เมื่อได้เห็นผู้เจ็บป่วยถึงขั้นพิการในสวนหัวใจของจูอ้ายจือสั่นไหว
“ที่นี่ล้วนเป็ผู้าเ็ที่ขาดแคลนยา ผ้าพันแผลเหลือไม่มากแล้ว ท่านสามารถส่งคนไปหาของที่เมืองหลวงได้หรือไม่? จริงซิ ที่เมืองหลวงมีร้านยาที่ชื่อว่าว่านเหย้าเ้าของร้านเป็คนของข้า จงบอกเขาว่าจวนอวี้้าใช้ยาเขาจะต้องมอบของให้เ้าอย่างแน่นอน”
หลินเมิ้งหยานำรายชื่อยาส่งมอบให้แม่ทัพจู
“พระชายาได้โปรดวางพระทัย ข้าน้อยจะทำภารกิจให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ”
พาคนที่ตนเองไว้ใจไปยังเมืองหลวง
ผู้ได้รับาเ็มีมากมาย แต่กลับขาดยารักษาหลินเมิ้งหยารู้สึกอับจนหนทาง
“พวกเ้าสี่คนมานี่หน่อย”
ครุ่นคิด หลินเมิ้งหยาตัดสินใจเข้าป่าเพื่อไปเก็บสมุนไพร
เล่าความคิดให้ทุกคนฟัง สาวใช้ทั้งสี่ส่งเสียงคัดค้านทันที
“ตอนนี้มืดมากแล้วนะเ้าคะ หากพบกับสัตว์ร้ายในป่าจะทำเช่นไร?”
คนที่กระตือรือร้นในการคัดค้านที่สุดดูจะเป็ป๋ายจื่อดวงตาเปล่งประกายคู่สวยจ้องมองทางหลินเมิ้งหยาพลางส่ายหน้า
แม้พวกนักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋จะถูกโจมตีกลับจนล่าถอยไปชั่วคราวแล้วแต่อาจจะยังมีคนคอยสอดแนมให้กับพวกเขาอยู่ก็เป็ได้
“ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ในป่าไม่เหมือนกับที่นี่ ทั้งขรุขระทั้งหลุมบ่อ หากเดินไม่ดี ผลที่ตามมาคงไม่ต้องพูดถึงเลยเ้าค่ะ”
ตอนที่ป๋ายซ่าวยังอยู่ที่บ้าน นางมักจะเข้าป่าเพื่อหาสมุนไพรและนำมาเก็บรักษาเผื่อเอาไว้ใช้ในอนาคตฉะนั้นนางจึงรู้จักความอันตรายในป่าดี
“ไม่เป็ไรหรอก ข้าจะหาคนไปเป็เพื่อนมากหน่อยข้า้าหายาที่จำเป็ต้องใช้มาแก้ขัด ไม่มีทางเกิดเื่ไม่ดีขึ้นหรอก”
หลินเมิ้งหยายังคงยืนยัน สุดท้ายสาวใช้ทั้งสี่ไม่มีทางเลือก
ดังนั้นป๋ายซูและป๋ายซ่าวจึงรับหน้าที่เข้าป่าไปหายากับหลินเมิ้งหยา
เพิ่งจะนั่งพักได้เพียงครู่เดียว หลงเทียนอวี้ไม่เห็นร่างชายาของเขาเสียแล้ว
ฝืนลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้อง ก่อนจะออกตามหานาง
“พระชายาเล่า?”
คนที่อยู่รอบๆ ส่ายหน้าเมื่อครู่ยังเห็นพระชายาถือของแล้วเข้าไปพันแผลให้คนาเ็อยู่เลยเหตุใดเพียงพริบตาเดียวจึงหายตัวไปแล้ว?
“อาจจะออกไปทำแผลด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ พระชายาจิตใจโอบอ้อมอารีจะต้องไปทำเช่นนั้นอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
คนที่ถูกหลินเมิ้งหยาพันแผลให้ต่างสำนึกในบุญคุณของนาง
กลิ่นเนื้อสัตว์ในน้ำแกงหอมฟุ้งลอยเข้ามากระทบจมูกไม่เพียงแค่ทหารที่ได้รับาเ็ แม้แต่อาเสว่และอาป๋ายต่างสูดจมูกฟุดฟิดแล้ววิ่งออกมา
“นี่มันเสือขาวกับหมาป่าของใครกัน น่าสนใจเหลือเกิน!”
สัตว์ตัวน้อยทั้งสองหิวกระหายมาทั้งวันพวกมันกินแต่เพียงน้ำเปล่าเท่านั้น
สัญชาตญาณของสัตว์ป่าทำให้พวกมันวิ่งออกมา
“รีบกลับเข้าไป จริงๆ เลย พอนายหญิงไม่อยู่ก็วิ่งเพ่นพ่านไปทั่ว”
ป๋ายจื่อและป๋ายจีที่ส่งคนเสร็จแล้ววิ่งเข้ามาอุ้มสัตว์ตัวน้อยคนละตัว
สัตว์ตัวน้อยทั้งสองค่อนข้างเชื่อง นอกจากหลินเมิ้งหยาแล้วพวกมันสนิทกับสาวใช้ทั้งสี่ที่สุด ดังนั้นจึงยอมซุกอยู่ในอ้อมกอดของพวกนางแต่โดยดี
“พระชายาของพวกเ้าอยู่ที่ใด?”
คิ้วขมวดแน่น เอ่ยถามเสียงเบา
หลินเมิ้งหยารักสาวใช้ทั้งสี่เสมือนพี่น้องนางไม่เคยห่างไปจากพวกนาง บางทีอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อถูกท่านอ๋องถาม หัวใจของสาวใช้ทั้งสองเต้นไม่เป็ระส่ำ
ป๋ายจีดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็วส่งอาป๋ายเข้าหาอ้อมกอดของป๋ายจื่อ
“นายหญิงกำลังตรวจดูอาการคนเจ็บอยู่ด้านนอกเ้าค่ะ ป๋ายจื่อเ้าพาพวกมันกลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปเตรียมอาหารให้กับพวกทหารก่อน”
ป๋ายจีตอบกลับ หลงเทียนอวี้จึงรู้สึกสบายใจ
หลงชิงหานและหูเทียนเป่ยหลับไปแล้ว แม้เขาจะรู้สึกเหนื่อยล้าแต่กลับยังไม่วางใจ
กลิ่นหอมของอาหารทำให้จิตใจของทุกคนสงบ
หลินเมิ้งหยาฉลาดมากนางสั่งให้สับเนื้อไก่และเนื้อกระต่ายจนละเอียด ก่อนจะนำไปต้มเป็โจ๊ก
เหล่าทหารที่ได้รับาเ็ได้ดื่มกินอาหารเ่าั้หัวใจรู้สึกอบอุ่น สติสัมปชัญญะกลับมาดีขึ้น
อาป๋ายและหมาป่าตัวน้อยเองก็ได้กินโจ๊กเช่นเดียวกันสัตว์ตัวน้อยทั้งสองลิ้มรสหวานหอม หลงเทียนอวี้ยื่นมือเข้าไปลูบขนของพวกมัน
“ท่านอ๋อง ตอนนี้ดึกมาแล้ว เชิญท่านไปพักผ่อนเถิดเ้าค่ะ”
หลินเมิ้งหยาเคยสั่งเอาไว้ว่าจะต้องจับตามองให้หลงเทียนอวี้ไปนอน
แต่เพราะนางยังไม่กลับมา ดังนั้นหลงเทียนอวี้จึงยังไม่อาจวางใจความเหนื่อยล้าก่อตัวมากขึ้นทุกที ทว่าเขากลับฝืนประคองสติ ไม่ยอมเข้านอน
“ข้าจำได้ว่าสิงกงแห่งนี้มีเนื้อสัตว์มากมายมิใช่หรือ? เหตุใดในโจ๊กเหล่านี้จึงมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น?”
หลงเทียนอวี้เอ่ยถาม สาวใช้ทั้งสองสบตากันป๋ายจื่อจึงกระซิบเสียงเบา
“สิงกงมีเนื้อสัตว์และผักสดใหม่มากมายแต่ถูกคนของไท่จื่อเอาไปหมดแล้วเ้าค่ะ”
นับั้แ่ตอนที่พวกเขากลับมาจนกระทั่งตอนนี้ไท่จื่อไม่แม้แต่จะออกมาดูด้วยซ้ำ
ไม่เพียงไม่ออกมาปลอบขวัญทหาร แต่ยังเอาเนื้อและผักไปจนหมด
ไท่จู่1 เคยออกรบในาจ้านซา ในเวลานั้นถูกศัตรูปิดล้อมนานถึงสามวันสามคืนทหารไร้ซึ่งอาหารและน้ำดื่มไท่จู่สั่งให้คนฆ่าม้าของตนเองเพื่อรักษาชีวิตของทหารเอาไว้
ไท่จื่อมีสายเืัอยู่ครึ่งหนึ่งเหตุใดจึงทำตนประหนึ่งไม่เคยถูกอบรมสั่งสอนมาเช่นนี้
“ทันทีที่ฟ้าสว่าง พวกเราจะออกจากที่นี่เมื่อกลับถึงเมืองหลวงก็จะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
การจู่โจมอย่างกะทันหันของเถาฮวาอู๋สร้างความอันตรายอย่างใหญ่หลวง
โชคดีที่กำลังเสริมมาช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันดังนั้นนักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋จึงตายเกินกว่าครึ่ง
แต่เพราะเหตุใดนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งเจียงหูจึงคิดจะเอาชีวิตของพวกเขากันเล่า?
ความจริงของเื่นี้ถูกเก็บซ่อนอยู่ในม่านหมอกหากเขา้ารู้ความจริง คงจะต้องใส่ใจกับรายละเอียดและเจาะลึกให้ได้มากที่สุด
กลิ่นหอมของอาหารทำให้เหล่าทหารรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
หลินเมิ้งหยาแอบจัดการทุกอย่างอย่างเงียบเฉียบทว่าคนส่วนใหญ่ล้วนจดจำภาพใบหน้าอันงดงามของนางได้
สำหรับพวกเขา ท่านอ๋องเปรียบเสมือนวีรบุรุษผู้กล้าหาญส่วนพระชายาคือสตรีที่เอาใจใส่ซึ่งหาได้ยากยิ่ง
ดังนั้นคนที่รู้ซึ้งซาบซึ้งในน้ำใจของทั้งสองคนนี้จึงมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง หลินเมิ้งหยาที่สะพายตะกร้าไม้ไผ่บนหลังปรากฏตัวขึ้นในสิงกง
เสื้อผ้าสวยงามเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน
เส้นผมชุ่มไปด้วยเหงื่อ ซ้ำยังยุ่งเหยิงยิ่งกว่ารังนกทว่าดวงตาของนางกลับเปล่งประกายสะท้อนให้เห็นความงดงามที่มิอาจมีใครเทียบเทียมออกมา
ดีจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าป่าใกล้ๆ นี้จะมีสมุนไพรมากมาย
หลินเมิ้งหยาหันไปมองตะกร้าไม้ไผ่ที่เต็มไปด้วยยาสมุนไพรบางทีอาจเพราะที่นี่คือเขตการปกครองของวังหลวง ดังนั้นจึงดูแลไว้เป็อย่างดี
“นายหญิง! นายหญิงกลับมาแล้ว! ข้าเป็ห่วงแทบแย่”
ป๋ายจื่อรีบวิ่งออกจากห้อง ก่อนจะรับตะกร้าไม้ไผ่จากหลินเมิ้งหยา
“ไม่เป็ไร ไม่เป็ไรเ้าไม่รู้หรอกว่าป๋ายซูกับป๋ายซ่าวดูแลข้าดีขนาดไหน ดูซินี่คือผลไม้ป่าที่ข้าหามาให้เ้า ชิมดูซิ อร่อยไหม?”
หยิบผลไม้สีแดงสดออกจากตะกร้า หลินเมิ้งหยายัดใส่มือป๋ายจื่อ
แววตากังวลของสาวใช้ตัวน้อยเปล่งประกาย รอยยิ้มผุดขึ้นมือยกผลไม้ชนิดนั้นเข้าปากแล้วกลืนลงไป
ทว่าใบหน้าเรียวเล็กกลับบิดเบี้ยว คิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนซาลาเปาอย่างไรอย่างนั้น
“ฮือฮือ นายหญิงของข้า นี่คือผลไม้เปรี้ยวหรือเ้าคะ? เหตุใดจึงเปรี้ยวมากขนาดนี้?”
ยกมือปิดปากคายออกมา หยาดน้ำตาเกือบจะรินไหล
ผลไม้ชนิดนี้มีสีสันสวยงาม แต่เหตุใดจึงเปรี้ยวขนาดนี้?
“ฮ่า ฮ่า นี่เรียกว่าผลป๋ายจื่อ ต้องต้มกับน้ำตาลจึงจะอร่อย”
ทหารผู้มากประสบการณ์ส่งเสียงะโออกมา
บางทีอาจเพราะท่าทางขี้อ้อนของป๋ายจื่อดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกสบายตาเวลาได้จ้องมอง เสียงหัวเราะหัวใคร่จึงดังขึ้นทั่วทั้งบริเวณ
“ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เอง ข้าจะเอาไปต้มเดี๋ยวนี้”
เมื่อพูดถึงของอร่อย ป๋ายจื่อรู้สึกสนใจเป็อย่างมากหอบหิ้วเอาผลไม้ชนิดนั้นวิ่งไปทางห้องครัว
หลินเมิ้งหยามองตามร่างบางก่อนจะส่ายหน้าหมุนตัวกลับเพื่อจัดการยาสมุนไพร
เมื่อได้เห็นนางเทสมุนไพรลงบนผ้าสะอาดด้วยความระมัดระวังหมอหลวงหลายคนเข้ามาช่วยเหลือนาง
ภายในมีทั้งสมุนไพรห้ามเื สมุนไพรแก้ปวดและอีกมากมายที่สามารถนำมาใช้ได้ชั่วคราว
“นายหญิงของข้า เท้าของท่านก้าวได้เร็วเหลือเกิน”
ป๋ายซ่าวและป๋ายซู พร้อมทั้งองครักษ์อีกหลายคนเดินตามมาทางด้านหลัง
ที่หลังของพวกเขาเต็มไปด้วยสมุนไพรเต็มตะกร้า
แต่ถึงกระนั้นก็มีหญ้าที่ใช้งานไม่ได้ปะปนมาอยู่บ้างหมอหลวงหลายคนเข้ามาช่วยหลินเมิ้งหยาคัดเลือกอยู่นานกว่าจะทำเสร็จ
“ป๋ายจี พวกเรานำสมุนไพรห้ามเืไปสกัดเป็น้ำออกมากันเถิด ป๋ายซ่าวป๋ายซูคอยช่วยเหลือหมอหลวงแจกจ่ายยา”
ใน่เวลาคับขัน หลินเมิ้งหยาเสมือนหัวใจหลักของทุกคนพวกเขาต่างรับฟังคำสั่งของหลินเมิ้งหยา
แม้ว่าใบหน้าของนางจะหมองคล้ำ เสื้อผ้าเปื้อนโคลนผมเผ้าเต็มไปด้วยใบไม้ มิเหมือนชายาผู้งดงามเลยแม้แต่น้อย ทว่าในหัวใจของทุกคนนางกลับเป็หญิงสาวที่สวยที่สุด
“อดทนหน่อยนะ อาจจะเจ็บเล็กน้อย”
หลินเมิ้งหยาใส่ยาด้วยตนเองชายชาตรีผู้มิเคยหลบหนีศัตรูใน่เวลาทำาหน้าแดงก่ำเพราะพระชายาใบหน้างดงามที่กำลังดูแลตนเองด้วยความอ่อนโยน
โชคดีเหลือเกินที่ท้องฟ้ามืดมิด มิเช่นนั้นคงถูกสังเกตเห็น
“เอาล่ะ พรุ่งนี้พอกลับถึงเมืองหลวงอย่าลืมไปที่ร้านยาว่านเหย้าและเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกสามวัน อย่าให้แผลโดนน้ำเด็ดขาดอีกทั้งยังห้ามกินของรสจัด อ้อ แล้วก็ห้ามใช้แขนข้างนี้ยกของหนักเข้าใจหรือไม่?”
กำชับอย่างละเอียด หลินเมิ้งหยาเพิ่งพบว่าพวกเขาไม่มีแม้แต่ความรู้พื้นฐานทางการรักษา
ดังนั้น หากเชื้อโรคเข้าสู่าแจะยิ่งอันตราย
ได้รับาเ็ทุกคนล้วนปฏิบัติตามคำสั่งของนาง
พยักหน้าลง หัวใจของพวกเขารู้สึกอบอุ่น
พระชายาเป็คนดีเหลือเกิน ทั้งละเอียดรอบคอบและเอาใจใส่ท่านอ๋องช่างโชคดียิ่งนัก
ไม่นาน ทุกคนถูกพันแผลจนเสร็จ หลินเมิ้งหยาหยิบตะกร้าไม้ไผ่ก่อนจะพาหมอหลวงออกไปด้านนอก
บังเอิญที่แม่ทัพจูนำผ้าพันแผลกลับมาพอดี
หลินเมิ้งหยาสั่งให้แยกตัวยาและจัดเรียงให้เรียบร้อยกว่าจะทำงานเสร็จ สีของท้องฟ้าเริ่มสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง
“นายหญิง เสร็จแล้วเ้าค่ะ”
สาวใช้ทั้งสี่ช่วยเหลือหลินเมิ้งหยาทั้งคืน ป๋ายจื่ออ้าปากหาว
หมายเหตุ
ไท่จู่1 หมายถึงองค์ปฐมจักรพรรดิ ในบริบทนี้หมายถึงฮ่องเต้
