ณ สวนเห้อหย้วน สายลมหยุดพัด หมอกควันค่อยๆ จางหาย
จั๋วฟู่ไห่เก็บกระบี่เข้าฝัก เขามองจั๋วอวิ๋นเซียนด้วยสายตาสงบนิ่ง
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
เมื่อได้ยินคำถามของบิดา จั๋วอวิ๋นเซียนหลับตาลง นึกถึงภาพเมื่อครู่อย่างละเอียด
กระเรียนขาวโบยบินสู่ท้องนภา สยายปีกเริงระบำ สายลมโหมกระหน่ำ...ไม่สิ! มันมิใช่กระเรียนขาว มันคือเงาของกระบี่ เงากระบี่ที่อิสรเสรี
ระบำกระบี่อ่อนช้อยราวกับเซียนจาก์
จั๋วอวิ๋นเซียนลืมตาอีกครั้งด้วยจิตใจอันว่างเปล่า เขาเหมือนเห็น ‘วิถี’ ของตัวเองแล้ว!
มิผิด! นี่ก็คือวิถีเซียนที่เขา้า อิสรภาพ พเนจรไปทั่วพิภพโลกา!
ตำนานเล่าขานว่ากระเรียนเซียนคือสิ่งมีชีวิตที่เข้าใกล้วิถีเซียนมากที่สุด มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง ความอดทนสูง และมีอายุขัยยืนยาว...ดังนั้นเซียนคือกระเรียน กระเรียนก็คือเซียน!
ในวินาทีนั้นบรรยากาศรอบตัวจั๋วอวิ๋นเซียนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ จากความธรรมดาสู่ความสงบนิ่ง จากความเฉยชาสู่ความเหนือชั้น ราวกับเป็อัญมณีแก้ว กระจ่างใสทะลุปรุโปร่ง ไร้ซึ่งความโศกเศร้า ไร้ซึ่งความยินดี
หากกล่าวว่าการบำเพ็ญเซียนคือความเชื่อของเขา เช่นนั้นในตอนนี้เขาก็พบทิศทางของตัวเองแล้ว
……
“ดี ดี ดี!”
จั๋วฟู่ไห่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจพร้อมหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะเขาเห็นว่าจั๋วอวิ๋นเซียนพบคำตอบที่ตัวเอง้าผ่านทางสายตา
‘กระเรียนกู่ร้องเก้าชั้นฟ้า’ มีเพียงสามบท หนึ่งกระบวนกระบี่ ‘เซียนทะยานสู่์’ หนึ่งวิชาเคลื่อนไหว ‘ระบำกระเรียนเก้า์’ หนึ่งเคล็ดกายา ‘กายาเซียนกระเรียน’...ยืมร่างกระเรียนฝึกกาย ยืมิญญากระเรียนฝึกจิต ยืมจิตกระเรียนฝึกใจ
เซียนทะยานสู่์ ฝึกเพียงหนึ่งกระบี่ เรียกขานว่าเซียนกระบี่
ระบำกระเรียนเก้า์ ทุกย่าวก้าวพลิ้วไหว เรียกขานว่าเซียนวายุ
กายาเซียนกระเรียน อายุขัยยืนยาว เรียกขานว่าเซียนนิรันดร์
……
จั๋วฟู่ไห่กล่าวบรรยายไปพลาง แสดงวิชาไปพลาง เขาสั่งสอนด้วยความตั้งใจเป็พิเศษ และจั๋วอวิ๋นเซียนที่มีจิตรู้แจ้ง ปัญญาล้ำเลิศ เพียงไม่นานก็จำจุดสำคัญของวิชาได้
เส้นทางการบำเพ็ญวิถีเซียนเต็มไปด้วยขวากหนาม มิอาจเลี่ยงความขัดแย้ง ดังนั้นนอกจากพลังของตัวเองแล้ว ยังต้องรู้จักทักษะการใช้พลัง ด้วยเหตุนี้จึงมีวิทยายุทธ์และวิชาลับขึ้นมา อีกทั้งยังแบ่งเป็หลากหลายแขนง แต่ละแขนงต่างมีความพิเศษในตัว
ผู้บำเพ็ญเซียนคนหนึ่งหากมีเพียงพลังแต่ไม่มีวิทยายุทธ์ ก็เปรียบเสมือนทารกถือค้อน มีแรงไม่พอยก กลับกันแล้วผู้ที่มีเพียงวิทยายุทธ์แต่พลังต่ำต้อย ก็เปรียบเสมือนผู้มีเพียงลีลาท่าทาง แต่มิอาจใช้ได้จริง
ในคำบรรยายของจั๋วฟู่ไห่ ‘กระเรียนกู่ร้องเก้าชั้นฟ้า’ อาจจะมิใช่วิทยายุทธ์เซียนระดับสูงสุดของแผ่นดินเซียนฉยง แต่มันคือวิทยายุทธ์เซียนที่เหมาะสมกับตราประทับของตระกูลจั๋วมากที่สุด
……
หลายวันต่อจากนั้น จั๋วอวิ๋นเซียนฝึกฝนภายใต้การชี้แนะของบิดาอย่างไม่หลับไม่นอน
บางทีอาจเป็เพราะ ‘กระเรียนกู่ร้องเก้าชั้นฟ้า’ เหมาะสมกับจิตใจของจั๋วอวิ๋นเซียนมากที่สุด ท่าทางของเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคขั้นแรกแล้ว ขอเพียงมีพลังิญญาก็สามารถฝึกสำเร็จได้ทันที
รองลงมาคือวิชาเซียนทะยานสู่์ มีเพียงกระบี่เดียว ฝึกเพียงกระบี่เดียว กลับทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนตั้งใจมากขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การฝึกกายาเซียนกระเรียนค่อนข้างช้า เป็เพราะร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป
หลังจากนั้นจั๋วฟู่ไห่ใช้ช่องทางต่างๆ แอบรวบรวมสมบัติวิเศษและสมุนไพรโอสถที่ช่วยเสริมปราณโลหิต เพื่อใช้ฝึกฝนร่างกายจั๋วอวิ๋นเซียนให้แข็งแกร่งขึ้น
ผ่านไปไม่นาน ทั่วเมืองตงหลิงมีข่าวลือว่า จั๋วฟู่ไห่ซื้อสมบัติวิเศษมากมายเพื่อควบรวมตราประทับให้จั๋วอวิ๋นเซียน
ข่าวเช่นนี้ไม่ว่าจริงหรือเท็จ แต่ความสงสัยได้ถูกฝังในใจของทุกคนเรียบร้อยแล้ว
……
ณ สุสานโบราณแห่งมิติมายาสุญญตา
จั๋วอวิ๋นเซียนมาที่นี่อีกครั้ง เขาพึมพำกับตัวเองสักพักหนึ่ง “ผู้าุโเฉียนโม่ ข้ามาหาท่านแล้ว หวังว่าท่านจะไม่รำคาญข้า...”
“เอาเถอะ ข้าอาจจะน่ารำคาญจริงๆ ท่านถึงได้มิยอมปรากฏตัว แต่ข้าอยากจะขอบคุณท่านจริงๆ ขอบคุณที่วันนั้นท่านให้โอกาสข้า ทำให้ข้ามีคุณสมบัติที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง...”
“พอท่านพ่อเห็นข้าควบรวมตราประทับได้แล้วก็ดีใจมาก นี่เป็ครั้งแรกที่ข้าเห็นท่านพ่อหัวเราะให้ข้า ภูมิใจในตัวข้า และเป็ครั้งแรกที่เข้าใจความสำคัญของตัวข้าที่มีต่อท่านพ่อและพี่สาว...ที่สำคัญกว่านั้น ในที่สุดข้าก็มองเห็นเส้นทางวิถีเซียนของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว”
“เส้นทางบำเพ็ญเซียนอาจจะยากลำบาก แต่ข้าต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อได้เห็นปลายทางสุดขอบโลก ได้เห็นจุดจบของ์และผืนปฐี”
“ผู้าุโเฉียนโม่ ข้าขอตัวก่อน ครั้งหน้าค่อยมาเยี่ยมท่านอีก”
จั๋วอวิ๋นเซียนวางผลไม้ิญญาเอาไว้ เขาลุกขึ้นโค้งคำนับจากนั้นออกจากมิติมายาสุญญตาไป
……
เมื่อจั๋วอวิ๋นเซียนจากไป ในที่สุดเงาของเฉียนโม่ก็ปรากฏออกมา
“เ้าเด็กคนนี้มีสติปัญญาสูงยิ่งนัก ถึงกับมีจิตรู้แจ้ง...หากมิใช่เส้นทางเซียนของฟ้าดินถูกตัดขาดไปนานแล้ว ข้าอาจจะหาผู้สืบทอดให้นิกายเซียนไท่ซวีสักคนหนึ่ง! ช่างน่าเสียดาย...”
“แผ่นดินเซียนฉยง...แผ่นดินเซียนฉยงตัวดี!”
เฉียนโม่เก็บผลไม้ิญญาจากนั้นหายตัวไป
……
ห้าวันผ่านไป จั๋วอวิ๋นเซียนสวมเครื่องแต่งกายบัณฑิต ขี่ล้อเหินเวหาออกจากตระกูลจั๋วมุ่งหน้าไปทางจวนเ้าเมือง
วันนี้เป็วันทดสอบจบการศึกษาของสถาบันเซียนเต้า ผู้ที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยมจะถูกแนะนำให้ไปสำนักศึกษากับสำนักเซียนที่ดีกว่านี้ ซึ่งการทดสอบจบการศึกษาของสถาบันเซียนเต้าทุกครั้งล้วนเป็เื่ใหญ่ที่แคว้นจะได้จับจองผู้มีความสามารถ ดังนั้นจึงถูกจัดขึ้นที่จวนเ้าเมือง เพื่อรับประกันให้การสอบผ่านเป็ไปอย่างราบรื่น
ในเวลานี้นอกจวนเ้าเมืองอัดแน่นไปด้วยผู้คน! ทุกคนที่นี่ล้วนเป็ครอบครัวกับผู้าุโของศิษย์ที่จบการศึกษาในปีนี้ พวกเขายืนรออย่างคาดหวัง หวังว่าลูกหลานของตัวเองจะได้รับผลคะแนนที่ยอดเยี่ยม
……
“โปรดหยุดก่อน!”
ด้านนอกจวนเ้าเมือง ทหารยามสองคนขวางจั๋วอวิ๋นเซียนเพื่อตรวจสอบสถานะ จั๋วอวิ๋นเซียนยื่นป้ายประจำตัวออกไป นี่คือหลักฐานการเป็ศิษย์
“จั๋วอวิ๋นเซียนหรือ?”
“ข้าเอง!”
“เข้าไปเถอะ!”
ทหารยามเคยได้ยินเื่ของนายน้อยแห่งตระกูลจั๋วมาก่อน สามิญญาไม่สมบูรณ์ ไร้พร์ ไร้อนาคต ท่าทางของทหารยามค่อนข้างเฉยเมย แต่จั๋วอวิ๋นเซียนก็ไม่ได้ใส่ใจ
……
เมื่อเข้าจวนเ้าเมืองมาแล้ว จั๋วอวิ๋นเซียนถูกนำทางมาถึงสนามสอบ ที่นี่มีศิษย์เกือบร้อยคนกำลังรออยู่ ศิษย์ทุกคนทั้งกังวลและตื่นเต้น
“จั๋วอวิ๋นเซียน ข้าอยู่ตรงนี้!”
เปาต้าถงะโทักทายเสียงดัง จากนั้นเบียดฝูงชนเดินไปหาจั๋วอวิ๋นเซียน
“เ้าซาลาเปาหรือ?”
ไม่เจอกันสองเดือน เ้าซาลาเปาผอมลงไปมาก ดูเหมือน่ที่ผ่านมาเขาก็ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบครั้งสุดท้าย
“เอ๊ะ! จั๋วอวิ๋นเซียน ไม่เจอกันสองเดือน เ้า…เหมือนจะเปลี่ยนไปนะ?”
เมื่อััได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของจั๋วอวิ๋นเซียน เปาต้าถงรู้สึกประหลาดใจ แม้แต่น้ำเสียงในการพูดก็เบาลงโดยไม่รู้ตัว
“อะไรเปลี่ยนไปหรือ?”
“เ้าสวยขึ้น…ถุ้ยๆ! หล่อขึ้นนะ!”
“……”
ทั้งสองคนพูดคุยกันเล็กน้อย ส่วนมากเป็เ้าซาลาเปาพูดคนเดียว จั๋วอวิ๋นเซียนเป็คนฟัง ในบางครั้งเขายังี้เีฟังด้วยซ้ำ
ผ่านไปไม่นาน ผู้คุมสอบของจวนเ้าเมืองปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน หลังจากกล่าวให้กำลังใจเล็กน้อยแล้ว การทดสอบจบการศึกษาจึงเริ่มต้นอย่างเป็ทางการ
……
การทดสอบจบการศึกษาแบ่งออกเป็สองส่วน หนึ่งคือการสอบข้อเขียน เนื้อหาไม่ซับซ้อน เพียงตอบคำถามเกี่ยวกับพื้นฐานวิถีเซียนเท่านั้น
ในการสอบข้อเขียนของปีนี้ จั๋วอวิ๋นเซียนได้รับขนานนามว่า ‘ตัวเต็งข้อเขียน’ อย่างไม่น่าแปลกใจ ทำให้ศิษย์หลายคนรู้สึกอิจฉาริษยา
ทว่าเมื่อการทดสอบิญญาส่วนที่สองเริ่มต้นขึ้น ผู้คนรอบด้านกลับสมน้ำหน้าเขา
