เมื่อได้ฟังจุนห่าวแล้ว ั์ตาของจุนหนานก็มีสีแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย เขาพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้กินของอร่อย ๆ มากขึ้น จากนี้ไปข้าจะขยันบำเพ็ญเพียร”
จุนตงพูดด้วยดวงตาสดใสว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ จากนี้ไปข้าก็จะขยันบำเพ็ญเพียรให้มากขึ้นอย่างแน่นอน” ถึงแม้ว่าจุนตงจะไม่พูดว่า ‘ที่ทำไปก็เพราะเพื่อการกิน’ แต่ก็หมายความว่าอย่างเช่นนั้น
พอได้ฟังคำพูดของจุนหนานและจุนตง จุนเช่อและจุนฟานก็รู้สึกจนใจ พวกเขาไม่คิดว่า พวกเขาจะขยันบำเพ็ญเพียร เพื่อให้ได้กินมากขึ้น
จุนห่าวคิด ‘...... ไม่คิดเลยว่า ลูกชายของข้าจะหมกมุ่นกับเื่กินขนาดนี้ ่เวลาที่ผ่านมาคงจะหิวโหยมากแน่ ๆ’
หานรุ่ยคิด ‘...... รู้สึกอายจริง ๆ ที่ข้าได้ให้กำเนิดเด็กน้อยจะกละทั้งสอง ราวกับว่าข้าได้ทำลายการใช้ชีวิตด้วยสติปัญญาของพวกเขาไปเลย’
เพราะลูกทั้งสองคนเริ่มโวยวาย หานรุ่ยจึงรู้สึกดีขึ้น เขาเอ่ยกับจุนห่าวว่า “ฤทธิ์ยาได้ผลดีทีเดียว ดูท่าจะปรับสูตรได้สำเร็จแล้ว” จากนั้นเขาก็เล่าเื่ราวทั้งหมดให้จุนห่าวและจุนฟานฟัง
หลังจากที่ได้ฟังหานรุ่ย จุนห่าวก็เอ่ยขึ้นว่า “ฤทธิ์ยาได้ผลดีจริง ๆ ด้วย ถ้าอย่างนั้นข้าจะแก้ไขใบสั่งยาให้เสร็จสมบูรณ์ ข้าเชื่อว่า ยาจะต้องได้ผลดีกว่านี้แน่”
“สำเร็จแล้ว! ดีจริง ๆ” จุนฟานกล่าวอย่างตื่นเต้น เขาใกล้จะได้เจอกับจางหนิงแล้ว
หานรุ่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่อยากขัดจุนฟาน ทว่าเขาต้องพูดเื่ที่เขานึกขึ้นได้ เขากล่าวว่า “แม้ว่ายาิญญานี้จะได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ได้ผลดี แต่เราก็ไม่รู้ว่า ลิงที่เราใช้ทดลองตัวนั้น มีข้อบกพร่องในด้านนั้นไหม นี่เป็เื่ที่เราไม่ได้คิดมาก่อนเลย”
จุนห่าวลูบคางของเขาและเอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวรุ่ยพูดถูก เพื่อป้องกันความผิดพลาด เราต้องหาคนที่มีข้อบกพร่องในเื่นี้มาทดสอบยา ถ้ายังได้ผลดีอยู่ก็จะถือว่าจบ”
เมื่อเห็นท่าทางของจุนห่าว หานรุ่ยก็รับรู้ได้ว่า จุนห่าวมีคนที่อยากจะให้ทดลองในใจแล้ว “เ้าเลือกคนได้แล้วรึ?” หานรุ่ยเอ่ยถาม เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า มีคนในหมู่บ้านมีข้อบกพร่องเกี่ยวกับเื่นี้มาก่อน ทว่าเมื่อคิดทบทวนดู ใครจะบอกข้อบกพร่องนี้ให้รู้ไปทั่วกันล่ะ ก็คงจะมีแต่เซ่าเจี้ยนหลิ่นนี่แหละที่ซวย ทุกคนถึงได้ล่วงรู้เื่นี้ของเขากันหมด
“เป็คนที่เสี่ยวรุ่ยก็รู้จักน่ะ” จุนห่าวกล่าว “ข้าจำได้ว่า ครั้งหนึ่งท่านลุงโจวเคยพลั้งปากพูดเื่นี้ว่า เขามีปัญหาด้านนั้น แถมยังเป็หนักเสียด้วย ซ้ำยังรักษาไม่หายอีก เพราะเหตุนี้ในตอนนั้นเขาเลยร้องไห้ระงม น่าสงสารเป็อย่างมาก” จุนห่าวยังจำฉากนั้นได้แม่นยำ ราวกับว่าเื่นี้เพิ่งเกิดขึ้น ท่านลุงโจวร้องไห้อย่างเ็ปจริง ๆ
หานรุ่ยพูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่า คนที่กำลังตามหาจะอยู่ใกล้ตัวแค่นี้ ทำไมเ้าถึงไม่รีบบอกล่ะ ถ้าเ้าบอกมาั้แ่แรก ข้าก็จะได้ไม่ต้องไปคอยหมอบซุ่มดูลิงอยู่ในป่าแล้ว แถมดอกท้อเน่าของเ้าก็จะได้ไม่ต้องมาเข้าใจข้าผิดด้วย”
พอได้ยินคำว่า ‘ดอกท้อเน่า’ จุนห่าวก็คิ้วขมวดงุนงงและถามว่า “เกิดเื่อันใดขึ้นหรือ? เฉินเส่าอวี้หาเื่เ้าอีกแล้วหรือ?” มิน่าเล่า ตอนที่หานรุ่ยเพิ่งกลับมาถึงได้ดูมืดมน พอได้เห็นลูก ๆ สีหน้าถึงดีขึ้น
“ใช่สิ แต่มันถูกข้าถีบไปหนึ่งที ่ 10 – 15 วันนี้ มันก็คงจะลุกจากเตียงไม่ได้ พวกเราคงอยู่อย่างสงบสุขได้อีกหลายวัน” หานรุ่ยพูดอย่างไม่แยแส จากนั้นเขาก็เล่าเื่ทั้งหมดให้ทุกคนฟังไปหนึ่งรอบ
หลังจากที่ได้ฟังหานรุ่ย จุนห่าวโกรธจนกำหมัดแน่น เขาพูดด้วยใบหน้าเหี้ยมโหดว่า “ปล่อยมันไป รอให้เสร็จเื่นี้ แล้วค่อยจัดการมัน ให้มันนอนรอบนเตียงไปก่อน”
ถึงแม้ว่าหานรุ่ยจะดูไม่แยแส แต่ในใจของจุนห่าวกลับรู้สึกคับแค้น ในคืนนั้นเขาแอบย่องเข้าไปในห้องของเฉินเส่าอวี้ และจัดการชกเฉินเส่าอวี้ไปอีกหนึ่งหมัด เพราะแรงหมัดของเขาหนักกว่าหานรุ่ย กว่าเฉินเส่าอวี้จะฟื้นขึ้นมาก็คงใช้เวลาไปอีกหลายเดือน
เมื่อเสร็จเื่นี้ จุนห่าวก็ไปหาลุงโจว วันรุ่งขึ้นลุงโจวดูแข็งแรงกระปรี้กระเปร่ามาก เขากล่าวขอบคุณจุนห่าวด้วยใบหน้าเบิกบาน และบอกกับจุนห่าวว่า ‘จุนห่าว คือ ผู้มีพระคุณของเขา’ ที่สามารถรักษาเขาให้หายจากโรคเรื้อรังนี้ได้ และทำให้เขากลับมาผงาดขึ้นได้อีกครั้ง เมื่อเห็นว่า ยานี้สามารถรักษาลุงโจวได้จนหายดีแล้ว จุนห่าวก็รู้สึกมั่นใจ และทุกคนก็รู้สึกโล่งใจไปตาม ๆ กัน
