เย่เช่อกล่าวว่า “ใน่ที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในวัง คนของข้ารายงานว่าพบคนที่อาจเป็ประมุขตระกูลมู่ในย่านใจกลางเมือง”
เขากล่าวพลางขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังกังวล
ซูเจินรู้เื่นี้อยู่แล้วแต่ไม่สามารถบอกเย่เช่อได้ อย่างไรเสียอ๋องอวิ๋นเมิ่งคนก่อนก็ให้ความช่วยเหลือตระกูลซูไว้มาก แม้ว่าตนและเย่เช่อจะเป็เพื่อนและพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันเป็อย่างยิ่ง แต่เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งที่จะถูกเรียกว่าเป็การเนรคุณได้ ตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายจนถึงที่สุด เขาจะไม่เปิดเผยอะไรออกมาอย่างแน่นอน
เย่เช่อกล่าวต่อว่า “สายข่าวของข้าบอกว่าตอนนั้นเหวินฮวาหนีไปพร้อมกับคนตระกูลมู่ เ้ารู้หรือไม่ว่าตระกูลมู่มีความสัมพันธ์แบบใดกับเหวินฮวา?”
ซูเจินกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้าไม่รู้เื่นี้จริงๆ เ้าต้องรู้ด้วยว่าวิธีการของประมุขตระกูลมู่นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าวิธีการของข้า แทบจะเป็ไปไม่ได้เลยที่จะหาข่าวเกี่ยวกับนาง ข่าวที่เราหาได้เป็เพียงข่าวทั่วไปที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว มันจึงไม่มีประโยชน์ใดๆ”
หลังจากที่เย่เช่อได้ฟังเช่นนั้นเขาก็เงียบไป
ทั้งสองดื่มชาในความเงียบโดยไม่ได้กล่าวอะไร
เมื่อชาเย็นลง เย่เช่อก็กล่าวว่า “อาเจิน บอกข้าทีว่าปี้เหยียนและเหวินฮวาเป็คนคนเดียวกันหรือไม่?”
เย่เช่อถามเบาๆ ดวงตาของเขาอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว
ซูเจินหัวเราะและวางถ้วยชาลง หลังจากหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เ้าจะบอกว่าหญิงงามทุกคนในโลกคือองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์ก่อนไม่ได้"
จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “เย่เช่อ แม้ว่าข้าจะไม่เคยพบองค์หญิงเหวินฮวามาก่อน แต่องค์หญิงที่เติบโตมาในตำหนักทองคำแห่งอวิ๋นเมิ่งย่อมมีสถานะสูงส่งมาก แล้วนางจะมาอยู่ในสถานที่อย่างหอจุ้ยฮวนได้อย่างไร? ตอนที่ราชวงศ์ก่อนล่มสลาย โจวกุ้ยเฟยยังหนีออกจากพระราชวังมาได้ นับประสาอะไรกับองค์หญิงใหญ่ที่มีหน่วยองครักษ์ลับอย่างชางอู๋หลิงอยู่ในมือ? แต่จากข่าวซุบซิบที่ข้าได้รับรู้มา ว่ากันว่าโจวกุ้ยเฟยสังหารฮ่องเต้และองค์หญิงใหญ่ในวันนั้น เอาล่ะ เ้าไม่ต้องคิดถึงอดีตแล้ว เ้ากับปี้เหยียนสามารถมีชีวิตที่ดีได้ ส่วนข้าจะทำสิ่งที่ข้าควรทำ ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อสนับสนุนเ้า”
หลังจากที่เย่เช่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็ทอประกายลึกล้ำ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็กล่าวว่า “ไม่ว่าเ้าจะใช้วิธีใด ข้าหวังว่าปี้เหยียนจะไม่ได้รับชัยชนะในพิธีประชันสาวงาม”
ซูเจินยิ้ม “เื่นี้ง่ายนิดเดียว สาวๆ ในหอจุ้ยฮวนล้วนเป็คนรู้จักของข้า จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร เ้าวางใจได้และเดินทางไปที่อวิ๋นเมิ่งโดยไร้กังวลเถิด”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ เย่เช่อก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาก็ถามขึ้นว่า “ผู้ว่าการซูเป็อย่างไรบ้าง?”
ใบหน้าของซูเจินมืดลง เขากล่าวว่า “ชายผู้มั่งคั่งคนนั้นน่ะหรือ? ไม่ช้าก็เร็วตระกูลซูต้องถูกทำลายแน่! ข้าได้ยินมาว่าเขาแก่ชราแล้ว แต่กลับเลี้ยงดูเหล่านางบำเรออยู่ข้างนอก มารดาผู้น่าสงสารของข้าช่างจากไปเร็วเหลือเกิน”
เย่เช่อกล่าวเสียงต่ำว่า “อันที่จริงใต้เท้าเสิ่นบอกข้าหลายครั้งแล้วว่า้าให้ข้าพาเ้ากลับเมืองอวิ๋นเมิ่ง เ้าคิดเห็นอย่างไร?”
ท่าทีซูเจินกลับมาเป็ปกติ เขากล่าวว่า “คงต้องรอไปก่อน ตอนนี้รากฐานของเ้ายังไม่มั่นคง อีกทั้งเ้ายังไม่ได้แต่งงานและเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็อ๋อง ถ้าเย่เหยียนมีอำนาจมากกว่า เ้าจะเป็คนอย่างที่เ้า้าได้หรือ?”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ เย่เช่อก็หัวเราะเสียงดัง “ข้าเข้าใจว่าเ้าพูดถึงอะไร เมื่อถึงเวลาดื่มสุรามงคลในงานแต่งข้า เ้าจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก”
ซูเจินหัวเราะและกล่าวว่า “ไม่เป็ไร แต่เ้าต้องรออีกหน่อย ข้าอยู่กับเ้ามานานแล้ว ถ้าในอนาคตเ้ามีปี้เหยียนอยู่เคียงข้าง เ้าจะได้พบเจอกับ่เวลาที่น่าตื่นเต้นจนลืมสหายเลยเชียวล่ะ ข้ากับปรมาจารย์จากสำนักชิงซานเคยมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน ข้าจึงสามารถฝากฝังปี้เหยียนได้ การมีวรยุทธ์ติดตัวย่อมส่งผลดีต่อนาง”
เย่เช่อกล่าวว่า “ในเมื่อเ้าคิดรอบคอบแล้วก็ทำตามนั้นเถอะ”
หลังจากที่เย่เช่อจากไปได้ไม่นาน หญิงสาวชุดเขียวก็เดินเข้ามา
“ชิงซีมาที่นี่เพื่อขอบคุณคุณชายซู” หลังจากประมุขตระกูลมู่พูดจบ นางก็คารวะเขาตามธรรมเนียม
ซูเจินยิ้มและกล่าวว่า “ท่านประมุขเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน” ดวงตาดอกท้อของเขาทอประกายลึกล้ำ “ถ้าท่านประมุข้าขอบคุณข้าจริงๆ โปรดบอกความจริงกับข้า เพราะเื่นี้สำคัญต่อข้ามาก”
ชิงซีนั่งลง นางค่อยๆ จิบชาก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เ้า้าให้ข้าบอกอะไรเ้า?”
ทันใดนั้นน้ำเสียงของซูเจินก็เปลี่ยนไป “ผู้หญิงที่ตายภายใต้คมกระบี่ในสำนักชิงซานเมื่อยี่สิบสามปีก่อน นางตายด้วยน้ำมือเ้าสำนักคนก่อนหรือไม่?”
ทันใดนั้นถ้วยชาของชิงซีก็หล่นลงพื้น
ไม่ว่าอย่างไรนางก็นึกไม่ออกว่าเหตุใดซูเจินซึ่งแท้จริงเป็สตรีแต่แสร้งเป็บุรุษจึงถามคำถามเช่นนี้ เหตุการณ์เมื่อยี่สิบสามปีที่แล้วผุดขึ้นมาในความคิดของนางราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“มารดาของเ้าชื่อเสวียนซวนใช่หรือไม่?” นางถามทันที
เพราะหญิงสาวที่ตายด้วยน้ำมือของเ้าสำนักคนก่อนมีนามว่าเสวียนซวน
ดวงตาดอกท้อที่เปล่งประกายของซูเจินในขณะนี้ไม่มีแสงงดงามเหมือนดอกท้ออีกต่อไป ชิงซีััได้เพียงความเ็ปและความโศกเศร้า
“เหตุใดนางถึงตาย?” ซูเจินถาม
เหตุใดน่ะหรือ? ชิงซีนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เหตุผลที่เสวียนซวนถูกสังหารเพราะนางเกือบจะฆ่าจูเหยา แท้จริงแล้วจูเหยาเป็บุตรนอกสมรสของเ้าสำนักคนก่อน หลังจากที่เขาสังหารเสวียนซวนเพื่อปกปิดตัวตนของจูเหยา เขาก็ประกาศว่าเสวียนซวนถูกสังหารเพราะทำผิดกฎของสำนัก
นางจะบอกเื่นี้กับซูเจินได้อย่างไร?
นางครุ่นคิดอย่างรอบคอบ การพูดคุยกับบุคคลที่ฉลาดเช่นนี้ชวนให้หัวเสียจริงๆ หากกุเื่ขึ้นมารังแต่จะทำให้เื่ยุ่งยากขึ้น
นางลังเลก่อนจะกล่าวว่า “เด็กคนนั้น…เสวียนซวนตายอย่างไม่ยุติธรรม แต่ไม่ต้องกังวล ข้าจะให้ความยุติธรรมแก่เ้าเอง ถ้าข้าจัดการเื่นี้ได้ ข้าจะแจ้งให้เ้าทราบอย่างแน่นอน”
ซูเจินกล่าวอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านมาก”
ชิงซีกล่าวว่า “อันที่จริงเสวียนซวนกับข้าเคยพบกันไม่กี่ครั้ง แต่วันนี้ข้ากลับค้นพบว่าเ้าเป็บุตรีของนาง เ้าไม่จำเป็ต้องยึดติดกับเื่ราวของคนรุ่นก่อน เ้าต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตของตัวเอง”
ซูเจินพยักหน้า
ชิงซีรู้สึกว่าธุระของนางเสร็จสิ้นแล้วจึงกล่าวว่า “ข้าจะออกจากเมืองหยงโจวไปสักพัก ปี้เหยียนคงรอคุณชายนานแล้ว ลาก่อนคุณชายซู”
ซูเจินนั่งนิ่งราวกับคนใบ้ เขาไม่ลุกขึ้นส่งแขกด้วยซ้ำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้