ตอนเซี่ยเสี่ยวหลานพบตัวเฉินซีเหลียง เถ้าแก่เฉินก็ได้เตรียมตัวไปปักกิ่งเพื่อติดต่องานเรียบร้อยแล้ว
ใช้โอกาสที่เพิ่งเฉลิมฉลองตรุษจีนเสร็จสิ้นธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้ายังไม่ถึง่จุดสูงสุดเฉินซีเหลียงอยากไปปักกิ่งเพื่อสำรวจลู่ทางเสียก่อน ทว่าพอเซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่ามีของจะให้ทำกำไรแววตาเฉินซีเหลียงก็สว่างราวกับหลอดไฟ 100 วัตต์!
ความรู้สึกติดค้างต่อพี่เขยเหอฉงเซิงถูกทิ้งไว้อีกด้านก่อนเฉินซีเหลียงต้องทำกำไรก้อนนี้ให้เสร็จสิ้นแล้วจึงค่อยเดินทาง
นักธุรกิจไม่สนใจว่าจะเป็การผูกขาดหรือไม่ กระทั่งกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ยังต้องพัฒนาหลากหลายด้านเฉินซีเหลียงค้าส่งเสื้อผ้า ไม่ได้แปลว่าเขาไม่สามารถขายเครื่องใช้ไฟฟ้าได้เสียหน่อยไม่มีทางที่ใครจะมองเงินโดยไม่คว้าไว้สินะ? เฉินซีเหลียงรู้จักคนทำธุรกิจอิสระในหยางเฉิงอยู่ไม่น้อยจึงพาเซี่ยเสี่ยวหลานตามหาสหายผู้ค้าส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้มาดูสินค้าต้นแบบในคืนวันเดียวกัน
คนคนนั้นพลิกดูวิทยุซ้ำไปซ้ำมา
“ถ้าเธอมี ฉันรับ 150 หยวนต่อเครื่องทั้งหมดเลย”
คนอื่นมาเหมาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในหยางเฉิงก็ล้วนรับซื้อสินค้าจากมือพวกเขาเมื่อรับมาในราคา 150 หยวนต่อเครื่อง พวกเขาย่อมค้าส่งราคาอย่างต่ำ 180 หยวน ได้ส่วนต่าง 30 หยวนขอบเขตกำไรที่เขาให้ก็อยู่ราวๆ 30 หยวนถ้าจะรับซื้อของแบบนี้จากเผิงเฉิงโดยตรง อย่างไรเสียก็ต้อง 120 หยวนอยู่ดี
เซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าเครื่องหนึ่งราคา 90 หยวน เธอรับมาจากทางนั้น 270 เครื่องยังเหลืออีก 230 เครื่องให้เฉินซีเหลียงขายเก็งกำไร
กำไรของหนึ่งเครื่องอยู่ที่ 60 หยวน?
กำไรมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร!
เฉินซีเหลียงรู้สึกไม่มั่นใจ การค้าขายที่ได้กำไรเกือบหนึ่งหมื่นสี่พันหยวนจากการเปลี่ยนมือเพียงครั้งเดียวนี้เขาเองก็ไม่เคยทำมาก่อนเหมือนกัน แม้แผงขายส่งของเขาจะจำหน่ายสินค้าได้เป็จำนวนมากแต่กำไรย่อมไม่เยอะเท่าผู้ค้าปลีกอย่างพวกเซี่ยเสี่ยวหลานแน่นอนเซี่ยเสี่ยวหลานก่อตั้งร้านเสื้อผ้าเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองซางตูสำหรับกำไรขั้นต้นต่อหนึ่งเดือนระหว่างเธอและเฉินซีเหลียงใครมากใครน้อยก็ไม่แน่นอนเสมอไป
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน
เธอเคยทำความรู้จักกับราคาตลาดโดยคร่าวของสินค้าประเภทวิทยุหาก้าซื้อวิทยุนำเข้าหนึ่งเครื่องในเมืองซางตู ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจ่ายสองสามร้อยหยวนเธอนึกว่าหากขายให้ผู้ค้าส่งของหยางเฉิงจะสามารถทำกำไรได้สูงสุด 30 หยวนต่อเครื่องเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะได้กำไรสูงถึง 60 หยวน! สินค้าล็อตนี้ช่างคุ้มค่าเหลือเกินเฉินซีเหลียงรู้สึกหวาดหวั่น เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็รับรู้ได้เหมือนกันว่ามีความเสี่ยงเป็อย่างมาก
เธอคำนวณในใจ หากสหายของเฉินซีเหลียงยอมรับซื้อด้วยราคา 150 หยวนต่อเครื่อง ราคาตลาดค้าปลีกของวิทยุรุ่นนี้อาจขายได้มากกว่า 250 หยวน และถ้านำกลับไปขายปลีกที่ซางตู กำไรของวิทยุหนึ่งเครื่องมิใช่เพียง 60 หยวน แต่เป็ 160 หยวนกำไรตรงกลางที่ได้มานั้นเกรงว่าขโมยเงินยังไม่รวดเร็วเท่านี้เลย!
กำไรสองหมื่นกว่าหยวนในคราเดียว!
เซี่ยเสี่ยวหลานรีบยับยั้งความคิดละโมบของตนเองไว้
ไม่ได้ ซางตูคือที่ทำการใหญ่ของเธอ วิทยุราคาถูกแบบนี้ต้นทางสินค้าต้องมีปัญหาเป็แน่ เธอคือคนทำธุรกิจที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมจะหาเงินด่วนสักก้อนในหยางเฉิงย่อมได้ ทว่าไม่อาจลากเื่พวกนี้กลับไปซางตูด้วย
เฉินซีเหลียงและเซี่ยเสี่ยวหลานต่างมีความกังวล เฉินซีเหลียงทราบว่าของสิ่งนี้กำไรงามยิ่งนักแต่เขาไม่กล้าขายปลีกด้วยตนเอง
“500 เครื่อง คุณรับซื้อไหวหรือไม่?”
ราคา 150 หยวนต่อเครื่อง 500 เครื่องก็ราคา 75000 หยวน
สหายของเฉินซีเหลียงผู้นี้ลังเลตามคาด “ขอแค่คุณภาพสินค้าดีเหมือนกันหมดเธอเพียงรับผิดชอบนำมาก็พอ ฉันจะตัดสินใจด้วยตัวของฉันเอง”
เซี่ยเสี่ยวหลานนับถือนายหน้าคนกลางพวกนี้เสียจริงๆ
พนักงานในแผ่นดินใหญ่ได้รับเงินเดือนหลายสิบหยวนต่อเดือน ทว่าพ่อค้าคนกลางหยางเฉิงเหล่านี้อาจมีทรัพย์สินหลายหมื่นหยวนแล้วคนกลุ่มนี้ก็คือผู้มั่งคั่งรุ่นแรกๆ ตราบใดที่ในอนาคตไม่เกิดความผิดพลาดด้านการลงทุนซึ่งไร้หนทางกอบกู้กลับคืนไม่เกลือกกลั้วกับราคะ การพนัน หรือยาเสพติด คนกลุ่มนี้จะมีแต่ร่ำรวยมากยิ่งขึ้นและขยายความเหลื่อมล้ำทางฐานะกับคนทั่วไป
เฉินซีเหลียงสอบถามราคาจนแจ่มแจ้งจากนั้นก็บอกความกังวลของตนต่อเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่แน่ใจเหมือนกัน ทว่าสองคนนี้เป็พวกเห็นแก่เงินเมื่อมีโอกาสทำกำไรย่อมไม่มีทางปล่อยให้ผ่านไปโดยง่ายเฉินซีเหลียงตัดสินใจรวบรวมเงินก่อน ถึงเวลาจะได้ลงมือได้อย่างทันท่วงที
“คุณผู้หญิงเซี่ย ตอนส่งมอบสินค้าเธอก็ไม่ต้องอยู่แล้ว”
เฉินซีเหลียงพูดจาตะกุกตะกัก เขาหวาดกลัวความสามารถดึงดูดดอกท้อ [1] ของเซี่ยเสี่ยวหลานมากทีเดียว เซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางทั่วเผิงเฉิงหากดึงดูดดอกท้อเน่า [2] ที่นั่นเข้าอีกครั้งขึ้นมาและอีกฝ่ายใช้วิทยุราคาถูก 500 เครื่องเป็เหยื่อล่อเป้าหมายคือชิงไปทั้งเซี่ยเสี่ยวหลานและเงิน...เฉินซีเหลียงนึกถึงชายมีแผลเป็บนเปลือกตาคนนั้นก็อกสั่นขวัญแขวนแล้ว
สูญเงินไปถือว่าเขาโลภเอง แต่ถ้าเสียเซี่ยเสี่ยวหลานไปอีกคนเฉินซีเหลียงจะเอาอะไรชดใช้?
พอโดนเฉินซีเหลียงเตือน เซี่ยเสี่ยวหลานก็เกิดความกังวลในใจตามไปด้วย
“ตอนรับสินค้าต้องตรวจสอบให้ดี ถูกขนาดนี้ หากเคยแช่น้ำมาพวกเราทุกคนเสียเงินก้อนโตโดยเปล่าแน่!”
จะลองเปิดวิทยุทุกเครื่องจำนวน 500 เครื่องณ ที่รับสินค้าก็ไม่มีเวลามากขนาดนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานจึงบอกให้เฉินซีเหลียงใช้วิธีสุ่มเลือกตัวอย่างอย่าเลือกสินค้าด้านนอกสุด และอย่าเลือกเพียงสินค้าด้านในสุดด้วยพยายามสุ่มเลือกตรวจสินค้าตัวให้มากเท่าที่จะทำได้ถึงสามารถรับประกันอัตราผ่านมาตรฐาน
ชวนนายว่านและนายหลี่ร่วมหุ้นก็ถือว่าถูกต้อง
ระหว่างจ่ายเงินจ้างพวกเขาให้ช่วยเหลือกับทั้งสองคนทำกำไรด้วยกันระดับความตั้งใจแตกต่างอย่างชัดเจน
กลางคืนธนาคารไม่เปิดทำการ เฉินซีเหลียงจึงไปหาคนอื่นเพื่อระดมทุนทันทีทุกวันนี้คนทำธุรกิจอิสระส่วนมากไม่ยินดีฝากเงินเข้าธนาคารเนื่องจากเวลาต้องใช้ไม่สะดวกนัก ทั้งยังเปิดเผยว่าตนเองมีเงินเท่าไรได้ง่ายอีกด้วยพวกเขาจึงยินดีเก็บเงินไว้ในบ้านมากกว่า เฉินซีเหลียงเองก็เก็บเงินสดหลักหมื่นหยวนไว้ในบ้านแต่ส่วนที่เหลือเขาต้องหาคนร่วมลงขัน
ศิษย์พี่ว่านนำเงินมาจากบ้าน 900 หยวนพอได้ยินว่าวิทยุหนึ่งเครื่องได้กำไร 60 หยวน เขามีท่าทางเสียดายเป็อย่างยิ่ง
หากยืมเงินจากญาติหลายคนหน่อย รับซื้อสัก 30 เครื่อง หรือกระทั่งวิทยุ 50 เครื่องมิใช่ทำกำไรได้สองสามพันหยวนในคราวเดียวหรอกหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานคร้านจะพูดกับเขาให้มากความเพียงแสร้งว่าไม่เห็นสีหน้าเสียดายของเขา
ต่อจากนั้นไม่นาน ศิษย์พี่หลี่ก็นำเงินมา 900 หยวนด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานวางเงินของทั้งสามคนรวมกันกว่าเฉินซีเหลียงจะรวบรวมเงินค่าวิทยุ 230 เครื่องครบก็เป็เวลาตีหนึ่งแล้ว
อีกฝ่ายนัดส่งมอบสินค้าในเวลาตี 5
เวลาราวตีสี่ตีห้าคือ่เวลาที่มนุษย์ง่วงหงาวหาวนอนที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานจึงมอบเงินให้กับเฉินซีเหลียงอย่างไรเสียบ้านเดี่ยวหลังน้อยของเฉินซีเหลียงก็มีเขาอาศัยเพียงผู้เดียวเธอจึงรอที่บ้านเฉินเสียเลย
เฉินซีเหลียงพานายว่านและนายหลี่ไปรวมตัวกับไป๋เจินจูที่ด่าน
แลกเปลี่ยนสินค้าในเวลาตี 5 ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเจ็ดแปดโมงถึงจะกลับมา
เซี่ยเสี่ยวหลานงีบหลับบนเก้าอี้ของเฉินซีเหลียงหกโมงครึ่งเริ่มล้างหน้าบ้วนปาก เจ็ดโมงเตรียมเปิดประตูออกไปหาอาหารเช้ารับประทาน
ชายวัยกลางคนหวีผมเสยผู้หนึ่งกำลังจะเคาะประตูพอดีเมื่อเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานเปิดประตูออกจากด้านใน จึงมีสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ
เขาถอยหลังสองก้าว ดูประตูอย่างถี่ถ้วนเป็ประตูบ้านเฉินซีเหลียงไม่ผิดแน่
ทว่าทำไมบ้านของเฉินซีเหลียงถึงมีหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งโผล่ออกมาได้? เช้าตรู่ขนาดนี้ เมื่อคืนวานหญิงสาวย่อมต้องพักอยู่บ้านเฉินเป็แน่
“เธอ เธอ...”
เหอฉงเซิงผลักเซี่ยเสี่ยวหลานออก “เฉินซีเหลียงนายโผล่ออกมาให้ฉันตีเลยนะ นายมันเ้าสารเลวหน้าไม่อาย นายเป็คนมีครอบครัวนะ...วันนี้ฉันต้องตีนายให้ตาย!”
เซี่ยเสี่ยวหลานอึ้งกิมกี่
เฉินซีเหลียงมีภรรยาแล้ว?
เธอนึกว่าเฉินซีเหลียงยังไม่ได้แต่งงานเสียอีก มีภรรยาแต่ยังอาศัยอยู่ตัวคนเดียวเฉินซีเหลียงเป็คนหยางเฉิงดั้งเดิมแท้ๆ
“สหาย นี่คือเื่เข้าใจผิด เมื่อคืนวานพี่เฉินซีเหลียงไม่อยู่บ้านให้ฉันยืมบ้านอาศัยอยู่เท่านั้น”
เหอฉงเซิงไม่ฟัง พลิกรื้อทั่วบ้าน ตัวเฉินซีเหลียงไม่อยู่จริงด้วย เขามองเซี่ยเสี่ยวหลานพลางรู้สึกเชื่อครึ่งสงสัยครึ่งเซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าตนเองคือ ‘ลูกค้า’ ของเฉินซีเหลียง ยืมบ้านอาศัยพักผ่อนเท่านั้นจริงๆ เหอฉงเซิงครุ่นคิดไปมาก็คิดว่าความเป็ไปได้ที่หญิงสาววัยรุ่นสะสวยเหมือนเซี่ยเสี่ยวหลานคนนี้จะสุงสิงกับเฉินซีเหลียงช่างน้อยนิดท่าทีต่อเซี่ยเสี่ยวหลานจึงสุภาพขึ้นในบัดดล
“วันนี้เฉินซีเหลียงจะไปปักกิ่งไม่ใช่หรือ แล้วตัวเขาเล่า?”
เชิงอรรถ
[1]惹桃花 ดึงดูดดอกท้อ หมายถึง พัวพันกับปัญหาหัวใจ
[2]烂桃花 ดอกท้อเน่า มาจากดอกท้อที่ไม่ออกผล หมายถึงความสัมพันธ์รักใคร่ที่ไม่นำความสุขมา เช่น การคบชู้ การมีคนมาตอแยโดยที่ไม่เต็มใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้