แต่ไหนแต่ไรมาล้วนเป็นางที่กำลังวางแผนต่อผู้อื่น
ทว่าในตอนนี้กลับเป็นางที่ถูกคนอื่นตลบหลัง
ช่างเถิดผู้ใดให้นางทำลูกชายหาย ตอนนี้ถูกคนตลบหลังก็ตลบไปเถิด
“ห้าร้อยก็ห้าร้อย”เฉินเนี้ยนหรานร้องเหอะออกมาเบาๆ อย่างปวดใจ
“ไม่ใช่สิหนึ่งปีก็หนึ่งพันตำลึง นับลูกศิษย์ข้าด้วย และเซียนเด็กนั่นก็นับ อ้อ หากจะนับให้ถูกแล้วพวกเราสามคนต้องหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง”เซียนซือกลับเอ่ยปากออกมาอีกครั้งอย่างไร้น้ำใจ
เฉินเนี้ยนหรานหงุดหงิดจนแทบกระอักเื
“ลูกชายของข้าเหตุใดถึงกลายเป็ตัวนับรายได้ของท่านด้วย?”
“เขาเป็ศิษย์ของข้าดูเหมือนว่าข้าจะต้องหาแม่นมคนใหม่เสียแล้ว” เซียนซือโกรธมากทั้งยังหรี่ตามองขู่ไปที่นาง
“ก็ได้หนึ่งพันห้า…ก็หนึ่งพันห้า” เฉินเนี้ยนหรานประนีประนอมอีกครั้งเซียนซือน่ารังเกียจคนนี้
ควรจะเปลี่ยนชื่อเป็มารละโมบทรัพย์
“ในหนึ่งปีนี้มีบางครั้งที่ข้าไม่แน่ว่าจะมีเงินมากเช่นนั้น ตอนที่ไม่ได้ใช้เงินก็เก็บเงินเอาไว้ก่อน”
เฉินเนี้ยนหรานพยักหน้าแต่ยังอดที่จะถามออกมาอีกประโยคไม่ได้
“ท่านเซียนซือชอบเงินถึงเพียงนี้ไม่ทราบว่าเพราะต้องหาอาจารย์หญิงให้กับเหล่าลูกศิษย์ใช่หรือไม่เ้าคะ”
“พรืด…”ลูกศิษย์ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
เซียนซือกลับถลึงตาใส่นางด้วยความโกรธ“เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า อย่าได้พูดจาไร้สาระ นี่ถือเป็เื่สำคัญข้อหนึ่ง”
เฉินเนี้ยนหรานตัวสั่นนี่นางจ้างเซียนซือหรือจ้างคุณชายกันแน่
เป็อีกครั้งที่นางเริ่มสงสัยอยู่เล็กน้อยว่าบุรุษที่มีภาพลักษณ์ภายนอกไม่น่าเชื่อถือเห็นแก่ได้คนนี้ เขามีค่าพอให้นางลงทุนด้วยหรือไม่!
สุดท้ายหลังจากลงนามสัญญาที่ไม่ยุติธรรมฉบับนี้แล้ว เซียนซือจึงรับปากคำขอร้องของเฉินเนี้ยนหราน
ให้นางเป็คนดูแลทุกอย่างของเซียนเด็ก
ที่เป็คนดูแลทุกอย่างเพราะหลังจากนี้ไปนางจะต้องเป็คนดูแลเด็กคนนี้
เซียนซือเช่นเขาไม่มีอารมณ์ที่จะดูแลเด็กอ่อนหรอกนะ
หลังจากทายาแล้วเสี่ยวถวนถวนก็อารมณ์ดีมาก
ขณะที่เซียนซือบางคนจะพรมหยาดน้ำค้างให้เขาดวงตาของเด็กน้อยก็แวววาวเป็พิเศษ
แขนของเด็กน้อยสะบัดไปมาจ้องจี้หยกของเซียนซือไม่ละสายตา
“ท่านอาจารย์ศิษย์น้องดูท่าจะชอบจี้หยกของท่านมาก เหตุใดเขาถึงได้รู้ดีเช่นนี้แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าบนตัวของท่านมีเพียงจี้หยกที่มีค่าถึงสองตำลึง”
เสี่ยวถวนถวนถือจี้หยกยัดเข้าไปในปากเมื่อเห็นบนจี้หยกเต็มไปด้วยน้ำลาย เซียนซือขมวดคิ้ว
“ช่างเถิดหากเ้าชอบเ้านี่ ข้าให้เ้าก็แล้วกัน”
เฉินเนี้ยนหรานต่อว่าในใจมารดาเถิด เ้าเห็นลูกชายของข้าพ่นน้ำลายใส่ก็ไม่เอาแล้ว
กลับเป็ลูกศิษย์คนนั้นที่มองถวนถวนด้วยสายตาอิจฉา
“ท่านอาจารย์ท่านลำเอียงเกินไปแล้ว ข้าขอตั้งหลายครั้งท่านก็ไม่ให้ข้าศิษย์น้องพอเข้ามาเป็ศิษย์ไม่ทันไรท่านก็ให้แล้ว”
เซียนซือตอกกลับเขาอย่างไม่เกรงใจ“เ้าเทียบกับเด็กคนนี้ได้หรือ? เขาเป็คนที่มีชะตาต้องกันกับเซียนแล้ว เ้าเล่าเ้าเล่า?”
หน้าผากของลูกศิษย์ถูกตบดังป้าบๆจนคนถูกตีร้องโวยวายไม่หยุด
เฉินเนี้ยนหรานไม่สนใจสองอาจารย์ศิษย์จอมเพี้ยนแล้วหันมาสนใจแค่ใส่เสื้อผ้าให้กับถวนถวนก่อนจะอุ้มเด็กชายที่ไม่ได้เจอกันนานขึ้นมาหอมไม่หยุด
ช่วยไม่ได้่เวลาที่อยู่กับลูกชายน้อยเกินไป
“ท่านเซียนซือฮูหยินผู้เฒ่าของข้ามาสอบถามว่าเสร็จหรือยังเ้าคะ?”
ด้านนอกมีเสียงสอบถามของฝูเอ๋อร์ดังเข้ามา
คำถามนี้นั่นหมายความว่าจะต้องแยกกับลูกแล้ว
เฉินเนี้ยนหรานกระชับลูกชายในอ้อมกอดแน่นคิ้วเรียวเลิกขึ้น
นางไม่อยากแยกจากลูกชาย
“แค่เวลาไม่กี่วันจะได้เจอกับเซียนเด็กของข้าอีกครั้งเพียงแค่ต้องแยกจากเพียงครู่เดียว สายตานั้น จะต้องมองให้กว้างไกลสักหน่อยถึงจะดี”
โม่เต้าจื่อพูดประโยคที่หาได้ยากเช่นนี้ออกมา
ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับลูกศิษย์ซึ่งอีกคนก็กระแอมก่อนจะตอบ
“เสร็จแล้ว”
ถึงแม้ไม่อยากแยกจากแต่ที่เซียนซือพูดก็ถูก
แม้เฉินเนี้ยนหรานจะเ็ปมากแต่ยังพยายามควบคุมตนเอง แล้วอุ้มถวนถวนเดินไปด้านนอกประตู
ลูกศิษย์อยากจะเข้าไปรับแต่กลับถูกนางรั้นจะอุ้ม
แม้เป็การพบกันเพียงหนึ่งนาทีนางก็ยอม
ตอนที่ส่งเด็กไปในอ้อมกอดของฝูเอ๋อร์นางเห็นฝูเอ๋อร์จับชายผ้าห่มมาเหน็บเข้าไปข้างใน
เพียงแค่รายละเอียดเดียวกลับทำให้เฉินเนี้ยนหรานวางใจลงได้บ้างเล็กน้อย
จากท่าทางของสาวใช้คนนี้ก็มองออกได้ไม่ยากว่านางดูแลถวนถวนอย่างดีจริงๆ
เพียงแค่แยกจากกันไม่กี่วันก็จะได้พบกับลูกชายอีกครั้ง…
“ถวนถวนเมื่อตอนที่ลูกกลับมาอยู่ข้างกายแม่อีกครั้ง แม่ไม่มีทางให้ผู้ใดแย่งลูกไปอีก”
นางแอบสาบานกับตนเองมองเงาดำไกลๆ กำลังโบกมือมาทางตนเอง เฉินเนี้ยนหรานหมุนตัวกลับมาหลังจากที่เห็นโม่เต้าจื่อกลับสู่ภาพลักษณ์เทพเซียน นางก็ทำความเคารพ ก่อนจะสาวเท้ายาวๆเดินออกไป
คิ้วเรียวยาวของโม่เต้าจื่อเลิกขึ้นลูบคางตนเอง “เอ๋ เสน่ห์ของข้าไร้ผลหรือนี่”
ลูกศิษย์ชิงเฟิงที่ได้ยินแล้วอยากจะดวลสักทีท่านอาจารย์อย่าหลงตนเองเพียงนั้นได้หรือไม่
สำหรับฮูหยินผู้เฒ่าแล้วท่านเซียนซือเป็คนที่นางให้ความเคารพมาก
เมื่อเห็นถวนถวนกลับมาอย่างปลอดภัยนางจึงถอนหายใจออกมา
ในขณะนั้นก็เห็นโม่เต้าจื่อกับชิงเฟิงปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน
ฮูหยินผู้เฒ่านั้นในยามปกติก็หลงใหลท่านเซียนมากอยู่แล้ว
ตอนนี้เมื่อเห็นท่านเซียนซือมาปรากฏตัวด้วยตนเองย่อมรีบรุดเข้าไปทำความเคารพ
หากเฉินเนี้ยนหรานอยู่ตรงนี้จะพบว่าความนิยมของเซียนซือบางคนโด่งดังมากกว่าปกติ
แม้แต่สตรีร่ำรวยเช่นฮูหยินผู้เฒ่ายังทำความเคารพต่อโม่เต้าจื่อ
แต่ฝ่ายที่ถูกทำความเคารพเพียงแค่พยักหน้าให้“ฮูหยินผู้เฒ่านั่งเถิด”
ก่อนที่ตัวเขาจะไปนั่งตำแหน่งผู้นำทางด้านซ้ายเอง
โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของโม่เต้าจื่อ
กลับกันสำหรับท่าทางวางอำนาจของเขา ทุกคนต่างรู้สึกว่านี่สิถึงจะเป็ภาพลักษณ์ไม่เชื่อฟังผู้ใดอย่างที่เซียนซือควรจะมี
ฮูหยินผู้เฒ่าค้อมกายลงแย้มยิ้มประจบเดินเข้าไปใกล้
โดยสอบถามถึงเคล็ดลับอายุยืน
ซึ่งอารมณ์ของโม่เต้าจื่อถือว่าดีมากแม้จะเป็คำถามง่ายๆ แต่ยังสามารถตอบกลับไปได้
ในเวลานั้นฮูหยินผู้เฒ่ากลับดีใจมาก
สิ่งที่นางถามในวันนี้ส่วนมากล้วนเกี่ยวกับโรคที่มักจะเจอบ่อยๆ กับคนชรา รวมถึงวิธีการรักษา
ซึ่งโม่เต้าจื่อเองก็สามารถตอบกลับไปได้
ดังนั้นความประทับใจของทุกคนตรงนั้นที่มีต่อความเป็เซียนของโม่เต้าจื่อจึงยิ่งลึกซึ้งขึ้น
ก่อนจากกันฮูหยินผู้เฒ่าดีใจมาก ถอดแหวนที่ตนเองใส่ติดตัวมาหลายสิบปีขอให้เขารับไป
ภายใต้การโน้มน้าวโม่เต้าจื่อจึงฝืนรับมา
ฮูหยินผู้เฒ่าดีใจจนเนื้อเต้น
“วันนี้ข้าอารมณ์ดีมากมองทุกคนระรื่นตา สู้สนทนาเผื่อแผ่ความเป็เซียนต่อ ชิงเฟิงเอาเซียนลู่มาตบรางวัล”
เมื่อได้ยินว่าจะตบรางวัลด้วยเซียนลู่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างพาดีใจ
จะต้องรู้ว่าเซียนลู่ของเซียนซือโม่เต้าจื่อนั้นเป็ของขวัญของเซียนที่มีประสิทธิภาพที่สุด
เซียนลู่นั้นหากคนที่ไม่ได้เจ็บป่วยดื่มเข้าไปจะสามารถทำให้ผิวพรรณดี
หากคนที่ไม่สบายหลังจากดื่มเข้าไปแล้วทั้งร่างจะรู้สึกสบาย
แม้จะไม่สามารถรักษาโรคได้ทั้งหมดแต่ยังสามารถลบล้างความเ็ปของคนได้
จะมีคนที่มีชะตาต้องกันกับเซียนหลังจากดื่มเซียนลู่ จะสามารถลบล้างโรคภัยต่างๆ ได้หมดสิ้น
แน่นอนว่ามนตร์วิเศษที่สามารถลบล้างอาการเจ็บป่วยจนหมดสิ้นจะต้องดูว่ามีชะตาตรงกับเซียนหรือไม่ถึงจะได้
ในบรรดาผู้คนมากมายเหล่านี้ในด้านชะตาต้องเซียนนั้นไม่มีผู้ใดมีเลย…
มีคำพูดเกี่ยวกับเซียนลู่ของโม่เต้าจื่อว่ามีประสิทธิภาพ ซึ่งทุกคนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ
่นี้ฮูหยินผู้เฒ่าดูแลถวนถวนจนร่างกายจิตใจทรุดโทรมหากตอนนี้ได้เซียนลู่มาบำรุง…
ตอนที่ชิงเฟิงเอาเซียนลู่ถ้วยเล็กมาปรากฏตรงหน้าทุกคนฮูหยินผู้เฒ่าค่อยๆ หยิบขึ้นมาดื่มด้วยความตื่นเต้น
ไม่รู้ว่าเป็เพราะผลทางจิตใจหรือเซียนลู่มีประสิทธิภาพจริง
หลังจากฮูหยินผู้เฒ่าดื่มเข้าไปแล้วก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างเบาสบาย
แม้แต่สายตาก็รู้สึกว่าสามารถมองได้ไกลขึ้นมาเล็กน้อย
“หยาฮูหยินผู้เฒ่าท่านดูเยาว์วัยขึ้นนะเ้าคะ” ฝูเอ๋อร์ร้องออกมาด้วยความใ
“ฮูหยินหลินงามขึ้นนะเ้าคะ”คนของจวนหลินก็ร้องเสียงแหลมออกมา
ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปทางฮูหยินหลินแน่นอน แค่รู้สึกว่าฮูหยินคนนี้หลังจากดื่มเซียนลู่เข้าไปแล้ว ทั้งร่างล้วนเปลี่ยนมาเยาว์วัยขึ้นงามขึ้น
ดวงตากลมโตที่เดิมทีก็แวววาวตอนนี้ราวกับสามารถพูดได้
ใบหน้าที่แต่ก่อนยังมีความหมองคล้ำอยู่เล็กน้อยในตอนนี้กลับสดใสราวดอกเถาเดือนสาม
มองประสิทธิภาพของเซียนลู่ที่ปรากฏขึ้นจริงตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่าจึงยิ่งเชื่อมั่นในตัวของเซียนมากขึ้น
อีกทั้งสกุลโจวของพวกนางมีความเกี่ยวข้องกับเซียนไม่น้อย
เพราะเหตุนี้ท่าทีของฮูหยินผู้เฒ่าที่มีต่อโม่เต้าจื่อ จึงยิ่งเพิ่มความนับถือมากขึ้น
ตอนนั้นเองที่สายตาของโม่เต้าจื่อมองไปทางถวนถวน แล้วถอนหายใจเสียงดัง
เสียงถอนหายใจนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าใมาก
“ไม่ทราบว่าเหลนของข้าอาการหนักมากหรือเ้าคะเหตุใดยามนี้ท่านเซียนซือถึงได้ถอนหายใจออกมาเช่นนี้?”
สายตาของโม่เต้าจื่อปรายมองคนรอบๆท่าทางเหมือนอยากจะพูดแต่ไม่ได้พูด
ฮูหยินหลินที่อยู่ด้านข้างมีหรือจะมองไม่ออกว่าเขาไม่้าพูดต่อหน้าคนอื่นๆ
ดังนั้นฮูหยินหลินจึงลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวลากับฮูหยินผู้เฒ่าและโม่เต้าจื่อ
“ที่จวนของข้ายังมีเื่ด่วนจำเป็ต้องไปจัดการตอนนี้ หวังว่าฮูหยินผู้เฒ่ากับเซียนซือโม่จะไม่ตำหนิ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ฉลาดมีหรือจะไม่รู้ว่าโม่เต้าจื่ออยากจะพูดเื่ถวนถวนกับตน
นางส่งยิ้มไปให้ฮูหยินหลิน“ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร เื่ที่จวนเร่งด่วนมาก ฮูหยินหลินไม่ต้องสนใจข้า”
เมื่อฮูหยินหลินจากไปแล้วจึงเป็พวกฝูเอ๋อร์ที่กล่าวลาตามไป
ทั้งห้องรับแขกจึงเหลือเพียงฮูหยินผู้เฒ่ากับโม่เต้าจื่อสองคน
“รบกวนท่านเซียนซือพูดความจริงมาเถิดเ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่าขอร้องด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง
“เฮ้อเด็กคนนี้ น่าสงสารจริงๆ ” โม่เต้าจื่อถอนหายใจออกมา ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าใมากพอสมควร
“ขออนุญาตถามท่านเซียนซือเหลนของข้าคนนี้ป่วยหนักหรือเ้าคะ?”
“พูดตามความจริงแบบไม่ปิดบังเลยนะเหลนของเ้าเมื่อเติบใหญ่จะนกเขาไม่ขัน”
ลูกประคำในมือของฮูหยินผู้เฒ่าแตกกระจายทันที
นางเบิกตากว้างหายใจรัวเร็ว ลูกประคำกระจายอยู่เต็มพื้น
ชิงเฟิงที่เห็นท่าทางใของหญิงชราจนชินจึงก้าวเดินมาข้างหน้า แล้วเขย่าผงใหญ่ตรงหน้าของนาง
ในวินาทีที่กลิ่นหอมเย็นลอยเข้ามาฮูหยินผู้เฒ่าจึงค่อยได้สติกลับมา
นางมองไปทางโม่เต้าจื่อด้วยความเสียใจ“จริงหรือเ้าคะ?”
โม่เต้าจื่อพยักหน้าหนักแน่น
“สมควรตายเ้าคนพวกนั้น กล้ารวมหัวมาหลอกข้า”
นางจำได้ว่าท่านหมอกับเหล่าสาวใช้ต่างพูดว่าถวนถวนไม่มีทางเป็อะไร
ทว่านางยอมเชื่อคำพูดของโม่เต้าจื่อมากกว่าเชื่อคำพูดของสาวใช้และท่านหมอ
