หลังจากเลือกโรงเตี๊ยมได้ เฉิงไฉเซียวก็พาจื่อต้าหลงไปนั่งชั้นสอง เพราะบรรยากาศมันดีกว่าชั้นแรกมาก เขาสั่งอาหารมาหลายอย่าง เฉิงไฉเซียวเล่าให้จื่อต้าหลงฟังหลายเื่ เขาบอกว่าไอ้กระจอกสามตัวนั่นขวัญกล้ามากคิดฉุดผู้หญิงกลางวันแสกๆต่อหน้าเขา แล้วยังเล่าไปอีกว่าอีกสามวันก็จะถึงเวลาประลองยุทธของศิษย์ใหม่แล้ว เด็กหนุ่มบอกว่าแค่ติดอันดับหนึ่งในร้อยได้ก็ดีแล้ว และจื่อต้าหลงยังได้รู้อีกว่าเฉิงไฉเซียวนั้นอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ซึ่งมากกว่าเขาสี่ปี
จริงๆเฉิงไฉเซียวควรจะมีระดับพลังลมปราณก่อเกิดขั้นสามได้แล้ว แต่เขากลับเลือกที่จะฝึกวิชาเพลงหมัดคลุ้มคลั่งให้อยู่ในระดับสูงดีกว่า เพราะการประลองใกล้เข้ามาแล้ว หากสามารถติดอันดับสูงๆได้ ผู้าุโในสำนักก็จะมารับไปเป็ศิษย์ส่วนตัว เด็กหนุ่มเห็นว่าคนที่ฝึกไปถึงระดับลมปราณก่อเกิดขั้นสามได้ในหมู่ศิษย์ใหม่นั้นมีอยู่น้อยมาก จึงไม่เร่งรีบบ่มเพาะพลังเพราะอาจใช้เวลานานกว่าฝึกเพลงหมัด หากเขาใช้เพลงหมัดที่ฝึกฝนมาจนถึงระดับสูงย่อมมีโอกาสชนะมากกว่า
จื่อต้าหลงได้ฟังแล้วก็เห็นด้วยกับเขา หากไม่เชี่ยวชาญวรยุทธที่มีอยู่ ต่อให้ระดับปราณสูงไปก็เป็ได้เพียงกระสอบทรายให้อีกฝ่ายอัดเล่่น นอกจากพลังจะห่างกันมากจริงๆถึงจะชนะได้ จื่อต้าหลงมีระดับพลังถึงขั้นลมปราณก่อเกิดขั้นเจ็ดแล้ว เขาคงคิดว่างานนี้ไม่ยากสำหรับเขา ด้วยวิชามากมายที่เขาฝึกมาใน่นี้เป็การฝึกเพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น วิชาโจมตีก็ยังไม่มี ทำได้แต่ควบคุมลมปราณแล้วปล่อยผ่ามือไปส่งๆเท่านั้น แต่ยังดีที่ว่าเขาอยู่ในระดับลมปราณก่อเกิดขั้นที่เจ็ด ซึ่งพวกที่สอบผ่านมาส่วนใหญ่ระดับพลังอยู่เพียงขั้นหนึ่งทั้งนั้น คงไม่มีอะไรน่าเป็ห่วง
“จริงสิน้องจื่อ เ้าเคยลิ้มรสสุราหรือไม่?” เฉิงไฉเซียวถามอย่างสนใจ
“ข้าน่ะหรือ? ยังไม่เคยหรอก ท่านพ่อบอกว่าไว้ข้าโตกว่านี้ก่อนถึงจะลองดื่มดูได้” จื่อต้าหลงตอบขณะกำลังเคี้ยวอาหารเพลินๆ
“ฮ่าๆๆ แล้วถ้าข้าจะชวนเ้าดื่มสักจอก เ้ากล้าหรือไม่?” เฉิงไฉเซียวถามพร้อมกับฉีกยิ้มด้วยใบหน้ากวนๆ
จื่อต้าหลงขบคิดอยู่ชั่วครู่จึงตอบกลับไป “แน่นอนว่าต้องกล้าสิ ท่านพ่อเป็คนพูดเองว่าข้าควรโตได้แล้ว งั้นข้าก็ควรดื่มได้สิท่านว่าจริงมั้ย? มาเลยวันนี้ข้าจะร่ำสุรากับท่านเอง!” จื่อต้าหลงตอบอย่างมุ่งมั่น
“เสี่ยวเอ้อ! นำสุรามาวันนี้ข้าจะดื่มกับสหาย!” เฉิงไฉเซียวกล่าวสั่งเสียงดัง
หลังจากสุรามาถึง เฉิงไฉเซียวก็เทสุราลงจอกและส่งให้จื่อต้าหลง จื่อต้าหลงรับสุรามาและลองจิบดู เด็กน้อยทำใบหน้าเหยเก เขาพบว่ารสชาติมันค่อนข้างที่จะขมและดื่มยากมาก
เฉิงไฉเซียวที่กำลังทอดสายมองจื่อต้าหลงอยู่นั้นกล่าวว่า “ใครเค้าดื่มกันอย่างนั้นเล่า นี่เ้าดูข้าเป็ตัวอย่างนะ”
เฉิงไฉเซียวหยิบจอกสุราขึ้นมาแล้วกระดกรวดเดียวลงคอหมด เขาบอกว่านี่คือวิธีดื่มที่ถูกต้อง หาได้รู้ไม่ว่าตัวเองจะเป็สาเหตุการถือกำเนิดของอสูรสุราขึ้นมาคนนึงแล้ว
‘ห้ะ!! รวดเดียวเลยหรือ? เอาวะ…. อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายทำไมข้าจะดื่มไม่ได้ เื่แค่นี้หากทำไม่ได้ท่านพ่อก็ยังคงเห็นข้าเป็เพียงเด็กน้อยอยู่ดี!’ จื่อต้าหลงคิด
“มา! เอาก็เอา รวดเดียวหมดจอก!” จื่อต้าหลงหยิบสุราขึ้นมาจากนั้นก็กระดกรวดเดียวหมด
น้ำสุราพลันไหลลงคอไปลงที่ท้องของเด็กน้อยอย่างรวดเร็ว ‘อ๊ากกก!! แสบคอโว้ยยยย!! เหมือนโดนไฟเผาคอเลย ขมเป็บ้า’ เด็กน้อยร่ำร้องในใจ จากนั้นเขาก็รู้สึกวูบวาบไปทั่วท้อง
เฉิงไฉเซียวที่ตั้งตาชมเห็นดังนั้นก็เอ่ยปากชมเชย “ใช่แล้ว อย่างนั้นแหละ นี่คือวิถีการดื่มฉบับชาวยุทธ นายน้อยอย่างเ้าคงทำได้สินะ? มา!! จอกที่สองข้ารินให้เ้าเอง”
หลังจากดื่มกันไปหลายจอก จื่อต้าหลงเริ่มมึนเมา สติเริ่มเลอะเลือน พูดชาเฉี่อยช้า ใบหน้าเริ่มแดง เฉิงไฉเซียวเห็นดังนั้นก็หัวเราะเป็การใหญ่ที่มอมเด็กน้อยที่เอาชนะพนันเขาได้ในวันทดสอบ “ฮ่าๆๆ เป็ไงล่ะเ้าหนูโดนข้าเล่นคืนแล้วมั้ยเล่า”
“หา…? ท่านว่ายังไงนะ…ข้าได้ยินม่ายค่อยชัด… พอแล้ว… เลิกดื่ม… ข้าอยากสำรอก อุ๊บ!!” จื่อต้าหลงกล่าวจบก็ยกมือขึ้นมาปิดปากทันที
“เฮ้ยเ้าบ้า!! ห้ามปล่อยออกมาตอนนี้นะ! เป็ถึงนายน้อยตระกูลจื่อขายหน้าชาวบ้านเค้าแย่ บัดซบข้าไม่น่าให้มันดื่มหลายจอกเลย ฟังข้านะต้าหลงเ้าห้ามอ้วกเด็ดขาด!! มา!! อดทนไว้ก่อนข้าจะพาไปนอกร้าน”เฉิงไฉเซียวกล่าวอย่างร้อนรน
หลังจากนั้นเฉิงไฉเซียวก็พาจื่อต้าหลงไปนั่งอ้วกที่หลังร้าน ในใจคิดเ้าหนูนี่มันแน่จริงๆแฮะ ดื่มครั้งแรกมันล่อไปคนเดียวหนึ่งป้าน ขนาดที่ตัวเขาเองดื่มสองป้านก็เมาแล้วเหมือนกัน จื่อต้าหลงนั้นพ่นอ้วกออกมาเป็สิบสาย ของเสียในร่างกายในถูกพ่นออกมากองเต็มหลังร้าน ส่งกลิ่นตุ อบอวลไปทั่วบริเวณ หากมีผู้ใดผ่านมาทางนี้คาดว่าคงจะได้ เวียนหัวจะเป็ลมอย่างแน่นอน
“เ้าลองเดินลมปราณดูสิ หากโคจรพลังลมปราณไปทั่วร่างกาย เดี๋ยวก็จะสร่างเมาเอง” เฉิงไฉเซียวกล่าวแนะนำ
จื่อต้าหลงได้ยินดังนั้นก็ลองทำตามดูปรากฎว่าวิธีนี้ได้ผล แม้จะมึนๆหัวอยู่บ้างแต่อาการก็ดีขึ้นไม่น้อย
“ข้าล่ะไม่เข้าใจเลยทำไมคนอื่นๆถึงชอบดื่มสุราได้ขนาดนี้ ขมก็ขม แถมยังตาลายโลกหมุนติ้วอีก” จื่อต้าหลงกล่าวพร้อมกับส่ายหัวเบาๆเพื่อเรียกสติ ‘เอาล่ะ… อีกสามวันก็จะถึงเวลาประลองศิษย์ใหม่แล้ว ข้าควรกลับไปฝึกวิชาต่อ’
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้