เดิมทีวันนี้เป็วันหยุดของหลินลั่วหรานตอนนี้ยังไม่เที่ยง เื่ที่เป่าเจียชวนหลินลั่วหรานไปเยี่ยมคุณตา เื่ของเวลานับว่ายังเร็วแต่ถ้าเป็เื่ของความรู้สึกแล้ว ก็ค่อนข้างรวดเร็วอยู่
ไปเยี่ยมครั้งแรกหลินลั่วหรานไม่อยากจะไปมือเปล่า ที่จริงหากจะเอาไปฝากคนแก่แล้วยาสมุนไพรจากพื้นที่ลึกลับของเธอ แต่โสมนั้นก็เพิ่งมีอายุ “สามสิบกว่าปี”อยากจะเก็บออกมาตอนนี้ ก็ดูจะสิ้นเปลืองมากเกินไปอีกทั้งยังไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะสามารถหาเมล็ดที่มีพลังแบบนี้ได้อีกไหม
เมื่อคิดไปคิดมาเธอก็นึกถึงของขวัญที่เหมาะสมชินหนึ่งขึ้นมาได้ก่อนจะบอกให้หลินลั่วหรานขับรถไปร้านที่อยู่ในเครือของพี่หวังแสดงท่าทางราวกับมีเื่จะพบพี่หวัง
เป่าเจียรู้ดีว่า่นี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีมากจึงไม่ได้คิดเคลือบแคลงใจอะไร เมื่อหลินลั่วหรานลงจากรถเธอไม่ได้เข้าไปหาหวังเมี่ยวเอ๋อแต่อย่างใดแต่กลับเข้าไปเลือกเครื่องห้อยประดับหยกแกะสลักรูปเ้าแม่กวนอิมที่ราคาหมื่นต้นๆ
ราคาหมื่นต้นๆ เมื่อหักค่าดำเนินการต่างๆ ออกไปก็เป็เพียงหยกชิ้นเล็กๆ เท่านั้น แม้ว่าจะไม่ได้ดีมากนัก แต่ก็เป็หยกแท้และก็ไม่ได้เป็เศษหยกที่เอามาอัดแต่อย่างใด
เครื่องประดับที่เธอซื้อมาชิ้นนี้แม้สีสันจะไม่ได้สวยมากนัก ถือได้ว่าเป็แบบธรรมดาทั่วไป แต่ว่าการแกะสลักสวยงามหากผ่านการเติมแต่งรอบสองของเธอแล้ว ก็น่าจะใช้ได้
เมื่อเป่าเจียเห็นเธอยิ้มออกมา ก็เลยถามออกมา “ไปคุยอะไรกับพี่หวังมาทำไมดูดีใจขนาดนี้?”
หลินลั่วหรานขยับปากยิ้ม “ความลับ!”
เมื่อตัดภาระค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายของหลี่อันผิงออกไปเงินเก็บในธนาคารและพื้นที่ลึกลับในกำมือของเธอ กลางวันทำงาน กลางคืนฝึกศาสตร์สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายอกสบายใจ หลินลั่วหรานก็ดูมั่นใจในตัวเองขึ้นมาก บางครั้งก็เลยเผยนิสัยแบบนี้ออกมา
“ดูนิสัยแบบนี้ของเธอสิ...” เพื่อนรักได้พบเจอผู้คนมากมาย นิสัยก็เริ่มสดใสมากขึ้นเป่าเจียไม่ได้มีนิสัยขี้น้อยใจจนรู้สึกว่าตัวเองถูกละเลยเธอเพียงแต่มีความสุขกับหลินลั่วหรานเท่านั้น
ในขณะที่เป่าเจียกำลังตั้งใจขับรถหลินลั่วหรานก็ใช้พลังของไข่มุกเข้าไปตรวจสอบหยกแกะสลักรูปเ้าแม่กวนอิมชิ้นนั้น ก็สมกับราคาของมันล่ะนะพลังน้อยเสียจนน่าสงสาร!
ตอนนี้ไข่มุกกลายเป็พวกเลือกกินไปเสียแล้วเมื่อตรวจพบพลังอันน้อยนิดเท่านั้น ก็เก็บหน้าตาราวกับหมาป่าล่าเหยื่อของตัวเองเอาไว้ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยแสงสีขาวจางๆ ออกมาเพื่อไปดูดซึมพลังน้อยนิดในหยกแกะสลักชิ้นนั้นเมื่อเห็นท่าทางเชื่องช้าราวกับคนแก่แบบนั้นหลินลั่วหรานก็ยิงคิดว่าไข่มุกดูราวกับมีความคิดเป็ของตัวเอง ช่างน่าใเสียจริง!
แต่ว่าวันนี้เธอไม่ได้ทำเพื่อ “เลี้ยงอาหาร”ให้เ้าไข่มุก แต่เธอ้าให้เ้าไข่มุกปล่อยพลังกลับออกมาต่างหากเมื่อได้รับความคิดของเธอ ท่าทางของมันก็ยิ่งไม่เต็มใจมากขึ้น หากมันมีความคิดจิตใจเป็ของตัวเองจริงๆก็คงจะกำลังแอบด่าเ้าของอย่างหลินลั่วหรานอยู่ในใจเป็แน่
แม้ว่าหยกแกะสลักรูปเ้าแม่กวนอิมชิ้นนี้จะดูธรรมดาแต่ก็พิเศษกว่าทั่วไป มันสามารถกักเก็บพลังได้มากกว่าที่มีอยู่ในตัวของมันมากเมื่อถูกบังคับ ไข่มุกก็ปล่อยพลังกลับคืนไปมากในเวลาสั้นๆก่อนที่ไม่ว่าหลินลั่วหรานจะพยายามกระตุ้นอย่างไร เรียกร้องอย่างไรไข่มุกก็ยังคงเก็บลำแสงสีขาวของมันกลับไป และแน่นิ่งแกล้งตายอยู่แบบนั้น
แม้จะด่าออกมาว่า เ้าไข่มุกทรยศแต่เมื่อเห็นว่าเป่าเจียกำลังตั้งใจขับรถหลินลั่วหรานจึงจัดการนำเอาหยกแกะสลักเก็บใส่ช่องกระเป๋าบนเสื้อของเธอเงียบๆพร้อมทั้งรู้สึกค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้จากการเติมแต่งของเธอ
เป่าเจียตั้งใจขับรถมาตลอดทางในขณะที่หลินลั่วหรานกำลังตั้งใจกระทำการใหญ่ของเธอโดยไม่ได้รู้เลยว่าเป่าเจียขับรถมาถึงที่ไหนแล้ว รอจนเป่าเจียพูดออกมาว่า “ถึงแล้ว” หลินลั่วหรานถึงได้รู้ว่าพวกเธอได้ขับรถมาจนถึงบ้านพักที่ถือว่าสงบเงียบมากแห่งหนึ่งในเมืองวุ่นวายแห่งนี้
หลินลั่วหรานลดกระจกลงเพื่อพิจารณาสถานที่ที่เธอกำลังจะไป
ทหารเฝ้าระวังที่ยืนถือปืนตัวตรงอยู่หน้าประตูหลินลั่วหรานรู้สึกได้ถึงอารมณ์จากตัวของพวกเขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้ดูดีแต่เพียงภายนอกนะ เมื่อยิ่งเพิ่มป้าย “บ้านพักหน่วยทหาร XX” เข้าไปแล้วต่อให้เธอจะโง่แค่ไหน หลินลั่วหรานก็สามารถเดาได้ในทันทีว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน
“หน่วยทหารเมือง R? สาวน้อยเป่าเหรอ ไม่เห็นเคยบอกกันเลยนะ” หลินลั่วหรานหันมาถามเป่าเจีย
ใบหน้าของเป่าเจียขึ้นสีแดงขึ้นมา “เดี๋ยวจะบอกน่า”
เป่าเจียเป็คนคุ้นหน้านายทหารจึงทำเพียงการตรวจสอบบัตรผ่านของเธอตามปกติและจัดการลงทะเบียนให้หลินลั่วหราน ก่อนจะปล่อยให้พวกเธอเข้าไป
รถคันเล็กค่อยๆ ขับเข้ามาในประตูใหญ่กระจกรถยังไม่ได้ถูกเอาขึ้น ชายสวมรองเท้ากีฬาคนหนึ่ง ก็บังเอิญเหลือบไปเห็นใบหน้าด้านข้างของหลินลั่วหรานเข้าดวงตาของเขาเบิกโตขึ้น ก่อนจะรีบกดชัตเตอร์บนโทรศัพท์ด้วยความรวดเร็ว
ความละเอียดกว่าแปดล้านพิกเซลทำให้รูปภาพใบหน้าด้านข้างของหลินลั่วหราน ถูกถ่ายออกมาอย่างชัดเจนชายสวมรองเท้ากีฬาก็รู้สึกตื่นเต้นจนน้ำตาเกือบจะไหล...
“นี่ รถที่เพิ่งเข้าไปเมื่อกี้ใครเหรอ?” ชายสวมรองเท้ากีฬาพยายามตีซี้กับนายทหารหน้าประตูเมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดระแววที่มองตรงมาที่เขา ก็ได้แต่หัวเราะออกมาก่อนจะลูบปลายจมูกของตัวเองแล้วรีบเดินห่างออกมา
เมื่อมาถึงสถานที่ที่ห่างออกมาจากบ้านพักแล้วชายสวมรองเท้ากีฬาก็เอากระดาษถ่ายเอกสารรูปภาพเหมือนของคนคนหนึ่งขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบยืนยันว่าเป็คนเดียวกันแน่นอน ก่อนจะกดเบอร์โทรศัพท์แล้วส่งภาพถ่ายนั้นไป
หัวของออก MMS ถูกเขียนเอาไว้เพียง “หาเจอแล้ว” แต่ผู้ชายสวมรองเท้ากีฬากลับรู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างมาก
เมื่อนึกถึงรางวัลที่จะได้ตามสัญญาเขาก็รู้สึกว่าชีวิตของเขาจะพลิกเปลี่ยนไปแล้ว หลังจากส่ง MMS ไปก็ได้แต่ยืนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงนั้นเพียงแค่คิดจินตนาการถึงชีวิตของตัวเองหลังจากนี้ น้ำลายก็ไหลลงมาอย่าห้ามไม่ได้
......
ระยะที่ผ่านมา่นี้ชีวิตของนายน้อยมู่จอมคาสโนว่าดูไม่ค่อยจะดีนัก
ถูกทิ้งขว้างให้มาดูแลบริษัทเมล็ดพันธุ์เล็กๆจนเกือบจะโดนคนที่อายุพอๆ กันในครอบครัวหัวเราะเยาะจนตายแล้วดันไปทำเมล็ดโสมที่พวกผู้าุโให้ความสำคัญนักหนาพวกนั้นหายไปอีก “ระยะเวลากักขัง” ของมู่เทียนหนานก็เหมือนว่าจะยิ่งถูกยืดออกไปจนมองแทบไม่เห็นปลายทาง
หากเป็เื่แค่นี้แล้วล่ะก็เขาคงไม่รู้สึกอะไร เมือง R มีชื่อเสียงเื่สาวสวยมาก หาเมล็ดโสมที่ทำหายไปพลาง สร้าง “ความสัมพันธ์” อันอบอุ่นกับสาวน้อยไปพลาง มู่เทียนออกจะพอใจกับชีวิตสบายๆแบบนี้ของเขา
ั้แ่ความร้อนใจในตอนแรกมาจนถึงการยอมจำนนในตอนสุดท้าย หรือสรุปง่ายๆก็คือเขาเพียงแต่มัวแต่เล่นสนุกเท่านั้น
จนกระทั่งใกล้จะถึงวันเกิดของคุณปู่ที่บ้านของเขาแล้วแต่หลังจากที่พ่อของเขาอุตส่าห์โทรมาหาเขาด้วยตัวเองก่อนจะจัดการด่าเขาด้วยถ้อยคำที่ว่า “ไอ้เด็กล้างผลาญ” และ “ไอ้เด็กไม่รักดี”แถมยังออกคำขาดว่าหากหาเมล็ดโสมกลับมาไม่ได้ก็ไม่อนุญาตให้เข้าไปเหยียบงานวันเกิดของคุณปู่ เขาถึงได้เริ่มจะร้อนใจขึ้นมา
ที่จริงไม่ใช่ว่าเขาอยากจะรีบกลับไปทำงานตามคำสั่งอะไรหรอกเพียงแต่ผู้เป็พ่อของเขาจัดการตัดบัตรทั้งหมดในมือของเขาลงเื่บัญชีของบริษัทเมล็ดพันธุ์เองก็ไม่ยอมให้เขายุ่งดังนั้นมู่เทียนหนานจึงเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า...ไม่ได้จีบสาว เขาคงจะต้องตายหรือจีบสาวแล้วยังต้องไปเกาะเขากินอีก แบบนั้นยิ่งเหมือนตายทั้งเป็ชัดๆ
เมื่อคิดไปคิดมาอย่างไรพ่อของเขาก็กลัวผู้เป็ปู่ ต้องเอาปู่ไปจัดการกล่อมถึงจะได้ผลท่านปู่ตระกูลมู่นั้นชื่นชอบหยกมาก ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้นมู่เทียนหนานจึงติดต่อไปทางเสี่ยซุยเพื่อซื้อแร่หยก ก่อนจะเชิญให้ช่างฝีมือมาแกะสลักเป็ของประดับตั้งโชว์“โป๊ยเซียนเฮ่อโซ่ว” (เป็การอวยพรให้มีอายุยืนยาว)และไหว้วานในคนเอากลับเข้าไปให้
แน่นอนเงินที่เขาใช้ในการซื้อก้อนหยกและจ้างช่างฝีมือนั้นมาจากการที่มู่เทียนหนานยอมเซ็น “สัญญากู้ยืม” ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงจนน่าใกับญาติพี่น้องที่ต่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นมา
จะเกิดหรือจะตายก็วัดกันตรงนี้ล่ะ! นายน้อยมู่ลูบมือของตัวเองที่ถูกวางเอาไว้หน้าโทรศัพท์จากที่ได้ยินมา คุณปู่น่าจะได้รับของขวัญจากเขาแล้วนี่แต่ทำไมจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่มีวี่แววการตอบรับกันนะ?
“กริ๊ง...” โทรศัพท์ในห้องทำงานของเขาดังขึ้น หมายเลขพื้นที่คือ “010” ซึ่งเป็เบอร์ของที่บ้านตระกูลมู่พอดีมู่เทียนหนานจึงยกรอยยิ้มขึ้น ในที่สุด์ก็ไม่ทิ้งเรา!
“ฮัลโหล นี่ปู่นะ...” ยังไม่ทันที่มู่เทียนหนานจะได้แสดงน้ำเสียงหลานชายที่แสนเชื่อฟังออกมาก็ถูกเสียงดังของผู้เป็ปู่ดังขัดขึ้นมาก่อน
“ไปเอาหยกก้อนนี้มาจากที่ไหน?” ท่านปู่ตระกูลมู่ถามขึ้น
เอ๋ ทำไมน้ำเสียงดูรุนแรงขนาดนี้หรือว่าปู่จะไม่ชอบ? มู่เทียนหนานจึงได้แต่อธิบายที่มาของก้อนหยกด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อได้ยินอย่างละเอียด ผู้เป็ปู่ก็เงียบไปสักพักใน่เวลาที่มู่เทียนหนานเกือบจะใตายนั้นน้ำเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้เป็ปู่ก็ดังขึ้นมา
“ฮ่าๆๆ ทำได้ดีนี่อย่างน้อยก็ถือได้ว่าไอ้เด็กโง่ๆ นี่ทำเื่ดีๆ ได้บ้างแล้ว สมกับเป็ลูกหลานของตระกูลมู่!”
ครั้งก่อนที่ถูกปู่ชมที่มันเมื่อไรกันนะ? เก้าหรือว่าสิบขวบ? ในชั่วขณะนั้นมู่เทียนหนานราวกับได้กินผลโสมเข้าไปไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่รู้สึกไม่สบาย เขาจึงตอบกลับไปด้วยความพอใจ “ปู่ ‘โป๊ยเซียนเฮ่อโซ่ว’ ที่หลานส่งไปให้ไม่แย่ใช่ไหมล่ะ? ฮ่าๆมีแค่หยกแบบนี้เท่านั้นแหละ ที่จะเหมาะกับคุณปู่ของผม ฮ่าๆๆ...”
ผู้เป็ปู่ได้ยินดังนั้นก็โมโหขึ้น “โป๊ยเซียนเฮ่อโซ่ว? นี่แกไม่รู้หรือไงว่าเื่ที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือการที่มีคนเอาท่านอาจารย์เหอกับหลี่ว์ต้งปินมาไว้ด้วยกันนี่แหละ?!”
แย่แล้ว! ลืมไปเลยว่าปู่คอยบอกตลอดว่าเขารักใคร่เทพ์เหอมาก...ั้แ่ที่ละครทีวีแต่งเสริมเติมเื่ให้เทพ์เหอตกหลุมรักหลี่ว์ต้งปินปู่ก็ไม่ชอบนักแสดงที่รับบทเป็หลี่ว์ต้งปินอีกเลยเพราะเป็การทำให้ท่านอาจารย์ของตัวเองแปดเปื้อน...
สายเหงื่อพากันรินไหลไปทั่วร่างของมู่เทียนหนานแต่ก็แปลก ถ้าเป็แบบนี้แล้ว “โป๊ยเซียนเฮ่อโซ่ว” ก็เป็อะไรที่ไม่เหมาะสมนักแต่ทำไมปู่ถึงได้ดูมีความสุขขนาดนั้น?
เสียงของท่านปู่ตระกูลมู่ดังขึ้น “เทียนหนานรู้หรือเปล่าว่าหยกที่ส่งมาให้เป็หยกแบบไหน? มันเต็มไปด้วยพลังสงบบริสุทธิ์ของโลก! พลังที่ดูสงบขนาดนี้ ั้แ่ที่ฉันจำความได้ก็ไม่ได้เห็นมานานหลายปีมากแล้ว...อาการของท่านปู่กัวคงที่แล้วต่างเป็เพราะหยกที่แกส่งมาให้ก้อนนี้!”
แม้ว่ามู่เทียนหนานจะไม่ได้ฝึกศาสตร์แต่ก็ได้ยินเื่เหล่านี้มีั้แ่เด็ก เขาเข้าใจคำว่า “พลัง” ของปู่ตัวเองเป็อย่างดีมันคือสิ่งประกันของพลังและการมีอยู่ของพวกเขา ั้แ่เด็กๆปู่ก็คอยบอกเขาว่าพลังของโลกนั้นรุนแรงและก็ไม่อยากให้เด็กรุ่นใหม่อย่างมู่เทียนหนานต้องไปลำบากกับการฝึกศาสตร์แต่นี่ก็เป็ครั้งแรกที่มู่เทียนหนานได้ยินปู่ก็เขาใช้คำว่า “สงบ” ในการจำกัดความพลัง
เมื่อคิดว่าเื่ของปู่กัวอาจจะมีความหวังขึ้นมาความรู้สึกผิดที่ทำเมล็ดโสมหายไปก็เริ่มสบายใจมากขึ้น “แบบนั้นถ้าตามหาหยกแบบนี้ต่อไป ก็อาจจะช่วยปู่กัวได้อย่างนั้นเหรอ?”
ปลายสายนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะพูดออกมาด้วยความหนักแน่น “ถ้าอยู่ในมือของคนธรรมดาแล้วล่ะก็ ควรจะซื้อตามราคากลับมาไม่ควรที่จะออกตัวมากเกินไป! แต่ว่า...ฉันยังสงสัยอยู่ว่าน่าจะเป็ฝีมือของปรมาจารย์ด้านศาสตร์สักคนเพราะแบบนั้นแกก็ต้องระวัง อย่าไปทำอะไรลบหลู่ให้เขาโกรธเสียล่ะ”
หลังจากวางโทรศัพท์ลง เขาก็คิดขึ้นมาปู่บอกว่าอาจจะมีปรมาจารย์ด้านศาสตร์อย่างนั้นเหรอเมื่อนึกถึงรูปร่างอ้วนกลมน่าเกลียดของเสี่ยซุยเ้าของก้อนหยกขึ้นมามู่เทียนหนานก็ได้แต่เบ้หน้า
จะมีปรมาจารย์ด้านศาสตร์ที่ชอบใส่สร้อยทองเส้นเท่านิ้วเอาไว้ที่คออยู่จริงเหรอ? ตัวของมู่เทียนหนานสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เป็เพราะถูกช็อตน่ะ!
ในขณะนั้นเอง โทรศัพท์ก็เขาก็สั่นไหวขึ้นมาเมื่อหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเป็ข้อความ MMS จากเบอร์ที่ไม่รู้จักจนเมื่อมู่เทียนหนานเปิด MMS นั้นออกดูในที่สุดอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ในวันนี้ก็ทำให้เขาต้องะโขึ้นมา!
ฮึ ในที่สุดก็จับตัวได้คนร้ายที่ขโมยเมล็ดโสมของฉันไป!