บทที่8:ความรักเกิดกลางตลาด
แสงแดดบ่ายคล้อยอาบไล้ท้องฟ้าเหนือนครหลวงต้าิเป็สีทองเรืองรอง ฉาบเมืองทั้งเมืองให้เปล่งประกายราวภาพวาดในคัมภีร์โบราณ แม้ความร้อนจะอบอ้าวจนเหงื่อซึม แต่บรรยากาศในย่านการค้ากลับคึกคักดั่งงานเทศกาล
เสียงหัวเราะของเด็กน้อยที่วิ่งไล่กันตามตรอกซอกซอยดังประสานกับเสียงเร่ขายของที่แทรกกันเป็จังหวะ สีสันฉูดฉาดของผืนผ้าหลากชนิดสะบัดไหวตามแรงลมอ่อน กลิ่นหอมหวานของขนมเชื่อมผสานกับกลิ่นธูปจากศาลเ้าข้างทางลอยฟุ้งแตะจมูกไม่หยุดหย่อน
“วันนี้ข้าจะพาท่านเดินชมบรรยากาศเมืองหลวง” จ้าวลู่ซือหันมายิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า “ท่านคงอยากเห็นกับตาว่าที่นี่คึกคักแค่ไหน”
ิซัวหลงมองไปรอบตัวด้วยความตื่นเต้นปนประหลาดใจ “ขอบคุณคุณหนูจ้าว” เขายิ้มตอบ แม้พยายามเก็บอาการ แต่แววตาไม่อาจซ่อนความยินดีได้เลย
ลู่ซือหันไปสั่งพ่อบ้านและผู้ติดตามทันที “อาหลง เ้าพาคนไปเตรียมชุดใหม่ให้คุณชายหยวนลู่เสียหน่อย ชุดที่เขาใส่นั้น...สะดุดตาเกินไป หากเดินในตลาดแบบนี้ คงเรียกสายตาคนครึ่งเมืองแน่”
หยางหลิงสาวงามผู้เป็ทั้งองครักษ์หญิงและเพื่อนสนิทหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดกลั้วลมหายใจ “คุณหนูเ้าคะ วันนี้ท่านดูสดใสเป็พิเศษเลยนะเ้าคะ” เธอปรายตามองชายหนุ่มข้างกายอย่างรู้ทัน “หรือว่าจะเป็เพราะ...คุณชายหยวนลู่?”
ลู่ซือหน้าแดงก่ำทันที ดึงแขนเสื้อมาบิดไปมาเล็กน้อย “เ้าก็พูดเกินไป... ข้าแค่แค่รู้สึกดีที่อากาศวันนี้ดีต่างหาก!”
ครู่หนึ่งต่อมา ิซัวหลงก็เปลี่ยนเป็ชุดผ้าไหมเนื้อดีสีเทาหม่นขลิบเงิน เรียบหรูแต่กลมกลืนกับยุคสมัยได้อย่างแเี พวกเขาทั้งหมดมุ่งหน้าเข้าสู่ตลาดหนานจิงอันคึกคักที่สุดในนคร
เสียงชีวิตดังประสานเสียงะโเรียกลูกค้าของแม่ค้า เสียงตีเหล็กจากร้านช่าง เสียงหม้อไอน้ำเดือดปุด ๆ จากร้านบะหมี่โบราณ กลิ่นเครื่องเทศ ซุปกระดูกหมู และถ่านไม้ปนเปกันจนแยกไม่ออกว่ากลิ่นใดหอมกว่ากัน
ิซัวหลงรู้สึกราวกับหลุดเข้ามาอยู่ในฉากของภาพยนตร์ฟอร์มั์ที่สมจริงเกินคาด ทุกสิ่งช่างเปล่งประกายและมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
ท่ามกลางเสียงทั้งสองเดินเคียงกันด้วยจังหวะที่กลมกลืน ไม่ต้องเอ่ยคำใดก็เข้าใจกันโดยไม่ต้องพูด รอยยิ้มของลู่ซือสะท้อนในแววตา ท่าทางขี้เล่นและช่างพูดของนางทำให้หัวใจชายหนุ่มอบอุ่นอย่างประหลาด
“ดูสิ! ปิ่นปักผมจากเผ่าเหนือแท้ ๆ!” ลู่ซือชี้ไปยังแผงขายเครื่องประดับเล็ก ๆ สีทองอร่ามเล่นแสงแดด นางหันกลับมาิซัวหลงอย่างตื่นเต้น แต่พลันมือของนางก็เลื่อนไปแตะมือของเขาโดยไม่ตั้งใจ
นิ้วที่ัักันวูบไหวเหมือนเปลวเทียนต้องลม ทั้งสองเงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนจะสบตากันโดยไม่ทันตั้งตัว และในวินาทีนั้นโลกทั้งใบก็คล้ายจะหยุดหมุน
หยางหลิงกับหยางเฟิงที่เดินตามอยู่ห่าง ๆ แอบมองแล้วสบตากันอย่างรู้ใจ คนหนึ่งยกมุมปาก อีกคนพยักหน้าเบา ๆ ส่งสัญญาณให้ผู้ติดตามอีกสองคนถอยออกห่าง เพื่อให้เวลาแห่งความหวานนี้ได้ดำเนินไปอย่างเต็มที่
...หากแต่่เวลาอันเงียบสงบนั้น กำลังจะถูกสิ่งหนึ่งทำลายลงในอีกไม่กี่ลมหายใจต่อมา
“ระวัง! หลีกทาง!”
เสียงะโลั่นฝ่าความวุ่นวายในตลาด ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องระงม รถเข็นสินค้าขนาดใหญ่เสียหลักพุ่งตรงเข้าหากลุ่มของจ้าวลู่ซือด้วยความเร็วราวฟ้าผ่า!ิซัวหลงไม่รอช้า สัญชาตญาณหน่วยรบตื่นพล่าน เขากระชากร่างหญิงสาวมากอดแน่นแล้วพุ่งตัวหลบไปด้านข้างได้อย่างเฉียดฉิว
โครม!
รถเข็นพุ่งอัดแผงขายของจนระเนระนาด เศษไม้และข้าวของกระเด็นกระจายเหมือนพายุพัด แต่ยังไม่ทันได้หายใจโล่ง วงล้อเหล็กขนาดใหญ่ที่หลุดออกมา กลับกลิ้งตรงมาทางลู่ซืออีกครั้งราวกับจงใจ
“กรี๊ด!”
เสียงหวีดร้องของนางแทบถูกกลืนในเสียงโกลาหล ิซัวหลงไม่ลังเลแม้ครึ่งลมหายใจ เขาหันตัวกลับ ใช้ไหล่ขวารับแรงกระแทกเต็มรัก
ปึก!
แรงปะทะรุนแรงจนร่างชายหนุ่มเซถลาไปหลายก้าว เขากัดฟันแน่นแม้ความเ็ปจะแล่นพล่านไปทั่วสันหลัง แต่ยังไม่ปล่อยให้หญิงสาวหลุดจากอ้อมแขน ทั้งคู่ล้มกลิ้งไปกลางถนนอย่างแรง
“คุณหนู!”
หยางเฟิงกับหยางหลิงร้องลั่น วิ่งฝ่าเบียดฝูงชนเข้ามา เมื่อฝุ่นควันจางลง ลู่ซือพบว่าตนซบอยู่ในอกของชายหนุ่ม ร่างกายเขาเต็มไปด้วยฝุ่นเืและาแ “หยวนลู่! ท่าน ท่านเืออก!” นางรีบยันตัวขึ้น มือสั่นเมื่อเห็นเืสีเข้มไหลทะลักจากไหล่ของเขา
“ไม่เป็ไร... แค่ถลอก” เขาฝืนยิ้มอย่างไม่ยี่หระ ด้วยส้ญชาตยานเขากวาดสายตาเหลือบไปเห็นเงาชายชุดดำกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ไกล ๆ พวกมันมองมาอย่างเจตนาร้าย ก่อนจะรีบหายตัวไปในกลุ่มคน
“นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา...” เขาคิดในใจ
“รีบนำคุณหนูไปที่ปลอดภัยก่อน” ิซัวหลงสั่งเสียงหนักแน่น “ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว”
พวกเขาหลบมาพักที่ “โรงเตี๊ยมถังเหว่ย” โรงน้ำชาขึ้นชื่อแห่งย่านตลาด เมื่อประตูบานไม้เปิดออก กลิ่นควันบุหรี่เจือสุราก็ลอยตลบอบอวล หยางเฟิงประคองิซัวหลงเข้าไป ทว่าไม่นาน เสียงฝีเท้าหนัก ๆ กับเสียงอาวุธกระทบกันเบา ๆ ก็ดังขึ้นใกล้ประตูหน้า
“พวกมันตามมาแน่...” ิซัวหลงกระซิบเสียงเรียบ ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นเรื่อย ๆ
ประตูโรงเตี๊ยมเปิดผาง!
ชายฉกรรจ์ในชุดดำหลายคนบุกเข้ามาอย่างเหี้ยมเกรียม กลิ่นเืและอันตรายลอยกรุ่นในอากาศ คนในร้านเริ่มแตกตื่น
“ใครไม่อยากตาย... ออกไปให้พ้น!”ยังไม่ทันสิ้นเสียง พวกมันก็พุ่งเข้าหาิซัวหลงทันที เป้าหมายชัดเจนคือกลุ่มของจ้าวลู่ซือ!
“ดูแลคุณหนูให้ดี!” ิซัวหลงสั่งหยางหลิง ก่อนที่หยางเฟิงจะโยนมีดสั้นให้เขาอย่างแม่นยำเขารับมีดมาไว้ในมือแน่น ร่างกายเคลื่อนไหวราวอสรพิษที่ซ่อนในเงา ทุกท่วงท่าคมกริบราวกับมีดที่ถูกลับจนเงาวับ เมื่อชักเจนแล้วว่าพวกเขากำลังยืนขวางทาง ชายชุดดำก็พุ่งเข้ามา
“ตายซะเถอะ!” เขาฟาดดาบตรงเข้ามา
ิซัวหลงเอี้ยวตัวหลบและสวนกลับในจังหวะเดียว มีดสั้นในมือเฉือนผ่านข้อแขนศัตรูอย่างเฉียบขาด
ฉัวะ!
เืพุ่งกระเซ็น ศัตรูคนแรกล้มลงทันที บรรยากาศทั่วโรงเตี๊ยมเปลี่ยนเป็สนามประลองในพริบตาเสียงอาวุธฟาดฟันกันดังก้อง หยางเฟิงและพวกติดตามกระโจนเข้าใส่ศัตรูคนอื่นอย่างไม่รอช้าิซัวหลงเคลื่อนตัวราวกับเงา กระโจนขึ้นโต๊ะ หลบกระบี่ ฟาดกลับด้วยความแม่นยำระดับมืออาชีพ ทุกจุดที่แทงล้วนคือจุดตายของมนุษย์ เพียงไม่นานร่างของพวกมันก็ล้มระแนระนาด จานชามแตกกระจาย
“มันเก่งเกินไปลูกพี่! ถอย!”
หัวหน้ากลุ่มศัตรูะโสุดเสียง พวกมันรีบล่าถอย พยุงพวกที่าเ็แล้วเผ่นออกทางประตูหลังท่ามกลางเสียงหอบหายใจและคราบเืบนพื้นไม้ เมื่อเสียงต่อสู้สงบลง ความเงียบกลับกลืนกินทั้งโรงเตี๊ยม
จ้าวลู่ซือค่อย ๆ เดินออกมาจากที่หลบ ดวงตานางสั่นไหวเมื่อเห็นภาพซากปรักหักพังและเืเปื้อนผนัง นางหันไปมองชายตรงหน้า—ิซัวหลง ไหล่เขาเปื้อนเื ร่างกายเขาอ่อนแรงแต่สายตายังมั่นคงเหมือนเคย
“พวกมันเป็คนของตระกูลหลี่แน่นอน” หยางเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธิซัวหลงก้มลงแตะแผลที่ไหล่ “นี่...เป็แค่จุดเริ่มต้น” เขากล่าวเรียบ ๆ “ศึกชิงอำนาจครั้งนี้...ซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ลึกยิ่งกว่าที่เราคิดไว้มาก”จ้าวลู่ซือค่อย ๆ ก้าวเข้ามาใกล้ ใช้มือข้างหนึ่งแตะแผลของเขาเบา ๆ สบตาเขาด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ไหลวนในดวงตา
ขอบคุณ...ห่วงใย...และบางสิ่งที่ยังไม่กล้าพูดออกมา
ท่ามกลางเงาไฟที่ลุกไหม้จากเทียนไข และกลิ่นเืที่ยังอวลในอากาศ
ความวุ่นวายค่อย ๆ คลี่คลายลง แต่ในห้วงเวลาอันเงียบงันนี้...สายใยบางสิ่งบางอย่าง กำลังถูกถักทอขึ้นระหว่างสองหัวใจสายใยที่งอกงามจากความตายเฉียด ฉุกเฉิน และการปกป้องสายใยที่แม้ไม่เอ่ยคำรัก แต่กลับหนักแน่นกว่าเสียงใดบนโลก
“คุณหนู เราต้องรีบไปจากที่นี่ ก่อนที่ทหารยามจะมาถึง” หยางเฟิงเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเขารู้ดี หากเ้าหน้าที่หลวงมาถึง ทุกอย่างจะกลายเป็เื่ใหญ่ จ้าวลู่ซื่อพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ก่อนจะก้าวเท้าออกจากซากโรงเตี๊ยม นางหันไปหาเ้าโรงเตี๊ยม แม่นางหลิวเฟย ซึ่งยืนเหม่อมองร้านของตนเองอย่างสิ้นหวัง น้ำตาคลอเต็มดวงตา
“แม่นางหลิวเฟย” ลู่ซื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ “เื่ค่าเสียหายทั้งหมดวันนี้… ตระกูลจ้าวจะรับผิดชอบเองทุกประการ ข้าสัญญา”
หญิงเ้าของโรงเตี๊ยมเบิกตากว้าง ก่อนจะโค้งศีรษะต่ำอย่างซาบซึ้งสุดหัวใจ “ขอบคุณค่ะคุณหนู… น้ำใจท่านข้าจะไม่มีวันลืม”
คำพูดเพียงไม่กี่ประโยค ซื้อใจคนที่มีอิทธิพลในย่านนี้ได้โดยสิ้นเชิง ลู่ซื่อหันกลับมาทางิซัวหลง รอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปากถูกกลบด้วยความห่วงใยล้นใจ “าแของท่าน… เราต้องรีบกลับไปทำแผลโดยเร็ว”ิซัวหลงฝืนยืดไหล่ตรง แม้ความเ็ปจะเริ่มลามไปทั่วแขน
“ข้าไม่เป็ไร”
“ไม่จริง!” นางเผลอขึ้นเสียงทันที
น้ำเสียงนั้นทั้งเข้มและสั่นเล็กน้อย “อย่าดื้อได้หรือไม่ ท่านเืไหลไม่หยุด!”
ิซัวหลงชะงักไป ไม่ใช่เพราะคำดุ...แต่เพราะแววตาคู่นั้นที่มองเขา มันเต็มไปด้วยความเป็ห่วงจริงแท้…ความรู้สึกที่เขาไม่ได้ััมานานแล้ว
ณ เรือนพักในจวนตระกูลจ้าว
เมื่อกลับถึงจวน จ้าวลู่ซื่อก็สั่งให้ทุกคนถอยออกไป นางปฏิเสธแม้กระทั่งหยางหลิงที่จะเข้ามาช่วยดูแผล โดยยืนกรานเสียงแข็งว่า “ข้าจะดูแลเขาด้วยตัวเอง”
ภายในห้องเรือนเงียบสนิท มีเพียงแสงตะเกียงที่ส่องสว่างรำไร พอให้เห็นภาพของชายผู้กำลังถอดเสื้อนอกที่เปรอะเืออกอย่างเชื่องช้า เผยแผ่นหลังกว้างและมัดกล้ามของนักรบที่ผ่านการฝึกหนักมานับสิบปี าแจากการต่อสู้พาดยาวบนหัวไหล่และแผ่นหลังจนดูน่าสะพรึง แต่ก็แฝงไว้ด้วยความสง่างามอย่างประหลาด
ลู่ซื่อสูดลมหายใจเบา ๆ ดึงผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดคราบเืรอบาแอย่างระมัดระวัง ััมือของนางเบาเสียจนแทบไม่รู้สึก แต่กลับอบอุ่นอย่างไม่อาจอธิบาย
“เจ็บมากหรือไม่” นางถามเสียงแ่
“ข้าทนได้” เขาตอบสั้น ๆ สายตาไม่ได้มองเธอโดยตรง แต่สะท้อนผ่านเงากระจกทองเหลืองใกล้ตัวกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกในความเงียบนั้น ไม่มีถ้อยคำใดเอื้อนเอ่ย แต่เสียงหัวใจของทั้งคู่กลับประสานกันอย่างชัดเจนเกินจะปฏิเสธเมื่อคีมคีบเศษไม้ััแผล ิซัวหลงสะดุ้งเล็กน้อย
“ข้าขอโทษ... ข้าจะเบามือกว่านี้” ลู่ซื่อรีบเอ่ย
“ไม่เป็ไร” เขาฝืนยิ้มบาง ๆ “แผลแค่นี้ เทียบไม่ได้กับที่ข้าเคยเจอมา”คำพูดนั้นทำให้นางชะงัก มือหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขาผ่านกระจก
“ที่ท่านเคยเจอมา… ท่านเป็ใครกันแน่ หยวนลู่ที่ข้ารู้จัก เขาเป็เพียงทหารชายแดนธรรมดา แต่สิ่งที่ข้าเห็นในวันนี้… มันเกินกว่าทหารทั่วไปมากนัก”คำถามนั้นหนักแน่นพอ ๆ กับแววตาที่จับจ้องิซัวหลงนิ่งไป ราวกับเวลาหยุดเดินไปชั่ววินาทีเขาจะตอบอย่างไรดี… ว่าแท้จริงแล้ว เขาเป็นักรบจากอีกโลกหนึ่ง นักรบที่ถูกสร้างมาเพื่อฆ่า ท่ามกลางโลกที่เครื่องจักรสังหารคือสิ่งปกติ และหัวใจถูกเก็บไว้หลังเกราะเหล็ก
แต่ในตอนนี้…หัวใจดวงนั้น กลับถูกปลุกให้เต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เพราะดวงตาของนาง..!
