งานเลี้ยงเข้าสู่่คึกครื้น
ซุนเฟยถือแก้วเหล้าเดินไปทางกลุ่มนักรบ
หลังจากผ่านการต่อสู้ที่โหดร้ายกดดันจนทำให้ผู้คนอึดอัดและแทบเป็บ้า ก็มีเพียงสาวงามกับเหล้านี่แหละที่ทำให้เหล่านักรบรู้สึกผ่อนคลาย เพียร์ซและดร็อกบาต่างหัวเราะอย่างสนุกสนาน เทเหล้าใส่ถ้วยที่มีขนาดใหญ่เท่ากระถางแล้วดื่ม เสียงหัวเราะเบิกบานดังไปทั่วลานหินกว้าง ซึ่งกลุ่มคนเ่าั้คือนักรบเดนตายทั้งยี่สิบสามคนที่ร่วมสู้กับซุนเฟย รวมไปถึงพัศดีโอเลเกร์เองก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย นอกจากเบรโน่นักรบผู้กล้าหาญที่พลีชีพในาแล้ว อีกยี่สิบสองคนที่เหลือแม้จะาเ็กันไม่น้อย แต่พวกเขาก็ยังคงมีชีวิตรอดกลับมา ด้วยการที่ผ่านการต่อสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์าามาด้วยกัน ทำให้เหล่านักรบกลุ่มนี้เกิดมิตรภาพที่ดีต่อกัน
เหล่านักรบผู้กล้าหาญต่างมารวมตัวกันที่ทิศเหนือของลานหินกว้าง ทุกคนต่างนั่งดื่มเหล้าที่โต๊ะหิน บางคนเปลือยอกเล่นมวยปล้ำกับสหาย บางคนก็แข่งงัดข้อกันจนคอหน้าแดงก่ำไปหมด บางคนก็ออกไปเต้นรำกับสาวๆ แม้กระทั่งพัศดีโอเลเกร์ที่เหล่าทหารส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไร แต่เพราะว่าได้เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับความเคารพจากผู้คนไม่น้อย!
“ชนแก้ว! มาๆ พี่ชาย!” ซุนเฟยยกแก้วเหล้าหันไปทางเหล่านักรบเป็การทักทาย
“มาๆๆ พี่น้อง! แด่าาของพวกเรา! ชนแก้ว!” เหล่าทหารต่างโห่ร้องออกมาพร้อมยกแก้วขึ้น การมาของอเล็กซานเดอร์ทำให้พวกเขารู้สึกเป็เกียรติอย่างยิ่ง
“แก้วที่สอง แด่เบรโน่นักรบผู้กล้าหาญของพวกเรา!”
ซุนเฟยเทเหล้าในแก้วลงพื้นดิน พลางพูดเสียงหนักแน่นว่า “บิดามารดาของเขาก็เหมือนบิดามารดาทุกคน บุตรของเขาก็เหมือนบุตรของทุกคน...ครอบครัวของเบรโน่เมืองแซมบอร์ดจะเป็คนดูแลให้เอง จนกระทั่งบุตรของเขาเติบโตกลายเป็นักรบที่ห้าวหาญเหมือนบิดาของเขา!”
“แด่เบรโน่!”
เหล่าทหารต่างพากันเทเหล้าในมือทิ้งลงกับพื้นอย่างเงียบๆ ในตอนนั้นเองราวกับว่าท่ามกลางหมู่ดาวบนท้องฟ้าพวกเขาได้มองเห็นแผ่นหลังของชายผู้หนึ่งที่แม้จะได้รับาเ็จากการถูกแทง แต่ก็ยังคงกอดคอข้าศึกถึงสามนายะโลงสะพานหินแล้วะโเป็ครั้งสุดท้ายว่า ‘าาทรงพระเจริญ’ ...เบรโน่ วีรบุรุษผู้กล้า เขาเป็สหายร่วมรบและเป็สหายคนสำคัญ!
“แก้วที่สาม แด่เบรโน่วีรบุรุษผู้กล้าสหายร่วมรบของพวกเรา แด่นักรบทั้งยี่สิบสองคนผู้ห้าวหาญของเมืองแซมบอร์ด เพียร์ซ ดร็อกบา โอนีล เอสเซียง บัลลัค...” ซุนเฟยไล่ชื่อเหล่านักรบที่ร่วมรบกับตัวเองทีละคน เขาจำชื่อทุกคนได้ บรรดาฝูงชนโห่ร้องออกมาอย่างคึกคักทุกครั้งที่ซุนเฟยขานชื่อ และบรรดาผู้ที่ได้รับการขานชื่อต่างพากันตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
“พระเ้าคุ้มครองพวกเ้า นักรบของข้า ชื่อของพวกเ้าจะถูกล่าวขานในเมืองแซมบอร์ด ในนามของข้าาาอเล็กซานเดอร์จะขอมอบเกียรติยศให้แก่พวกเ้า ส่วนชุดเกราะที่พวกเ้าสวมในาและอาวุธที่ใช้ หลังจากที่พวกมันได้รับการซ่อมแซมจากช่างตีเหล็กที่ฝีมือดีที่สุดในเมืองแซมบอร์ด มันจะถูกส่งมอบให้กับพวกเ้าอีกครั้ง...” เสียงของซุนเฟยดังกังวานเหมือนกองไฟที่กำลังโชติ่ จุดประกายไฟในเืแก่นักรบทุกคน สายตาของพวกเหล่านักรบเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตื่นเต้น ซุนเฟยยกแก้วเหล้าในมือขึ้นมาแล้วเอ่ยแสดงความยินดีเสียงดังว่า “ใช่แล้ว เหล่านักรบของข้า เ้าไม่ได้คิดผิด อาวุธที่ล้ำค่าของราชวงศ์จะถูกมอบให้แก่พวกเ้า เพราะพวกมันคือเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของพวกเ้า”
อุปกรณ์และชุดเกราะทั้งยี่สิบกว่าชุดต่างเป็ของรักของหวงของาาผู้ล่วงลับองค์ก่อน แม้ว่าจะไม่ใช่อุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีอำนาจในตำนานที่นักพเนจรกล่าวถึง แต่สำหรับอาณาจักรบริวารระดับหกแล้วนับเป็อย่างล้ำค่า แม้ว่าพัศดีโอเลเกร์รวบรวมเงินที่สั่งสมมาตลอดชีวิตจากเงินเดือนของเ้าหน้าที่ระดับกลางหรือจากเงินรับจ้างนักรบ ก็ไม่อาจจะหาซื้ออุปกรณ์ครบเซ็ตพวกนี้ได้
ดังนั้น คำพูดประโยคนี้ของซุนเฟยจึงทำให้เหล่าทหารต่างโห่ร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
าาองค์นี้แบ่งแยกการลงโทษและให้รางวัลได้อย่างชัดเจน ถือว่าเป็ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าแก่การที่พวกเขาเสี่ยงชีวิต แต่ในการต่อสู้ องค์าาอเล็กซานเดอร์วิ่งนำอยู่ด้านหน้าสุดตลอดเวลา ใช่ร่างกายของตัวเองคอยรับคมดาบกระบี่ของข้าศึกเพื่อคุ้มครองทหารและเหล่าสหาย การกระทำนี้ทำให้อำนาจและความศรัทธาของซุนเฟยในจิตใจของกองทัพได้พุ่งทะยานขึ้นสูง
การที่องค์าามอบรางวัลให้อย่างใจกว้างยิ่งทำให้งานเลี้ยงครื้นเครงกว่าเดิม
ท่ามกลางอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าที่มอมเมาทุกคน
ซุนเฟยเริ่มสนใจเกมของเหล่านักรบถึงขนาดที่ถอดชุดคลุมาาที่งดงามออกแล้วเปลี่ยนเป็ใส่เกราะหนังนุ่มๆ เปลือยแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเล่นมวยปล้ำกับเหล่านักรบ นี่เป็เกมของลูกผู้ชาย ไม่ช้าเขากับเหล่านักรบต่างเข้าใจกฎกติกาในการเล่น เขาแอบโกงด้วยการใช้ ‘โหมดคนเถื่อน’ พลิกร่างเหล่านักรบที่มากด้วยพละกำลังและมีชื่อเสียงของเมืองแซมบอร์ดหงายหลังไปนับสิบคน แสดงให้เห็นถึงความองอาจของาา...
บรรยากาศสนุกสนานปกคลุมไปทั่วเมืองแซมบอร์ดหลังจากจบา
แต่ทันใดนั้นก็เกิดเื่ไม่คาดฝันขึ้น
ตรงกลางลานหินกว้างที่เป็จุดที่มีฝูงชนไปอยู่รวมกันมากที่สุด ไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้นถึงได้มีเสียงกรีดร้องใของเหล่าสตรี ในขณะเดียวกันก็มีเสียงหัวเราะของผู้ชายปะปนมาด้วย...
ซุนเฟยขมวดคิ้ว
ทหารที่กำลังเฮฮาก็หยุดมือที่จะชนแก้ว
“คงเป็ไอ้สารเลวตัวไหนที่มันดื่มเยอะถึงได้ใช้กำลังจะปล้ำจูบผู้หญิงที่แอบรัก?”
ปฏิกิริยาแรกของซุนเฟยและเหล่าทหารต่างคิดเช่นนี้
ฮ่าๆ การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่การกระทำที่ผู้มีอารยชนเขาทำกัน แต่งานเลี้ยงเฉลิมฉลองเป็่เวลาแห่งความสุขและความปีติ บางทีพวกเราก็ให้อภัยแก่ไอ้พวกหนุ่มๆ หน้ามืดพวกนั้นสักหน่อยละกัน ใครๆ ก็รู้ว่าสาวๆ เมืองแซมบอร์ดมีเสน่ห์มากล้น ฮ่าๆๆ ขอพระเ้าคุ้มครองไอ้หนุ่มใจกล้านั่นด้วย
พวกผู้ชายต่างพากันยิ้มน้อยๆ
แต่มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทุกคนคิด เสียงด่าทอและสาปแช่งไม่ได้ลดลงตามที่พวกเขาคิดไว้ก่อนหน้านี้ กลับกันยิ่งมายิ่งมาก เสียงด่าทอและเสียงร้องใผสมกับเสียงร้องเชียร์ดังเสียดหู ทุกคนต่างพากันหยุดเต้นและเริ่มเดินมารวมตัวกันกลางลานหิน เสียงหัวเราะค่อยๆ หยุดลง สายตาของทุกคนเริ่มเบนไปทางแหล่งที่มาของความวุ่นวาย
ซุนเฟยยืนบนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ เพื่อดูสถานการณ์ วินาทีต่อมา ดวงตาของเขาก็ประกายเ็า ทั่วทั้งร่างแผ่รังสีสังหารออกมา
“เวรเอ๊ย มีคนรังแกแองเจล่า!”
เขาใช้ทักษะ ‘ะโ’ ของคนเถื่อน เสียงหวือดังขึ้น ซุนเฟยะโลอยข้ามผู้คนไปนับสิบเมตรก่อนจะโรยตัวลงใจกลางลานหิน
ตอนนี้ฝูงชนเริ่มล้อมวงเป็วงกลมขนาดใหญ่
ตรงกลางวงกลมเป็เจ็มม่าและเหล่าชาวบ้านหนุ่มสาวหลายสิบคนรวมตัวเป็กำแพงมนุษย์ ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธเคือง จ้องมองไปที่เหล่าอัศวินที่อยู่ตรงหน้าและด้านหลังของกำแพงมนุษย์ก็มีร่างของแองเจล่าที่สวมชุดกระโปรงสีฟ้าใบหน้าซีดเผือกนั่งลงอยู่กับพื้น ในมือของเธอกำลังประคองร่างของเด็กหนุ่มผมสั้นที่อายุประมาณสิบห้าสิบหกปี ลำคอของเด็กหนุ่มได้รับาเ็หนักเหมือนถูกดาบเชือดคอ ลมหายใจของเขาติดขัด มีเืไหลออกมาจากปากไม่หยุด ท่าทางของเขาเหมือนคนที่ว่ายน้ำไม่เป็และกำลังสำลักน้ำ หน้าอกก็ถูกทำลายอย่างรุนแรง มีเืไหลออกมา แม้แต่ชุดราชินีสีฟ้าที่แองเจล่าสวมยังเปรอะเปื้อนไปด้วยเื
“ถุย! ไอ้ชั้นต่ำไม่รู้ที่ตาย กล้าดีอย่างไรมาชี้นิ้วใส่อัศวินราชอาณาจักรที่สูงส่ง!”
อัศวินราชอาณาจักรเซนิทที่สวมชุดคลุมสีแดงที่อยู่ตรงหน้าสุดเก็บดาบที่เปื้อนเืกลับมาใส่ปลอกดาบเสียงดัง ‘ชิ้ง’ มันตวัดดาบครั้งเดียวก็เชือดคอคนอื่น สำหรับเขาแล้วสิ่งที่ทำเหมือนกับเป็เื่เล็กน้อย ใบหน้าของเขามองไปยังเจ็มม่าและประชาชนเมืองแซมบอร์ดตรงหน้าด้วยแววตาเหยียดหยามพลางพูดเสียงดังว่า “หากอยากมีชีวิตก็คุกเข่าจูบรองเท้าข้าสิ จากนั้นก็รีบไสหัวไปให้พ้นข้า ช่างไม่ไว้หน้ากันเสียเลย ท่านรองหัวหน้าอัศวินคณะทูตเซมัคแค่อยากจะเชิญว่าที่ราชินีของพวกเ้ามาเต้นรำด้วยเท่านั้นเอง...”
อัศวินชุดคลุมสีแดงกล่าวอย่างเหยียดหยาม ขณะที่พูดคำว่า ‘ว่าที่ราชินี’ และ‘เต้นรำ’ พวกผู้ชายต่างเข้าใจในความหมายลามกที่แฝงอยู่ พูดจบ เขายังขยิบตาอย่างภาคภูมิใจให้สหายที่อยู่ด้านหลัง
อัศวินชุดคลุมสีแดงที่เป็สหายและอยู่ด้านหลังเขาต่างพากันกอดไหล่และหัวเราะฮ่าๆๆ เสียงดังออกมาอย่างร่าเริง
คนที่อยู่ตรงกลางของกลุ่มอัศวินม้าเป็คนเดียวกับอัศวินที่ยืนอยู่ด้านหลังขององค์ชายโตรบินสกี้ก่อนหน้านี้ มุมปากยิ้มกว้าง กวาดสายตามองชาวบ้านเมืองแซมบอร์ดที่รวมตัวกันรอบๆ อย่างดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นก็กวาดสายตามองเรือนร่างของสาวน้อยผมทองเจ็มม่าด้วยแววตาเป็ประกายเล็กน้อย ก่อนจะมองลอดกลุ่มคนไปยังร่างของสาวงามปานเทพธิดาในชุดกระโปรงสีฟ้าครามคนนั้น ดวงตาก็ฉายแววหื่นกระหายไม่ซ่อนความปรารถนาที่จะอยากจะสักนิด
ตอนนี้เอง
ฟุ่บ!
สายลมพัดวูบหนึ่ง ทุกคนรู้สึกเหมือนสายตาพร่ามัวไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่กำยำจะปรากฏตัวขึ้นตรงกลางวง...นั่นคือซุนเฟยที่ใช้ทักษะ ‘ะโ’ ของคนเถื่อนมาที่นี่
ดวงตาของซุนเฟยคมปลาบเหมือนมีด เขากวาดสายตาชั่วครู่ ไม่ช้าก็พอจะมองสถานการณ์ออก
ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป ไม่สนใจพวกอัศวินชุดคลุมสีแดงที่เหมือนสุนัขบ้ากำลังยั่วยุคนอื่น สิ่งแรกที่เขาทำคือรีบเดินไปหาแองเจล่าแล้วคุกเข่าลง ใช้มือประคองแผ่นหลังของชายวัยรุ่นที่กำลังจะตาย ก่อนจะหยิบขวด ‘น้ำยารักษาชีวิตขวดกลาง’ จากเข็มขัดมิติของคนเถื่อนออกมา น้ำยาสีแดงเหลือไม่มากนัก ซุนเฟยค่อยๆ เทน้ำยาทั้งหมดเข้าไปในปากและรอยแผลที่น่ากลัวตรงคอของเด็กหนุ่มคนนี้อย่างระมัดระวัง
พลังเวทมนต์ที่น่าทึ่งก็ค่อยๆ ทำงานของมัน
ไม่ช้า ผลของ ‘น้ำยารักษาชีวิตขวดกลาง’ ก็ค่อยๆ สมานรอยแผลที่เปิดกว้างตรงคอของเด็กหนุ่มคนนี้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดรอยแผลก็สมานกันและค่อยๆ หายไป และเขาก็ไม่กระอักเืออกมาจากปากอีก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเป็จังหวะคงที่ ลมหายใจของเขาก็ไม่ถี่อีกต่อไป สติก็ค่อยๆ ฟื้นกลับคืนมาและลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
ซุนเฟยเห็นแบบนี้ก็ค่อยวางใจ
โชคดีที่หลังจากเจือจางน้ำยากับน้ำสะอาดแล้วนำไปรักษาทหารที่าเ็แล้ว ‘น้ำยารักษาชีวิตขวดกลาง’ ก็ยังคงเหลืออีกนิดหน่อย ทีแรกซุนเฟยคิดจะเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน คาดไม่ถึงว่าจะมามีประโยชน์ใน่เวลาสำคัญเช่นนี้ ไม่อย่างนั้น เกรงว่าเด็กหนุ่มคนนี้คงต้องกลายเป็ศพที่เย็นชืดแน่ๆ
เมื่อเห็นองค์าาแสดงปาฏิหาริย์อีกครั้งด้วยการช่วยชีวิตเด็กหนุ่ม ชาวเมืองแซมบอร์ดต่างก็อดไม่ได้ที่จะโห่ร้องยินดีออกมา
“แองเจล่า บอกข้าสิ มันเกิดอะไรขึ้น?”
ซุนเฟยส่งเด็กหนุ่มให้ทหารที่อยู่ด้านหลังดูแล พลางกวาดสายตามองเหล่าอัศวินแห่งราชอาณาจักรเซนิทที่กำลังยืนหัวเราะอย่างร่าเริงตรงนั้น แล้วหันมาถาม
ใบหน้างามบริสุทธิ์ของแองเจล่าเต็มไปด้วยความโกรธขึง มือเล็กๆ ขาวเนียนจับมือของซุนเฟยแน่นก่อนจะกระซิบเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดข้างหู ยิ่งซุนเฟยฟังก็ยิ่งโมโห ความโกรธที่ไม่อาจคาดเดาลุกไหม้อยู่ในอกของเขา สีหน้าเปลี่ยนเป็เ็า รังสีฆ่าฟันแผ่ออกมาจากร่างของเขาอย่างไม่รู้ตัว
เดิมที กลุ่มอัศวินกักขฬะพวกนี้แกล้งเมาแล้วเดินเข้ามาจับมือถือแขนแองเจล่า เจ็มม่าและเหล่าสาวๆ ที่อยู่ข้างๆ ตอนแรกเหล่าสาวๆ ก็กังวลไม่กล้าพูดอะไรเพราะอีกฝ่ายเป็อัศวินแห่งราชอาณาจักรเซนิท จึงพยายามอดทน ใครจะรู้ว่าพวกเขาได้คืบจะเอาศอก มีบางคนใจกล้าบ้าบิ่นจับมือถือแขนแองเจล่าไม่พอ รองหัวหน้าอัศวินคณะทูตเซมัคที่กำลังดื่มก็เต้นเข้าไปใกล้ๆ ร่างแองเจล่าเพื่อจะลวนลาม การกระทำที่ไร้มารยาทของอัศวินกลุ่มนี้ทำให้พวกเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ไม่พอใจ เหล่าเด็กหนุ่มจะทนได้อย่างไรที่คู่หมั้นขององค์าาอเล็กซานเดอร์ผู้ยิ่งใหญ่กำลังถูกดูิ่แบบนี้จึงรีบเดินเข้าไปตำหนิ ทั้งสองฝ่ายต่างผลักไสอีกฝ่ายให้ออกไป แล้วจู่ๆ อัศวินราชอาณาจักรเซนิทก็ชักดาบออกมาฟันคอของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด...
ซุนเฟยได้ยินเื่ราวที่แองเจล่าพูดทั้งหมดก็ยกมือแตะไหล่คู่หมั้นตัวเองเบาๆ บอกให้อีกฝ่ายวางใจ จากนั้นก็ก้าวไปด้านหน้าทีละก้าว แยกพวกหนุ่มสาวและเจ็มม่าที่ยืนเป็กำแพงกั้นด้านหน้าให้ออกไปแล้วมายืนอยู่หน้าสุด
“อ้อ เ้าคือาาอเล็กซานเดอร์คนนั้นใช่ไหม?”
รองหัวหน้าอัศวินเซมัคที่อยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยเหล่าอัศวินราชอาณาจักรเซนิทประหนึ่งดาวล้อมเดือน กอดอกเดินเข้ามาด้านหน้าพลางลูบคางตัวเอง กวาดสายตามองร่างซุนเฟยขึ้นลงอย่างยโส ก่อนจะพูดว่า “ฝ่าา ข้าไม่ค่อยพอใจกับวิธีการต้อนรับของเมืองแซมบอร์ดเลย พวกข้าแค่อยากเชิญว่าที่ราชินีออกมาเต้นเท่านั้นเอง แต่ก็มีบางคนมาชี้นิ้วใส่กระหม่อมอย่างไร้มารยาท...”
ความจริงแล้ว รองหัวหน้าอัศวินเซมัคไม่ได้มีความเคารพต่อาาที่ชื่อว่าอเล็กซานเดอร์ตรงหน้าเลยสักนิด หรือจากก้นบึ้งของหัวใจพวกเขาแล้ว าาบ้านนอกไม่ได้อยู่ในสายตาเลย ราชอาณาจักรเซนิทมีอาณาจักรบริวารนับไม่ถ้วน าาของอาณาจักรบริวารระดับหกเล็กๆ อย่างเมืองแซมบอร์ด ในสายตาของพวกเขาพวกมันยังเทียบไม่ได้กับม้าราคาถูกของเมืองหลวงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงไม่ปิดบังการดูถูกของเขา พูดพลางหัวเราะ “เอาแบบนี้แล้วกัน แม้ว่าถูกขัดความสำราญ แต่หากว่าที่ราชินีออกมาเต้นโต๊ะกลมให้พวกเราดู เื่เมื่อกี้กระหม่อมก็จะทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...”
พูดประโยคนี้ ชาวบ้านเมืองแซมบอร์ดที่อยู่รอบๆ ก็พลันโกรธขึ้นมา ที่แผ่นดินอาเซรอท การเต้นโต๊ะกลมเป็การเต้นของโสเภณีชั้นต่ำสุด เป็ท่าเต้นที่น่าอายและเต้นเพื่อปรนเปรอผู้ชาย จะให้ว่าที่ราชินีไปเต้นโต๊ะกลม นี้เป็เื่อัปยศชัดๆ
รองหัวหน้าอัศวินเซมัคไม่สนใจความโกรธของคนที่อยู่รอบๆ
เขายังคงหัวเราะอย่างยโส ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขำขัน ทำตัวราวกับเป็าาที่สูงส่งกุมความเป็ความตายของทุกคน ทันใดนั้นมันก็ชี้นิ้วไปที่สาวน้อยผมทองเจ็มม่าที่อยู่ด้านหลังซุนเฟยแล้วพูดต่อไปว่า “ฝ่าา ยังมีอีกเื่ ให้สาวน้อยผมทองคนนั้นมาปรนนิบัติข้าคืนนี้ด้วย เ้าควรจะขอบคุณนะที่ข้าให้เกียรติเ้าขนาดนี้ ฮ่าๆๆ ...อ๊ะ จริงสิ ยังมียาวิเศษที่ฝ่าารักษาชาวบ้านชั้นต่ำนั่นอีก ข้าสนใจมันมาก มีเท่าไรนำมาให้ข้าทั้งหมด ทำแบบนี้ ราชอาณาจักรเซนิทจะไม่ไต่สวนถึงการกระทำที่ไร้มารยาทของเมืองแซมบอร์ด”
พูดจบเซมัคก็มองซุนเฟยอย่างเหยียดหยาม
ก่อนหน้านี้ เซมัคเคยผ่านอาณาจักรบริวารมากมาย เ้าเมืองและาาอาณาจักรเ่าั้เป็เหมือนขอทาน เพื่อที่จะให้อาณาจักรตัวเองได้รับความคุ้มครองจากราชอาณาจักรเซนิทต่อ จึงพยายามทำทุกวิธีเพื่อเอาใจเซมัค แม้กระทั่งาาอาณาจักรเล็กๆ ระดับห้า เพื่อเอาใจเซมัค เขายอมยกราชินีสาวที่เพิ่งแต่งงานกับตัวเองมาปรนนิบัติเซมัค ข้อเรียกร้องและพฤติกรรมวันนี้ยิ่งทำให้เหล่าอัศวินทระนงตนว่าสูงส่ง จึงร้องขอของขวัญพิเศษ มันอดไม่ได้ที่จะดูถูกาาเมืองแซมบอร์ดที่ไม่รู้ความนี้
ในใจของเซมัครู้สึกชอบใจอย่างมาก เวลาได้เห็นตัวเองมีอำนาจเหนือกว่าาาที่ไร้อำนาจที่พยายามคุกเข่าดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพอใจ นี่ยิ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น
แต่วันนี้เซมัคยังไม่สมปรารถนาเลยสักอย่าง เพราะเขาพบเื่แปลกๆ เล็กน้อยตรงที่าาหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าตัวเอง ทั้งๆ ที่ตัวเองก็พูดจบแล้ว แต่ั้แ่ต้นจนจบาาผู้นี้ยังคงรักษาท่าทางและกิริยาแปลกๆ บางอย่างไว้ มันยังคงแสดงท่าทางไม่สะทกสะท้าน เยือกเย็น ไม่มีสีหน้าอยากจะประจบสอพลอหรือเอาใจใดๆ
รอยยิ้มของเซมัคเริ่มเ็า
“าาหนุ่มไม่รู้ความจริงๆ ความอดทนของข้ามีจำกัดนะ เ้ารีบทำตามคำสั่งของข้าโดยเร็ว ไม่อย่างนั้น ฮึๆ เชื่อข้าสิ เวลาที่ข้าโกรธ เมืองแซมบอร์ดเล็กๆ ของพวกเ้ารับผิดชอบไม่ไหวหรอก”
เซมัคยืน ‘คำขาด’ ออกไป เหล่าอัศวินชุดคลุมสีแดงที่อยู่ด้านหลังเขาก็ชักดาบตัวเองออกมา ใบหน้าดุร้ายข่มขู่ซุนเฟย ใบหน้าพวกเขาเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันเหี้ยมโหด พลางใช้ดาบเคาะที่ชุดเกราะตัวเองดังเคร้งๆ ดูวุ่นวาย
เขามักจะใช้วิธีนี้กับอาณาจักรบริวารระดับห้าและหก ก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะมีาาอาณาจักรบางแห่งต่อต้าน แต่เมื่อถูกข่มขู่ก็กลัวจนฉี่ราดรีบคุกเข่าร้องขอชีวิต ตอนนี้ เหล่าอัศวินคิดว่าจะได้เห็นใบหน้าของาาหนุ่มตรงหน้าคนนี้กล้ำกลืนความอัปยศให้คู่หมั้นสาวของตัวเองเต้นโต๊ะกลมราวกับโสเภณี...
แต่
“พูดมาสิ พวกเ้าอยากถูกหั่นเป็กี่ชิ้นหรืออยากจะตายแบบไหน!”
นี่คือคำตอบของาาหนุ่ม
“อะไร? เ้า...เ้าพูดอะไร?” ใบหน้าของอัศวินหนุ่มหันมาสบตากันและกัน
พวกเขาอึ้ง ไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไร ทำไม...เป็แค่าาอาณาจักรบริวารระดับหกเล็กๆ ถึงกล้าพูดต่ออัศวินชั้นสูงของราชอาณาจักรแบบนี้ หรือว่าเขาไม่อยากได้บัลลังก์ตัวเองแล้ว?
“เ้าพูดอะไร? ไอ้เด็กเวร เ้ารู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”
เห็นใบหน้าของรองอัศวินเซมัคเ็าขึ้น อัศวินที่เชือดคอเด็กหนุ่มก่อนหน้านี้ก็ถือโอกาสทำตัวเป็ภูติตูดม้าทันที เขาพุ่งมาด้านหน้าอย่างกำแหงแล้วยกมือชี้หน้าซุนเฟย ตะคอกว่า “ไอ้สวะไม่รู้จักที่ตาย คิดว่าตัวเองเป็าาแล้วจะพูดเช่นนี้ได้หรือ? รีบคุกเข่าจูบรองเท้าของโทษท่านรองอัศวินซะ หาไม่...”
ปึง!
เสียงโวยวายของเขาที่ดังอู้อี้อยู่ในลำคอก็พลันขาดหาย
อัศวินพูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนร่างตัวเองถูกอะไรบางอย่างโจมตีอย่างรุนแรง เขาก้มหน้าลงมองอย่างสงสัย วินาทีต่อมาสีหน้าของเขาก็พลันปรากฏความไม่อยากจะเชื่อขึ้นมา ความกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนพลุ่นพล่านจนทำให้เขาอยากกรีดร้องออกมา แต่เมื่อเขาอ้าปากก็ต้องกระอักเืออกมาคำโต ไม่สามารถส่งเสียงร้องใดๆ ออกมาได้
เพียงหมัดเดียวก็ทำให้ด้านหลังของเขายืดออกไป เืสดหยดลงบนพื้น
ผู้ชมร้องอุทาน ทันใดนั้นเสียงสูดลมหายใจก็ดังขึ้น
ทุกคนต่างเห็นว่า ในขณะที่อัศวินคนนี้กำลังร้องโวยวาย องค์าาอเล็กซานเดอร์ก็ออกหมัดไปหนึ่งทีโดยไม่พูดไม่จา การโจมตีครั้งนี้จู่โจมไปที่หน้าอกของอัศวินผู้ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่หรือตายแล้ว ท่ามกลางเสียงร้องใ เขายังสงวนพลังมหาศาลของคนเถื่อนเลเวล 12 ไว้ ไม่อย่างนั้นหมัดคงทะลุไปด้านหลังของมันแล้ว รอยนูนด้านหลังของอัศวินคนนี้เห็นได้ชัดว่าหมัดนี้ได้ทำลายอวัยวะภายในทั้งหมดของอัศวินคนนี้แล้ว
ทุกคนต่างใ
นี่เป็พละกำลังที่น่าเกรงขามอะไรเช่นนี้ แค่หมัดเดียวก็ทำให้เกิดหลุมบนร่างแล้ว ยิ่งที่ทำให้พวกเขาทึ่งคือ วินาทีต่อมาพวกเขาเห็นแขนของอเล็กซานเดอร์เคลื่อนไหว ศพของอัศวินก็พลันกลายเป็ชิ้นๆ แล้วร่วงลงกับพื้นทันที
ซูด!
เสียงสูดลมหายใจดังขึ้น
รองหัวหน้าอัศวินเซมัคถูกฉากน่ากลัวตรงหน้าทำเอาใจนถอยหลังไปสามสี่ก้าว ส่วนอัศวินชุดคลุมสีแดงคนอื่นๆ ต่างพากันตกตะลึง ในดวงตาของพวกเขาสั่นไหวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก้มมองไปที่ชิ้นเนื้อที่อยู่บนพื้นที่ยังคงอุ่นๆ มือที่ถืออาวุธอยู่ต่างสั่นระริก
ทั่วทั้งลานหินกว้างต่างเงียบกริบ หากมีเข็มตกพื้นคงได้ยินกันหมด
โอ้พระเ้า องค์าาอเล็กซานเดอร์สังหารอัศวินคณะทูตของราชอาณาจักรเซนิท ฉากที่อดสั่นขวัญแขวนนี้ทำให้หัวสมองของคนส่วนใหญ่พลันว่างเปล่า...แต่ตอนนี้ชาวเมืองแซมบอร์ดกลับรู้สึกเหมือนได้ระบายความโกรธ ทำให้รู้สึกสบายอกสบายใจขึ้น
“พูดสิ พวกเ้าอยากตายแบบไหน?”
โจมตีอัศวินแห่งราชอาณาจักรเซนิทเหมือนกำลังตบแมลงวันที่บินหึ่งจนตาย สีหน้าของซุนเฟยไม่เปลี่ยนเลยสักนิด หมัดของเขายังคงเปรอะไปด้วยเื เขาก้าวไปหารองหัวหน้าอัศวินเซมัคและอัศวินอีกเจ็ดแปดคนที่เหลือทีละก้าว พลางพูดด้วยน้ำเสียงเ็า ดวงตาเป็ประกายคมดุจมีด รังสีฆ่าฟันพวยพุ่งออกมา มองคู่ต่อสู้ด้วยสายตาเหมือนอยากจะกินเืกินเนื้อพวกมัน
“เ้ากล้าสังหารอัศวินราชอาณาจักร?” หลังจากใ รองหัวหน้าอัศวินเซมัคก็พลันแหกปากเสียงดังออกมาด้วยความโกรธ “จบเห่แน่! เมืองแซมบอร์ดจบเห่แล้ว! เ้าก็จบเห่! ข้าขอประกาศ นับจากนี้เป็ต้นไป เมืองแซมบอร์ดกลายเป็ศัตรูกับราชอาณาจักรเซนิท จงกลัวไปเถอะ เมืองของพวกเ้าจะต้องถูกทำลาย”
“อ้อ งั้นหรือ?” ใบหน้าของซุนเฟยยังคงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ศัตรูก็ศัตรูสิ ราชอาณาจักรเซนิทวิเศษวิโสขนาดนั้นเลยหรือ? เมืองแซมบอร์ดจะถูกทำลายหรือไม่นั้นมันก็ตอบยากนะ แต่เื่ที่พวกเ้าจะได้มีชีวิตรอดออกไปจากเมืองแซมบอร์ดนั้น ข้อนี้ไม่ต้องสงสัยเลย”
พูดถึงตรงนี้ ซุนเฟยก็ะโขึ้นมาว่า “เพียร์ซ บรู๊ค พวกเ้าอยู่ไหน?” เพียร์ซและบรู๊คได้ยินเสียงาาเรียกหาจึงรีบแทรกตัวจากฝูงชนเดินเข้ามาคุกเข่าพร้อมขานรับ “องค์าาอเล็กซานเดอร์ ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง”
“อพยพพลเรือน รวบรวมกองทัพ ปิดประตูเมืองแล้วล็อกไว้อย่าให้ออกไป แล้วนำทหารไปล้อมคณะทูตราชอาณาจักรเซนิทไว้ รอคำสั่งจากข้า หากใครขัดขืนก็สังหารได้ทันที”
“หา?”
ได้ยินคำสั่งแบบนี้ บรู๊คที่มีความรอบคอบกว่าก็พลันใ หรือว่าฝ่าาจะเปิดศึกกับราชอาณาจักรเซนิท? แม้กระทั่งเพียร์ซที่เป็คนมุทะลุก็ยังยากจะเข้าใจคำสั่งที่ได้ยิน
ฝั่งตรงข้าม
รองหัวหน้าอัศวินเซมัคได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก เขาหัวเราะออกมาพลางพูดว่า “ฮ่าๆๆ ดี! ดี! ดีมาก! อวดดีอย่างบ้าระห่ำเพราะความไม่รู้ ฮึ คิดจะอวดดีต่อต้านราชอาณาจักรเซนิท ล้อมคณะทูต? อยากจะหัวเราะ อัศวินม้าของคณะทูตหกร้อยนายก็เพียงพอที่จะยึดเมืองเ้าแซมบอร์ดแล้ว ดูเหมือนว่า อาณาจักรที่ชั่วร้ายแห่งนี้ไม่จำเป็ต้องมีอยู่หรอก...ฮ่าๆๆ ข้าจะตัดหัวเ้า จากนั้นก็จะจับกุมผู้หญิงทั้งหมดของเมืองแซมบอร์ด สังหารผู้ชายทั้งหมด ล้างบางเมืองแซมบอร์ดด้วยเื”
พูดจบ เซมัคก็ดึงดาบข้างเอวออกมา ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยคลื่นพลังสีเหลือง ดวงดาวสองดวงก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา นี่คือสัญญาณว่าเขาเป็นักรบสองดาว
“‘ดาบผ่าศิลา’!”
เซมัคตั้งใจจะสังหารซุนเฟย คลื่นพลังประสานกับทักษะดาบ เขาะโออกมาเสียงดังพลางตวัดดาบออกไป พื้นดินใต้ฝ่าเท้าเขาสั่นะเื ดาบสังหารพุ่งไปทางซุนเฟยอย่างโหดร้าย
“ฮึ เป็แค่นักรบสองดาว ยังกล้ามาเย่อหยิ่งต่อหน้าบิดาหรือ หาที่ตาย!”
ซุนเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเ็า เขายืนนิ่งอยู่กับที่ แสงสว่างประกายเรืองรอง ‘มีดสั้นพายุ’ ก็ปรากฏขึ้นในมือ แสงสีทองบนมีดสั้นตวัดฟันไปที่ใบดาบของอัศวินจนะเื ประกายไฟกระเด็นไปทุกสารทิศ เสียงดังโลหะกระทบกัน คลื่นพลังสีเหลืองบนร่างของเซมัคก็สลายไป ใบดาบที่ถูกโจมตีแตกหักทันที ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างโดนเศษดาบบาดจนเืพุ่งออกมา
“เ้า...เป็ไปได้อย่างไร?”
เซมัคกระเด็นออกไปชนกับก้อนหินแกะสลักด้านหลังจนกระอักเืออกมา ใบหน้าของทั้งตะลึงทั้งไม่อยากจะเชื่อ เขาใช้มือจับหินแกะสลักพยุงร่างให้ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยปากถามเสียงสั่น
ซุนเฟยไม่สนใจ
เขาเคลื่อนไหวอีกครั้งจนเกิดเงาร่างวูบไหวไปมาอย่างรวดเร็ว มีดสั้นสีทองในมือกลายเป็เพียงแสงสีทองวูบวาบ ได้ยินเสียงดังฟุ่บเสียงเหมือนหั่นเต้าหู้เล็กๆ ที่ลำคอของเหล่าอัศวินชุดคลุมสีแดงเจ็ดแปดคนก็มีเืพุ่งออกมา ขาของพวกเขาสั่นระริกขณะที่ร้องโหยหวน อาการของพวกเขาเหมือนเด็กหนุ่มชาวเมืองแซมบอร์ดก่อนหน้านี้ เพียงพริบตาพวกเขาก็ถูกเชือดคอ พวกเขาเหมือนจะสำลักเืที่เข้าไปในปอด ทั้งๆ ที่เ็ปมหาศาลแต่พวกเขากลับไม่ตายทันที ได้แต่ดิ้นรนกระเสือกกระสน...
เหลือเพียงอัศวินคนเดียวที่กำลังใจนตาค้าง ไม่มีแสดงอำนาจบาตรใหญ่คับฟ้าอีก ดาบในมือก็ร่วงตกพื้นเสียงดัง ‘เคร้ง’ สองขาสั่นระริก มีกลิ่นเหม็นฉุนลอยมาจากเป้ากางเกง เห็นได้ชัดว่าเขาใกลัวมากจนไม่อาจกลั้นฉี่ไว้ได้
“เข้ามาสิ คุกเข่าลงแล้วจูบรองเท้าข้าสิ!”
ดวงตาของซุนเฟยเป็ประกายเ็า มองไปที่อัศวินคนนั้นแล้วสั่งออกมา วาจาที่อัศวินพวกนี้ใช้ยั่วยุก่อนหน้านี้ ตอนนี้ซุนเฟยได้ใช้มันตบหน้าพวกมันคืนไป
---------------------------
