‘ปราณเก้าหลอม’ เป็วิชาปราณฝึกฝนร่างกายที่ค่อนข้างพิเศษ คำว่า‘หลอม’ บ่งบอกจุดพิเศษของวิชาปราณชนิดนี้
วิชาปราณฝึกร่างธรรมดา จุดสำคัญอยู่ที่การ ‘ฝึก’ มุ่งให้ความสำคัญกับการเพิ่มพละกำลัง เพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายหลังฝึกกล้ามเนื้อมักใหญ่โตมากเกินกว่าคนธรรมดาราวกับเอวหมีหลังเสือ
และ ‘ปราณเก้าหลอม’ นั้นในขณะที่ ‘ฝึก’ ก็ยัง ‘หลอม’ ด้วย ที่เรียกว่า ‘หลอม’ ก็คือการตีขึ้นรูป ตีสกัดเช่นเดียวกันกับการหลอมศาสตรา ตีสกัดวัตถุเจือปนในวัตถุดิบออกมาเหลือเพียงส่วนที่ดี
ดังนั้นการฝึก ‘ปราณเก้าหลอม’ กับปราณฝึกร่างทั่วไปจึงต่างกันโดยสิ้นเชิงเพิ่มขั้นตอนการ ‘หลอม’ ขึ้นมาอีกหนึ่งมองร่างกายเป็ศาสตราชิ้นหนึ่ง ใช้ค้อนเหล็ก ตีสกัดสิ่งปฏิกูลในร่างกายออกมาเหลือเพียงพลังบริสุทธิ์เท่านั้น
ดังนั้น เมื่อฝึกฝน ‘ปราณเก้าหลอม’ ร่างกายจะไม่ใหญ่โตดุจวัวม้าเหมือนฝึกวิชาปราณฝึกร่างทั่วไปเช่นนั้นแต่มองแล้วเหมือนกับคนธรรมดาไม่มีอะไรแตกต่าง เพียงแต่พละกำลังที่บรรจุอยู่ในร่างกลับเหนือว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝึกฝนวิชาปราณฝึกร่างธรรมดาอย่างเทียบกันไม่ได้
เสวียนเทียนดื่มเืพญาอสรพิษลายดำเข้าไปร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมามาก รูปร่างก็กำยำขึ้นมาไม่น้อย เมื่อตอนเทศกาลข้ามปีเสวียนเทียนสูงเพียงหนึ่งเมตรเจ็ดสิบสอง แต่ตอนนี้สูงหนึ่งเมตรเจ็ดสิบห้าแล้ว
เพิ่งผ่านมาเพียงหนึ่งเดือนกว่าเท่านั้นที่สำคัญคือหลังจากดื่มเืพญาอสรพิษลายดำ ร่างกายเติบโตขึ้นรูปร่างฉับพลันก็สูงใหญ่ขึ้นไม่น้อย อีกทั้งยังกำยำขึ้นมาอีกไม่น้อย
ถ้าหากฝึกวิชาปราณฝึกร่างธรรมดาทั่วไปอีกใช้เวลาไม่นานเสวียนเทียนก็คงกลายเป็เหมือนกับหัวหน้าสามพรรคฝูเวยหรือเฉิงจิ้งเฟิงลูกหลานตระกูลเฉิงแบบนั้นร่างกายสูงถึงหนึ่งเมตรเก้าสิบหรือถึงสองเมตร ท่อนแขนหนาเหมือนท่อนขาของคนทั่วไป
แต่การฝึกฝน ‘ปราณเก้าหลอม’ จะไม่เกิดสภาพเช่นนี้สิ่งปฏิกูลถูกตีสกัดออกไปไม่ขาด เหลือเพียงส่วนที่ดี รูปร่างจะไม่ใหญ่โตแต่พละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของเสวียนเทียนตอนนี้แข็งแกร่งมากอยู่แล้วเทียบเท่ากับ ‘ปราณเก้าหลอม’ ขั้นสาม แตกต่างเพียงอย่างเดียวคือสิ่งปฏิกูลไม่ได้ถูกตีสกัดออกมา
ดังนั้นการฝึกฝนสามขั้นแรกนั้นง่ายมาก ‘ฝึก’ ได้ที่แล้ว ที่เหลือก็เพียง ‘หลอม’
ในแหวนมิติ บนชั้นไม้ที่วางอุปกรณ์มีค้อนเหล็กสีดำสนิทสามด้ามวางอยู่้ามีน้ำหนักกำกับไว้ ได้แก่ ร้อยชั่ง พันชั่ง หมื่นชั่ง
ค้อนเหล็กสีดำสนิทสามด้ามนี้ใช้วัตถุดิบพิเศษหลอมขึ้นมาถึงแม้ไม่ใช่ศาสตราวิเศษ แต่ก็แข็งแกร่งเป็อย่างยิ่งเป็อุปกรณ์ที่ผู้เฒ่าจิ่วต้วนใช้หลอมศาสตรารวมไปถึง ‘ตีขึ้นรูปกายา’
หลอมสร้างศาสตราชั้นทอง ฝึกฝน ‘ปราณเก้าหลอม’ สามขั้นแรก ใช้ค้อนเหล็กดำหนักร้อยชั่ง
หลอมสร้างศาสตราวิเศษชั้นนิล ฝึกฝน ‘ปราณเก้าหลอม’ สามขั้นกลาง ใช้ค้อนเหล็กดำหนักพันชั่ง
หลอมสร้างศาสตราวิเศษชั้นปฐี ฝึกฝน ‘ปราณเก้าหลอม’ สามขั้นท้าย ใช้ค้อนเหล็กดำหนักหมื่นชั่ง
เสวียนเทียนหยิบค้อนเหล็กดำหนักร้อยชั่งออกมาโคจรปราณตามวิธีของ ‘ปราณเก้าหลอม’ ใช้วิถีค้อนตีขึ้นรูปกายาทุบลงมาบนร่าง
ถ้าแค่นำค้อนเหล็กมาทุบร่างกายผลลัพธ์ย่อมมีจุดจบเพียงอย่างเดียวนั่นคือาเ็ต่อให้ใช้พลังภายในคุ้มครองร่างก็ต้านทานได้เพียงชั่วเวลาหนึ่งไม่อาจต้านทานได้ยาวนาน
แต่เสวียนเทียนโคจรปราณตามวิถีของ ‘ปราณเก้าหลอม’ ตำแหน่งที่ปราณโคจรไปเหมาะเจาะพอดีกับตำแหน่งที่ค้อนเหล็กทุบลงมาทุกครั้งที่ค้อนเหล็กทุบลงมา ร่างกายถูกทุบสั่นะเืสิ่งปฏิกูลถูกขับออกจากร่างไปกับปราณภายในที่โคจรอยู่
ศาสตร์การฝึกร่างที่นำร่างกายของตนมาหลอมตีเช่นศาสตรานอกจาก ‘ปราณเก้าหลอม’ แล้ว ใต้หล้านี้ไม่มีอีกเป็วิชาที่สอง
แม้กระบวนการ ‘ตีขึ้นรูปกายา’ จะประหลาดแต่ผลลัพธ์กลับออกมาค่อนข้างดี เมื่อสิ่งปฏิกูลถูกตีสกัดออกไปนอกร่างเสวียนเทียนก็รู้สึกว่าพละกำลังภายในร่างยิ่งบริสุทธ์ขึ้นใช้ออกมาได้ดั่งใจมากขึ้น ร่างกายแข็งแกร่งระดับเดิมแต่ใช้พละกำลังออกมาได้มากมายกว่าเดิม
‘ปราณเก้าหลอม’ ขั้นที่หนึ่ง สิ่งปฏิกูลที่ถูกขับจากร่างเมื่อเทียบกันแล้วระดับต่ำที่สุด เสวียนเทียนใช้ค้อนเหล็กดำร้อยชั่งโคจรปราณเก้าหลอมไปพลาง ใช้วิถีค้อนของปราณเก้าหลอมไปพลาง ตีสกัดไปราวหนึ่งชั่วโมงขั้นที่หนึ่งก็ฝึกฝนสำเร็จลง
ตีสกัดต่อเนื่องมาเป็เวลาราวหนึ่งชั่วโมงเสวียนเทียนกลับไม่เพียงไม่ได้ทุบร่างกายจนาเ็แต่พละกำลังกลับยิ่งบริสุทธิ์ขึ้นยิ่งกวัดแกว่งค้อนเหล็กดำได้ดั่งใจคล่องมือขึ้นทุกที
ร่างกายที่แต่เดิมมีกล้ามเนื้อบางส่วนของเสวียนเทียนเล็กลงมาหน่อยแต่พละกำลังหลังผ่านการตี เมื่อเทียบกับก่อนหน้ากลับเพิ่มมากขึ้นอีกราวห้าส่วนพละกำลังของแขนข้างหนึ่งแทบลุถึงสามพันชั่ง เห็นได้ว่ากระบวนการ ‘ตี’ นี้ ได้ผลเหนือธรรมดาอย่างแท้จริง เทียบกับวิชาปราณฝึกร่างทั่วไปแล้วเพิ่มกระบวนการนี้มาหนึ่งขั้น ระดับชั้นเท่ากันแต่พละกำลังกลับแข็งแกร่งกว่ามาก
ขั้นที่หนึ่งฝึกฝนสำเร็จ พักสิบกว่านาทีโคจรลมปราณปรับลมหายใจ ปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังจากนั้นก็เริ่มฝึกฝนขั้นที่สอง
การฝึกฝนแต่ละขั้นของ ‘ปราณเก้าหลอม’ วิธีโคจรปราณกับวิถีค้อนตีขึ้นรูปกายารวมไปถึงระดับแรงของการทุบล้วนแต่ไม่เหมือนกัน การฝึกฝนขั้นถัดไปแต่ละขั้นความยากล้วนมากกว่าก่อนหน้าหลายเท่า
แต่ว่าสำหรับเสวียนเทียนที่ความแข็งแกร่งของร่างกายบรรลุถึงขั้นสามมาก่อนแล้วการฝึกฝนขั้นที่สองก็ยังคงง่ายดายอยู่เพียงแค่ต้องใช้เวลามากกว่าขั้นที่หนึ่งหลายเท่า
ทุกครั้งที่ครบชั่วโมงเสวียนเทียนก็จะพักสิบกว่านาที เสวียนเทียนพักไปทั้งหมดสี่ครั้งใช้เวลาถึงห้าชั่วโมงกว่าจึงฝึกขั้นที่สองสำเร็จ
เพราะสิ่งปฏิกูลถูกตีสกัดออกไป ร่างกายของเสวียนเทียนจึงหดเล็กลงมาอีกเล็กน้อยร่างกายยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ยิ่งบริสุทธิ์ขึ้น กล้ามเนื้อบนร่างไม่กำยำจนเห็นชัดอีกแต่เปลี่ยนเป็ูปร่างกำลังพอดีแทน
การฝึกฝนขั้นที่สองสำเร็จลงพละกำลังของเสวียนเทียนยิ่งบริสุทธิ์ขึ้น ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกำลังแขนข้างหนึ่งแทบมากกว่าสี่พันชั่ง ผลลัพธ์ของ ‘ปราณเก้าหลอม’ ปรากฏออกมาให้เห็นอย่างรวดเร็วและเด่นชัด
หลังเติมอาหารลงท้องโคจรลมปราณปรับลมหายใจพักราวหนึ่งชั่วโมง เสวียนเทียนก็เริ่มฝึกฝนขั้นที่สามต่อ
ขั้นที่สาม ความยากเทียบกับขั้นที่สองแล้วยากมากกว่ากันหลายเท่าแต่ความแข็งแกร่งร่างกายของเสวียนเทียนถึงขั้นแล้ว ปัญหาอยู่ที่เพียงเวลาเท่านั้น
เวลาหนึ่งวันกว่าผ่านไป เสวียนเทียนก็ฝึก ‘ปราณเก้าหลอม’ ขั้นที่สามจนสำเร็จ กำลังแขนข้างหนึ่งชวนให้หวาดหวั่นบรรลุถึงห้าพันชั่งกำลังมหาศาลเช่นนี้ต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามใช้ปราณแท้ชั้นเบิกนภาก็เทียบไม่ได้
แต่เสวียนเทียนใช้เพียงกำลังของร่างเนื้อเท่านั้นกำลังของร่างเนื้อหากใช้ปราณแท้เบิกนภามาควบคู่กัน พละกำลังย่อมเพิ่มมหาศาลหนึ่งการโจมตีเพียงพอทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามาเ็สาหัสหรือถึงขั้นจบชีวิต
ขั้นที่สามฝึกสำเร็จต่อมาก็เป็ขั้นที่สี่ความยากมากกว่าเดิมอีกมากอีกทั้งตอนนี้ความแข็งแกร่งร่างกายของเสวียนเทียนก็เทียบเท่ากับขีดสุดของขั้นที่สามก่อนจะเข้ากระบวนการ ‘ตี’ ของขั้นที่สี่ จำต้องฝึกฝนร่างเนื้อเสียก่อน ฝึกกำลัง ฝึกร่างเวลาที่ต้องใช้ยาวนานมากกว่าเดิม
เสวียนเทียนเก็บค้อนเหล็กดำเข้าไปในแหวนมิติแล้วเริ่มต้นฝึกปราณขั้นที่สี่
เก้าวันหลังจากนั้น ร่างกายและพละกำลังของเสวียนเทียนก็บรรลุถึงเงื่อนไขขั้นต่ำสุดของการ ‘ฝึก’ ขั้นสี่ ร่างกายที่สมบูรณ์แล้วก่อนหน้านี้ ใหญ่โตขึ้นมาอีกรอบหนึ่งพละกำลังเพิ่มพูน กำลังแขนข้างหนึ่งเพิ่มขึ้นเร็วยิ่งกว่าสามขั้นก่อนหน้าจากห้าพันชั่ง ทะลุถึงเจ็ดพันชั่ง
ขั้นที่หนึ่ง ‘ฝึก’ สำเร็จแล้วเขาก็นำค้อนเหล็กดำพันชั่งออกมา เสวียนเทียนเริ่มต้นกระบวนการขั้นที่สอง ‘หลอม’
กำลังแขนข้างหนึ่ง ถึงแม้จะลุถึงเจ็ดพันชั่ง ชวนให้หวาดหวั่นแล้วยกค้อนเหล็กดำพันชั้นขึ้นมาได้อย่างง่ายดายแต่จะใช้วิถีค้อนตีขึ้นรูปกายาของขั้นสี่กลับไม่ง่ายเลย อย่างไรน้ำหนักพันชั่งก็หนักเกินไปยกขึ้นมาง่าย แต่จะให้กวัดแกว่งตามใจนั้นยากนัก
ค้อนเหล็กดำพันชั่งเป็เครื่องมือสำหรับหลอมศาสตราวิเศษชั้นนิลส่วนขั้นที่สี่เป็วิชาปราณหลอมศาสตราที่ผู้เพิ่งก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาฝึกฝนได้ดูแล้วต้องฝึกขั้นสี่จนถึงขั้นบรรลุส่วนใหญ่ ถึงจะกวัดไกวค้อนเหล็กดำพันชั่งได้อย่างง่ายดาย
สองมือของเสวียนเทียนจับค้อนเหล็กดำเริ่มตีขึ้นรูปร่างขั้นที่สี่
ทุกครั้งที่ทุบลงไปสิ่งปฏิกูลทั้งหลายก็ถูกขับออกมาจากร่างพร้อมกับปราณแท้เบิกนภาที่โคจรไปร่างกายยิ่งบริสุทธิ์ขึ้น พละกำลังยิ่งบริสุทธิ์ขึ้น
การตีขึ้นรูปกายาขั้นที่สี่ใช้เวลาต่อเนื่องกันถึงสี่วัน ในที่สุดเสวียนเทียนก็ฝึกฝนขั้นสี่สำเร็จบรรลุถึงขั้นบรรลุบางส่วน ร่างกายถูกตีขึ้นรูปจนเป็ลอนสมบูรณ์แบบอีกครั้งพละกำลังเพิ่มพูนขึ้นอีกขั้น แขนข้างหนึ่งมีพละกำลังมหาศาลน่าหวาดกลัวถึงเก้าพันชั่ง
นี่เป็เพียงขั้นสี่ที่บรรลุบางส่วนเท่านั้น หากฝึกถึงขั้นบรรลุส่วนใหญ่มีพลังมหาศาลยกน้ำหนักหมื่นชั่งได้อย่างง่ายดายคงกวัดแกว่งค้อนเหล็กพันชั่งได้ง่ายราวพลิกฝ่ามือ
ขั้นที่ห้าต้องบรรลุพลังวัตรชั้นเบิกนภา่กลางหรือก็คือหลังชั้นเบิกนภาขั้นสี่ถึงจะฝึกฝนได้
ขั้นที่สี่เพิ่งฝึกได้ถึงขั้นบรรลุบางส่วนพละกำลังยังคงมีช่องว่างให้พัฒนาอีกมาก แต่ว่าเื่นี้้าเวลาอีกทั้งต้องให้พลังวัตรบรรลุขั้นสามถึงจะฝึกฝนขั้นสี่ให้ถึงบรรลุส่วนใหญ่ได้
พละกำลังของขั้นสี่ที่บรรลุบางส่วนในตอนนี้เพียงพอให้ออกไปจากที่แห่งนี้แล้วเสวียนเทียนถูกขังอยู่ในห้องศิลามาแล้วสิบเจ็ดวัน สักวินาทีก็ไม่คิดอยากอยู่ต่อตอนนี้พลังของเสวียนเทียนแตกต่างจากตอนที่เพิ่งเข้ามาในเทือกเขาดงอสูรราวฟ้ากับดินตระกูลหวงอยู่ที่อำเภอเป่ยโม่มีวิกฤติปกคลุมมาตลอดสมควรแก่เวลากวาดล้างอุปสรรคให้แก่ตระกูลหวงแล้ว
เสวียนเทียนยกค้อนเหล็กดำพันชั่งขึ้นมาโคจรปราณแท้ชั้นเบิกนภา อัดรวมไว้ในค้อนเหล็ก ใช้พละกำลังมากที่สุดจากทั้งร่างทุบอย่างรุนแรงเข้าไปที่กำแพงด้านตรงข้ามกับผู้เฒ่าจิ่วต้วน
เสียงโครมดังสนั่นกำแพงที่เสวียนเทียนเคยลองกี่ครั้งก็ไม่อาจทลายลงได้นั้น เมื่อเสวียนเทียนฝึก ‘ปราณเก้าหลอม’ จนถึงขั้นสี่ก็ส่งเสียงครืนทลายลง หลังกำแพงเผยให้เห็นอุโมงค์ถ้ำสายหนึ่ง
เสวียนเทียนเก็บค้อนเหล็กดำเข้าไปในแหวนมิติคว้ากระบี่ขุนเขาหนักแล้วเสวียนเทียนก็เดินเข้าไปในอุโมงค์ถ้ำด้านหน้าแหวนมิติเป็สมบัติล้ำค่าหายากต่อให้เป็ยอดจอมยุทธ์ชั้นเบิกนภาสิบคนก็มีในเพียงหนึ่งคนย่อมไม่อาจเปิดเผยได้ มีแต่ต้องแอบใช้เสวียนเทียนเอาเชือกเส้นหนึ่งมาทำเป็สายสร้อยสวมไว้ที่คอ
อาศัยพละกำลังอันน่าหวาดกลัวในตอนนี้ของเสวียนเทียนกระบี่หิมะเหมันต์สิบกว่าชั่งกับกระบี่ขุนเขาหนักหนึ่งร้อยยี่สิบแปดชั่งก็ไม่ต่างอะไรกันเลยล้วนแต่เบาราวกับขนห่าน ต่อให้ใช้กระบี่ขุนเขาหนัก เสวียนเทียนก็ยังคงใช้ ‘เพลงกระบี่ดับเงา’ ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีอุปสรรคแต่อย่างใด
แน่นอนว่ากระบี่มีชื่ออย่างกระบี่หิมะเหมันต์ตกกระป๋องไปแล้วกระบี่ขุนเขาหนักศาสตราวิเศษชั้นนิลระดับกลางซึ่งสามารถเพิ่มแรงโจมตีให้เสวียนเทียนได้ถึงหกส่วนเหมาะกับการเป็อาวุธของเสวียนเทียนมากกว่า
ไม่กระบี่เก็บเข้าไปในแหวนมิติ แต่ถือไว้ในมือเป็สิ่งที่ทำจนเป็นิสัย
ตอนนี้ออกจากห้องศิลาแล้วในเทือกเขาดงอสูรอาจพบผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถึงตอนที่ต้องใช้กระบี่และต้องเรียกกระบี่ออกมาจากแหวนมิติโดยฉับพลันแล้วถูกผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นเห็นเข้าจนความลับเื่ที่เขามีแหวนมิติเปิดเผย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้