ขันทีลู่กล่าวจบลง สายตาเหลือบเห็นแจกันดอกไม้ที่ตกแตกอยู่บนพื้น จนต้องยกมือขึ้นลูบจมูก “ดูท่าข้าน้อยนำราชโองการมาที่นี่จะได้เวลาพอดี”
ขันทีลู่มองเห็นมู่อวิ๋นจิ่นกำราชโองการในมือไว้แน่น จากนั้นนางได้หันไปพูดกับมู่เซี่ยง “ครั้งนี้องค์ชายหกไปขอพระราชทานงานแต่งงานกับฝ่าาด้วยตนเอง นั่นหมายความว่าองค์ชายหกให้ความสำคัญมากเพียงใด”
“ดังนั้นภายในสองเดือนนี้ ขอให้มู่เซี่ยงกับฮูหยินดูแลคุณหนูสามเป็อย่างดี อย่าได้ให้เกิดเื่ไม่คาดฝันขึ้น ไม่ฉะนั้นทั้งสองท่านอาจรับผิดชอบเื่นี้ต่อฝ่าากับองค์ชายหกไม่ไหว”
ขันทีลู่กล่าวจบก็โค้งตัวทำความเคารพแล้วขอตัวกลับ
เมื่อเห็นขันทีลู่กลับไปแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขันทีคนนี้ไม่ธรรมดาเสียจริง คำพูดน้ำเสียงล้วนเปี่ยมด้วยการเตือนสติมู่เซี่ยงและซูปี้ชิง
ทางด้านมู่หลิงจูที่ได้ยินขันทีลู่ประกาศราชโองการในวินาทีนั้น ตัวนางก็สั่นสะเทิ้ม สีหน้าซีดเผือด พยายามฝืนกลั้นน้ำตาไม่ไม่ให้รินไหล ภายในหัวไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ตลอดแปดปีเต็มที่ผ่านมา นางหลงชอบฉู่ลี่มาโดยตลอด ทว่าบัดนี้ ฝ่าากลับพระราชทานงานแต่งไปแล้ว
ฉู่ลี่้าแต่งงานกับมู่อวิ๋นจิ่น!!!
นางพ่ายแพ้แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะพ่ายแพ้ให้กับมู่อวิ๋นจิ่น!!!
“จูเอ๋อร์” ซูปี้ชิงสังเกตเห็นความผิดปกติของมู่หลิงจู พลันกัดฟันเหลือบมองราชโองการอย่างจำใจ
เดิมทีคิดว่าวันนี้มู่อวิ๋นจิ่นต้องตายอย่างแน่นอน กลับนึกไม่ถึงว่าจะมีราชโองการพระราชทานงานแต่งงานลงมาช่วยเอาไว้
มู่เซี่ยงเงยหน้ามองราชโองการสีเหลืองทองด้วยสายตาที่สับสนทำตัวไม่ถูก
บัดนี้ฝ่าามีราชโองการลงมาย่อมหมายความว่าอีกไม่นาน อวิ๋นจิ่นจะได้เป็ส่วนหนึ่งของราชวงศ์ว นั่นแสดงว่าเขาไม่อาจล่วงเกินนางได้อีกต่อไป แต่เมื่อมาคิดถึงการาเ็ของอี้หยาง มู่เซี่ยงได้แต่กลืนน้ำลายอย่างจนปัญญา
นี่นับเป็ครั้งแรกในชีวิตของเขา ที่ต้องมากล้ำกลืนฝืนทนกลับความรู้สึกเช่นนี้!
มู่อวิ๋นจิ่นปรายตามองทั้งสามคนที่อยู่เบื้องหน้า หรี่ตาจ้องจับไปที่มู่เซี่ยง “ท่านพ่อไม่ได้คิดจะฆ่าข้าหรอกหรือ? ตอนนี้ลงมือได้แล้ว!”
มู่เซี่ยงชะงักงัน กล้ำกลืนเก็บความโมโหเอาไว้ภายในใจ ก่อนยกมือชี้หน้ามู่อวิ๋นจิ่น “ในเวลานี้นางปีศาจอย่างเ้า นับเป็ความซวยของจวนจริงๆ”
มู่อวิ๋นจิ่นรีบหัวเราะเยาะเย้ยออกมาด้วยความสาแก่ใจ ทว่าภายในใจของนางกลับพรั่งพรูความเสียใจกับสิ่งที่มู่เซี่ยงเอ่ยเช่นนั้น
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน ตลอดทั้งบ่ายไปจิบน้ำชาเป็เพื่อนองค์ชายหก รู้สึกอ่อนเพลียอยากพักผ่อนแล้ว” พูดจบลงมู่อวิ๋นจิ่นก็อ้าปากหาวฟอดใหญ่ เดินกลับไปที่เรือนมวลบุปผาของนาง
มู่อวิ๋นจิ่นกลับไปแล้ว มู่เซี่ยงอ่อนแอนั่งลงบนเก้าอี้ เอาแต่ขมวดคิ้วเข้าหากันและเอาแต่ถอนหายใจ
ซูปี้ชิงเห็นภาพเบื้องหน้าเช่นนั้น ทำได้เพียงกัดฟันกรอดๆ เอ่ยด้วยความลังเลใจ “อวิ๋นจิ่นพบหน้าองค์ชายหกเพียงไม่กี่ครั้ง ก็ไม่เห็นหัวท่านพี่แล้ว หากวันหน้าได้เป็มารดาแห่งใต้หล้า ถึงตอนนั้นจวนเซี่ยงของพวกเราคงจะ……”
ซูปี้ชิงพูดออกมายืดยาว จนไม่ไม่กล้าเอ่ยจนจบประโยค
มู่หลิงจูได้ยินได้ฟังที่ซูปี้ชิงเอ่ย พยายามจัดการอารมณ์ที่สับสนวุ่นวายให้สงบลง ส่งสายตาไปที่ซูปี้ชิง
นางเข้าใจสายตาที่มู่หลิงจูส่งมา จึงรีบทำความเคารพขอตัวกลับเรือน “ในเมื่อเื่ดำเนินมาถึงตรงนี้แล้ว คิดมากไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ท่านพี่กลับไปพักผ่อนเถิดเ้าค่ะ”
“อืม” มู่เซี่ยงใช้แรงไม่ไม่น้อยกว่าจะพยักหน้ารับ จากนั้นลุกขึ้นเดินกลับเรือนไป
พอมู่เซี่ยงกลับไปแล้ว ห้องโถงด้านหน้าเหลือเพียงซูปี้ชิงกับมู่หลิงจู มู่หลิงจูสายตาเปล่งแสงสว่างขึ้นมา “ท่านแม่ กว่าจะถึงพิธีวัยปิ่นปักผมก็อีกตั้งสองเดือน ท่านต้องช่วยคิดหาทางจัดการให้ลูกด้วย”
……
ทางด้านมู่อวิ๋นจิ่นที่เดินออกจากห้องโถงด้านหน้ากลับมาที่เรือนมวลบุปผา นางกางราชโองการออกแล้วฉีกตามด้วยโยนลงพื้นอย่างไม่แยแส
จื่อเซียงที่ยืนมองอยู่ถึงกับตาเบิกโพลงด้วยความใ รีบคุกเข่าลงรีบเอาราชโองการมาจัดเรียง “คุณหนูไม่อยากมีชีวิตอยู่หรือเ้าคะ แม้แต่ราชโองการของฝ่าายังกล้าฉีกอีก”
“ห๊ะ? พระราชทานงานแต่งงาน… กับองค์ชายหกหรือเ้าคะ???” จื่อเซียงมองราชโองการที่นำมาปะติดปะต่อด้วยความใ
จื่อเซียงนิ่งชะงักงันอยู่พักใหญ่ ก่อนเอ่ยด้วยแววตาที่ใ “คุณหนู นี่เป็ราชโองการพระราชทานงานแต่งงานระหว่าางคุณหนูกับองค์ชายหกเหรอเ้าคะ?”
มู่อวิ๋นจิ่นหรี่ตาลงจ้องเขม็งไปที่จื่อเซียง “ที่แท้เ้าอ่านหนังสือออก……”
“ยินดีกับคุณหนูด้วยเ้าคะ” จื่อเซียงเผยรอยยิ้มแห่งความดีใจ รีบย่อตัวแสดงความยินดีกับมู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นได้แต่กำมือแแ่ สะบัดหน้าเดินเข้าไปในห้อง แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงอ่อนนุ่ม
หากมู่อวิ๋นจิ่นจะโทษก็ได้แต่ต้องโทษปากตัวเองที่พล่อยไป ดันไปเอ่ยถึงไอ้คนมองไม่เห็นในที่มืดอย่างฉู่ลี่!!!
คราวนี้มันกลับมาสร้างเื่ลำบากใจให้นางแล้ว อีกทั้งฉู่ลี่เองก็หุนหันพลันแล่น ไม่ไม่ยอมให้คลายความโกรธลงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเชียว!
มู่อวิ๋นจิ่นคิดเื่นี้วนไปเวียนมา ก็ทำได้เพียงถอนหายใจอยู่อย่างนั้น
……
ในเช้าวันถัดมา มู่อวิ๋นจิ่นที่หลับใหลอยู่บนเตียงรู้สึกตัวขึ้นมา จากเสียงนกร้องที่ปลุกให้ตื่นขึ้น เมื่อลืมตาขึ้นมากลับได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของจื่อเซียงจากนอกห้อง
ทันทีที่ได้ยินเสียงนกร้อง มู่อวิ๋นจิ่นรีบพรวดลุกขึ้นจากเตียงทันใด คว้ารองเท้าขึ้นมาสวมแล้วเปิดประตูไปข้างนอก
มู่อวิ๋นจิ่นเปิดประตูออกมาเห็นติงเซี่ยนกับจื่อเซียงยืนอยู่กลางลาน ในมือจื่อเซียงถือกรงที่มีนกอยู่ในนั้นแปดตัว
ทันทีที่เห็นกรงนก มู่อวิ๋นจิ่นกลับจับจ้องหรี่ตามองให้ชัดเจน
ติงเซี่ยนเห็นมู่อวิ๋นจิ่นเปิดประตูรีบวิ่งเข้าไปทำความเคารพ “คุณหนูสาม นกทั้งแปดตัวนี้องค์ชายหกให้ข้าน้อยนำมาให้ขอรับ”
“ฉู่ลี่ให้เ้าเอามา?” มู่อวิ๋นจิ่นไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่ฉู่ลี่กระทำเช่นนี้
“เมื่อคืนนี้องค์ชายหกทำร้ายนกเ่าั้โดยไม่ตั้งใจ หลังจากกลับวังไปแล้วนึกขึ้นได้ว่าคุณหนูสามใช้ชีวิตในจวนอย่างเบื่อหน่าย จึงให้ข้าน้อยนำนกมาให้ขอรับ” ติงเซี่ยนอธิบาย
มู่อวิ๋นจิ่นลมออกหูขึ้นมาทันที เมื่อวานนี้ฉู่ลี่ทำให้นกนางตายไปหลายตัว แต่วันนี้ดันกลับเอานกมาให้ หรือว่าจิตใจของเขาตั้งใจให้นางอยู่ไม่เป็สุข?
ในระหว่างนั้นติงเซี่ยนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ รีบควักตั๋วเงินออกจากแขนเสื้อสามแผ่นส่งให้มู่อวิ๋นจิ่น “วันนี้เป็วันที่สามแล้ว นี่เป็ตั๋วเงินสามหมื่นตำลึงทอง คุณหนูสามสามารถนำไปแลกที่ร้านแลกเงินเฟยเฮ่อนอกเมืองได้เลยขอรับ”
สายตาของนางจ้องจับไปที่ตั๋วเงินในมือติงเซี่ยน พร้อมครุ่นคิดในใจว่าหากรับตั๋วเงินทั้งสามใบมาแล้ว หยกชิ้นนั้นของนางก็จะกลายเป็ของฉู่ลี่ไป
แต่หากไม่รับมา หยกชิ้นนั้นที่อยู่ในมือฉู่ลี่ย่อมไม่มีทางคืนให้นางโดยง่ายดาย
ชั่วพริบตาเดียว มู่อวิ๋นจิ่นอกมือกอดอกพลางเอ่ยขึ้นว่า “ตั๋วเงินพวกนี้ ข้า้าให้ฉู่ลี่นำมาให้ด้วยตนเอง”
“ขอรับคุณหนูสาม” ติงเซี่ยนไม่ได้เอ่ยอะไรให้ยืดยาว เพราะตลอดหลายวันมานี้ที่อยู่ร่วมกับมู่อวิ๋นจิ่น เขารู้ได้ว่านางไม่ยอมใครทั้งนั้น จึงทำได้เพียงยอมรับในข้อเสนอของนาง
เมื่อติงเซี่ยนเดินออกจากห้องไปแล้ว จื่อเซียงหยิบกรงนกในมือขึ้นมาอย่างชอบใจ “คุณหนู องค์ชายหกช่างเอาใจใส่เหลือเกิน ยังส่งกรงนกมาให้คุณหนูคลายความเบื่อหน่ายเ้าค่ะ”
“นกเหล่านี้ไม่ได้ให้เพื่อแก้ความเบื่อหน่ายหรอก เห็นชัดๆ ว่านี่เป็การเตือนสติข้า” มู่อวิ๋นจิ่นถอนหายใจเดินกลับเข้าไปในห้อง
จื่อเซียงแอบงงงวยขึ้นมา นำกรงนกไปแขวนไว้ที่กิ่งไม้ จากนั้นเดินตามมู่อวิ๋นจิ่นเข้าไปในห้อง
“ตามหลักแล้วคุณหนูแต่งกับองค์ชายนับเป็เื่ที่น่ายินดี เหตุใดบ่าวรู้สึกว่าคุณหนูไม่มีความสุขเอาเสียเลยละเ้าคะ?” จื่อเซียงมองไปยังมู่อวิ๋นจิ่นที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จึงเดินไปหยิบหวีมาช่วยสางผมให้นาง
มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มมุมปาก เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “การหลุดพ้นจากจวนแห่งนี้นับเป็เื่ที่ดี ทว่าการแต่งเข้าราชวงศ์นั้นไม่แน่ว่าจะเป็เื่ดีเสมอไป”
“ที่คุณหนูกล่าวมาก็ถือว่าถูกต้อง องค์ชายหกในตอนนี้มีสิทธิ์ที่อาจถูกแต่งตั้งเป็องค์รัชทายาท ว่าที่ฝ่าาในอนาคต ถึงตอนนั้นคุณหนูจะได้เป็มารดาแห่งใต้หล้า ถึงตอนนั้นเื่ที่ต้องมากังวลใจคงมีมากกับมาก เอาแค่วังหลังก็ล้วนเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน……” จื่อเซียงพูดมายืดยาว ทำให้มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกว่ามีเหตุมีผลไม่น้อย
เมื่อนั่งฟังจื่อเซียงมาเอ่ยยืดยาว มู่อวิ๋นจิ่นไม่อาจกลั้นหัวเราะไว้ได้ นางเป็คนรักอิสระเสรี วังหลวงเป็ดั่งกรงกักขังคงไม่เหมาะกับนางแน่นอน
เมื่อแต่งตัวเกล้าผมเป็ที่เรียบร้อย หน้าประตูห้องมีเสียงเคาะประตูเรือนด้านหน้าดังขึ้น
จื่อเซียงรีบเดินไปเปิดประตูใหญ่ออก พบป้าหลี่มายืนอยู่
“ที่แท้ก็ป้าหลี่นี่เอง” จื่อเซียงแอบใเล็กน้อยที่เห็นป้าหลี่มา จึงรีบถามขึ้นว่า “ป้าหลี่มาที่นี่มีเื่อันใดกัน?”
ป้าหลี่เชิดหน้ามองจื่อเซียงอย่างไว้ตัว แล้วยกมือผลักนางจนต้องผงะถอยหลังไป
จังหวะนั้นมู่อวิ๋นจิ่นเดินออกจากประตูห้องมาพอดี เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงหัวเราะขึ้นมา “ลมที่ไหนพัดป้าหลี่มาที่นี่ได้?”
“บ่าวรับคำสั่งจากฮูหยินใหญ่มาสอนเื่กฎระเบียบและมารยาทพื้นฐานให้กับคุณหนูสาม ก่อนที่จะแต่งงานออกจวนไปเ้าค่ะ” ป้าหลี่ตอบ
พอได้ยินว่าซูปี้ชิงสั่งให้ป้าหลี่มาที่นี่ มู่อวิ๋นจิ่นพลันทราบได้ทันทีว่าต้องมีแผนชั่วแอบแฝงเป็แน่ ดังนั้นนางเลยหัวเราะขึ้นมา “ในเมื่อป้าหลี่มาสอนกฎระเบียบและมารยาทให้กับข้า เหตุใดไม่เห็นเ้าทำความเคารพข้าเลยละ?”
“ไม่ว่าอย่างไร เ้าเรียกข้าว่าคุณหนูสามแล้ว ข้ายังเป็เ้าของเรือนมวลบุปผาและเป็นายหญิงของเ้าอีก” กล่าวจบแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นรีบหันไปบอกจื่อเซียง “ไปยกเก้าอี้มาให้ข้าที”
“เ้าค่ะคุณหนู” จื่อเซียงรีบวิ่งไปหาที่ห้องด้านข้างยกมาให้
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งเก้าอี้ลงแล้วก็อ้าปากหาวฟอดใหญ่ ยกขาขึ้นมาไขว้กัน มองป้าหลี่ด้วยสายตาสบายๆ “เอาล่ะ ป้าหลี่ทำความเคารพข้าได้เลย”
ป้าหลี่เห็นเช่นนั้น คิดในใจขึ้นว่าคุณหนูชั่วคนนี้มาแปลกกว่าทุกวัน ปกติเมื่อเห็นนางก็รีบหลบ แต่วันนี้ช่างกล้าให้นางทำความเคารพ
ก่อนที่เดินทางมาที่นี่ ซูปี้ชิงกำชับกำชาป้าหลี่ให้ทำตามแผน ป้าหลี่จึงทำได้เพียงกัดฟันกรอดๆ ฝืนใจย่อตัวทำความเคารพ “คารวะคุณหนูสามเ้าค่ะ”
“ห๊ะ? นี่ทำความเคารพแล้วเหรอ?” มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย “ไม่ถูก ไม่ใช่แบบนี้ ครั้งก่อนเ้าทำความเคารพน้องสี่ของข้า ไม่ใช่ทำแบบนี้นี่หน่า”
มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยเปรียบเทียบขึ้นมา “ป้าหลี่ ตอนทำความเคารพน้องสี่โค้งคำนับมากกว่านี้นี่หน่า!”
ป้าหลี่เหลือบเห็นมู่อวิ๋นจิ่นยกมือวางที่หน้าตัก พลันทราบได้ทันทีว่าถูกนางเ้าเล่ห์มู่อวิ๋นจิ่นเล่นงานเข้าแล้ว
ทว่าในเวลานี้ นางกลับไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่มู่อวิ๋นจิ่นสั่งได้
ทันใดนั้นป้าหลี่หลับตาปี๋ พรวดคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมโค้งคำนับมู่อวิ๋นจิ่นอย่างจำใจ “บ่าวคารวะคุณหนูสามเ้าค่ะ”
เมื่อเห็นเช่นนั้นมู่อวิ๋นจิ่นร้องด้วยความตระหนก “ป้าหลี่เป็คนเก่าคนแก่ในจวน ทำความเคารพเต็มรูปแบบเช่นนี้ อวิ๋นจิ่นคงรับไว้ไม่ได้หรอก”
“จื่อเซียงยังไม่รีบเข้าไปประคองป้าหลี่ขึ้นมาอีก!”