เมื่อเห็นเขาถูกเบี่ยงเบนความคิด ชีเหนียงจึงโล่งอก ตอนนี้นอกจาก้าบ้านแล้ว นางยังต้องรอการมาถึงของจ้าวจือชิง
จ้าวจือชิงรู้ที่พักชั่วคราวของชีเหนียงจากสาส์นที่นางทิ้งไว้ แต่เมื่อมาถึงเมืองหลวงจริง กลับมีความกังวลกับบ้านเกิดเล็กน้อย
ที่แห่งนี้คนที่รู้จักตนเองมีมากเกินไป หากถูกจำได้…
เขามองดูเงาสะท้อนของชายร่างใหญ่ในแม่น้ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราและแผลเป็ยาวเฟื้อย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงไม่ตัดจอน กระทั่งเขาก็จำตัวเองไม่ได้แล้ว แล้วไยต้องห่วงผู้อื่น!
หากมีคนจำเขาได้จริงก็ดี จะได้ดูคนเ่าั้ร้อนตัว!
เมื่อคิดได้ เขาก็สะบัดแส้เร่งม้าเพื่อให้ไปถึงที่พักแรมของชีเหนียง ดวงใจปลื้มปริ่มเมื่อจะได้เจอโฉมงามผู้เป็ที่รัก พอเปิดประตูกลับเห็นเพียงห่านขี้เหม่อหนึ่งตัว
“แม่เ้าล่ะ?” หลังจากหาอยู่ทั่วห้องก็ไม่เห็นเงาของชีเหนียง จ้าวจือชิงถึงเบนสายตาไปทางลั่วจิ่งเฉิน
อีกฝ่ายย่อมไม่ทำให้เขาสมปรารถนา แล้วหยิบน้ำชาขึ้นจิบ
เมื่อไม่ได้รับคำตอบ จ้าวจือชิงก็หย่อนก้นลงตรงข้ามเขา “ให้ข้าเดา จากนิสัยของชีเหนียงจะต้องอยู่ว่างไม่ได้ นางไปหาร้านหรือ?”
ลั่วจิ่งเฉินไม่ได้ช้อนเปลือกตาขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว
เอ๋ ทายไม่ถูกหรือ!
“เห็นทีคงไปหาบ้านสินะ”
ดั่งที่คาด มือของลั่วจิ่งเฉินที่ดื่มน้ำชะงักหนึ่งที ถึงเพิ่งรับรู้ว่าจ้าวจือชิงขุดหลุมพรางให้เขา ลั่วจิ่งเฉินได้แต่โมโหตัวเองในใจ เหตุใดเวลาอยู่ต่อหน้าจ้าวจือชิง เขาถึงเป็ผู้แพ้ตลอด ทั้งที่เขาไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดด้วยซ้ำ
อืม เห็นทีครั้งนี้จะทายถูกแล้ว
“เ้าทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง เพิ่งมาถึงเมืองหลวง แม่เ้าไม่คุ้นที่ทาง เ้ากลับให้ผู้หญิงอย่างนางออกไปตามลำพัง เ้าไม่กลัวนางเกิดเื่หรือ?”
จ้าวจือชิงเคาะมะเหงกใส่เขาโดยไม่คิด “ดูอะไร ข้าพูดไม่ถูกหรือ?”
พอตีเสร็จก็จะออกไปหาชีเหนียง “ใครบางคนวางใจ แต่ข้าไม่วางใจ”
ลั่วจิ่งเฉินลูบกะโหลกที่เจ็บเล็กน้อย ผู้ใหญ่ที่ทำตัวเหมือนเด็กนี่มันอะไรกัน! อีกอย่างเขาไม่ห่วงท่านแม่อย่างไรกัน ก็ท่านแม่ขวางไม่ให้เขาไปด้วย
ไม่ได้ มิเช่นนั้นจ้าวจือชิงต้องสร้างความประทับใจให้ท่านแม่แน่
ลั่วจิ่งเฉินรีบลุกขึ้น เมื่อรับรู้ถึงหางที่ตามหลังตนเองต้อยๆ จ้าวจือชิงก็หัวเราะอย่างไร้ซุ่มเสียง ดูท่าทางร้อนรนของเ้าเด็กหนุ่ม เดาว่าคงอยากกันเขาสินะ น่าเสียดาย เื่ของผู้ใหญ่มิใช่เื่ที่เด็กมาแทรกได้ ขอเพียงเขาสยบชีเหนียงได้ ช้าเร็วสักวัน ลั่วจิ่งเฉินก็ต้องเรียกเขาว่าท่านพ่ออยู่ดี!
ทั้งสองเพิ่งออกจากโรงเตี๊ยมก็เห็นชีเหนียงลงจากรถม้า
“ที่เหล่านี้ข้ายังไม่พอใจนัก หากมีสถานที่เงียบสงบกว่านี้จะดีที่สุด หากไม่มีก็หาแค่ที่เหมาะสมใช้ได้ก็พอ” ชีเหนียงรู้ว่าบ้านที่ตนไปดูมาสี่ห้าหลัง ล้วนไม่เหมาะสม จนคนผู้นี้เริ่มไม่พอใจแล้ว แต่การซื้อบ้านเป็เื่ใหญ่ ต้องหาที่ถูกใจจึงจะดี
คนผู้นี้ก็หลักแหลมนัก คำพูดนี้ของนางหมายถึงว่าครั้งหน้าก็ยังจะดูบ้านของตนเองแน่ เริ่มแรกเขาคิดว่านางคือคนนอกพื้นที่ จึงไม่ได้พานางไปดูบ้านที่ดี วันนี้บ้านที่พานางไปดีกว่าครั้งที่แล้วมากนัก แต่นางก็ยังไม่ชอบใจ หากไม่ใช่เพราะความมุ่งมั่นที่จะซื้อบ้านของนาง เขาคงไม่อยากให้บริการคนผู้นี้แน่
“ลั่วฮูหยินพูดอะไรกัน การซื้อบ้านมิใช่เื่เล็ก ย่อมต้องเปรียบเทียบก่อน เอาเช่นนี้ หากครั้งหน้ามีบ้านที่ดี ข้าค่อยมารับท่าน”
รอจนคนจากไป ชีเหนียงหันหลังมาก็เจอท่อนไม้ั์ยืนตระหง่านอยู่ตรงประตูโรงเตี๊ยม
เขากลับมาแล้ว! ตัวคล้ำขึ้น แล้วก็ผอมลงด้วย เมื่อพินิจอย่างละเอียดเหมือนจะดูกระปรี้กระเปร่าดี เดาว่า่นี้แม้จะลำบากก็ยังรับมือได้!
นางคิดในใจ จากนั้นเก็บมือที่สั่นเล็กน้อยเข้าไปไว้ในแขนเสื้อเพื่อปกปิดความตื่นเต้นของตนเอง ขณะเดินหน้าไปก็เอ่ยด้วยเสียงเรียบ “กลับมาแล้วหรือ ในเมื่อกลับมาแล้ว ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ไปกินข้าวกันก่อน”
จ้าวจือชิงจ้องนางตลอด แน่นอนว่าจึงไม่พลาดท่าทีตื่นเต้นของนางที่ได้เห็นตนเองเมื่อครู่
เขามองลั่วจิ่งเฉินอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง ก้างขวางคอจริงๆ หากไม่ใช่เพราะเขาอยู่ด้วย เมื่อครู่ชีเหนียงต้องอยากกอดเขาแน่ เป็เพราะเ้าหนุ่มนี่ ตนเองจึงหมดโอกาสได้กอดโฉมงาม
ลั่วจิ่งเฉินเดินตามพวกเขาเข้าไปพร้อมกับใบหน้าสงสัย ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันเข้าห้องก็ถูกขังไว้นอกห้องทั้งอย่างนั้น
“ลงไปสั่งอาหาร เื่เล็กแค่นี้ คงไม่ต้องให้แม่เ้ามาจัดการหรอกนะ”
ลั่วจิ่งเฉินลดมือที่กำลังจะเคาะประตูลง
ช่างเถอะ! เห็นแก่ที่เขาเพิ่งกลับมา จะไม่ถือสาเขาก็ได้
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอกจากไป จ้าวจือชิงก็หย่อนก้นลงข้างชีเหนียง “ชีเหนียง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไฉนเ้าจึงไม่บอกคิดถึงข้าเลย! เ้ารู้หรือไม่ว่า่ที่ผ่านมาข้าคิดถึงเ้าแทบแย่!”
จ้าวจือชิงที่เสียงแหบทุ้ม ขณะนี้มาพูดจาเจื้อยแจ้ว เมื่อลอยเข้าหูของนาง ถึงขั้นทำให้นางรู้สึกเหมือนไฟฟ้าช็อตจนร่างกายชา
“ทำไมเ้าไม่มองข้า ไม่อยากมองข้าหรือ แต่ข้าอยากมองเ้า คนโบราณไม่ได้หลอกลวงข้าจริงๆ ดั่งที่คาด ไม่เจอสามวันนานเหมือนสามฤดูใบไม้ร่วง”
“เอาล่ะ!” ชีเหนียงทนความตื้อของเขาเช่นนี้ไม่ไหว ทำเอานางทำตัวไม่ถูก ไม่ง่ายดายกว่าจะจัดแจงอารมณืได้ เมื่อครู่เกือบจะเสียอาการอีกแล้ว
เมื่อเห็นว่าชีเหนียงใกล้จะหมดความอดทนแล้ว จ้าวจือชิงจึงเก็บท่าที
“ชีเหนียง่นี้ลำบากแล้ว คนในค่ายอันหยาง เ้าแค่ทำไปแบบส่งๆ ก็พอ เื่อะไรต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเช่นนี้ หากเ้าเหนื่อยจนร่างกายย่ำแย่ ข้าคงต้องโทษตนเองตายแน่”
จ้าวจือชิงตอนนี้ไม่อาจบอกได้ว่า ตอนนั้นเขาก็แค่พลั้งปากไป ใครจะรู้ว่าสิงเหล่าซื่อกลับเอาตนเองมาเป็อาวุธ เขารับรู้ได้ว่าจ้าวจือชิงมีสถานะความสำคัญสำหรับในใจของชีเหนียง คนที่จ้าวจือชิงมองว่าใช้ได้ ชีเหนียงจะต้องเชื่อมั่นเช่นกันแน่นอน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าที่ชีเหนียงจัดการดูแลค่ายอันหยางได้ดีเช่นนี้ ล้วนเป็เพราะให้ความสำคัญกับเขา
“หากเ้าต้องเหนื่อยจนย่ำแย่เพราะคำพูดของข้า ข้าคงเ็ปใจนัก!” จ้าวจือชิงนวดหน้าอกของตน กระทั่งริมฝีปากที่เต็มไปด้วยเคราก็เผยรอยยิ้มตลก ชีเหนียงมองเขาเหมือนมองคนซื้อบื้อก็ไม่ปาน
คนคนนี้ออกไปไม่กี่วันคงไม่ได้บ้าไปแล้วหรอกนะ อะไรคือเพราะคำพูดของเขาทำให้นางเหนื่อยจนย่ำแย่! นางอยากหาเงินและสร้างบ้านพักตากอากาศอันหยาง เกี่ยวอะไรกับเขาหรือ?
ไม่ใช่สิ! ทันใดนั้น ชีเหนียงก็รู้สึกว่าคนผู้นี้จงใจชี้นำตนเองไปอีกทาง คงไม่ใช่คิดว่าทำเช่นนี้แล้วนางจะปล่อยเขาไปโดยไม่ถามอะไรหรอกนะ?
คิดได้สวยงามนัก!
“บอกมา ่ที่ผ่านมาเ้าไปทำอะไร?” พูดจบ ชีเหนียงก็ไม่สนใจท่าทีเ็ปของเขาแม้แต่น้อย กลับกันคือเตือนให้เขาเก็บสีหน้าไร้เดียงสา “จ้าวจือชิง เ้าเป็ชายร่างใหญ่ เอะอะก็ทำท่าทีเช่นสาวน้อย ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจหรือ? หรือเ้าคิดว่าทำเช่นนี้จำตบตาข้าได้?”
ทันทีที่สิ้นเสียงก็นึกขึ้นได้ว่าคำพูดของตนช่างคุ้นเคยนัก ฟังอย่างไรก็เหมือนกับภรรยาที่ไต่สวนสามีที่ออกไปทำงานข้างนอกว่าไปทำอะไรไม่ดีมาหรือไม่ นางรีบส่ายหน้าเพื่อสลัดความคิดนี้ทิ้งไปจากหัว แต่พอมองใบหน้าของจ้าวจือชิงก็ลงน้ำหนักเสียงโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง!
“หืม?”
“ไยชีเหนียงจึงต้องเข้มงวดเพียงนี้ ่นี้ข้าก็แค่ออกไปเพราะมีคนมาหาข้า”
“ใช่หรือ? ไฉนข้าจึงได้ยินว่าสิงเหล่าซื่อมีเื่ให้เ้าทำ เ้าถึงออกไป สิงเหล่าซื่อเล่ามาหมดแล้ว!”
จ้าวจือชิงได้ฟังคำพูดของชีเหนียง ในใจก็ย้อนนึกถึงสิ่งที่สิงเหล่าซื่อบอกกับตนก่อนหน้านี้ ชีเหนียงเคยเค้นถามสิงเหล่าซื่อ แต่สิงเหล่าซื่อชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อกลบเกลื่อนไป หากมิใช่เพราะแบบนี้ ชีเหนียงขุดหลุมพรางเขาเช่นนี้ เกรงว่าเขาคงหลุดพูดอะไรกับนางไปจริงๆ
-----