ลู่ซิน โหย่วชุ่ยและชิวอวิ๋นต่างก็ตกตะลึงกับ ‘ความอยากอาหาร’ ของฮวาชีเยว่ ทว่าพวกนางกลับไม่เห็นฮวาชีเยว่จะน้ำหนักขึ้นแม้แต่น้อย เื่นี้ประหลาดมากจริงๆ
คืนนั้นฮวาชีเยว่ให้ไฉ่ชิงนำหลงแดงสองต้นไปถวายให้แก่ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ประหลาดใจยิ่งนัก เช่นเดียวกับคนทั่วไปเมื่อได้รับโอสถวิเศษ ย่อมต้องเป็เื่ไม่ธรรมดา
กระทั่งผู้มีอำนาจเช่นฮ่องเต้ก็ยังมิกล้าใช้อำนาจนั้นแย่งชิงหลงแดงไปจากนาง ด้วยเกรงผู้ที่อยู่เื้ั
พระองค์ย่อมต้องยินดีเป็อย่างยิ่งเมื่อได้รับต้นหลงแดงจากฮวาชีเยว่ จึงได้มอบทองคำสองหมื่นตำลึงให้แก่นางซึ่งมากกว่าเงินสองหมื่นตำลึงในคราวก่อน
ฮวาชีเยว่รับไว้โดยไม่อิดออด
ในตำหนักชิ่งชุนที่ครอบครัวราชวงศ์มารวมตัวกัน ในคราวนี้ฮ่องเต้ปรากฏตัวพร้อมพระสนมเหมยและองค์ชายสิบเอ็ด เสียงดนตรีคลอช่วยให้บรรยากาศนุ่มนวลยิ่งขึ้น
ความหม่นครึ้มที่องค์หญิงฮุ่ยเจินนำมาหายไปแล้ว ราวกับฮ่องเต้มิได้เก็บเื่ของพระธิดาผู้นี้มาใส่ใจ ยามนี้ทรงยิ้มแย้มสนทนาอยู่กับฮองเฮา
ฮองเฮาเองก็ยิ้ม ดูมิคล้ายเ็ปที่สูญเสียพระธิดาไปแม้แต่น้อย
“พรุ่งนี้เป็การประลองของสกุลจี้รอบสุดท้ายแล้ว จะทรงเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยกันหรือไม่เพคะ? ” ฮองเฮายิ้ม ฮ่องเต้พยักหน้า “การแข่งขันรอบสุดท้ายมักน่าตื่นตาที่สุด เราจะพลาดได้อย่างไร? ”
“ใช่แล้วเพคะ วันนี้หม่อมฉันคงต้องขอตัวออกไปข้างนอกเพื่อเตรียมการสำหรับวันพรุ่งนี้ก่อน” ฮองเฮาอธิบาย ตรัสอย่างใจเย็นดูไร้ซึ่งความผิดปกติอันใด
เหมยเฟยยืนอยู่ด้านขวาของฮ่องเต้ ยามนี้นางเป็ที่โปรดปรานนัก ฮ่องเต้ใส่ใจนางเสียยิ่งกว่าฮองเฮา ทว่าฮองเฮากลับดูมิคล้ายจะหึงหวงแม้แต่น้อย
ฮองเฮาถอนตัวออกไป องค์หญิงฮุ่ยหลิงก็จากไปด้วยเช่นกัน ยามนี้ฮองเฮามิได้สนทนากับนางมานานกว่าเดือนครึ่งแล้ว
องค์หญิงฮุ่ยหลิงเดินตามหลังฮองเฮา กระซิบ “ฮองเฮาเพคะ…”
ฮองเฮาหันมามองนางด้วยสายตาเมินเฉย “มาคุยกับข้า”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงยินดีนัก นางเข้าไปประคองฮองเฮาเข้าตำหนัก ภายในตำหนักนั้นนางสั่งให้นางกำนัลทั้งหมดออกไป ฮองเฮานั่งอยู่บนตั่งยาว เป่าใบชาที่ลอยอยู่ในถ้วย “ข้า้าฟังเ้า จึงได้ให้เ้ามาด้วย”
คำตรัสของฮองเฮา ทำให้องค์หญิงฮุ่ยหลิงเค้นรอยยิ้มออกมา “เสด็จแม่ ลูกมิได้เจอเสด็จแม่มานานแล้ว ลูกคิดถึงท่าน”
ฮองเฮาจิบชา มององค์หญิงฮุ่ยหลิงด้วยท่าทีไม่เปลี่ยนแปลง
ใจขององค์หญิงกลับรู้สึกเ็ปขึ้นมา ในฐานะบุตรี พี่สาวนางได้รับความใส่ใจจากท่านแม่ ทว่านางกลับได้รับเพียงสายตาเรียบเฉย!
องค์หญิงฮุ่ยหลิงขยับไปข้างกายฮองเฮาอย่างระมัดระวัง ตั้งใจจะััมือผู้เป็มารดา มิคาดฮองเฮากลับปัดมือนางออก ใบหน้าซีกซ้ายของนางถูกตบเข้าทันที
หลิวฮองเฮาสวมแหวนหยกสีเขียวแกะสลักลายเดือนเพ็ญและวสันตฤดู รอยแผลอาบเืปรากฏขึ้นบนใบหน้าองค์หญิงฮุ่ยหลิงชวนให้ตกตะลึง
องค์หญิงฮุ่ยหลิงกรีดร้องออกมา ััใบหน้าซีกซ้ายของตนอย่างเ็ป มองฮองเฮาด้วยความใ
นี่มิใช่ครั้งแรกที่พระมารดาตบตีนาง
ดวงตาองค์หญิงฮุ่ยหลิงแดงระเรื่อขึ้น นางมองหลิวฮองเฮาด้วยความเสียใจยิ่ง น้ำเสียงนางสั่นเครือเอ่ยถาม “เสด็จแม่ ลูกทำอะไรผิดไปหรือเพคะ? ”
“คุกเข่า! ”
หลิวฮองเฮากลับตวาดอย่างไร้เมตตา บังคับให้ฮุ่ยหลิงคุกเข่าลงในทันที หยาดน้ำจากสองตาร่วงหล่นประดุจฝนในวันพายุโหม
“เ้าเป็ผู้ส่งหวางอี้ไป...ถูกต้องหรือไม่? ฮุ่ยหลิง เ้าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก พี่น้องทะเลาะกันเช่นนี้ ตัวข้ากลับมิกล้ากระทั่งจะแก้แค้นให้ลูกสาวตนเอง! ” ดวงพระเนตรของหลิวฮองเฮาแดงก่ำขึ้นมาเช่นกัน นางเชื่อว่าองค์หญิงฮุ่ยเจินจะเชื่อฟังมากขึ้นเมื่อผ่านมรสุมชีวิตครั้งแรกไป ทำให้นางใจว่าชีวิตนี้มีค่าเพียงใด
ทว่านางกลับไว้วางใจพระธิดาผู้นี้เกินไป จัดให้อยู่ห่างไกลออกไป แต่คนยังวิ่งกลับมาถึงเมืองหลวง ใช้ชีวิตในภัตตาคารต้งไห่จนกระทั่งต้องตายอย่างน่าอนาถยิ่ง!
“พระมารดาโปรดอย่ากล่าวโทษลูกเลยเพคะ...ลูกโดนสตรีชั่วร้ายผู้หนึ่งหลอกลวง ได้โปรดเถอะเพคะ...เสด็จแม่...โปรดให้อภัยลูกด้วย! ”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงโขกศีรษะโดยแรง นางร่ำร้องออกมา
“มันเป็ใคร? ” หลิวฮองเฮากริ้วนัก นึกเกลียดเด็กผู้นี้ที่ไร้ประโยชน์ ทั้งยังเกลียดตนเองที่ไม่อาจรั้งฮุ่ยเจินไว้ให้ดี!
“เป็...เป็ฮวาชีเยว่เพคะ! นางให้ลูกใช้หวางอี้เพื่อแยกโจวจื่อเฉิงกับพี่หญิงออกจากกัน! ลูกสับสนไปชั่วครู่ เพียง้าทดสอบความจริงใจของไอ้สารเลวโจวจื่อเฉิงเท่านั้น...อีกประการ ลูกเชื่อมาตลอดว่าเขาไม่เหมาะสมกับพี่หญิง จึงได้้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองเสีย! ”
องค์หญิงฮุ่ยเจินร่ำไห้ น้ำตาไหลท่วมท้นจากดวงตา
ได้ยินดังนั้นหลิวฮองเฮาก็บันดาลโทสะยิ่งกว่าเดิม มิคาดบุตรีสกุลฮวาตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวจะถึงกับเอาชีวิตองค์หญิงฮุ่ยเจินได้!
ทว่าสิ่งที่องค์หญิงฮุ่ยหลิงพูดนั้นต้องใจนางนัก ในพระทัยของหลิวฮองเฮา โจวจื่อเฉิงผู้นี้ไม่เหมาะสมกับองค์หญิงฮุ่ยเจินแม้แต่น้อย จึงมิได้ขอร้องฮ่องเต้ให้พระราชทานสมรสแก่องค์หญิงฮุ่ยเจิน
“ฮวาชีเยว่! มิคาดอายุเพียงแค่นี้ก็ถึงกับเหี้ยมโหดได้เพียงนี้แล้ว! ได้! เมื่อเ้ากล้าลงมือกับข้า ลงมือกับสกุลหลิว…”
หลิวฮองเฮาเอ่ยเสียงเย็นจนองค์หญิงฮุ่ยหลิงถึงกับสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
นางยกมือขึ้นทุบโต๊ะหยกขาวโดยแรงเสียจนน้ำชาสาดกระเซ็น
หลิวฮองเฮาใจเย็นลง เมื่อเห็นรอยแผลเป็บนใบหน้าองค์หญิงฮุ่ยหลิงก็รู้สึกผิดขึ้นมา
ถึงอย่างไรองค์หญิงฮุ่ยเจินก็ตายไปแล้ว และนางเองก็ใจสลายที่สูญเสียลูกสาวไปคนหนึ่ง
ทว่าองค์หญิงฮุ่ยหลิงเองก็เป็เืเนื้อเชื้อไขของนางเช่นกัน ยามตบตีอีกฝ่ายหัวใจนางก็เ็ปนัก เพียงแต่นางทั้งโกรธทั้งเสียใจที่อีกฝ่ายไม่เฉลียวใจจนโดนฮวาชีเยว่หลอกลวงเอาได้
“หลิงเอ๋อร์ ให้แม่จัดการฮวาชีเยว่เองอย่าได้ขัดขวาง หากเ้าเข้ามาขวาง ทุกสิ่งก็จะไร้ประโยชน์ เข้าใจหรือไม่? ”
หลิวฮองเฮาข่มกลั้นโทสะในใจ กลับมาสงบอีกครั้ง
องค์หญิงฮุ่ยหลิงคิดว่านางคงดูอารมณ์เสด็จแม่ผิดไป เมื่อครู่ยังทรงกริ้วนัก ทว่ายามนี้กลับสงบลงได้ในพริบตา
“เพคะ ลูกเข้าใจแล้ว ลูกจะจดจำเื่นี้เอาไว้ในใจเพคะ” องค์หญิงฮุ่ยหลิงไม่โต้เถียงแม้เพียงครึ่งคำ เลือกจะตอบรับเสียงเบา
หว่างคิ้วของฮองเฮาปรากฏร่องรอยมั่นใจ ในวันพรุ่งจะเป็การประลองรอบสุดท้าย เช่นนั้น...ย่อมเหมาะแก่การจัดแสดงงิ้วเพื่อฮวาชีเยว่!
ในวันประลองรอบสุดท้าย ผู้คนคลาคล่ำในพื้นที่เข้าชมงาน มากมายเสียยิ่งกว่ารอบก่อนๆ อยู่มาก ภัตตาคารใกล้ๆ ล้วนถูกจับจองจนเต็มเสียจนไม่อาจหาพื้นที่ดีๆ นั่งชมได้แล้ว
ฮวาชีเยว่นั่งลงในที่ของตน เทียนซีนั่งอยู่ข้างกาย ขณะไฉ่ชิงและไฉ่หนิงนั่งอยู่ด้านหลัง
ฮวาชีเยว่ทราบว่าในการประลองรอบสุดท้ายนี้มีความสำคัญมาก นางจำเป็ต้องชนะเพื่อให้ได้ปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้างมาไว้ในอย่างถูกต้อง
อีกประการ นางยังต้องแสดงความแข็งแกร่งออกมา เอาชนะคู่ต่อสู้ในกระบวนท่าเดียว แทนที่จะใช้วิธีสะสมปราณดังเช่นสองรอบที่แล้วมา
มีเพียงแสดงความแข็งแกร่งออกไป ผู้ที่้าต้นหลงแดงจึงจะหวาดกลัวผลกรรม
แม้อีกฝ่ายจะ้าจัดการนางก็ยังต้องเกรงใจฮ่องเต้ ยิ่งกว่านั้น หากวันนี้นางแสดงฝีมือโดดเด่นออกไป ฮ่องเต้ย่อมต้องมองนางต่างไปจากเดิม
ฮวาชีเยว่ทราบว่ามีคนมากมายกำลังลอบจับตามองนาง
โชคดีนักที่ต้นหลงแดงเป็โอสถวิเศษที่ยากจะได้รับมา ฮวาชีเยว่มั่นใจว่าหากนำต้นหลงแดงไปประมูล ย่อมทำเงินได้มากถึงห้าล้านตำลึงทอง!
ขณะที่ฮวาชีเยว่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น นางกำนัลผู้หนึ่งก็เดินเข้ามากระซิบถาม “ท่านใช่คุณหนูฮวาชีเยว่หรือไม่เ้าคะ? ฮองเฮา้าเชิญท่านไปยังเก้าอี้ประทับทางนู้นเ้าค่ะ”
ฮวาชีเยว่เลิกคิ้ว แม้นางกำนัลผู้นี้จะเอ่ยด้วยถ้อยคำสุภาพ ทว่าน้ำเสียงกลับแสดงความเหนือกว่า ดูมิคล้ายว่าคนจะใส่ใจองค์หญิงผู้นี้มากนัก กระทั่งเรียกยศนางก็ยังไม่ยอมเรียก
ดูคล้ายนางกำนัลผู้นี้จะมีนิสัยเช่นเดียวกับผู้เป็นาย คือฮองเฮา
“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” ฮวาชีเยว่ยิ้มบาง นางกำนัลมองนางด้วยสายตาเ็าก่อนจะเดินตรงกลับไปยังยกพื้นที่ฮองเฮาประทับอยู่
ผังที่นั่งในรอบนี้ยังคงจัดเหมือนรอบก่อนๆ ที่ฮวาชีเยว่นั่งอยู่ตรงข้ามกับที่นั่งของราชวงศ์พอดี
“ลู่ซิน โหย่วชุ่ย ดูแลนายน้อยให้ดี” ฮวาชีเยว่สั่งการเสียงเบา รู้สึกยินดีนักที่วันนี้ไม่มีเมฆครึ้มจึงพาเทียนซีมาด้วยได้
อันที่จริง การแข่งรอบสุดท้ายนี้จะต้องวุ่นวายเป็อย่างมาก ฮวาชีเยว่ทราบดีว่าในอนาคต ชีวิตนางคงไม่เรียบง่ายอีก เทียนซียังต้องทำความคุ้นเคยกับความโหดร้ายไร้ปรานีของศัตรูตนเองในอีกไม่ช้า
ยิ่งกว่านั้น เื่ที่เทียนพี่เป็มิตรหรือศัตรูนั้นยังไม่แน่นอน เขาจะแข็งแกร่งขึ้นได้อีกหรือไม่ หรือนางจะมีชีวิตได้อีกนานเพียงใดล้วนแต่ยังเป็ปริศนา
จิตใจของเทียนซีจำต้องแข็งแกร่งขึ้นก่อนจะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง
ลู่ซินเป็กังวลอยู่บ้าง “คุณหนู เหตุใดฮองเฮาถึงทรง้าพบท่านเ้าคะ? ”
ดวงตาของฮวาชีเยว่ทอแววเรียบเย็น นางทราบว่าฮองเฮาทรง้าพบนางเพราะคนผู้หนึ่ง
“ไม่มีอะไรมาก คงเป็เพียงการสนทนาเล็กน้อยเท่านั้น ข้าต้องไปก่อน เทียนซีอยู่ที่นี่นะ” เมื่อพูดจบ ฮวาชีเยว่ก็มุ่งตรงไปยังเก้าอี้ประทับของเหล่าเชื้อพระวงศ์
ในครานี้ ทั้งทหารและมือธนูต่างก็ยืนล้อมลานประลอง ยังมีที่กั้น้าเพื่อป้องกันการโจมตีด้วยธนู
ฮวาชีเยว่เดินผ่านยกพื้นใหญ่ของตระกูลจี้ ทุกคนล้วนแต่มองสำรวจสตรีในชุดขาวยามนางย่างก้าวผ่านไป ยามนี้ความหวาดกลัวและตรงไปตรงมาของนางดังเช่นในรอบคัดเลือกล้วนแต่หายไปแล้ว แทนที่ด้วยความเยือกเย็นไร้สิ้นสุด
ดวงหน้างดงามเ็า ดุจดังูเาน้ำแข็งพันปี
สตรีงามเช่นนี้ราวกับแสงตะวันยามรุ่งอรุณ ชวนให้ใจสงบ ทำให้เหม่อมอง ทั้งยังน่าประทับใจ!
ผู้คนมากมายล้วนแต่แอบประหลาดใจ ราวกับฮวาชีเยว่คนขี้แพ้ไร้ประโยชน์ผู้นั้นเป็เพียงคำร่ำลือ
ขณะเดียวกัน สกุลโอวหยาง สกุลซย่า สกุลหลิว และสกุลไป๋หลี่ล้วนแต่ให้คนจับตามองฮวาชีเยว่เอาไว้ เฝ้าดูนางทุกฝีก้าว
ครั้นเมื่อองค์ชายใหญ่หวงฝู่ฉางอวี๋เห็นฮวาชีเยว่เข้า ดวงตาเขาก็ทอประกายขึ้นมา สตรีชุดขาวไร้ซึ่งเครื่องประดับใด ทว่าความงดงามของนางกลับดึงดูดได้ทุกสายตา
เมื่อเห็นว่าองค์ชายรัชทายาทกำลังทอดพระเนตรผู้ใดอยู่ ฮวาเสี่ยวอีก็ให้กำหมัดแน่นเข้า
ฮวาเมิ่งซือดูสงบนิ่งทว่าที่แท้ก็กำลังกำมือแน่นเสียจนเล็บหัก
ฮวาชีเยว่เดินมาเบื้องหน้าฮ่องเต้ ตั้งใจจะยอบกายถวายพระพร ฮ่องเต้กลับสั่งให้นางละเว้นมารยาทเสีย “ท่านหญิงจิ่งฮวา เราคาดหวังในตัวเ้ายิ่งนัก! หวังว่าในวันนี้เ้าจะทำให้เราได้ตกตะลึงอีกครั้ง! ”
ฉางหลงฮ่องเต้ยิ้มให้ฮวาชีเยว่ที่ดูงดงามราวกับดอกไม้ผลิบาน แม้นางยังคงก้มหน้า ทว่ากลับเปล่งประกายหยิ่งทระนงมั่นใจ
“หม่อมฉันรับทราบแล้ว จะไม่ทำให้พระองค์ทรงผิดหวังเพคะ! ” ฮวาชีเยว่ยิ้ม ทุกการกระทำดูมั่นอกมั่นใจสมเป็บุตรีของแม่ทัพใหญ่
ฮ่องเต้ยินดีนัก ทรงพยักหน้าอย่างอ่อนโยน ยามนี้องค์ชายรัชทายาทยังไม่มีภรรยา ฮวาชีเยว่ดูเป็ตัวเลือกที่ดีทีเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้