ขายขาดทุน! นี่ต้องเป็การขายขาดทุนแน่!
บ้านธรรมดาทั่วไป ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเริ่มต้นที่ห้าตำลึง โจวชุ่ยหลานตัวนี้กลับขายบ้านใหม่และบ้านเก่าไปพร้อมกันด้วยราคานี้ เท่ากับไม่เหลือหนทางรอดให้นางแม้แต่น้อยสินะ?
เมื่อเห็นสีหน้ามืดครึ้มของเสิ่นม่าน ตาเฒ่าคังยิ้มอย่างอวดดี
“เสิ่นม่านเหนียง หลายวันนี้พวกข้ามัวแต่ยุ่งกับการย้ายบ้าน จึงไม่ได้มาบอกเ้า ในเมื่อเราย้ายมาแล้ว เ้าก็รีบย้ายออกไปเสียเถิด คงไม่ดีหากเ้าจะมาอาศัยอยู่ที่บ้านของข้า ใช่หรือไม่?”
เสิ่นม่านเชิดหน้าขึ้นเหลือบสายตามองเขา “นี่คือบ้านสกุลเสิ่น นางโจวบอกว่าขายให้เ้าก็ถือว่าขายหรือ? โฉนดบ้านเล่า? นำออกมาให้ข้าดูสิ!”
โชคดีที่เมื่อครู่นางฉวยจังหวะให้ระบบตรวจสอบ ตามกฎหมายของราชวงศ์ฮั่นหยวน การซื้อขายบ้านเรือน จำต้องมีโฉนดบ้านและผู้าุโท้องถิ่นเป็พยาน การเจรจาค้าขายจึงจะสัมฤทธิผล ส่วนการตกลงปากเปล่าและหนังสือสัญญา หากไม่ตรงตามเงื่อนไขที่ระบุ้า ก็จะถือเป็โมฆะ
ตาเฒ่าคังหยิบโฉนดบ้านออกมาโยนใส่เสิ่นม่าน
“เห็นหรือไม่? จัดการเรียบร้อยั้แ่หนึ่งเดือนก่อน ผู้ใหญ่บ้านก็ได้เห็นแล้ว พวกเ้าเอาเงินไป ตอนนี้กลับคิดจะไม่ย้ายออกหรือ? ขืนยังไม่ไป ข้าจะใช้ท่อนไม้ไล่พวกเ้าสองแม่ลูกออกไปเอง!”
โฉนดถูกต้อง ตอนนี้บ้านได้เปลี่ยนเ้าของแล้ว นางโจวช่างทำเื่เช่นนี้ได้ลงคอ
ตอนนี้ทั้งโฉนดทั้งสัญญาขายล้วนอยู่ในมือของครอบครัวคัง ไม่ว่านางจะไปต่อสู้คดีที่ไหนก็ไม่มีทางชนะ
เสิ่นม่านกำลังสับสน อีกฟากหนึ่งลูกชายคนโตของสกุลคังก็เดินหน้ามา จากนั้นผลักสองแม่ลูกออกอย่างหยาบคาย ต้าเป่าล้มกระแทกลงกับพื้นจนหัวเข่าถลอกและมีเืไหลซึมออกมา ใบหน้าเปื้อนไปด้วยฝุ่น สองตามีน้ำตาคลอเบ้า
เสิ่นม่านรีบอุ้มเขาขึ้นจากพื้น ทั้งยังคงขวางชายร่างใหญ่แซ่คังไว้ไม่ขยับ ดวงตาดำขลับดุจหมึกเผยประกายเยือกเย็น
“ย้ายก็ย้ายสิ ขืนยังกล้าแตะต้องลูกชายข้าอีกครั้งละก็ ได้เห็นดีกันแน่”
ชายร่างใหญ่คังเป็นักเลงมาแต่เด็ก เนื่องจากร่างกายกำยำ จึงมักจะไปเป็ลูกน้องให้กับคนรวย ต่อมาไม่รู้เพราะเหตุใด เขากลับถูกตีจนท่อนขาพิการไปหนึ่งข้าง จากนั้นจึงกลับมาอยู่ที่หมู่บ้านโม๋ผาน
เขาเห็นว่าแม่หญิงเสิ่นม่านร่างอ้วน ทั้งยังเป็หญิงหม้ายไร้ที่พึ่ง เดิมทีก็นึกดูแคลนอยู่แล้ว วันนี้นางทำท่าทางและน้ำเสียงเช่นนี้ ทำให้เขาคิดฟาดนางกลับไปสักฉาดอย่างไม่ลังเล
เพียงแต่ยังไม่ทันฟาดโดนตัว เสิ่นม่านก็หลบออกอย่างรวดเร็ว ขาอีกข้างของนางออกแรงตวัด ชายร่างใหญ่คังที่ยังไม่ทันรู้สถานการณ์ เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ล้มลงไปแล้ว
เสิ่นม่านเตะเข้าที่ท้องของเขา ขณะนี้เขาเ็ปจนลุกไม่ขึ้น
คนที่เหลือแม้ตายก็คาดไม่ถึงว่า เสิ่นม่านจะสามารถล้มชายร่างใหญ่ที่หนักร้อยกว่าชั่งได้อย่างง่ายดาย จึงกรูกันจะมาทำร้ายนาง
ฉับพลันเสิ่นม่านก็ชักมีดสั้นที่วาววับเป็ประกายออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นจี้ไปที่ลำคอของชายร่างใหญ่คัง
“หากอยากให้มีคนตายก็ดาหน้ากันเข้ามา”
คนบ้านนอกส่วนมากมักจะแค่ทะเลาะวิวาท ปะทะฝีปากกัน ไหนเลยจะกล้าให้เกิดเื่ที่ต้องชักมีดเช่นนี้?
ตาเฒ่าคังและพวกพ้องเริ่มแตกตื่น จากนั้นทั้งหมดพยายามช่วยกันห้ามนางให้ใจเย็นลงก่อน
ขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด ผู้ใหญ่บ้านหลี่เถี่ยโถวก็มา พอเห็นสภาพการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ อีกทั้งยังมีเด็กๆ ในเหตุการณ์อีก เขาจึงขมวดคิ้วเป็ปม
“ตาเฒ่าคัง เ้าบอกว่าจะย้ายมาปลายเดือนไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงย้ายมาั้แ่วันนี้? นี่กำลังก่อเื่วุ่นวายอะไรกันอีก?”
สองวันก่อน เสิ่นม่านทำบะหมี่ในตำบล ไม่เพียงคืนเงินให้แก่ผู้ใหญ่บ้าน อีกทั้งยังเลี้ยงพวกเขาทุกคนด้วยบะหมี่หลายชาม เื่นี้ได้เปลี่ยนมุมมองของเสิ่นม่านในใจของผู้ใหญ่บ้านเป็ที่เรียบร้อย
“ผู้ใหญ่บ้าน”
เสิ่นม่านลดมีดสั้นลงและบังต้าเป่าไว้ด้านหลัง จากนั้นเอ่ยถามเขา “บ้านของข้าถูกขาย ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดข้าถึงไม่รู้?”
ผู้ใหญ่บ้านแปลกใจ “เ้าไม่รู้เื่หรือ?”
เสิ่นม่าน “?” หรือว่ายังมีบางอย่างที่ถูกปิดบังอีก?
จากคําอธิบายของผู้ใหญ่บ้าน เสิ่นม่านถึงเพิ่งรู้ว่า บ้านหลังนี้ได้ถูกนางโจวขายไปั้แ่เดือนที่แล้ว ตอนที่นางขายได้ระบุเหตุผลเื่ความยากจน ไม่มีเงินเลี้ยงดูเด็กๆ เพราะว่า้ารีบขายนางจึงเสนอราคาต่ำที่สุด จนขายให้แก่บ้านสกุลคังในหมู่บ้าน
บ้านสกุลคังคือชาวบ้านที่หนีภัยแล้งมายังหมู่บ้านโม๋ผาน ทั้งครอบครัวไม่ได้มีเงินอะไร ดังนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ในกระท่อมทรุดโทรมตรงท้ายหมู่บ้าน พวกเขา้าซื้อบ้านมานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ราคาในหมู่บ้านค่อนข้างแพง จึงได้แต่เฝ้ารอมาตลอด
พอตอนนี้มีบ้านที่เหมาะสม ทั้งครอบครัวจึงรวมเงินกัน ในที่สุดก็ซื้อบ้านหลังนี้ไว้ได้
อย่างที่เห็น เมื่อได้ยินว่าโจวชุ่ยหลานหนีตามผู้ชายไป พวกเขาจึงย้ายสำมะโนครัวกันมาทันที โดยไม่แม้แต่จะบอกกล่าวกับเสิ่นม่านด้วยซ้ำ
ั้แ่ต้นจนจบ เสิ่นม่านถูกปิดบังไม่รู้อีโหน่อีเหน่เลยด้วยซ้ำ
เมื่อฟังถึงตรงนี้ นางเองก็รู้ว่าการที่รั้นจะอยู่ที่บ้านเดิมต่อนั้นไม่มีประโยชน์อันใด ทว่า่บ่ายคล้อยจวนตะวันลับขอบฟ้าเช่นนี้แล้ว จะให้นางกับต้าเป่าย้ายไปที่ใด?
ผู้ใหญ่บ้านเห็นนางอับจนหนทาง จึงช่วยนางออกเสียงอย่างยากที่จะได้เห็น
“ข้าว่านะ ครอบครัวคัง พวกเ้ารีบย้ายเข้ามาเช่นนี้ ไฉนจึงมาไล่คนอีก? หากว่าไม่้าอยู่ที่กระท่อมทรุดโทรมจริงๆ พวกเ้าก็อาศัยในบ้านหลังใหม่นี้ ส่วนบ้านหลังเดิมก็ให้เสิ่นม่านเหนียงอยู่ไปก่อน จากนั้นค่อยให้พวกนางสองแม่ลูกย้ายออกไปก็ไม่สายนี่นา”
เมื่อผู้ใหญ่บ้านช่วยออกหน้า ครอบครัวคังแม้จะไม่พอใจ แต่ก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก คนทั้งหมดจึงย้ายเข้าบ้านหลังข้างๆ พร้อมกับด่าทอสกุลเสิ่นต่างๆ นานา
เสิ่นม่านมองไปที่ปลายอีกด้านหนึ่งของกําแพงบ้านพลางครุ่นคิด… เมื่อกลับถึงบ้าน เสิ่นม่านถึงพบว่าของสำคัญที่สุดของตนได้หายไปแล้ว!
“แล้วเขาล่ะ?”
นางแหงนขึ้นมองหลังคาที่ว่างเปล่า พลันะโร้องเสียงโหยหวนปนโศกเศร้า
ต้าเป่าปิดหูไว้และมองนางอย่างหวาดกลัว “ท่าน ท่านแม่… พระโพธิสัตว์เขา เขาบินหนีไปแล้ว”
“อะไรนะ?” คนตัวใหญ่ บินหนีไป?
ต้าเป่าเช็ดคราบฝุ่นบนหน้า จากนั้นเบะปากและเอ่ยเสียงค่อย “เมื่อกี้เขาหนีออกไปทางประตูหลังอย่างรวดเร็ว ข้าขวางไว้ไม่ทัน ที่ข้าออกมาก็เพื่อจะบอกเื่นี้กับท่านแม่...”
เสิ่นม่านตาเขียวปั้ด
ดี เ้านั่นกินอิ่มก็มีแรงหนีสินะ ข้าต่างหากที่เสียทั้งฮูหยินและไพร่พล
พลังงานที่มีอยู่หายไปทั้งแบบนี้ เสิ่นม่านโมโหจนแทบคลั่ง
หากรู้เช่นนี้นางควรใช้ไม้ทุบเขาให้สลบแล้วค่อยออกไป คงปลอดภัยกว่ามาก
ต้าเป่าเห็นนางใบหน้าเปี่ยมกังวล จึงแอบกระตุกชายเสื้อของนางอย่างระมัดระวัง “ท่านแม่ ข้าไร้ประโยชน์มากใช่หรือไม่?”
เสิ่นม่านก้มศีรษะลงลูบใบหน้าเล็กๆ ที่ผอมเรียวของเขา เห็นได้ว่าสองวันนี้ได้รับการบำรุงจนเริ่มมีแก้ม หรือว่าต่อไปจะต้องใช้ชีวิตลำบากกับนางอีกครั้ง?
นางถอนหายใจยาวและมองลูกชายด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “แม่ไม่โทษเ้า แม่ต่างหากที่่นี้ดวงตก”
พลังงานหายไป บ้านก็ไม่มี ตอนนี้นางมีเงินติดตัวเหลือเพียงแปดตำลึงกับอีแปะห้าร้อยเศษ แล้วจะพึ่งพาของเล็กน้อยเหล่านี้ไปสู่ความมั่งคั่งได้อย่างไร?
ราวกับจิติญญาระหว่างแม่ลูกนั้นเชื่อมถึงกัน แม้ว่าต้าเป่าอายุยังน้อย แต่ก็เข้าใจสถานการณ์ที่เป็อยู่ดี เขาก้มหน้าและมองดูรองเท้าใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยนไม่นาน จึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“ท่านแม่ ก่อนตายท่านยายบอกว่า บ้านเราจะขายไม่ได้ ต่อไป… ต่อไปท่านลุงยังต้องกลับมาอาศัยที่นี่”
โอ้ ใช่แล้ว ยังมีพี่ชายของร่างเดิมที่ถูกสวมหมวกเขียวอีก
เสิ่นม่านคร้านจะคิดเยอะ ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ นางต้องรีบจัดการปัญหาเื่ที่อยู่อาศัยก่อนแล้วค่อยว่ากัน
-----