ั้แ่วันแรกที่เหยาเชียนเชียนลืมตาขึ้นมาในโลกนี้ อาเหยียนก็เชื่อฟังและรู้ความกับนางมาตลอด ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็ครั้งแรกที่เขาเป็แบบนี้
เมื่อปลอบโยนอวี่เหลียนเอ๋อร์แล้ว เหยาเชียนเชียนก็รีบไปที่เรือนของอาเหยียน แต่กลับถูกขวางอยู่นอกประตูเป็ครั้งแรก
“อาเหยียน” เหยาเชียนเชียนถอนใจ “ให้แม่เข้าไปคุยด้วยหน่อยได้หรือไม่?”
เสียงร้องไห้ในห้องพลันดังขึ้นกว่าเดิม เหยาเชียนเชียนทั้งร้อนใจและทำอะไรไม่ถูก นางจึงนั่งลงในสวนและเกลี้ยกล่อมเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“อาเหยียน แม่ไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิอาเหยียนนะ เพียงแต่เมื่อครู่พี่เหลียนเอ๋อร์ใจริงๆ ไม่ว่าเื่นี้จะเกี่ยวข้องกับอาเหยียนหรือไม่ อาเหยียนในฐานะที่เป็เด็กผู้ชาย และเป็เสี่ยวซื่อจื่อของจวนแห่งนี้ ดังนั้นก็ควรจะแสดงความห่วงใยต่อพี่เหลียนเอ๋อร์ด้วย”
เสียงสะอื้นภายในห้องเบาลงเล็กน้อย เหยาเชียนเชียนรู้สึกได้ว่าเด็กคนนั้นคงจะพิงอยู่ตรงประตู
“ท่านแม่...บอกแล้วว่า...อาเหยียนไม่ได้ผลัก...”
“เอาเถิด” เหยาเชียนเชียนรีบกล่าวขึ้น “อาเหยียนไม่ได้ทำ อาเหยียนไม่มีทางทำเื่เช่นนั้นเป็แน่ บางทีพี่เหลียนเอ๋อร์อาจจะไม่ระวังและตกลงไปเอง”
บานประตูะเืเล็กน้อย จากนั้นเสียงร้องไห้ในห้องก็ดังขึ้นยิ่งกว่าเก่า
อาเหยียนพูดอย่างไม่ปะติดปะต่อว่าเหยาเชียนเชียนโอ๋เขา แท้จริงแล้วในใจนางไม่ได้คิดดังที่กล่าวมา เห็นได้ชัดว่าอวี่เหลียนเอ๋อร์ผู้นั้นตกลงไปเองแท้ๆ เหตุใดนางถึงไม่ยอมเชื่อเขาอย่างสนิทใจ
เหยาเชียนเชียนอดถอนหายใจไม่ได้ ที่จริงแล้วบ่าวไพร่ที่คอยปรนนิบัติรอบๆ ก็ล้วนกล่าวเช่นนี้เหมือนกัน พวกเขาจะกล้าใส่ร้ายซื่อจื่อได้อย่างไร
ไม่รู้ด้วยเหตุใดวันนี้อาเหยียนถึงได้มีท่าทีผิดไปจากปกติอย่างสิ้นเชิง ั้แ่ต้นจนจบก็เอาแต่ดึงสีหน้าใส่อวี่เหลียนเอ๋อร์อยู่ตลอด และไม่ได้อ่อนข้อลงเลยแม้แต่น้อย ยามนี้สายตาของทุกคนล้วนเห็นว่าเขาผลักนางตกน้ำ ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมรับ
“อาเหยียน แม่รู้ว่าอาเหยียนไม่ได้จงใจและไม่ได้มีเจตนา แต่อาเหยียนไปขอโทษพี่เหลียนเอ๋อร์กับแม่นะ แม่จะไม่ตำหนิอาเหยียน”
เมื่อทำความผิดแล้วจะปล่อยผ่านละเลยไปไม่ได้เป็อันขาด เหยาเชียนเชียนไม่อยากให้เขาอาศัยฐานะซื่อจื่อหรือว่าเหตุผลอื่นๆ มาบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบของตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น อวี่เหลียนเอ๋อร์ตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง นางพาอีกฝ่ายกลับมาอยู่ที่จวนย่อมต้องให้สถานที่ตั้งหลักตั้งตัวแก่อีกฝ่าย ไม่ใช่พาเด็กหญิงมาเปลี่ยนสถานที่ทรมาน
“ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ผลักนะ” อาเหยียนยังคงยืนกราน เขากล่าวใส่ประตูอย่างโกรธเคืองว่า “ข้าไม่อยากพบท่านแม่แล้ว วันพรุ่งนี้ก็จะไม่พบเช่นกัน”
เช่นนั้นวันหน้าค่อยว่ากัน
เหยาเชียนเชียนเคาะประตูหยั่งเชิงแต่กลับไม่มีการตอบรับอีกแล้ว นางรู้ดีว่าเด็กคนนี้โกรธจริงถึงแปดส่วน ทว่าคนที่ตกน้ำก็คือผู้อื่น และคนที่เสียขวัญก็คือผู้อื่นเช่นกัน แต่เขายังโกรธเคืองหนักถึงเพียงนี้ได้อีก
เหยาเชียนเชียนถอนหายใจและลุกขึ้นยืน เื่นี้ทำให้นางหนักใจไม่น้อย เป็ครั้งแรกที่อาเหยียนพูดว่าไม่อยากพบนาง ทั้งที่ในเวลาปกติเขามักชอบทำตัวติดกับนางอยู่เสมอ
ที่แท้ความรู้สึกของคนเป็แม่ก็เป็เช่นนี้เอง เหยาเชียนเชียนแตะบานประตูแ่เบาและหมุนตัวตรงไปยังเรือนของเป่ยเหลียนโม่ ดูท่าว่ายามนี้คงต้องไปปรึกษากับผู้เป็พ่อเสียแล้ว
เนื่องจากนางไม่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ด้วยตาของตัวเอง ดังนั้นเหยาเชียนเชียนจึงพาบ่าวไพร่ที่คอยปรนนิบัติในเวลานั้นไปด้วย บ่าวไพร่กลุ่มนั้นยังคงกล่าวคำเดิมต่อหน้าเป่ยเหลียนโม่ว่าอาจเพราะเสี่ยวซื่อจื่อไม่ระวังเพียงเท่านั้น
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันก็คิดว่าอาเหยียนไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน เพียงแต่ยามนี้เด็กคนนี้ทำผิดโดยไม่ระวังและไม่ยอมรับ พระองค์คิดว่าควรทำอย่างไรดีเพคะ?”
เป่ยเหลียนโม่โบกมือให้คนกลุ่มนั้นออกไปและทอดมองเหยาเชียนเชียน
“เมื่อครู่เ้าไปหาอาเหยียนมาหรือ?”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้า นางกล่าวอย่างกลัดกลุ้มว่านางไม่ได้เข้าไปในห้อง นางถูกทิ้งให้พูดจากในสวน และอาเหยียนก็ยังคงโกรธนางอยู่
“เขาบอกว่าพรุ่งนี้ก็ไม่อยากพบหม่อมฉัน” เหยาเชียนเชียนอดเม้มปากไม่ได้ “มีอะไรก็คุยกันดีๆ สิ ถ้าไม่เห็นตัวคนมันจะมีประโยชน์อย่างไร พรุ่งนี้หม่อมฉันก็ไม่ไปพบเขาแล้วเหมือนกัน”
เป่ยเหลียนโม่รู้สึกขบขันกับผู้ใหญ่และเด็กสองคนนี้เหลือเกิน โดยเฉพาะเหยาเชียนเชียนที่ทำท่าทางน้อยอกน้อยใจอยู่ต่อหน้าเขา กล่าวอะไรของนางกัน จากที่เขามองจวนนี้ไม่จำเป็ต้องหาเด็กที่ไหนมาเลย สติปัญญาของนางก็อยู่ระดับพอๆ กันกับอาเหยียนนั่นแหละ
“ด้วยอุปนิสัยของอาเหยียน เปิ่นหวังไม่เชื่อว่าเขาจะทำเื่เช่นนั้นได้”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้า ก็ใช่น่ะสิ นางก็ไม่เชื่อเช่นกัน ทว่ามีคนเห็นเหตุการณ์มากมายเพียงนั้น อาเหยียนอาจจะชนอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจหรือมีเหตุผลอื่น
เดิมทีก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร เพียงแค่แสดงความสำนึกผิดก็พอแล้ว แต่เด็กคนนี้กลับเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่มีความผิด และนั่นทําให้นางปวดหัว
“วันนี้อาเหยียนดูแปลกๆ ไป เหมือนกับว่าั้แ่ครั้งแรกที่เห็นเหลียนเอ๋อร์ เขาก็ดูไม่ค่อยชอบอีกฝ่ายนัก”
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้วด้วยความกลัดกลุ้ม “คราแรกหม่อมฉันคิดว่าเขาอาจจะไม่คุ้นเคย เพราะฉะนั้นถึงได้เก้ๆ กังๆ ไปบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น”
นางมองเป่ยเหลียนโม่อย่างลังเล และกล่าวด้วยเสียงอันแ่เบาว่า “ท่านอ๋อง พระองค์คิดว่าเป็ไปได้หรือไม่ว่าอาเหยียนอาจจะกำลัง...หวง?”
หวง?
เป่ยเหลียนโม่มองนางด้วยท่าทางขบขัน รอยยิ้มในั์ตาสีดำสนิทคู่นั้นทำให้เหยาเชียนเชียนรู้สึกเก้อเขินมากขึ้นกว่าเดิม นางจึงอธิบายอย่างเกร็งๆ ว่า
“พระองค์ลองคิดดูสิเพคะ ในจวนแห่งนี้ไม่มีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาสักคน อยู่ๆ ก็มีคนหนึ่งเข้ามา และหม่อมฉันต้องแบ่งความรักให้เหลียนเอ๋อร์ด้วย อาเหยียน...อาจจะรู้สึกไม่พอใจ?”
นั่นไม่น่าจะเป็ไปได้เลย ชิงผิงอ๋องเหยียดยิ้มมุมปาก ถึงอย่างไรยามนั้นอาเหยียนก็เป็ฝ่ายมาหาเขาเองและบอกว่าตนอยากได้น้องสาว
“เ้าไปหาเด็กคนนั้นมาจากที่ใด?”
เหยาเชียนเชียนเล่าอย่างสั้นๆ รอบหนึ่งว่า นางเกือบถูกงูตัวใหญ่ที่กำลังคลั่งกัดที่ตลาด และได้อวี่เหลียนเอ๋อร์ช่วยชีวิตนางไว้ ทว่าบิดาผู้นั้นของเด็กหญิงไม่ใช่บิดาแท้ๆ ดังนั้นนางจึงซื้อตัวกลับมาด้วยเงินห้าตำลึง
เป่ยเหลียนโม่เมื่อได้ยินว่าอวี่เหลียนเอ๋อร์ใช้ไม้กลองแทงงูเหลือมตาย ในดวงตาพลันปรากฏแววมืดครึ้ม ทว่าสีหน้าไม่เปลี่ยน นิ้วมือเรียวยาวเคาะโต๊ะสองสามครั้งเบาๆ
“ไปพาตัวเด็กคนนั้นมา ในเมื่อเข้าจวนอ๋องมาแล้วก็ควรจะมาเข้าพบเปิ่นหวัง”
ดีเหมือนกัน เหยาเชียนเชียนพยักหน้า ควรพาอวี่เหลียนเอ๋อร์มาพบชิงผิงอ๋องสักหน่อย ถึงอย่างไรนายท่านของจวนแห่งนี้ก็คือเขา
เมื่อเปลี่ยนเป็ชุดที่พอดีตัวเรียบร้อยแล้ว อวี่เหลียนเอ๋อร์ก็ถูกพามาอยู่ตรงหน้าเป่ยเหลียนโม่ ในดวงตาเจือแววหวาดกลัว นางยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางอึดอัดและไม่สบายใจเล็กน้อย พลางพินิจคนตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
“เหลียนเอ๋อร์ ท่านผู้นี้คือท่านอ๋อง เ้าไม่ต้องกลัวนะ เพียงแต่วันนี้เ้าเข้าจวนมาและเกิดเื่ขึ้นไม่น้อย อีกทั้งยังเกี่ยวเนื่องถึงซื่อจื่อ ดังนั้นท่านอ๋องจึงอยากพบเ้าสักหน่อย”
เหยาเชียนเชียนคิดว่าจนถึงยามนี้แล้วเด็กคนนี้ก็ยังคงไม่คืนสติ นางแอบรู้สึกเสียใจเล็กน้อย การตัดสินใจของนางรีบร้อนเกินไปหน่อยหรือไม่ อีกทั้งยังพาตัวเด็กหญิงกลับจวนมาโดยไม่คิดให้เยอะ หรือไม่ก็ควรให้เวลาเด็กน้อยสักสองสามวันเพื่อปรับตัว และหลังจากนั้นค่อยพาไปพบคนอื่นๆ
“เงยหน้าขึ้น” ถ้อยคำของเป่ยเหลียนโม่ไร้ซึ่งอารมณ์ ส่งผลให้อวี่เหลียนเอ๋อร์ตัวสั่นระริกขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างช้าๆ
เมื่อสบเข้ากับดวงตาคมปลาบคู่นั้นนางก็ดึงสายตากลับไปทันที ท่าทางหวาดกลัวมากกว่าเก่า ทำให้เหยาเชียนเชียนเห็นแล้วอดเป็กังวลไม่ได้
เด็กคนนี้ถูกทำให้เสียขวัญ ยามนี้ยังต้องเผชิญหน้ากับชิงผิงอ๋องโดยตรงอีก จะหวาดกลัวก็สมควรแล้ว
“ท่านอ๋อง นางยังเด็ก พระองค์มีอะไรค่อยๆ พูดกันเถิดเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่จิบชาอึกหนึ่งและไม่มองเด็กหญิงอีก เขากล่าวว่า “เปิ่นหวังได้ยินมาว่าวันนี้ซื่อจื่อผลักเ้าตกน้ำ เป็เช่นนั้นจริงหรือ?”
อวี่เหลียนเอ๋อร์คุกเข่าลงอย่างลนลาน กล่าวว่าทั้งหมดเป็เพราะนางไม่ระวังเอง เื่ที่ตกน้ำไม่มีความเกี่ยวข้องกับซื่อจื่อ
“ทั้งหมดล้วนเป็ความผิดของเหลียนเอ๋อร์เพคะ หม่อมฉันทำให้ซื่อจื่อตระหนก อีกทั้งยังทำให้หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงเข้าพระทัยซื่อจื่อผิด หากท่านอ๋องประสงค์จะลงโทษก็ลงโทษเหลียนเอ๋อร์เถิดเพคะ หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงเพียงแค่อยากช่วยอธิบายแทนเหลียนเอ๋อร์เท่านั้น ท่านอ๋องได้โปรดอย่าตำหนิเหนียงเหนี่ยงเลยเพคะ”
อวี่เหลียนเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองเหยาเชียนเชียนทั้งน้ำตาคลอเบ้า กล่าวว่าอีกฝ่ายซื้อนางกลับมาจากตลาด นางซาบซึ้งในบุญคุณของเหยาเชียนเชียน วันนี้เดิมทีก็เป็เจตนาดีของเหยาเชียนเชียน แต่เพราะนางเื่ถึงได้กลับกลายเป็เช่นนี้
“เหลียนเอ๋อร์ทำผิดต่อน้ำพระทัยของหวังเฟยเหนียงเหนี่ยง และยังทำให้ซื่อจื่อไม่พอพระทัย ทั้งหมดล้วนเป็ความผิดของเหลียนเอ๋อร์ จะลงโทษเหลียนเอ๋อร์อย่างไรก็จะยอมรับทั้งหมด ขอเพียงท่านอ๋องสั่งลงโทษเท่านั้น”
เหยาเชียนเชียนมองไปทางเป่ยเหลียนโม่ เด็กเล็กขนาดนี้จะรับการลงโทษได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นคือนางเรียกอีกฝ่ายมาไม่ใช่เพื่อให้รับโทษ เด็กคนนี้เพิ่งตกน้ำมาเอง
“ท่านอ๋อง วันนี้เด็กคนนี้เสียขวัญมามากเกินไปแล้ว หากพระองค์ประสงค์จะถามอันใด มิสู้รีบถามสักหน่อยดีกว่าเพคะ จะได้ให้นางกลับไปพักผ่อน”
เป่ยเหลียนโม่ลูบขอบจอกน้ำชาเบาๆ และกล่าวว่าเขาก็ไม่ได้อยากถามอันใดแล้ว ในเมื่อนางบอกเองว่าเื่นี้เป็ความผิดของนาง อีกทั้งยังทำให้ซื่อจื่อขุ่นเคือง เช่นนั้นก็ให้นางไปคุกเข่าที่หน้าห้อง
“คุกเข่าสองชั่วยาม เมื่อครบเวลาแล้วก็กลับไปเองได้ ออกไปได้แล้ว”
เหยาเชียนเชียนตกตะลึง เหมือนกับไม่เข้าใจสิ่งที่เขากล่าว
“ท่านอ๋อง พระองค์รับสั่งให้เหลียนเอ๋อร์ไปคุกเข่าหรือ?”
เป่ยเหลียนโม่พยักหน้าด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน “ใช่ หวังเฟยก็ได้ยินแล้ว เมื่อครู่นาง้ารับโทษด้วยตัวเอง เื่นี้ย่อมต้องมีข้อยุติ อาเหยียนยืนกรานว่าเขาไม่มีความผิด ทั้งเ้าและข้าต่างก็เชื่อเขา เช่นนั้นเื่นี้ก็ชัดเจนมากแล้วไม่ใช่หรือ”
เหยาเชียนเชียนอ้าปากค้าง นางเชื่อว่าอาเหยียนไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีความผิดเลยแม้แต่น้อย มีคนเห็นเหตุการณ์มากมาย อวี่เหลียนเอ๋อร์จะะโลงไปเองและยังขอให้คนอื่นช่วยนางเล่นลูกไม้อย่างนั้นหรือ?
“แต่...แต่ว่าเด็กคนนั้นเพิ่งรอดจากการตกน้ำมาเองนะเพคะ ในใจต้องกลัวมากเป็แน่ ท่านอ๋องยังลงโทษให้นางไปคุกเข่าอีก ตั้งสองชั่วยามเลยนะเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่ส่ายหน้าน้อยๆ และกางกระดาษขาวแผ่นหนึ่งลงบนโต๊ะอีกครั้ง ท่าทางคล้ายกับกำลังเตรียมจะคัดอักษรอีกครั้ง
“เปิ่นหวังไม่ได้้าจะลงโทษนาง หวังเฟยก็ได้ยินแล้ว นางพูดเองว่าตัวเองกระทำผิด หวังเฟยคงไม่ได้ซื้อนางกลับมาเพื่อเป็นายหรอกกระมัง ในเมื่อไม่ใช่นาย เนื่องด้วยนางสร้างปัญหามากมายเพียงนี้ ให้คุกเข่าก็สมควรแล้ว”
เหยาเชียนเชียนหมดคำพูดไปชั่วครู่ หากนางรู้ก่อนว่าเด็กคนนั้นเมื่อมาที่นี่แล้วจะต้องรับโทษ ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่เรียกให้มาที่นี่ ชิงผิงอ๋องผู้นี้เป็อะไรขึ้นมาอีกเล่า วันนี้สองพ่อลูกทำตัวแปลกๆ กันทั้งคู่
“หากเหลียนเอ๋อร์ไม่เหมาะจะอยู่ที่จวนอ๋องจริงๆ เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะหาที่ใหม่เพคะ”
เหยาเชียนเชียนถอนหายใจ บอกเป็นัยว่าอวี่เหลียนเอ๋อร์ล่วงเกินสองพ่อลูกขนาดนั้นเชียวหรือ อาเหยียนไม่ชอบนาง ชิงผิงอ๋องแม้จะไม่ได้กล่าวออกมาและไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่ถึงอย่างไรก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่พึงใจในตัวเด็กคนนี้มากนัก
แปลกจริง เหยาเชียนเชียนคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ แค่เด็กน่ารักคนหนึ่ง และอีกฝ่ายได้ช่วยชีวิตนางไว้ด้วย เหตุใดสองคนนั้นถึงได้ผลักไสรุนแรงขนาดนี้?
นางกำชับให้บ่าวไพร่คอยมองอยู่ข้างๆ หากอวี่เหลียนเอ๋อร์ทนไม่ไหวก็ให้คนไปแจ้งนาง นางจะได้ช่วยร้องขอความเมตตา
แต่ความจริงแล้วอวี่เหลียนเอ๋อร์ก็คุกเข่าไปจนครบสองชั่วยาม จากนั้นจึงถูกประคองกลับมา
“รีบนั่งลงเถิด” เหยาเชียนเชียนหยิบยาออกมา “เข่าบวมหมดแล้ว”
อวี่เหลียนเอ๋อร์สะอื้นเบาๆ กล่าวว่านางไม่เป็อะไรมาก ตราบใดที่ไม่ได้ทำให้หวังเฟยพลอยทำให้ท่านอ๋องไม่พอพระทัยไปด้วย การลงโทษครั้งนี้ก็ไม่นับเป็ปัญหาอะไร
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง พระองค์อย่าได้กล่าวชื่นชมเหลียนเอ๋อร์อีกเลยเพคะ ถึงอย่างไรท่านอ๋องก็รักซื่อจื่อ ยิ่งพระองค์ปกป้องเหลียนเอ๋อร์ ก็เกรงว่าท่านอ๋องจะพาลกริ้วพระองค์ไปด้วย”
แมวดำตัวหนึ่งะโขึ้นมาบนหน้าต่างโดยไร้เสียง ั์ตาสีมรกตหรี่ลง ดึกดื่นป่านนี้ นินทาอะไรเปิ่นหวังกันอีกเล่า
