อู๋กวงเต๋อไม่อยากมีปัญหาจึงเอ่ยออกมาว่า “โม่โม่ ช่างเถอะ”
ทว่าเซี่ยโม่ยังคงนิ่ง จ้องมองผู้ใหญ่บ้านไม่ละสายตา
ผู้ใหญ่บ้านเข้าใจในทันที เหล่าอู๋ไม่อยากมีเื่ แต่หลานสาว้าคำอธิบาย
เขามองตอบเด็กสาวด้วยแววตาตั้งคำถาม “หลานสาว อยากได้คำอธิบายอะไรงั้นเหรอ”
เซี่ยโม่มีหรือจะไม่รู้ความคิดของผู้ใหญ่บ้าน บ้านไหนทำอะไรกินเกี่ยวอะไรกับผู้อื่นด้วย
เธอไม่อยากให้เกิดเื่แบบนี้ขึ้นอีก และไม่อยากให้แผนของสาวใหญ่เพื่อนบ้านลุล่วง เพราะฉะนั้น เธอต้องสอนบทเรียนให้อีกฝ่ายเสียบ้าง!
เซี่ยโม่เอ่ยออกไปว่า “ใครเป็คนบอกเื่นี้กับผู้ใหญ่บ้านคะ ใครเป็คนบอก คนนั้นก็สมควรขอโทษ หากต่อไปมีแขกมาที่บ้านอีก เธอไปตามพวกเสมียนหรือพาใครก็ไม่รู้มาที่บ้าน พวกเราจะทำยังไง ใครเป็คนให้สิทธิ์เธอทำแบบนี้ ตระกูลอู๋เป็ชาวนายากจนมาสามรุ่น ไม่เคยทำผิดกฎหมาย จะให้คนโน้นคนนี้มาเข้าๆ ออกๆ บ้านได้ยังไงคะ”
ผู้ใหญ่บ้านบ้านฟังแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล สายตาพลันตวัดมองคนที่มาด้วย ไม่เพียงแค่นั้นยังพูดผลักความผิดให้ “ทั้งหมดเป็เพราะเธอนั่นแหละ หลานสาวพูดมีเหตุผล ยังไม่รีบขอโทษเขาอีก”
สาวใหญ่เพื่อนบ้านพูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก รู้ดีว่าตัวเองแย่แน่แล้ว
อาหารบนโต๊ะก็ส่งกลิ่นหอมเหลือเกิน ทำเธออดน้ำลายไหลไม่ได้ ก่อนที่สายตาจะมองเห็นอะไรบางอย่างในถ้วยน้ำแกง เธอเอ่ยออกมาราวกับจับจุดอ่อนได้แล้วก็ไม่ปาน “ผู้ใหญ่บ้าน พวกเขาขุดหน่อไม้บนเขามากิน!”
แม้ว่าพวกพืชผักบนเขาจะเป็ของที่ใครก็สามารถขุดกลับไปได้ ทุกคนสามารถเก็บเห็ดเก็บผัก และมีคนไม่น้อยที่ขุดหน่อไม้กลับไปทำอาหาร เก็บเห็ดเก็บผักไม่มีใครว่าอะไร แต่หน่อไม้กลับต้องระวัง
หากมีใครในหมู่บ้านอยากกินหน่อไม้ก็จะขึ้นไปขุดบนเขา แม้ไม่ใช่เื่ต้องห้าม แต่ก็ต้องไม่บอกใคร
สาวใหญ่ข้างบ้านไม่รู้จะใช้อะไรเล่นงานบ้านอู๋ จึงหยิบยกเื่นี้ขึ้นมา
ขณะที่เซี่ยโม่กำลังจะเอ่ยปาก ซ่งมู่ไป๋กลับเป็ฝ่ายชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “ผู้ใหญ่บ้าน เป็เพราะผมทำงานที่สถานีรถไฟ คนมักชอบฝากผมซื้อตั๋วนอน พอหาซื้อให้ พวกเขาก็ให้หน่อไม้มา วันนี้พอดีผมมาเป็แขกที่บ้านนี้เลยนำติดมือมาฝาก…”
เซี่ยโม่อยากชูนิ้วโป้งให้ซ่งมู่ไป๋เหลือเกิน ชายหนุ่มพูดได้ดีมาก!
อย่างไรเสียหน่อไม้ก็ถูกหั่นเป็ชิ้นเล็ก ทั้งยังถูกนำไปทำน้ำแกงแล้ว หากใครมีความสามารถทำให้มันพูดได้ ก็ถามมันสิว่าถูกขุดขึ้นมาหรือมีคนให้พี่ซ่งมา
เธอรีบรับไม้ต่อ “ผู้ใหญ่บ้าน บนเขามีหน่อไม้ก็จริง แต่หน่อไม้พวกนี้แขกเป็คนให้มา แม้แต่หน่อไม้ที่แขกให้มา พวกเราก็กินไม่ได้เหรอคะ ต้องมีการรายงานก่อนด้วย?”
อู๋กวงเต๋อมองซ่งมู่ไป๋ ก่อนจะหันไปมองหลานสาว ทั้งสองเข้ากันเป็ปี่เป็ขลุ่ยเชียว
ผู้ใหญ่บ้านในเวลานี้รู้สึกกระอักกระอ่วนเป็ที่สุด เขาจะกล้าพูดออกไปได้อย่างไรว่าหน่อไม้พวกนี้มาจากบนูเาในหมู่บ้าน
ในหมู่บ้านมีใครบ้างไม่แอบขุดหน่อไม้ไปกิน ขนาดภรรยาเขายังขุดกลับมาทำอาหารกินเลย เดิมทีเขาก็ไม่ชอบสาวใหญ่คนนี้อยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแค้นอีกฝ่ายเข้ากระดูก น่าโมโหนัก!
“เธอ พูดจามั่วซั่วปรักปรำคนอื่น หักแต้มการทำงานห้าสิบแต้ม!”
แต้มการทำงานคือสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก ประหนึ่งชีวิตเลยทีเดียว!
สาวใหญ่นึกไม่ถึงเลยว่า ตัวเองจะไม่เพียงขโมยไก่ไม่สำเร็จ ยังเสียข้าวสารไปอีกหนึ่งกำมือ[1] โดนหักแต้มการทำงานถึงห้าสิบแต้ม!
ทุกคนต่างจับจ้องมาที่เธอ เธอรู้สึกเสียใจทีหลังเหลือเกิน ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย “ขอโทษ ต้องโทษฉันเอง…”
เซี่ยโม่ตอบกลับเสียงดังว่า “ท่านผู้นำเคยกล่าวไว้ได้ดีมากว่า หากยังไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดก็ไม่มีสิทธิ์พูดออกมา วันหลังอย่าใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้อีกนะคะ”
สาวใหญ่เพื่อนบ้านอับอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
แม้จะถูกคนรุ่นลูกพูดจาเช่นนี้ใส่ เธอก็ไม่อาจทำอะไรได้ “โม่โม่พูดถูกต้อง ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ต่อไปฉันจะตรวจสอบให้ดีซะก่อน จะไม่ทำเื่แบบนี้อีกแล้ว”
ผลลัพธ์ที่เซี่ยโม่้าก็คือแบบนี้ ได้ยินดังนั้นเธอถึงได้ยอมถอย
เห็นเซี่ยโม่ไม่พูดอะไร สาวใหญ่เพื่อนบ้านหมุนตัวเดินออกจากบ้านไป
เดิมทีคุณปู่จ้าวกับซ่งมู่ไป๋คิดจะช่วย แต่พอเห็นเด็กสาวจัดการได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งสองคนจึงได้แต่ยิ้มอย่างพึงพอใจอยู่ข้างๆ
ซ่งมู่ไป๋มองเด็กสาวอย่างชื่นชมโดยไม่ปิดบัง คิดในใจว่าแม้เด็กสาวจะอายุน้อย หากเวลามีเื่อะไรเกิดขึ้นกลับสามารถแก้ปัญหาได้อย่างเป็ขั้นเป็ตอนมีเหตุมีผล คนแบบนี้ไปที่ไหนไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน
เมื่อเื่ราวคลี่คลาย ผู้ใหญ่บ้านหันหลังทำท่าจะกลับบ้าง ทว่าอู๋กวงเต๋อรั้งชวนให้กินข้าวด้วยอย่างกระตือรือร้นเสียก่อน “ผู้ใหญ่บ้าน ผมเห็นคุณงานยุ่งเลยไม่ได้เชิญ แต่ในเมื่อคุณมาแล้ว งั้นก็อย่าเพิ่งกลับเลย นั่งกินข้าวด้วยกันก่อนเถอะ”
บนโต๊ะมีแต่อาหารหน้าตาน่ารับประทาน ใครบ้างจะไม่อยากกิน อีกอย่างผู้ใหญ่บ้านมีหรือไม่อยากให้คนอื่นไว้หน้า เชิญให้อยู่ร่วมมื้ออาหารด้วย เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาเท่านั้น
คนอื่นๆ พูดอย่างเห็นด้วย
ผู้ใหญ่บ้านเห็นแก่ที่อู๋กวงเต๋อพูดเชิญอย่างจริงใจ จึงแกล้งทำตัวเป็เรือที่ลอยตามน้ำ
เซี่ยโม่วิ่งไปหยิบแก้ว ถ้วย และตะเกียบมาให้ผู้ใหญ่บ้านอย่างรู้ความ รวมถึงเหล้าขาวที่ยังไม่ได้เปิดอีกหนึ่งขวด
เหล้าขาวขวดนี้เป็เหล้าที่เธอเอาออกมาจากในโกดังสินค้า เหล้าขาวที่เปิดแล้วก่อนหน้านี้ถูกดื่มจนพร่องไปครึ่งขวดแล้ว ไม่เหมาะสมหากจะใช้ขวดนั้นรินให้ผู้ใหญ่บ้าน เปิดขวดใหม่เป็การแสดงให้เห็นว่าพวกเธอให้เกียรติและไว้หน้าเขา
จะให้ออกไปซื้อตอนนี้ก็ไม่ได้ เพราะเธอไม่มีคูปองสำหรับซื้อเหล้า
อู๋กวงเต๋อมองหลานสาวที่ถือขวดเหล้าขาวขวดใหม่ติดมือมาด้วย
เขารับขวดเหล้าขาวจากหลานสาวมาเปิด รินใส่แก้วให้ผู้ใหญ่บ้านอย่างกระตือรือร้น “ผู้ใหญ่บ้านลองชิมดู นี่เป็เหล้าขาวที่ผมเก็บเอาไว้มานานหลายปี”
ซ่งมู่ไป๋เห็นเช่นนั้นก็คิดในใจ คุณตายังมีเหล้าขาวเก็บเอาไว้อยู่อีกหรือนี่
หลังจากอู๋กวงเต๋อเทเหล้าให้ผู้ใหญ่บ้าน ก็หันไปเทให้ซ่งมู่ไป๋กับเหล่าจ้าว ก่อนจะเอ่ยล้อเล่นว่า “โบราณกล่าวไว้ว่า ไม่ว่าที่ไหนทุกคนล้วนคือพี่น้อง แม้ก่อนหน้านี้พวกเราจะไม่รู้จักกัน แต่ตอนนี้พวกเราก็ได้รู้จักกันแล้ว”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย เ้าบ้านกล่าวได้ดียิ่ง
ผู้ใหญ่บ้านพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “วันนี้ฉันเสียมารยาทแล้ว ต่อไปฉันจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ฉันขอดื่มแก้วนี้ให้ทุกคนเพื่อเป็การขอโทษ”
เซี่ยโม่ชื่นชมผู้ใหญ่บ้านอยู่ในใจ คนเรามันต้องเป็แบบนี้ ต้องยืดได้หดได้
ผ่านไปสักพัก เมื่อเธอเห็นผู้ใหญ่บ้านกินดื่มเข้าไปได้พอประมาณ เธอเล่าความจริงเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างบ้านเธอกับสาวใหญ่ข้างบ้านให้ฟัง
“ผู้ใหญ่บ้าน ข้างบ้านเมื่อครู่นี้เป็คนเ้าคิดเ้าแค้น พอรู้ว่าฉันรู้จักพวกสมุนไพรก็เลยอยากให้ฉันสอนลูกสาวเธอ แต่ฉันเพิ่งจะเริ่มเรียน ความรู้มีแค่หยิบมือ แล้วจะเอาอะไรไปสอนคนอื่น พอบอกไปแบบนั้น เธอกลับมาโกรธฉัน วันนี้พอได้กลิ่นหอมของอาหารจากบ้านฉันก็เลยจะมาเล่นงาน เธอกำลังหลอกใช้คุณ”
พอเซี่ยโม่เล่าให้ฟัง ผู้ใหญ่บ้านถึงได้รู้ที่มาที่ไปของเื่นี้
ผู้ใหญ่บ้านมีสีหน้าไม่พอใจ “เป็คนที่เห็นแก่ตัวจริงๆ ฉันต้องหาเวลาจัดการเธอสักหน่อยแล้ว”
เซี่ยโม่กล่าวต่ออีกประโยค “คุณพูดถูกต้อง คนแบบนี้ต้องสั่งสอนซะบ้าง จะได้ไม่ไปใส่ร้ายคนอื่นอีก”
ประโยคนี้ของเซี่ยโม่ตรงกับใจผู้ใหญ่บ้านนัก ผู้ใหญ่บ้านเริ่มมึนเมาจากฤทธิ์สุรา ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นผู้หญิงคนนั้น เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าถูกอีกฝ่ายหลอกใช้
อีกฝ่ายเห็นผู้ใหญ่บ้านอย่างเขาเป็เครื่องมือเล่นงานคนอื่น ใจกล้าจริงๆ เขาต้องหาโอกาสสั่งสอนอีกฝ่ายเสียหน่อยแล้ว “เธอพูดถูก”
อู๋กวงเต๋อยิ้มขณะฟังหลานสาวเอาคืนคนข้างบ้าน
คุณปู่จ้าวเองก็ยิ้มอย่างพึงพอใจเช่นกัน เด็กสาวคนนี้ฉลาดไม่เบา
ด้านซ่งมู่ไป๋ คิดว่าเด็กสาวคงกำลังเอาคืนคนข้างบ้านอยู่สินะ ยิ่งมองเขาก็ยิ่งถูกใจ มุมปากพลันยกขึ้นเป็รอยยิ้มอัตโนมัติ
-----------------------------------
[1] ขโมยไก่ไม่สำเร็จ ยังเสียข้าวสารไปอีกหนึ่งกำมือ หมายถึง ฉวยโอกาสไม่สำเร็จ ซ้ำยังมาขาดทุน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้