บทที่ 159 สับสน
ในลานประลองยุทธ์อึกทึกไปด้วยเสียงะโชอบใจ ทุกคนเริ่มตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะพวกเขามองเห็นว่าผู้าุโหลายคนที่ขึ้นมาบนเวที ล้วนเป็ผู้ตัดสินการแข่งขัน ซึ่งกำลังจะมอบรางวัลให้ฉู่อวิ๋น
และเมื่อมีประกาศครั้งใหญ่ดังขึ้น เวทีประลองก็ส่งเสียงดัง รื่นเริงยิ่งนัก นี่เป็โอกาสที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตามประเพณีของลานประลองยุทธ์ของเมืองชุยเสวี่ย การประชันห้าัจัดขึ้นทุกวัน แต่คุณภาพของนักรบจะแตกต่างกันไป เนิ่นนานแล้วที่ไม่มีนักรบเช่นนี้ที่ผ่านห้าระดับติดต่อกัน
แน่นอนว่าซิวหลัวหน้าผีเองก็เป็หนึ่งในนั้น แต่ระดับความใในความก้าวหน้าของเขานั้นยังสู้ฉู่อวิ๋นในยามนี้ไม่ได้
ต้องทราบว่า ฉู่อวิ๋นต่อสู้ข้ามห้าระดับและเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งที่ตนเองอยู่เพียงขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก หลายคนไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
“ไม่คิดว่าเมืองชุยเสวี่ยจะมีเื่สุขสันต์ติดๆ กันเช่นนี้ ไม่นานมานี้ก็มีเื่การแต่งงานของตระกูลฉู่ ตอนนี้ก็เป็เื่แสนอัศจรรย์ในลานประลองยุทธ์อีก” มีคนหัวเราะอย่างสุขใจ
“ฮิๆ การประชันห้าัในลานประลองยุทธ์ของเรา สร้างผู้ชนะหน้ากากขึ้นมาถึงสองคน แถมทั้งคู่ยังเป็อัจฉริยะรุ่นเยาว์อีกด้วย ช่างเป็เกียรติจริงๆ”
“พูดขึ้นมาแล้ว ซิวหลัวหน้าผีเองก็อยู่ที่ระดับห้าของขั้นมหาสมุทรด้วย ไม่รู้ว่าระหว่างเขากับเด็กป่าคนนั้นใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”
“อย่าล้อเล่นน่า ยอมรับว่าเด็กป่าคนนี้มีศักยภาพไม่รู้จบ แต่เขาก็ยังด้อยกว่าซิวหลัวหน้าผีอยู่มาก”
“ก็ไม่แน่นะ เ้าไม่สังเกตหรือ? จนถึงตอนนี้เ้าเด็กป่านั่นยังไม่ได้ใช้กระบวนท่ากระบี่ของเขาเลย บางทีเขาอาจจะทำให้เราประหลาดใจเพิ่มขึ้นอีกก็ได้”
หลายคนกำลังแอบพูดกันถึงเื่นี้ พลางหาผลลัพธ์ของการต่อสู้ระหว่างฉู่อวิ๋นและซิวหลัวหน้าผี
หนึ่งคือชายผู้แข็งแกร่งแสนลึกลับไม่ทราบที่มา ได้รับรางวัลการประชันห้าัมากกว่าสิบครั้งติดต่อกัน
หนึ่งคือชายมากพร์ ที่ข้ามผ่านการต่อสู้ห้าระดับ และเป็นักรบห้าัที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง
ใครจะชนะ? ทุกคนต่างก็คิดเื่นี้ แต่ก็รู้ด้วยว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่อาจประลองกันได้อีก เพราะฉู่อวิ๋นาเ็ ไม่อาจสู้ต่อได้
“ผู้ชนะคนสุดท้ายของการประชันห้าัในครั้งนี้ คือชายหนุ่มจากขอบเขตควบแน่นพลังปราณที่ข้ามผ่านการต่อสู้ห้าระดับติดต่อกัน นักล่าอวิ๋นชู!”
ผู้าุโประกาศคำตัดสินของกรรมการเสียงดังอย่างจริงจัง ทั้งลานก็เริ่มมีเสียงดัง ชายหอนหญิงโห่ เรียกได้ว่าเป็ฉากแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่
พวกเขาโชคดีที่ได้เห็นการกำเนิดของอัจฉริยะรุ่นเยาว์กับตาตัวเอง รู้สึกว่ามีเื่ให้กลับไปคุยโม้กับผองพวกได้แล้ว
“รางวัลสำหรับนักรบห้าัจะแจ้งในตอนนี้ อวิ๋นชูจะได้รับหินิญญาหนึ่งแสนก้อน และสามารถเข้าไปในห้องสมบัติเพื่อเลือกสรรรางวัลสามอย่าง เพื่อยกย่องความกล้าหาญของเขา!”
ผู้าุโยังคงประกาศต่อไป ทำให้ฉู่อวิ๋นที่อยู่ข้างๆ ใเล็กน้อย
“เอาชนะการประชันห้าันี้ได้ก็จะได้รับรางวัลหรือ? ข้าไม่รู้เลยสักนิด” เขาเกาหัวแกรกและแอบใช้พลังปราณรักษาอาการาเ็
เดิมที ตอนที่ฉู่อวิ๋นเข้าร่วมการประชันห้าันี้ เขาไม่สนใจชื่อเสียงหรือรางวัลเลย เพียงแต่ทำตามคำขอของซิวหลัวหน้าผี ลงชื่อเข้าแข่งขันเพื่อช่วยฉู่ซินเหยา
อันที่จริง อวิ๋นชูเองก็ไม่ได้ไว้ใจชายสวมหน้ากากคนนี้นัก ถ้าไม่ใช่เพราะโยวกู่จื่อโน้มน้าวซ้ำๆ เขาคงไม่ออกหน้ามาเข้าร่วมหรอก
“โชคดีที่ดวงข้าแข็งพอ พื้นดวงไม่เลว ผู้าุโ ถ้าเ้าหน้าผีนั่นกลับคำ ที่ข้าสู้ไปก็คือเสียเปล่าเลยนะ” ฉู่อวิ๋นลูบไหล่แล้วพูดเบาๆ
“เ้าเด็กหน้าเหม็น! ได้ราคาถูกแล้วยังคิดจะต่อรองอีก แถมยังมีรางวัลกองอยู่ตรงหน้า เ้ายังไม่พอใจอีก” โยวกู่จือก่นด่า
“ผู้าุโ! ท่านยังมีเวลาพูดล้อเล่นอยู่อีก แค่ปราดตามองก็รู้ว่าเ้าหน้ากากผีนั่นไม่ใช่คนดีอะไร ผลุบหัวโผล่หางพรรค์นั้น ไม่รู้ว่าจะกลับคำหรือไม่?”
เมื่อมองดูซิวหลัวหน้าผีที่ยิ้มแย้มจากระยะไกล ฉู่อวิ๋นก็มองตอบอย่างเ็า
“เ้าเองก็ใส่หน้ากากไม่ใช่หรือ? ยังมีหน้าไปว่าเขาอีก…” โยวกู่จือพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง “อย่ากังวลไปเลยเด็กน้อย เขาไม่ใช่คนไม่ดี เชื่อข้าเถอะ!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจับจ้องไปที่ซิวหลัวหน้าผี แล้วเตรียมรับรางวัล
แต่ขณะที่ผู้าุโกำลังยื่นไพ่ใบใสมูลค่าหินิญญาหนึ่งแสนก้อนให้ฉู่อวิ๋น สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน!”
ทันใดนั้น เสียงะโอันตื่นเต้นก็ดังขึ้น ซิวหลัวหน้าผีะโไปข้างหน้า ปีนขึ้นไปบนเวทีประลอง และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เด็กไม่น้อย ช่วยหยุดเลือกรางวัลก่อนได้หรือเปล่า? ข้ามีเื่จะถามเ้า”
ซิวหลัวหน้าผีนั้นมีรูปร่างสูง ท่าทางองอาจกล้าหาญ สูงกว่าฉู่อวิ๋น เขารีบเอ่ยขอขึ้นมา
“เช่นนี้รางวัลจะไปมีค่าอันใดอีก? เ้ามาก็ดีแล้ว ข้ามีเื่อยากคุยกับเ้าพอดี!”
ฉู่อวิ๋นเผยรอยยิ้มผ่อนคลาย ขณะที่เขากำลังจะเข้าใกล้ซิวหลัวหน้าผี ก็พบว่าอีกฝ่ายยังคงเปิดเกราะกำบังโปร่งใสและระมัดระวังอย่างยิ่ง
ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วและพูดว่า “นี่! ตอนนี้ข้าก็ได้รางวัลนักรบห้าัแล้ว มีสิทธิ์พูดคุยกับเ้าได้แล้วกระมัง? หรือเ้าคิดจะกลับคำ?”
เมื่อได้ยิน ซิวหลัวหน้าผีก็เงยหน้าขึ้นมองฟ้าและหัวเราะร่า ทันใดนั้น ดวงตาที่อยู่ใต้หน้ากากผีชั่วร้ายก็ส่องประกายขึ้นมา
ทันใดนั้นเขาก็เปิดเกราะโปร่งใสเป็วงกลมรอบร่างกาย สมบัติลึกลับส่องแสง ผู้าุโทั้งหมดยกเว้นฉู่อวิ๋นก็กระเด็นออกจากเวที!
“อ๊ะ! ซิวหลัวหน้าผีคนนี้จะทำอะไร? อวิ๋นชูได้รับรางวัลเขาเลยไม่พอใจหรือ? เขาคิดจะหาเื่หรือ?”
“พวกเขาจะสู้กันหรือ? อัจฉริยะสวมหน้ากากสองคนนี้จะสู้กันหรือ?”
“์ ค่าตั๋วเข้าลานประลองในวันนี้คุ้มค่าจริงๆ! มีการแสดงดีๆ ให้ดูอีกแล้ว!”
ตอนแรกทุกคนใ จากนั้นก็ตื่นเต้นไม่หยุด ไม่นานหลังจากการประชันห้าัสิ้นสุดลง ซิวหลัวหน้าผีก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผู้คนสงสัยในเป้าหมายของเขา
ทันใดนั้น เวทีประลองก็เริ่มคึกคักอีกครั้ง ทุกคนตั้งตารอว่าจะมีการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นอีกครั้งหรือไม่? สองคนนี้เป็อัจฉริยะรุ่นเยาว์เชียวนะ!
“ยอดเยี่ยม! เดิมพันเปิดแล้ว เดิมพันเปิดแล้ว ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่การวางเดิมพัน!” บางคนทันคิดได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบเปิดโต๊ะเดิมพันอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งบางคนที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในลานประลองก็มองไปที่ซิวหลัวหน้าผีไม่วางตา พวกเขาต้องดูแลความปลอดภัยของนักรบ
ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังเต็มไปด้วยผู้มากอำนาจ ที่ต่างก็ปรารถนาและพยายามรับฉู่อวิ๋นเป็ศิษย์ หากเกิดเื่อะไรขึ้น ผู้พิทักษ์เหล่านี้ไม่มีทางชดใช้ไหว
แต่ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่ผู้พิทักษ์เหล่านี้เท่านั้น ยังรวมถึงผู้ฝึกพลังยุทธ์ที่ทรงพลังบางคนที่ยังเต็มไปด้วยความสงสัย
เพราะพวกเขาพบว่าซิวหลัวหน้าผีไม่ได้แผ่รังสีอำมหิตใดๆ
ดูเหมือนเขาจะไม่มีเจตนาร้ายต่อฉู่อวิ๋น
“นี่ ซิวหลัวหน้าผี เ้าทั้งสูงทั้งแข็งแกร่ง คงไม่คิดจะรังแกเด็กที่เพิ่งสู้เสร็จหรอกใช่ไหม?!” ฉู่อวิ๋นเหลือบมองซิวหลัวหน้าผี น้ำเสียงของเขาดูไม่เป็มิตร
ในความเป็จริง ในใจเขารู้สึกอ่อนแอมาก ชายสวมหน้ากากคนนี้ต้องแข็งแกร่งกว่าโม่ซิวมากแน่ และในตอนนี้เขาเองก็ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อม หากต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ เขาคงตายแน่ๆ
“อย่าเข้าใจข้าผิด ข้าแค่มีคำถามจะถามเ้า” ซิวหลัวหน้าผีสงบมาก เขายืนเอามือไพล่หลัง
“เ้าถามมาได้เลย ถ้าตอบได้ข้าก็จะตอบ” ฉู่อวิ๋นตอบ
“ดี!” ซิวหลัวหน้าผีขยับเข้ามาใกล้อย่างตื่นเต้น และพูดเบาๆ “ข้าประหลาดใจ โม่ซิวเป็ถึงนักรบระดับห้าขั้นมหาสมุทร ความแข็งแกร่งของเขาไม่ถือว่าอ่อนแอ แต่เ้ากลับเอาชนะเขาได้จริงๆ”
“เขาอ่อนแอ ข้าจะทำอย่างไรได้?” ฉู่อวิ๋นเลิกคิ้วและตอบด้วยความโกรธ
“แต่หลังจากสังเกตดูดีๆ ดูเหมือนว่าลมหายใจของเ้าจะแปลกอยู่นะ”
“แปลก?”
ซิวหลัวหน้าผียิ้มและพูดว่า “ใช่แล้ว มันแปลกมาก”
“บางทีคนอื่นอาจมองไม่เห็น แต่เพราะข้ามีความสามารถพิเศษ การรับรู้ของข้าอยู่ในระดับสูง ทุกการเคลื่อนไหว ความแรงของลมหายใจ จังหวะการหายใจ ข้าตรวจจับได้หมด”
“ว้าว! ทรงพลังขนาดนั้นเลย? เช่นนั้นข้าก็ไม่มีความเป็ส่วนตัวเลยสิ เ้าเป็โรคจิตหรือ? หรือเป็พวกถ้ำมอง?” ฉู่อวิ๋นหรี่ตาลง แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะดูขบขัน แต่เขาก็ไม่กล้าประมาท
ซิวหลัวหน้าผีคนนี้มีสายตาที่แข็งแกร่งมาก! ดูเหมือนว่าเขาจะสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติในจุดตันเถียนของเขาได้
“ฮ่าๆ! อย่าพูดเสียให้ข้าดูแย่ขนาดนั้นสิ ข้าแค่สนใจพายุยุทธ์ในตันเถียนของเ้า”
ซิวหลัวหน้าผียกยิ้มและถามว่า “ก่อนที่เ้าจะคุยเื่อื่นกับข้า ข้าขอตรวจสอบจุดตันเถียนของเ้าก่อนได้ไหม? มันต้องมีบางสิ่งที่พิเศษ ที่ช่วยให้เ้าต่อสู้ข้ามห้าระดับได้แน่”
“นี่! เ้าหน้าผี มีมารยาทไหมนี่? เห็นหน้าก็คิดจะมาจับจุดตันเถียนคนอื่น ไม่มีทาง!”
ฉู่อวิ๋นจ้องมองอย่างเ็า ซิวหลัวหน้าผีคนนี้้าตรวจสอบจุดตันเถียนของเขาจริงๆ นี่เป็ความลับของเขา หากใครรู้เื่นี้เข้า ผลที่ตามมาไม่อาจคาดเดา
ท้ายที่สุด นี่คือสภาวะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของพลังปราณ ถ้าโดนจับได้แล้วนำไปศึกษาคงแย่แน่
นอกจากนี้ จุดตันเถียนยังเป็หนึ่งในเืแห่งชีวิตของนักรบ ถ้าเกิดเ้าซิวหลัวหน้าผีคนนี้ไม่ทันระวังแตะเอาจุดสำคัญเล่า? ผลที่ตามมาร้ายแรงยิ่งนัก
แม้ว่าโยวกู่จือจะบอกว่าเขาไว้วางใจซิวหลัวหน้าผี แต่ฉู่อวิ๋นก็ยังคงระมัดระวังในระดับหนึ่ง
“เ้าเด็กไม่น้อย ไม่ต้องระวังขนาดนั้นหรอก! ข้าไม่มีเจตนาร้ายใดๆ ข้าแค่ชอบวิชายุทธ์ เลยอยากเห็นสภาพตันเถียนของเ้า”
ในขณะที่พูด ซิวหลัวหน้าผีก็หัวเราะและก้าวไปข้างหน้า แต่ฉู่อวิ๋นก็ถอยกลับและมองดูเขาราวกับว่าเขาเป็คนประหลาด
“เ้าเด็กไม่น้อย! เ้าเป็โรคขี้ระแวงหรือ? เชื่อฟังหน่อยได้หรือไม่?!” ซิวหลัวหน้าผีเริ่มไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อยและดุเขาอย่างเ็า
“ถุย! เ้าคิดจะตรวจสอบก็ตรวจสอบ เช่นนั้นข้าก็ต้องอับอายไปจนตายหรือ?!” ฉู่อวิ๋นเถียงกลับไม่หยุด ไม่คิดจะยอมแพ้
ยามนี้ ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง ทั้งคู่ขึ้นไปทำอะไรกันบนเวที? แล้วการต่อสู้ที่พูดเอาไว้อย่างดิบดีล่ะ?
ทำไมดูเหมือนเด็กน้อยสองคนทะเลาะกันแทน?...
ครู่ต่อมา... ทั้งคู่ก็ไล่ตามกันไปรอบๆ เวที โดยยังคงทิ้งระยะห่างจนทำให้ทุกคนเหงื่อตก
“เ้า! เ้าไม่ให้ข้าดูใช่ไหม?!” ซิวหลัวหน้าผีโกรธมาก เขาใจร้อนอยู่บ้างจริงๆ
“ทำไมเ้าถึงพูดยากนัก?! เ้ามาคุยเื่สำคัญกับข้าก่อน แล้วข้าค่อยเล่าเื่ตันเถียนให้เ้าฟัง!” ฉู่อวิ๋นก็หายใจหอบเช่นกัน ซิวหลัวหน้าผีคนนี้ไล่ตามเขามากกว่าเก้าร้อยรอบแล้ว ดื้อด้านจริงๆ
“ได้!”
ในที่สุด ซิวหลัวหน้าผีก็พับแขนเสื้อขึ้นและพูดด้วยความโกรธ ราวกับว่าอยากจะสั่งสอนใครสักคน “ในเมื่อเด็กไม่น้อยเช่นเ้าดื้อรั้น เช่นนั้นข้าจะบังคับเอง แล้วอย่ามาโทษที่ข้าโหดร้ายแล้วกัน!”
ด้วยเหตุนี้ ซิวหลัวหน้าผีไม่ได้เปิดเกราะโปร่งใส แต่พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ้าจับฉู่อวิ๋นมาศึกษาพายุยุทธ์ในจุดตันเถียนของเขา
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็หันหลังวิ่งหนี เ้านี่เป็เป็คนแบบไหนกัน? โรคจิตยิ่งนัก!
แต่เพราะเขาได้รับาเ็ั้แ่แรก ความเร็วจึงไม่เท่าซิวหลัวหน้าผี ทำให้ถูกจับได้ทันที
“จบกัน!” ฉู่อวิ๋นที่หันกลับมาก็เห็นซิวหลัวหน้าผียื่นมือออกมาคิดโจมตีจุดตันเถียนของเขาอย่างตื่นเต้น
“สู้โว้ย!”
ขณะที่ฉู่อวิ๋นดึงหิมะย่ำรุ้งออกมา และกำลังจะต่อสู้กับชายสวมหน้ากาก ทันใดนั้นเขาก็พบว่าวงแหวนอวกาศในมือตัวเองบินออกไปในฉับพลัน จากนั้นก็กระแทกเข้ากับหน้าผากของซิวหลัวหน้าผี
“เอ๊ะ? ผู้าุโ...”
ก่อนที่ฉู่อวิ๋นจะทันได้โต้ตอบ ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาใ
เื่นี้ค่อนข้างน่าใ...
เพราะนับั้แ่ซิวหลัวหน้าผีถูกกระแทกด้วยเสียง “หวือ” ร่างของเขาก็กระตุกราวกับถูกฟ้าผ่า
จากนั้นก็เห็นเขาล้มลงกับพื้น กลิ้งไปมาบนเวทีขนาดมหึมาราวกับลูกหมาที่... กำลังกลิ้งไปรอบๆ...
ดูน่าขันไม่น้อย... ไม่เพียงแต่ฉู่อวิ๋นเท่านั้น แต่ผู้ชมทั้งหมดต่างตกตะลึงเช่นกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าเข้าใจแล้ว! ไว้ชีวิตข้าเถอะ! อ๊าก! เวียนหัวจังเลย อย่าทำอีกเลย...” ซิวหลัวหน้าผีร้องไห้และกลิ้งลงไปกับพื้น ิญญาผู้กล้าหาญเมื่อก่อนหายไปหมดแล้ว และกลับดูเหมือนเด็กน้อยที่ได้รับบทเรียนมาแทน
ผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ๆ เขาก็หยุด แล้วหยัดกายลุกขึ้น เวียนหัวจนแทบยืนไม่อยู่ ตัวสั่นงันงก...
“ข้ารู้แล้ว... พบ... กัน... ภายหน้า...” ซิวหลัวหน้าผีพูดด้วยความงุนงง จากนั้นก็กลายเป็ภาพเงาและหายตัวไปจากเวทีประลอง
“นี่! อย่าหนีนะ! เกิดอะไรขึ้น?!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็กังวลและกำลังจะไล่ตามไป แต่จู่ๆ ก็ถูกหยุดด้วยเสียงะโของโยวกู่จือ
“ไม่ต้องตาม ข้าจัดการเ้านั่นไปเรียบร้อยแล้ว” โยวกู่จือพูดอย่างมั่นใจ
“จริงหรือ?” ฉู่อวิ๋นสงสัยและอดถามไม่ได้ “ผู้าุโ! เ้าคนงี่เง่านั้นเป็ใครกัน?
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โยวกู่จือก็เขินอายเล็กน้อย เสียงของเขาก็ลดต่ำลงเรื่อยๆ และเอ่ยว่า “อะแฮ่ม...เ้าหนู ไม่ขอปิดบัง คนงี่เง่าคนนั้น... คือทายาทของข้าเอง”
“อะไร...อะไรนะ!?!”
ฉู่อวิ๋นถึงกับสับสน...