้ว่า : ค่ำคืนดึกดื่นห้ามขึ้นชั้นสิบแปด
เพราะว่าิญญาที่ขึ้นไปแทบจะไม่ได้กลับมาอีก หรือแม้จะลงมาได้ก็มักจะแขนขาด ขาขาด ิญญาสามชีวิต เจ็ดชีวิต จะเหลือกลับมาแค่ชีวิตเดียว พูดจาไม่รู้เื่ วันๆ เอาแต่ส่งเสียงร้องอืออา
อสูรฟ้าสองขั้วสำหรับพวกิญญาถือว่าเป็ของกำนัลชิ้นโต ตอนที่เฟิงอวี้เพิ่งถูกจับขังที่เจดีย์เจิ้นเยา ิญญามากมายกรูกันขึ้นไป เพื่อที่จะดูดกินพลังของเขาแล้วหนีออกจากเจดีย์เจิ้นเยา
แต่ผลลัพธ์นั้น ไม่ต้องเอ่ยก็รู้
อวี๋มู่หวาดหวั่นในใจ
ิญญาพิศวาสที่เขามาสวมร่างนั้นอ่อนแอแทบร้องขอชีวิต ส่วนเฟิงอวี้คือคนที่กำลังจะกลายร่างเป็ราชันแห่งภูต เขาจัดว่าเป็อาหารจานหนึ่งของฝ่ายนั้นเลยก็ว่าได้ หากถูกกินไปจริงๆ ภารกิจจะถือว่าล้มเหลวทันที
ขณะที่คิดฟุ้งซ่านก็เดินมาถึงชั้นสิบแปดพอดี
เขาก้าวขึ้นจากบันไดขั้นสุดท้าย เงยหน้ามองนักบวชน้อยที่เดิมทีควรนั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูก ขณะนี้กลับนอนตะแคงท่าทางเกียจคร้านอยู่บนนั้น มือยันใบหน้าด้านข้าง ศอกชันพื้น เมื่อเห็นเขามาถึง ก็ผิวปากเบาๆ แล้วยิ้มกับเขา “อวี๋มู่ เ้ามาแล้วหรือ ข้ารอเ้านานแล้ว! ”
ปานกลีบดอกไม้บนหัวขณะนี้ปรากฏแสงสีแดงสด ั์ตาดำขลับเป็ประกาย หาได้มีความใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนตอนกลางวันไม่ มีเพียงความเ้าเล่ห์และชั่วร้าย
อวี๋มู่ไม่ทันได้ดูการกระทำของเขา เมื่อเสียงโซ่ดังขึ้น ตัวเฟิงอวี้ก็โผล่มาอยู่ด้านหลังเขาแล้ว
คางของเขาถูกมืออีกฝ่ายยึดไว้ ลมหายใจของเฟิงอวี้ห่างไปไม่ไกล ฟันแหลมคมขบลงข้างหูอวี๋มู่ อมแล้วเลียไปมา มืออีกข้างลูบไล้เข้าไปใต้เสื้อคลุมสีแดงบางเบา ััเย็นเฉียบบวกกับความน่าเกรงขาม น่าหวาดกลัวที่ส่งมาจากอีกฝ่ายทำเอาอวี๋มู่ตัวสั่น
“นี่เ้ากำลังกลัวหรือ? ” เฟิงอวี้หัวเราะ หน้าอกกระเพื่อมเล็กน้อย เขากรีดนิ้วโป้งมาััริมฝีปากอวี๋มู่ พลางกระซิบเบาๆ ข้างหูเขา “รอยยิ้มเอาใจใส่ที่มีให้หย่งอวี้เมื่อตอนกลางวัน พอตกกลางคืนเปลี่ยนเป็ข้า ทำไมถึงยิ้มไม่ออกล่ะ? ข้าน่ากลัวถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ”
ขณะพูด เขาก็บีบแก้มอวี๋มู่บังคับให้เขาหันกลับมาเพื่อสบตากับตัวเอง
ใบหน้าสง่างามสงบนิ่งเมื่อตอนกลางวัน ขณะนี้กลายเป็มารร้ายเต็มตัว ั์ตาสีดำที่มองมายังอวี๋มู่นั้นดูคุกคามอย่างยิ่ง
อวี๋มู่เกลียดความรู้สึกที่ถูกผู้อื่นบังคับแบบนี้ ดังนั้นตอนที่หันหน้าเข้าหาเฟิงอวี้ ท่าทางจึงไม่ได้น่าดูนัก
ซึ่งเฟิงอวี้เองก็รู้สึกได้
เขาเอียงคอ แล้วจับใบหน้าอขงอวี๋มู่ พร้อมเอ่ยอย่างสงสัย “เ้าชอบใบหน้านี้มากไม่ใช่หรืออย่างไร? อยากจะร่วมรักกับข้าไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมตอนนี้กลับมองข้าด้วยสายตาเช่นนี้? ”
“อา หรือว่าเ้าชอบเพียงหย่งอวี้ ไม่ได้ชอบข้า?” เฟิงอวี้เผยสีหน้าทันที “ถึงว่าสิ เ้ามักจะมาตอนกลางวัน ไม่มาตอนกลางคืน”
เขาเบ้ปาก แล้วเอ่ย “ข้าเสียใจเหลือเกิน เสียใจจนท้องเริ่มรู้สึกหิว หรือไม่…”
พูดถึงครึ่งทาง จู่ๆ เฟิงอวี้ก็แนบหน้าเข้ามาใกล้อวี๋มู่ ดวงตามีประกายพาดผ่าน ฉีกฟันกว้าง ฟันแหลมคมบนล่างเรียงรายอย่างน่าหวาดกลัว “ข้าจะกินเ้าเสีย”
!!!
ทันใดนั้นในหัวอวี๋มู่ก็มีเสียงกระดิ่งเตือนภัย ตอนนี้คะแนนความประทับใจของอีกฝ่ายยังดำล้วน ความเป็ไปได้ที่จะถูกเขากินนั้นแทบจะเป็ร้อยละเก้าสิบเก้าจุดเก้า
ต้องคิดหาวิธีให้ได้ ต้องคิดหาวิธี!
ขณะที่คิด จู่ๆ คนตรงหน้าก็ปิดปากที่อ้ากว้าง จากนั้นยื่นหน้าเข้ามาจูบเขาเบาๆ
อวี๋มู่ตกตะลึง
ระบบก็ตกตะลึง
เฟิงอวี้ปล่อยตัวอวี๋มู่ เขาเริ่มกุมท้องตัวเองแล้วหัวเราะดังลั่น ประกายตาสีแดงสดถูกเก็บกลับไปทั้งหมด หัวเราะจนน้ำตาแทบไหล เขาชี้มาที่อวี๋มู่ แล้วเอ่ย “ฮ่าๆๆๆ ดูท่าทางเ้าคงใสินะ เ้าอ่อนแอเพียงนี้ ไม่พอให้ข้ายัดเข้าซอกฟันด้วยซ้ำ ข้าจะกินเ้าเพื่ออะไร! ”
อวี๋มู่ : “...”
ตอนนี้เขารู้สึกว่าสติปัญญาและจิติญญาของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก
เ้าเฟิงอวี้นี่มันโรคจิตประเภทไหนกันนะ? ตอนนี้เขาแทบแยกไม่ออกว่าที่เขาพูดอันไหนคือเื่จริงหรือล้อเล่น
อย่างไรก็ตาม พลังก็ชัดเจนอยู่แล้ว หากเฟิงอวี้้าจะฆ่าเขา มันช่างง่ายดายแค่พลิกฝ่ามือ
ควรรับมืออย่างไรยังเป็ปัญหาใหญ่
เขาคิดๆ ดู ก็ตัดสินใจจะสวมบทบาทเป็สุนัขรับใช้
เขาพูดกับอวี๋มู่ “ใต้เท้าเฟิงอวี้ กลางวันข้าเข้าใกล้หย่งอวี้ ก็เพื่ออยากให้ท่านได้เห็นความจริงใจของข้า ตอนนี้ข้าใช้เวลากับเขามากขึ้น ถึงกล้ามาหาท่านในเวลาค่ำคืน อันที่จริงคนที่ข้าชื่นชมมีเพียงท่านผู้เดียว”
น่าคลื่นไส้ชะมัด——
อวี๋มู่ร้องยี้กับตัวเอง
นี่มันเจอคนพูดภาษาคน เจอผีพูดภาษาผีของแท้
ทว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่เขาคิดออกตอนนี้ เพราะว่าระบบเคยบอกว่าแม้โพธิสัตว์กับปีศาจจะอาศัยร่างเดียวกันและส่งผลต่อกันและกัน แต่โพธิสัตว์จะไม่มีความทรงจำในส่วนของปีศาจ นี่คือสิ่งชั่วร้ายที่ปีศาจจงใจทำขึ้น เพื่อจะได้หนีออกจากที่นี่
ถ้าอย่างนั้นเขาจึงสามารถพูดปดได้ พูดแต่ข้อดีกับเฟิงอวี้ ไม่ต้องกลัวกระทบคะแนนความประทับใจของหย่งอวี้
“จริงหรือ? ” เฟิงอวี้หยุดหัวเราะ
เขาเดินวนรอบตัวอวี๋มู่สองรอบ สำรวจเขาราวกับว่ากำลังตะล่อมเหยื่อของตัวเอง สุดท้าย เขาก็ฉีกยิ้ม เผยให้เห็นเขี้ยวฟันแหลม พร้อมกับเอ่ยถามอวี๋มู่
“ถ้าอย่างนั้นความชื่นชมของเ้า หมายรวมถึง้าร่วมรักกับข้าด้วยหรือไม่? ”
----------------------------------------------------------------------