“ข้ามิอยากตาย ขอร้องล่ะ ปล่อยข้าไปเถิด ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ”
“ข้าจะทานเจ จะสวดมนต์ขอพรให้ครอบครัวนั้นไปตลอดชีวิต ปล่อยข้าไปเถิด ข้าเพียงหน้ามืดตามัวทำเช่นนั้น ทั้งหมดเป็เพราะเวินอี๋เหนียง นางเข้าสิงให้ข้าทำ”
“ใต้เท้าซุน ได้โปรดไว้ชีวิตข้าสักครั้งเถิดเ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่เวินคุกเข่าลงกับพื้นอย่างน่าอนาถ เอาศีรษะโขกพื้นและขอร้องอยู่ตลอด
ภาพในอดีตของนักโทษที่ถูกตัดหัวผุดขึ้นมาให้นางเห็นซ้ำๆ ทำให้ร่างกายสั่นยิ่งกว่าเดิม
“ฮูหยินใหญ่เวินเป็บ้าไปแล้วหรือ?”
“คงจะเป็เช่นนั้น บ้าไปแล้วจริงๆ จู่ๆ ก็ไปพูดถึงเวินอี๋เหนียง เวินอี๋เหนียงจะทำร้ายบุตรสาวตนเองหรือ?”
“นางก็แค่กลัวเท่านั้นล่ะ เป็บ้าไปเสียที่ใดกัน นางน่ะฉลาดเป็กรด”
“นั่นน่ะสิ นั่นน่ะสิ”
......
ประชาชนที่มุงดูพากันหัวเราะ ขณะเดียวกันก็มีคนโยนไข่เน่าใส่หน้าฮูหยินใหญ่เวิน แต่นางยังคงหวาดกลัวเกินกว่าจะตอบสนองใดๆ และเอาแต่อ้อนวอนขอความเมตตา
“คุณหนูเวินซี ฮูหยินใหญ่เวินกลัวตายจนสารภาพง่ายขนาดนี้ได้เช่นไรขอรับ?” จ่างกุ้ยเห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็เอ่ยถาม
“คงคิดว่าเวินเยียนจะช่วยนางได้น่ะสิ แต่เวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้แล้ว กลับยังโดดเดี่ยวไร้หนทาง นางถึงได้ตื่นตระหนกไปจริงๆ” เวินซีมองดูฮูหยินใหญ่เวินที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าประชดประชัน
ตอนนั้นใครกันที่รังแกสองแม่ลูกเวินอี๋เหนียงสารพัด ให้ทานอาหารเหลือ ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ ใช้ให้ซักผ้าท่ามกลางฤดูหนาวยังนับว่าเล็กน้อย ตอนนี้รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วอย่างนั้นหรือ...
“นำนางขึ้นมา” ท่านเ้าอำเภอที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
ฮูหยินใหญ่เวินถูกลากตัวไปยังกึ่งกลางของแท่นปะา นางโวยวายเสียงดังจนหนวกหู ผู้คุมจึงใช้ผ้าฝ้ายอุดปากนางไว้แน่น
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดดวงอาทิตย์ใน่หน้าหนาวถึงร้อนเช่นนี้ ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วยามก่อนจะถึงเวลาลงโทษ ผู้คนจึงพูดคุยกันระหว่างที่รอดูความสนุก
ขณะนั้นฮูหยินใหญ่เวินคุกเข่าลงอย่างสิ้นหวัง น้ำตาหยดใหญ่ไหลลงพื้นอย่างไม่ขาดสาย
“คุณหนูเวินซี ไม่มีผู้ใดจากตระกูลเวินมาเลยขอรับ” จ่างกุ้ยมองดูทุกคนที่มาดูการปะาด้วยความเบื่อหน่าย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแ่เบา
ไม่มาเลยหรือ?
เวินซีประสานมือกอดอก แววตาเผยความแปลกใจ
หากเป็เวินอวิ๋นโปที่ไม่มา นางยังพอเข้าใจได้ อย่างไรเสียเขาก็สนใจเพียงหน้าตา ยามนี้เขาคงอยากจะตัดขาดความสัมพันธ์กับฮูหยินใหญ่เวิน แต่เหตุใดเวินเยียนจึงไม่มาล่ะ? จะทอดทิ้งมารดาจริงๆ หรือ? หรือพวกเขากำลังวางแผนอันใดอยู่?
“คุณหนูเวินซี ดีที่คุณหนูออกมาจากตระกูลเวินที่เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ มิฉะนั้นคุณหนูคงจะถูกพวกเขาทานจนมิเหลือแม้แต่กระดูกไปแล้วล่ะขอรับ” เพียงแค่จ่างกุ้ยคิดก็รู้สึกหวาดกลัว
เวินซีแย้มริมฝีปาก มิได้ตอบอันใด
หากนางไม่ออกมาจากตระกูลเวิน ผู้ใดจะเป็ฝ่ายถูกทานจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกนั้นก็ยังไม่แน่
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า บรรยากาศเริ่มมืดลง ในที่สุดท่านเ้าอำเภอก็เคลื่อนไหวแล้ว
เขาให้คนมาจุดธูป การลงโทษปะาจะเริ่มขึ้นหลังจากที่หมดก้านธูปนี้
“ฮูหยินใหญ่เวิน มีคำพูดสุดท้ายที่อยากจะพูดหรือไม่?” ท่านเ้าอำเภอใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงพูดกับนางที่กำลังจะตาย
“ข้าอยากจะเจอบุตรสาวของข้า” ทันทีที่ผ้าฝ้ายถูกดึงออก ฮูหยินใหญ่เวินก็เอ่ยปากขอ
“คุณหนูเวินเยียนมิได้มาที่นี่”
“ท่านเ้าอำเภอ ช่วยส่งคนไปรับบุตรสาวของข้ามาได้หรือไม่เ้าคะ ข้าอยากจะเจอนางอีกครา”
“ข้าเกรงว่ามันจะมิทันเวลาธูปหนึ่งดอกน่ะสิ”
“ท่านเ้าอำเภอ ได้โปรดเถิดเ้าค่ะ ข้าอยากพบนาง ข้าอยากพบนาง ขอให้ข้าได้พบนางเถิด ขอร้องล่ะเ้าค่ะ...”
ฮูหยินใหญ่เวินเริ่มรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ ยามนี้นางไม่มีสติ หากมิได้ถูกมัดอยู่นางคงจะกระโจนไปหาเ้าอำเภอนานแล้ว
ยามนี้นางเพียงอยากเจอเวินเยียน หากเวินเยียนยังไม่มา นางก็ยังมีความหวัง
“ก็ได้ ข้าจะส่งคนไปดู” ท่านเ้าอำเภอโบกมือให้เ้าหน้าที่ พวกเขาจึงรีบวิ่งออกไป
ลานปะาตกอยู่ในความเงียบอีกครา หลังจากที่ธูปลดลงไปครึ่งหนึ่ง เวินซีก็เดินเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ท่านเ้าอำเภอ ข้ามีเื่จะพูดกับฮูหยินใหญ่เวินเ้าค่ะ”
“พูดเถิด” ท่านเ้าอำเภอมิได้ห้าม
“ให้นางออกไป อย่าให้นางมาเข้าใกล้ข้า ข้าไม่มีอันใดจะพูดกับนาง”
“อย่าเข้ามา ไสหัวไปให้พ้น”
ฮูหยินใหญ่เวินมีแต่ความเกลียดชังทันทีที่ได้เห็นเวินซี เมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ก็ะโไล่
ที่นางต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ทั้งหมดเป็เพราะเวินซี
“ฮูหยินใหญ่เวิน เหตุใดถึงได้ร้อนรนนักล่ะเ้าคะ? ไม่เหมือนผู้สูงศักดิ์ที่สง่างามอยู่เสมอเลยนะเ้าคะ”
เวินซีเดินไปหาฮูหยินใหญ่เวิน นั่งยองลงช้าๆ มองสตรีที่อยู่เบื้องหน้าในระดับสายตาแล้วเอ่ยด้วยเสียงที่ได้ยินระหว่างสองคนเท่านั้น
“เวินซี เ้าอยากจะทำอันใดอีก?” ฮูหยินใหญ่เวินกัดฟัน
“ฮูหยินใหญ่เวิน อย่ามองข้าเช่นนั้นสิเ้าคะ ข้ามาบอกวิธีที่ทำให้ท่านไม่ต้องตายเชียวนะ”
“คิดว่าข้าจะเชื่อเ้าหรือ? หากรู้ว่าจะมีวันนี้ ข้าคงจะบีบคอเ้าให้ตายไปนานแล้ว”
“เชื่อข้าเถิด วิธีนั้นก็คือท่านต้องพูดความจริงทั้งหมดออกมา” เวินซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เ้าหมายความเช่นไร?”
“ด้วยสติปัญญาของท่านคงคิดแผนการที่สมบูรณ์แบบมิได้หรอก” เวินซีรู้ดีว่าผู้ใดเป็คนก่อเื่ทั้งหมด
ฮูหยินใหญ่เวินจ้องมองนางด้วยความโกรธแค้นแต่มิได้พูดอันใด
“เวินเยียนอยากให้ท่านตาย ท่านยังจะช่วยนางปกปิดเื่ราวด้วยเหตุใดกัน? ั้แ่ที่มีประกาศออกมา นี่ก็ผ่านมากี่ชั่วยามแล้ว ระยะทางจากที่นี่ไปถึงจวนตระกูลเวิน แม้แต่การเดินเท้ายังสามารถไปกลับได้ตั้งหลายรอบ คิดสิว่าเหตุใดนางถึงไม่โผล่มา?”
“คงมิได้คิดจริงๆ หรอกใช่หรือไม่ว่าเวินเยียนจะมาช่วยท่านน่ะ?”
คำพูดของเวินซีแทงใจฮูหยินใหญ่เวินได้สำเร็จ นางล้มลงกับพื้นราวกับสูญเสียจิติญญา
“เป็ไปมิได้...ข้าเป็มารดาของนาง ไม่มีทางที่นางจะมิช่วยข้า...เป็ไปมิได้...พวกเ้าโกหกข้า เวินเยียนเป็เด็กดี นางจะไม่ช่วยข้าได้เช่นไร...”
ฮูหยินใหญ่เวินพูดพึมพำ
เมื่อเห็นนางเป็เช่นนี้เวินซีก็แย้มริมฝีปาก ลุกขึ้นเดินกลับไปในกลุ่มคน
ที่นางพูดเช่นนี้ มิได้หวังว่าฮูหยินใหญ่เวินจะชี้ตัวเวินเยียน จุดประสงค์ของนางคือหวังให้ฮูหยินใหญ่ทรมานไปจนตาย
ธูปมอดลงอย่างรวดเร็ว เ้าหน้าที่ที่ไปพาตัวเวินเยียนยังไม่กลับมา ท่านเ้าอำเภอจงใจยื้อเวลาให้ครู่หนึ่ง แต่หลังจากที่ไม่เห็นเงาของเวินเยียนเสียที จึงโยนหลิ่งเชียน [1] ลงบนพื้น
ศีรษะของฮูหยินใหญ่เวินถูกกดลงกับพื้น
สิ่งที่เวินซีเพิ่งพูดไปทำให้นางสิ้นหวังเป็อย่างยิ่ง นางปล่อยให้ผู้คุมเคลื่อนย้ายร่างของตนราวกับหุ่นเชิดไม้ มิได้ดิ้นรนใดๆ
ขณะนั้นมีดก็ถูกเหวี่ยงลงมาท่ามกลางความวุ่นวาย เมื่อการปะาจบแล้วทุกคนก็แยกย้ายไปอย่างพึงพอใจ
ร่างของฮูหยินใหญ่เวินถูกคลุมด้วยผ้าขาว เพราะไม่มีผู้ใดจากตระกูลเวินมา จึงไม่มีคนรับศพกลับ
ในที่สุดเ้าหน้าที่ที่ไปเชิญเวินเยียนก็กลับมา เขาสบตากับเ้าอำเภอพลันส่ายหน้าเล็กน้อย
ประตูจวนถูกปิดอย่างแ่า เขาเข้าไปมิได้ด้วยซ้ำ
“ไปกันเถิด” ท่านเ้าอำเภอถอนหายใจพลันออกคำสั่ง แล้วนำเ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินออกไป
ที่ปากทางตลาดเงียบลงอีกครา เวินซีเหลือบมองดูศพแล้วกลับออกไปพร้อมกับจ่างกุ้ย
“ผู้ใดจะคิดว่าฮูหยินใหญ่เวินที่จองหองมาทั้งชีวิตจะตกต่ำถึงกับไม่มีผู้ใดมารับศพนาง ช่างน่าสังเวชเสียจริง”
“คนตระกูลเวินโเี้อำมหิตกันหมด แต่ก็สมควรแล้ว ผู้ใดใช้ให้พวกเขาลอบฆ่าคุณหนูเวินซีกัน ตายไปเสียได้ก็ดีขอรับ”
จ่างกุ้ยพูดไปเรื่อย เวินซีมองดูเขาก็ยิ้มเบาๆ
ตอนที่กลับมาถึงร้านเครื่องหอม ฟ้าก็มืดสนิท บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอุ่นๆ ขณะนั้นจ้าวต้านรออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นนางเข้ามาก็รีบเดินไปหาทันที
“หิวหรือไม่? รีบมาทานข้าวเย็นเถิด กำลังร้อนๆ เลย เสร็จแล้วค่อยไปอาบน้ำพักผ่อน วันพรุ่งยังมีเื่ต้องทำอีก”
“อื้ม นั่งลงทานด้วนกันเถิด”
เวินซีนั่งลงที่โต๊ะ รีบทานข้าวให้เสร็จแล้วกลับไปที่ห้องเพื่อเก็บสัมภาระให้โจวอวี่ชางและเข้านอนทันที
นางมีลางสังหรณ์ว่าการส่งเขาออกไปพรุ่งนี้จะไม่มีทางราบรื่น
เชิงอรรถ
[1] หลิ่งเชียน 令签 หมายถึง ป้ายคำอาญาสิทธิ์ที่ถูกโยนลงพื้นเมื่อตัดสินลงโทษผู้กระทำความผิด