มหาตำนานวิถี์: จารึกัา
บทที่ 1: เศษเสี้ยวแห่งความหวังในเงาเมฆา
ณ เทือกเขาเมฆา์อันกว้างใหญ่ไพศาล ที่ซึ่งยอดเขาทะลุเมฆาและสายลมกรีดร้องราวบทเพลงแห่งา ที่แห่งนี้เป็ที่ตั้งของ "สำนักกระบี่เมฆาคล้อย" สำนักเล็กๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งโรจน์ แต่บัดนี้กลับร่วงโรยราวดั่งชื่อของมันเอง
เย่เฟิง คือศิษย์ธรรมดาผู้หนึ่งในสำนัก เขามีกายาที่อ่อนแอ เส้นชีพจรลมปราณตีบตันโดยกำเนิด ไม่ว่าจะบำเพ็ญเพียรอย่างหนักหน่วงเพียงใด พลังปราณของเขาก็รุดหน้าไปอย่างเชื่องช้าราวเต่าคลาน จึงกลายเป็ตัวตลกในสายตาของศิษย์พี่ศิษย์น้อง ถูกเหยียดหยามว่าเป็ "เศษสวะแห่งเมฆาคล้อย"
ทว่าในใจของเย่เฟิงนั้นกลับมีความมุ่งมั่นดุจหินผา เขาทนรับคำดูแคลนทั้งหมดไว้เงียบๆ และยังคงฝึกกระบี่อย่างขยันขันแข็งทุกรุ่งเช้าและยามอัสดง มีเพียงท่านอาจารย์ ผู้าุโจาง ที่มองเห็นประกายบางอย่างในแววตาของเขาและคอยให้กำลังใจเสมอ
"เย่เฟิงเอ๋ย จำไว้ว่ากระบี่มิได้อยู่ที่พลังปราณเพียงอย่างเดียว หากแต่อยู่ที่จิตใจที่แน่วแน่และไม่ยอมแพ้" ท่านอาจารย์มักจะกล่าวเช่นนี้ พร้อมกับลูบศีรษะเขาอย่างเอ็นดู
แต่แล้ว วันแห่งความสงบสุขก็พังทลายลง...
ม่านฟ้าทางทิศตะวันตกพลันมืดครึ้มไปด้วยไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัว กลิ่นคาวเืโชยมาตามลม ปรากฏร่างในอาภรณ์สีดำแดงนับร้อยเหินหาวลงมายังสำนักกระบี่เมฆาคล้อย พวกมันคือคนของ "พรรคมารอสูรโลหิต" พรรคมารอันชั่วร้ายที่เลื่องชื่อด้านความโเี้
"ส่ง 'ไข่มุกัา' ออกมา! แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกมดปลวกเช่นเ้า!" เสียงของ ประมุขมารเทียนหลง ดังกึกก้องราวอสุนีบาต ร่างของมันยืนอยู่บนอสูรเหยี่ยวขนาดมหึมา แผ่แรงกดดันมหาศาลจนเหล่าศิษย์เมฆาคล้อยหายใจติดขัด
เ้าสำนักและเหล่าผู้าุโเข้าต่อสู้สุดกำลัง แต่พลังของพวกเขากลับเทียบไม่ได้กับพรรคมารเลยแม้แต่น้อย เสียงกรีดร้องและการปะทะของศาสตราวุธดังระงมไปทั่วหุบเขา เืสาดกระเซ็นย้อมหินผาจนเป็สีแดงฉาน
ผู้าุโจางได้รับาเ็สาหัส เขาใช้พลังเฮือกสุดท้ายลากร่างของเย่เฟิงมายังห้องลับหลังแท่นบูชาบรรพชน
"เย่เฟิง...ฟังข้า..." ท่านอาจารย์ไอเป็เื "ของสิ่งนั้น...อยู่ในตัวเ้ามาั้แ่เกิด!"
เย่เฟิงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
"เส้นชีพจรที่ตีบตันของเ้า...หาใช่คำสาปไม่ แต่มันคือ 'ผนึกเทวะ' ที่ใช้ซ่อนเร้นพลังที่แท้จริงของไข่มุกัาเอาไว้! บรรพบุรุษของเราผนึกมันไว้ในร่างทารกแรกเกิดเพื่อหลบเลี่ยงการตามล่าของหมู่มาร...ทารกนั้น...คือเ้า"
ตูม! ประตูห้องลับถูกทำลายลง ร่างของประมุขมารเทียนหลงปรากฏขึ้นพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
"หาเจอแล้ว... หนูน้อยผู้เป็ภาชนะแห่งสมบัติ์!"
ผู้าุโจางผลักเย่เฟิงออกไป "หนีไป! จงมีชีวิตอยู่ต่อไป! ปลุกพลังของมันให้ได้!" สิ้นเสียง เขาก็รวบรวมพลังปราณทั้งหมดพุ่งเข้าใส่ประมุขมาร หวังจะสละชีพเพื่อซื้อเวลาให้ศิษย์รัก
"ท่านอาจารย์!!!" เย่เฟิงร่ำไห้จนน้ำตาเป็สายเื ภาพร่างของอาจารย์ที่ะเิตัวเองกลายเป็แสงสว่างวาบสุดท้ายสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา
ความแค้น ความเศร้าโศก และความสิ้นหวังถาโถมเข้าใส่จิตใจของเย่เฟิงอย่างรุนแรง ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง บางสิ่งบางอย่างในร่างกายของเขาก็พลันตื่นขึ้น!
ครืนนนนน!
เส้นชีพจรทั่วร่างของเขาส่องสว่างเป็สีทองอร่าม พลังอันอบอุ่นและยิ่งใหญ่ราวกับมหาสมุทรได้ะเิออกจากจุดตันเถียน (จุดศูนย์รวมพลังปราณ) ไอพลังัสีทองคำพวยพุ่งออกจากร่างของเขา ปัดเป่าไอสังหารของพรรคมารจนสิ้นซาก
ประมุขมารเทียนหลงตกตะลึง "เป็ไปไม่ได้! ผนึกเทวะคลายออกแล้ว!"
เย่เฟิงรู้สึกถึงพลังที่ไหลเวียนไปทั่วทุกอณูของร่างกาย กระบี่ไม้ไผ่ธรรมดาในมือของเขาสั่นสะท้าน เคล็ดกระบี่เมฆาคล้อยที่เขาเคยฝึกฝนอย่างเชื่องช้า บัดนี้กลับปรากฏขึ้นในห้วงความคิดอย่างสมบูรณ์แบบและลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นับพันเท่า
"พวกเ้า...ทุกคน...ต้องชดใช้!" เย่เฟิงคำรามเสียงกร้าว แววตาที่เคยอ่อนโยนบัดนี้ลุกโชนไปด้วยเพลิงแค้นและพลังอำนาจ
เขาตวัดกระบี่ออกไป ปราณกระบี่สีทองรูปัทะยานออกจากปลายกระบี่ มันไม่ใช่กระบี่เมฆาคล้อยอีกต่อไป แต่มันคือ "กระบี่ัสยบ์!"
เพลงกระบี่ที่เกิดขึ้นจากสัญชาตญาณและความแค้นนั้นรุนแรงและเกรี้ยวกราดเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ เหล่าสมุนพรรคมารที่ขวางหน้าล้วนถูกสังหารในพริบตา
ประมุขมารเทียนหลงหน้าถอดสี มันรีบเหินหาวหนีขึ้นไปบนฟ้าพร้ะโกนก้อง "ไอ้เด็กเหลือขอ! ต่อให้เ้าปลุกพลังได้แล้วอย่างไร! ทั่วทั้งยุทธภพจะต้องตามล่าเ้า! ข้าจะกลับมาเอาไข่มุกัคืน!"
เย่เฟิงอยากจะไล่ตามไป แต่พลังที่เพิ่งตื่นขึ้นยังไม่เสถียร เขากระอักเืออกมาคำหนึ่งแล้วทรุดลงกับพื้น มองดูซากปรักหักพังของสำนักและร่างของศิษย์พี่น้องที่ไร้ิญญา น้ำตาของเขาก็ไหลรินอีกครั้ง แต่คราวนี้มันคือน้ำตาแห่งคำสัตย์ปฏิญาณ
"ข้าขอสาบานด้วยเืเนื้อและิญญา...ข้าจะฟื้นฟูสำนักกระบี่เมฆาคล้อยให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และจะตามล่าพรรคมารอสูรโลหิตไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว! ต่อให้ต้องก้าวข้ามแดนมนุษย์ ขึ้นสู่แดนเซียน ข้าก็จะทำให้สำเร็จ!"
ณ ซากปรักหักพังของสำนักที่ร่วงโรย เด็กหนุ่มผู้เคยถูกตราหน้าว่าเป็เศษสวะ บัดนี้ได้ตายไปแล้ว ผู้ที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่คือ เย่เฟิง ผู้ไข่มุกัา และผู้ที่จะจารึกชื่อของตนลงในหน้าประวัติศาสตร์แห่งยุทธภพและแดนเซียนไปตลอดกาล
การเดินทางเพื่อแก้แค้นและแสวงหาพลังอำนาจที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น หนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยภยันตราย การต่อสู้ การทรยศหักหลัง และการเผชิญหน้ากับยอดฝีมือจากทั่วทุกสารทิศ...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้