แสงแดดยามสายเริ่มส่องกระทบยอดไม้ รถม้าของถังซื่อก็ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
กระท่อมไม้เก่าหลังเล็กตั้งอยู่ริมธารถูกล้อมรอบด้วยป่าทึบเขียวชอุ่ม เดิมทีเคยเป็ที่ซ่องสุมของโจรป่า แต่บัดนี้กลับกลายเป็ที่พักชั่วคราวของถังซื่อและคุณหนูรองจ้าว
ถังซื่ออุ้มร่างไร้สติของจ้าวิจูลงจากรถม้าอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพาร่างหญิงสาวเข้าไปในกระท่อม และไม่ลืมที่จะหันไปสั่งชายสองคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยให้กลับไปก่อน
ชายทั้งสองพยักหน้ารับเดินจากไปพร้อมค่าจ้างเล็กน้อยที่ถังซื่อเป็คนให้เองกับมือ
“ไม่คิดว่าคุณหนูใหญ่จะงดงามเพียงนี้” ชายวัยกลางคนยืนมองเหยื่อบนฟูกเก่า ดวงตาเต็มไปด้วยความคิดสกปรก
“ปล่อยไว้ก็น่าเสียดาย” ถังซื่อเอ่ยพลางนั่งลงใกล้ร่างของจ้าวิจู มือหยาบเริ่มลูบไล้ไปตามใบหน้านวลผ่อง เขาตั้งใจจะสนองความใคร่ของตนเสียก่อน แล้วจึงค่อยทำตามคำสั่งของฮูหยินรองเกา
มือหยาบของชายวัยกลางคนไล้ผ่านผิวแก้มของจ้าวิจูค่อยๆเลื่อนลงมาหยุดอยู่ตรงลำคอ ก่อนจะปลดเสื้อคลุมของนางออก
ทว่าในจังหวะนั้นเอง จ้าวิจูก็พลันลืมตาตื่นขึ้น นางตื่นตระหนกเป็อย่างมาก สำหรับบุตรสาวของรองเสนาบดีต้องมาอยู่กับชายแปลกหน้าสองต่อสองเช่นนี้ นับเป็ความอัปยศที่สุดในชีวิต
จ้าวิจูกรีดร้องออกมาเต็มเสียง
ถังซื่อผงะเล็กน้อย แต่ยังไม่ยอมถอยห่างจากจ้าวิจู เขารีบใช้มือปิดปากนางแน่น เอ่ยด้วยรอยยิ้มเหี้ยม “ตื่นพอดี แบบนี้จะได้สนุกขึ้นหน่อย” กล่าวจบชายวัยกลางคนก็เอื้อมมือกลับไปยังคอเสื้อของหญิงสาวอีกครั้ง
จ้าวิจูดิ้นรนสุดแรง น้ำตาแห่งความอัปยศก็คลอเบ้า นางะโน้ำเสียงสั่นเครือ “อย่าแตะต้องข้า! เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร!”
ทว่าคำประกาศศักดิ์ศรีของนางกลับไร้น้ำหนัก ถังซื่อเพียงหัวเราะเบาๆ “ถึงเป็คุณหนูจากตระกูลสูงส่ง แต่พอมาอยู่ในป่าก็ไม่ต่างอะไรกับหญิงชาวบ้านคนหนึ่งดอก” ชายวัยกลางคนโน้มตัวลงมาใกล้ร่างจ้าวิจู รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมยังไม่เลือนจากใบหน้า
“ข้า…ขอร้อง อย่าทำอะไรข้าเลย…” เสียงสั่นเครือของจ้าวิจูเปล่งออกมาเบาๆ ขณะที่ร่างสั่นสะท้าน นางยกมือขึ้นไหว้ชายตรงหน้า ั์ตาอ้อนวอน
แต่ถังซื่อหาได้ใส่ใจคำอ้อนวอนนั้น ใบหน้าของเขาโน้มเข้าใกล้จ้าวิจูมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาแข็งกร้าวเต็มไปด้วยความกระหาย
“ข้าคือคุณหนูรองจ้าวิจู หากท่านพ่อรู้เื่นี้ เ้าต้องไม่ตายดีแน่!” หญิงสาวอับจนหนทาง นางจึงพยายามใช้ศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของตนเป็เกราะสุดท้าย เพื่อข่มขู่ชายตรงหน้าอีกครั้ง
ดูเหมือนคำพูดนั้นจะได้ผล ชายวัยกลางคนชะงักมือหยุดการกระทำทั้งหมดลงทันที จากนั้นเขาก็รีบถอยหลังอย่างลุกลี้ลุกลน “อย่า..อย่ามาโกหก ฮูหยินรองเกาบอกข้าเอง คุณหนูใหญ่จะมีผ้าคลุมติดตัว”
“เ้าคือคนของท่านแม่หรือ” จ้าวิจูเงยหน้าขึ้น ก่อนเอ่ยต่อด้วยเสียงหนักแน่น “เ้าจำเสียงข้าไม่ได้หรือ อยู่หน้าจวนข้าเคยถามชื่อเ้า ตอนนั้นข้าไม่ได้ใส่ผ้าคลุม”
ถังซื่อชะงักไปอีกครั้ง สมองรีบไล่เรียงความทรงจำเมื่อหลายชั่วยามก่อน และเมื่อภาพเหตุการณ์ตรงหน้าจวนผุดขึ้นมาตามคำบอกกล่าวของจ้าวิจู
ถังซื่อก็หน้าถอดสีทันที จากนั้นเขาก็โขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรง “คุณหนูรองได้โปรดอภัย ข้าจับผิดคนจริง”
“เ้ายังกล้าแตะต้องข้าอีกหรือไม่” จ้าวิจูกล่าว ก่อนลุกขึ้นถีบชายตรงหน้าที่กำลังคุกเข่าโขกศีรษะอยู่
“พอได้แล้ว ออกไปอยู่ข้างนอก” จ้าวิจูตวัดตามอง แม้ว่าเขาจะเป็คนของท่านแม่ แต่นางก็ไม่คิดจะวางใจ
ถังซื่อสะดุ้งเฮือก เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “หากคุณหนูใหญ่เรียกคนมาช่วย พวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ กำจัดคนไม่ได้แถมถูกจับอีก เช่นนั้นสิ่งที่พวกเราทำมาทั้งหมดไม่สูญเปล่าหรือขอรับ”
จ้าวิจูนิ่งไปชั่วครู่ราวกับคิดอะไรบางอย่างออก ก่อนจะเอ่ย “รอให้จ้าวเหม่ยหลินเรียกคนมาช่วย แล้วเ้าก็ใส่ความว่านางเป็คนสั่งให้เ้าทำร้ายข้า ที่เหลือข้าจะจัดการเอง”
พินิจดูแล้วชายผู้นี้ดูเหมือนจะเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อมารดาของนาง อย่างไรแผนของฮูหยินรองเกาก็ผิดพลาดแล้ว ก็แค่ใช้ชายผู้นี้เป็หมากของนางต่อ คุ้มค่าเสียยิ่งกว่าทิ้งเปล่า
ถังซื่อเกาศีรษะอย่างงุนงง แต่ก็พยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปยืนรออยู่ด้านนอกตามคำสั่ง
อีกด้านหนึ่ง หลังจากจ้าวเหม่ยหลินหลุดออกจากป่า นางก็รีบสาวเท้าไปตามเส้นทางที่พอจดจำได้ ร่างเล็กสอบถามชาวบ้านที่พบเจอระหว่างทาง
จนกระทั่งเดินทางมาถึงกรมอาญา แม้จ้าวเหม่ยหลินจะไม่ได้รู้เื่ราชการมากนัก แต่ก็พอทราบว่าจ้าวซ่งจื่อทำงานอยู่ที่นี่
แต่หากย้อนกลับไปแจ้งที่จวน เพลานี้รองเสนาบดีคลังก็คงติดประชุมราชกิจในวังหลวงเป็แน่ ส่วนคนในจวนล้วนแต่เป็สตรีไร้กำลังจะช่วยเหลือ
ด้วยเหตุนี้จ้าวเหม่ยหลินจึงตัดสินใจตรงมาหาจ้าวซ่งจื่อโดยไม่ลังเล
จ้าวเหม่ยหลินยืนรออยู่หน้าประตูกรมอาญาได้ไม่นาน จ้าวซ่งจื่อก็ปรากฏตัวพร้อมบ่าวคนสนิท
แต่เมื่อชายหนุ่มเห็นคนตัวเล็กในสภาพเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยนัก ก็รู้สึกอดสงสัยไม่ได้ ทว่าความห่วงใยกลับมีมากกว่าความสงสัย จ้าวซ่งจื่อจึงรีบก้าวเข้าไปหาร่างเล็กทันที
“เหม่ยหลิน เ้าเป็อะไรหรือ” จ้าวซ่งจื่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ช่วยจ้าวิจูด้วย” จ้าวเหม่ยหลินเอ่ยขึ้น แต่ยังไม่ทันที่จ้าวซ่งจื่อจะเอ่ยถามอะไรต่อ คนตัวเล็กก็เอื้อมมือไปจับชายแขนเสื้ออีกฝ่ายแน่น แล้วดึงให้เดินตาม
จ้าวซ่งจื่อเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ก็ไม่ลืมที่จะะโบอกบ่าวคนสนิทให้ไปแจ้งที่จวน