ถึงหมี่หลันหยางจะเป็ห่วงน้องสาวที่ต้องไปเดินเที่ยวชมเมืองหลวงปักกิ่งท่ามกลางอากาศร้อนระอุ แต่เขาก็รู้ดีว่าบางสิ่งบางอย่างก็จำเป็ต้องทำ ดังนั้นถึงจะกังวลใจอยู่บ้าง เขาก็ยังคงเชื่อฟังคำพูดของน้องสาว พาเฉียนหย่งจิ้น หลินเผิงเฟย และหนิวเถียจู้ กลับไปยังบ้านของอาจารย์เจิ้ง สิ่งที่พวกเขาต้องทำในตอนนี้คือการไม่สร้างปัญหาให้กับน้องสาวเพิ่ม
ในขณะที่หมี่หลันเยว่ตามแม่เจิ้งไปยังบ้านของเพื่อนคนหนึ่ง
"พวกเธอจะไม่เข้าไปข้างในกันจริงๆ เหรอ?"
แม่เจิ้งถามคนสองคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง ทั้งสองคนส่ายหน้าพร้อมกัน
"คุณป้าคะ พวกเราไม่เข้าไปข้างในดีกว่าค่ะ จะได้ไม่รบกวนคุณป้า ถ้าคิดว่าเป็แค่การพูดคุยกันของพี่น้องผู้หญิง ก็จะได้มีพื้นที่ในการพูดคุยกันมากขึ้น พวกเราจะรอคุณป้าอยู่ในรถนะคะ"
หมี่หลันเยว่ สังเกตเห็นว่าชุดเดรสผ้าโปร่งแขนสั้นที่แม่เจิ้งสวมอยู่ด้านหลังเริ่มมีรอยเปียกชื้นจากเหงื่อ เธอรู้สึกผิดไม่น้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะการมาของเธอ อากาศร้อนขนาดนี้ แม่เจิ้งคงจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านเป่าพัดลมเย็นๆ ไปแล้ว แต่วันนี้กลับต้องมาวุ่นวายเพื่อเธอตามตรอกซอกซอยในปักกิ่ง แสงแดดบนท้องฟ้าส่องจ้าเสียจนหมี่หลันเยว่แทบจะลืมตาไม่ขึ้น
"คุณป้าคะ หนูไปส่งคุณป้าที่หน้าประตูนะคะ"
เมื่อคิดได้ดังนั้น หมี่หลันเยว่ ก็รีบหยิบร่มลายดอกไม้เล็กๆ ออกจากกระเป๋าสะพายข้าง ะโลงจากรถ กางร่มชูเหนือศีรษะของแม่เจิ้ง
"หลันเยว่นี่ดีจริงๆ ลูกชายฉันไม่เคยนึกถึงเื่พวกนี้เลย"
แม่เจิ้งหันไปค้อนลูกชายตัวเอง เจิ้งซวี่เหยาทำได้แค่เกาหัวอย่างจนใจ แม่นี่...พอมีหลันเยว่แล้ว ก็ลืมลูกชายไปเลยสินะ เื่ความละเอียดอ่อนน่ะ เขาจะไปสู้หลันเยว่ได้ยังไง ในเมื่อเธอเป็ผู้หญิงนี่นา
"เอาล่ะ ป้าจะเข้าไปแล้วนะ ถ้าร้อนมากก็ไปซื้อไอติมกินกัน อย่าเอาแต่อยู่แต่ในรถ ลงไปเดินเล่นบ้าง ในรถมันอบอ้าวเกินไป"
แม่เจิ้งเดินไปถึงหน้าประตูบ้านก็หยุดเดิน หันกลับมากำชับหมี่หลันเยว่
"ค่ะคุณป้า ไม่ต้องห่วงพวกเราสองคนนะคะ พวกเราจะดูแลตัวเอง คุณป้าเองก็ระวังตัวด้วยนะคะ ถ้ารู้สึกไม่สบายก็รีบกลับบ้านนะคะ"
อากาศร้อนระอุในเดือนกรกฎาคมใกล้เข้าสิงหาคม หมี่หลันเยว่กลัวว่าคุณป้าจะเป็ลมแดด ถ้าเกิดเป็อะไรไปมันจะยุ่ง
"ป้ารู้แล้ว ป้าจะระวังตัว"
เมื่อได้รับความห่วงใยจากหมี่หลันเยว่ แม่เจิ้งก็ผลักประตูรั้วเข้าไปด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ ที่นี่ก็เป็บ้านสี่ประสานเหมือนกัน ตอนที่แม่เจิ้งผลักประตูเข้าไป หมี่หลันเยว่แอบชำเลืองมองเข้าไปอย่างรวดเร็ว เห็นความโอ่อ่าไม่แพ้บ้านของสกุลเจิ้ง
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม่เจิ้งต้องมาด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าบ้านหลังนี้จะมีฐานะไม่ด้อยไปกว่าสกุลเจิ้ง หมี่หลันเยว่คิดว่าการที่แม่เจิ้งอุตส่าห์มาพบเพื่อนที่มีระดับนี้เพื่อเธอ มันทำให้เธอรู้สึกเป็เกียรติมาก ในอนาคตเมื่อเธอประสบความสำเร็จ เธอจะต้องขอบคุณแม่เจิ้งอย่างงาม แต่ตอนนี้เธอยังไม่มีความสามารถขนาดนั้น
พอกลับมาที่รถ เธอก็ได้รับการค้อนจากเจิ้งซวี่เหยาเข้าให้
"เป็อะไรไปคะ อาจารย์เจิ้ง?"
ไม่คิดเลยว่า อาจารย์เจิ้งจะมีมุมที่ดูเหมือนเด็กขนาดนี้ หมี่หลันเยว่หัวเราะในใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอไปขัดใจเขาเข้าตอนไหน
"เฮ้อ ั้แ่มีเธอมา สถานะของฉันในใจแม่ก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ ดูท่าว่าอีกไม่นานเธอคงจะมาแทนที่ฉันในตำแหน่งที่หนึ่งในใจแม่แล้วละมั้ง"
ที่แท้ก็ขี้หึงเื่พวกนี้นี่เอง อาจารย์เจิ้งคนนี้ยังมีความเป็เด็กอยู่ในตัว บางทีการที่ผู้ชายยังไม่แต่งงานก็หมายความว่าเขายังไม่โต
"อาจารย์เจิ้งคะ คุณป้าเป็แม่ของอาจารย์ ไม่ว่าจะยังไงตำแหน่งในใจคุณป้า อาจารย์ก็จะเป็ที่หนึ่งเสมอค่ะ เื่ขี้หึงแบบนี้อาจารย์ไม่น่าเลยนะคะ แต่ว่าฉันก็เป็คนดี น่ารัก มีคนชอบก็ไม่แปลกนี่คะ"
หมี่หลันเยว่พูดความคิดของเธอออกมาอย่างใจเย็น เจิ้งซวี่เหยาที่อยู่ตรงนั้นเบ้ปากแทบจะถึงฟ้า
"ชิๆๆ ยังไม่เคยเห็นใครหลงตัวเองขนาดนี้มาก่อนเลย ชมตัวเองขนาดนี้ มันดีแล้วเหรอ?"
เจิ้งซวี่เหยามองหมี่หลันเยว่อย่างสนใจ ตอนนี้เด็กสาวแก้มแดงปลั่งเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ราวกับแอปเปิ้ลแดงที่น่ากัดกิน
ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัว ถึงเจิ้งซวี่เหยาจะหน้าหนา แต่ผิวสีแทนของเขาก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย การที่เขามีความคิดแบบนี้กับเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ดูเหมือนว่าตำราเรียนที่เขาอ่านมาหลายปีจะสูญเปล่า
"มันไม่ดีตรงไหน ฉันไม่ได้พูดผิดนี่คะ หรือว่าฉันพูดผิด?"
พอถูกถามออกมาตรงๆ แบบนี้ ใครมันจะโง่ไปปฏิเสธกันล่ะ
"ถูก...เธอพูดถูกที่สุด เธอเป็คนดี น่ารัก ฉลาด"
"ในเมื่อรู้อยู่แล้วจะพูดอะไรที่ไม่เข้าเื่ทำไม ในเมื่ออาจารย์สู้ฉันไม่ได้ ก็อย่ามาอิจฉาที่ฉันได้รับการดูแลดีกว่าสิคะ ฉันน่ะเป็เด็กดีที่หาได้ยากมากบนโลกนี้ และก็ยิ่งหาได้ยากบน์เลยนะคะ"
เจิ้งซวี่เหยารู้สึกว่าเขาพ่ายแพ้ให้กับเด็กคนนี้จริงๆ ตอนที่ทำตัวจริงจังเธอก็เป็คนที่มุ่งมั่นในธุรกิจ แต่พอทำตัวซุกซนขึ้นมา เธอก็เป็คนที่ไม่ฟังเหตุผลเอาเสียเลย
"เธอชนะแล้ว เธอดีหาใครเปรียบไม่ได้ขนาดนี้ ก็สมควรที่จะได้รับความเอ็นดูจากแม่ของฉันอยู่แล้ว ถ้าฉันไม่ใช่ลูกชายของแม่ ตำแหน่งของฉันคงจะสู้เธอไม่ได้ไปแล้ว เพราะฉะนั้น เ้าหญิงน้อย ข้าน้อยขอยอมแพ้ ท่านพอใจแล้วหรือยัง?"
พอได้ยินเจิ้งซวี่เหยาพูดจาติดสำเนียงตะวันตกแบบนี้ หมี่หลันเยว่ก็เม้มริมฝีปากแล้วหัวเราะเบาๆ ตอนที่ฟันขาวซี่เล็กๆ กดลงบนริมฝีปากสีแดงระเรื่อ เจิ้งซวี่เหยาก็รีบเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง เื่บางเื่ เขาต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ดี
แม่เจิ้งออกมาจากบ้านหลังนั้นอย่างรวดเร็ว เห็นว่าลูกชายและหมี่หลันเยว่นั่งอยู่ในรถอย่างเชื่อฟัง ก็อดไม่ได้ที่จะบ่น
"กลัวว่าพวกเธอจะอยู่กันแบบนี้แล้วจะเป็ลมแดดกันไปเสียก่อน ลงไปเดินเล่นหน่อยก็ดี"
ในรถ่หน้าร้อน มันให้ความรู้สึกเหมือนถูกอบให้สุกจริงๆ
"ไม่เป็ไรค่ะคุณป้า อากาศร้อนขนาดนี้ คุณป้ายังต้องวิ่งวุ่นไปทั่วเลย ทั้งทักทายทั้งต้อนรับแขก พวกเราแค่นั่งรออยู่ในรถเอง จะแย่ขนาดที่คุณป้าคิดได้ยังไงกันคะ"
"บ้านที่ป้าไปน่ะมีพัดลม พัดลมตัวเล็กๆ ลมเย็นสบาย จะมีอะไรให้วิ่งวุ่น ไม่รู้ว่าสบายกว่ากันเท่าไหร่ มีก็แต่พวกเธอสองคนนี่แหละที่ซื่อบื้อ มาทนทรมานกันอยู่ตรงนี้"
แม่เจิ้งไม่เถียงกับเด็กๆ ทั้งสองคนอีกต่อไป ส่งสัญญาณให้คนขับรถออกรถ
ครั้งนี้ไม่ได้เข้าไปในตรอกซอกซอยใหญ่ๆ แบบบ้านสี่ประสานอีก แต่กลับมายังอะพาร์ตเมนต์ที่ดูหรูหราขึ้น หมี่หลันเยว่ยังคงลงจากรถตามไปส่งแม่เจิ้งถึงหน้าห้อง
"เอาล่ะ ตรงนั้นมีร้านค้าหลายร้าน ที่นี่ยังมีร้านขายเครื่องดื่มเย็นและร้านขายขนมด้วย พวกเธอสองคนอย่าอยู่แต่ในรถ ป้าคงต้องนั่งที่นี่นานหน่อย"
ความหวังดีของแม่เจิ้ง หมี่หลันเยว่รับรู้ได้อย่างแน่นอน รีบบอกว่าเธอจะไปนั่งในร้านขายเครื่องดื่มเย็นเพื่อคลายร้อน แม่เจิ้งถึงวางใจเข้าไปด้านใน หมี่หลันเยว่เดินกลับมาที่รถ เจิ้งซวี่เหยาก็ลงมาจากรถแล้วเหมือนกัน
"ในเมื่อแม่พาเรามาถึงที่นี่แล้ว พวกเราก็ไปเดินเล่นกันเถอะ ไม่อย่างนั้นก็เสียเปล่าที่แม่หวังดีกับเราเปล่าๆ"
เจิ้งซวี่เหยารู้ความคิดของแม่อยู่แล้ว ดังนั้นเขาก็พูดแผนการออกมาก่อนที่หมี่หลันเยว่จะได้ทันพูดอะไร
เจิ้งซวี่เหยารู้ดีว่า ตอนแรกแม่ไปที่บ้านสี่ประสาน นั่นก็เพราะว่าแม่คงอยากจะเดินสำรวจบ้านของเพื่อนผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในบ้านสี่ประสานเ่าั้ เผื่อว่าพวกเธอจะมีข่าวสารเื่บ้านเช่าหรือบ้านขายที่อยู่ใกล้เคียง พวกเธอก็คงจะรู้ข่าวพวกนั้นก่อนใคร แต่ตอนนี้ที่พาตัวเองและหมี่หลันเยว่มายังอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ ก็คือ้าจะให้ตัวเองและหมี่หลันเยว่ไม่ต้องตากแดดตากลม ไม่ต้องเบื่อหน่าย อากาศร้อนขนาดนี้การขลุกอยู่ในรถมันเป็การทรมานจริงๆ ในร้านค้ายังไงก็ต้องเย็นกว่า
"ไปกันเถอะค่ะ เราไปเดินเล่นกัน แต่ฉันรู้สึกว่า การที่ฉันจะตามมาด้วย มันเป็การรบกวนแผนการของคุณป้ารึเปล่านะ จริงๆ แล้วตอนแรกคุณป้าคงอยากจะหาข่าวจากทางบ้านสี่ประสานเลยมากกว่า"
หมี่หลันเยว่ก็เข้าใจเจตนาของแม่เจิ้งได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้แม่เจิ้งได้ปรับแผนการอย่างชัดเจนแล้ว ก็เพื่อไม่ให้ตัวเองและเจิ้งซวี่เหยาต้องตากแดดตากลม ต้องเบื่อหน่าย ใจของพวกผู้ใหญ่ก็อยากจะคำนึงถึงลูกหลานในทุกๆ เื่
"เฮ้อ ดูสิว่าเธอกำลังกังวลเื่อะไรอยู่ การมาที่นี่ก็ต้องมีเหตุผลของการมาที่นี่สิ ให้รู้ไว้ว่าเพื่อนของแม่ฉันน่ะ มีศักยภาพกันทั้งนั้น ต่อให้ขลุกอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมออกไปไหน ข่าวสารก็ยังส่งตรงมาได้ทุกทิศทาง เพราะฉะนั้นเธออย่ามาห่วงเื่พวกนี้เลย ทำตามความหวังดีของแม่ฉันก็พอ ไปเดินเล่นที่นั่นกันเถอะ"
ตอนนี้ไม่เดินก็ต้องเดินแล้ว แม่เจิ้งบอกแล้วว่าจะออกมาทีหลัง นั่นก็คือการเว้นเวลาให้ตัวเอง หมี่หลันเยว่จำใจต้องเดินตามเจิ้งซวี่เหยาไปเดินเล่นในร้านค้า แต่เธอก็ยังคงไปที่ร้านขายเครื่องดื่มเย็นก่อน ซื้อไอศกรีมหนึ่งถ้วยให้คุณลุงคนขับรถ ความรู้สึกดีๆ ที่คนขับรถมีต่อเด็กสาวคนนี้ก็พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในทันที
"เธอร้อนรึเปล่า ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปนั่งในร้านขายเครื่องดื่มเย็นก่อนไหม กินอะไรเย็นๆ ก่อนค่อยไปเดินเล่น"
เจิ้งซวี่เหยาเห็นหมี่หลันเยว่เดินเข้าไปในร้านขายเครื่องดื่มเย็นก่อน ก็คิดว่าเธอคงจะร้อน แต่ที่แท้เธอแค่ซื้อของให้คนขับรถ แต่พอเห็นใบหน้าแดงปลั่งของเธอ เจิ้งซวี่เหยาก็ยังอยากจะให้เธอได้พักผ่อนให้สบายก่อน
"ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเราไปเดินเล่นในร้านค้าก่อนดีกว่า ค่อยกลับมากินเครื่องดื่มเย็น ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคุณป้ากลับมาแล้วจะไม่เจอพวกเรา ฉันบอกคุณป้าแล้วว่าจะไปที่ร้านขายเครื่องดื่มเย็น"
หมี่หลันเยว่ไม่ได้รู้สึกร้อนจนทนไม่ไหว เพราะในใจของเธอกำลังคิดถึงเื่ต่างๆ อยู่
พอได้ยินหมี่หลันเยว่พูดแบบนี้ เจิ้งซวี่เหยาก็จำใจต้องเดินตามหมี่หลันเยว่ ไปเดินเล่นในร้านค้าเ่าั้ก่อน เพราะมันอยู่ในหมู่บ้าน ร้านค้าพวกนี้เลยไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก ร้านที่ใหญ่ที่สุดก็มีแค่สองชั้น แต่หมี่หลันเยว่กลับเดินดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน
"การขายเสื้อผ้าในเมืองหลวงปักกิ่ง ตอนนี้ก็มีขนาดใหญ่โตขนาดนี้แล้ว สมกับที่เป็หัวใจของประเทศจริงๆ ฉันยังคิดว่ามันคงจะแค่ดูดีกว่าเมืองเล็กๆ ทางบ้านเราเท่านั้น ที่ไหนได้ ที่นี่ก็เริ่มทำการขายสินค้าแบบร้านเดียวแล้วเหมือนกัน"
หมี่หลันเยว่รู้สึกทึ่งเล็กน้อย เธอรู้ว่าเธอได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงมีความคิดที่ก้าวะโล้ำสมัย เธอคิดว่าเธอได้ก้าวล้ำหน้าไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ ร้านค้าที่นี่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าร้านของเธอมากนัก
"ใล่ะสิ หลันเยว่ คนเราต้องก้าวออกมาถึงจะค้นพบสิ่งที่ไม่คาดฝันมากมาย เหมือนกับที่ฉันเกิดในปักกิ่ง ก็คิดว่าปักกิ่งมันเจริญมากแล้ว พอฉันได้ออกไปต่างประเทศถึงได้พบว่าความประณีตงดงามที่นั่นมันทำให้ฉันหลงใหลมากกว่าเสียอีก"
"เพราะฉะนั้นเธอออกมาน่ะถูกแล้ว หลันเยว่ ยิ่งสายตาของเธอเปิดกว้างมากขึ้นเท่าไหร่ ความฝันของเธอก็จะยิ่งไกลมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งได้พบเห็นในสิ่งที่ไม่คาดฝันมากขึ้นเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งพยายามและก้าวหน้ามากขึ้นเท่านั้น เด็กน้อย สู้ๆ นะ"
เจิ้งซวี่เหยาขยี้ผมของหมี่หลันเยว่ครั้งนี้ทำได้อย่างเป็ธรรมชาติ เพราะเขาสงบใจแล้ว
ถึงที่นี่จะไม่ใช่ใจกลางเมืองปักกิ่ง แต่ก็ถือว่าได้เดินเที่ยวชมปักกิ่งเป็ครั้งแรก ก็ทำให้หมี่หลันเยว่ได้เข้าใจภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในปักกิ่ง ทั้งสองคนไม่ได้เดินเล่นกันมากนัก หมี่หลันเยว่ดูสิ่งที่เธออยากจะดูจบแล้ว ก็ไปที่ร้านขายเครื่องดื่มเย็นกับเจิ้งซวี่เหยา เธอตักไอศกรีมรอแม่เจิ้งออกมา แต่ในหัวของเธอกลับกำลังปรับปรุงแผนการดำเนินธุรกิจของเธอให้สมบูรณ์
