“อืม” เฉินจื่อิเพียงแค่รับคำเรียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น
“เ้าก็รู้ว่าหลานสี่ถูกคนอื่นรับไปเป็สาวใช้ข้างห้อง คิดไม่ถึงว่าคนของจวนสกุลโจวนั้นก็ยังถือว่าเป็คนดีอยู่บ้าง ถึงได้ถอดสถานะสาวใช้ออกจากตัวหลานสี่ให้ จากนั้นก็ปล่อยให้กลับบ้านได้ เพียงแต่…น้องสี่กับน้องสะใภ้สี่ไม่ได้มองนางเป็ลูกสาวเลย ขายไปแล้วครั้งหนึ่งก็ยังจะขายนางอีก ครั้งนี้ยังจะไปขายให้ยายเฒ่าสวี่เอานางไปขายที่ตรอกเหยียนฮวาในเมืองหลวง…”
กวนซูเยวียนพูดถึงเท่านี้ก็ฉลาดที่จะไม่พูดต่อไปอีก เพราะนางเห็นสีหน้าที่ดูเหมือนเรียบเฉยของเฉินจื่อินั้นเริ่มมีความโกรธแล้ว
“พูดต่อ” เสียงของเฉินจื่อิก็เริ่มดังขึ้นมาอีกหน่อย
“เดิมทีข้าคิดว่าเื่นี้แค่พูดให้เข้าใจกันไปก็จบแล้ว ครอบครัวน้องสี่จะไปใจร้ายอย่างนั้นได้อย่างไร ใครจะไปคิดว่าหลานสี่กลับบ้านนั้นได้แค่วันที่สอง น้องสี่ก็ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งโน้มน้าวแล้วก็ยังไม่ได้ จึงจับมัดหลานสี่เอาไปให้ยายเฒ่าสวี่…”
“ปัง!” กวนซูเยวียนยังพูดไม่ทันจบ เฉินจื่อิก็ตบโต๊ะดังปัง “ทุเรศ! ถึงครอบครัวน้องสี่จะจนเพียงใด แต่มีอย่างที่ไหนเอาลูกสาวตัวเองไปขายที่หอโคมเขียว! หากเป็เื่อื่นข้าก็ไม่เข้าไปยุ่งหรอก เื่นี้มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงสกุลเฉินของเราทั้งหมด จะอย่างไรก็ต้องยุ่ง แม่ เ้ารับหลานสี่มาแล้วใช่หรือไม่!”
ประโยคนี้ของเฉินจื่อิคือคำพูดที่พูดด้วยความมั่นใจ ไม่ใช่ถามด้วยความสงสัย
กวนซูเยวียนหัวเราะด้วยความกระอักกระอ่วน “พ่อ เ้าก็รู้ว่าหากหลานสี่อยู่ที่บ้านนั้นต่อไป ใครจะกล้ารับประกันว่าน้องสี่จะไม่หน้ามืดตามัวเพราะเงินแล้วพานางไปขายอีก ดังนั้น ข้า…ก็เลยพาแม่กับหลานสี่มาด้วยกัน…”
เมื่อเห็นว่าเฉินจื่อิไม่ได้โกรธ กวนซูเยวียนยังพูดเสริมอีก “จากนั้นก็พาหลานสาวอีกสองคนมาด้วยเลย”
เฉินจื่อิหน้าตึง ทำได้เพียงถลึงตาใส่นาง ร้องเหอะออกมาด้วยท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจ “ข้าไม่ยุ่งด้วยอยู่แล้ว เื่พวกนี้พวกเ้าก็จัดการกันไปเลย”
กวนซูเยวียนได้ยินก็ดีใจ นางมีทางออกอยู่ในใจแล้ว รู้สึกได้ว่าสามีของตนไม่ได้โกรธมาก นางที่ยินดีมากจึงเขย่งขึ้นไปจูบที่ใบหน้าของเฉินจื่อิ “ไม่เลวเลยจริงๆ ”
การกระทำตื่นเต้นดีใจนี้ เป็เพราะความรู้สึกล้วนๆ ดังนั้นหลังจากเผลอแสดงความรักไปโดยไม่ตั้งใจ ชายหญิงวัยกลางคนทั้งสองก็ต่างตะลึงไป จะต้องรู้ว่าทั้งสองคนโตกันจนอายุขนาดนี้แล้ว เื่ของสามีภรรยาก็มักจะเกิดขึ้นแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น
ถึงแม้ปกติแล้วกวนซูเยวียนจะนิสัยเป็กันเองแค่ไหน แต่ด้วยความเป็ภรรยา นางก็ยังให้ความเคารพกับสามีมาก
ตอนนี้ดีใจมากเกินไปถึงได้พุ่งเข้าไปจูบผู้ชายของตัวเอง!
กวนซูเยวียนหมุนตัวหนี “อ่อ ใช่แล้ว อีกเดี๋ยวเ้าวานคนไปหาหมู่บ้านดีๆ ให้หลานสี่หน่อยเถิด นางจะพาน้องๆ ไปอยู่ที่นั่นด้วยสถานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว เื่นี้ค่อนข้างเร่งด่วนทีเดียว รีบหาสถานที่ปลอดภัยให้พวกนางอยู่ได้ ข้าก็เบาใจ... ข้ายังมีเื่อื่นที่ต้องทำ ขอตัวก่อน”
ทิ้งประโยคยาวเหยียดเสร็จก็ไม่สนใจว่าสีหน้าของเฉินจื่อิจะเป็อย่างไร กวนซูเยวียนรีบจ้ำอ้าวออกไปทันที ท่าทางนั้นของนางดูราวกับลิงที่หางถูกไฟคลอก…
เฉินจื่อิยิ้มแล้วส่ายหน้า “ภรรยาคนนี้นี่ อายุก็ตั้งเท่านี้แล้ว…” มือยกขึ้นไปลูบที่ใบหน้า ยังคงรู้สึกถึงความชื้น และกลิ่นหอมที่อบอวลอยู่…
เดิมทีคิดว่าเื่หาที่พักจะยุ่งยากอยู่สักหน่อย ทว่าสิ่งที่ทำให้เฉินเนี้ยนหรานประหลาดใจก็คือ หลังจากผ่านไปได้เพียงห้าวัน เฉินจื่อิก็สามารถสถานที่ที่พวกเธอจะไปอยู่ได้
“ที่นี่แหละ บ้านถึงแม้จะดูเก่าไปเสียหน่อย แต่ว่าก็สามารถฝืนพักอยู่ได้ เพราะว่าเ้าของบ้านหลังนี้ทำธุรกิจในเมืองไปได้ดี หลังจากมีเงินแล้วก็อยากจะย้ายบ้านออกไป ข้าจ่ายไปไม่กี่ก้วนให้คนไปปล่อยข่าวเอาไว้แล้ว เื่ที่สถานะของเ้าคือหญิงที่ออกเรือนแล้ว…” ตอนที่เฉินจื่อิพูดเื่ปล่อยข่าว สายตาก็เบือนหนีออกไป ไม่กล้าที่จะมองเฉินเนี้ยนหรานตรงๆ
ซึ่งเฉินเนี้ยนหรานเองก็ไม่ได้คิดมาก กลับเป็กวนซูเยวียนเสียอีกที่เข้าใจเื่นี้อย่างถ่องแท้ ก่อนหน้านี้นางกังวลเื่ที่เฉินเนี้ยนหรานอยากจะใช้สถานะสตรีที่ออกเรือนแล้วมาตลอด จะต้องรู้ว่าคนดูแลภายในหมู่บ้านเองก็คุมเข้มมาก จู่ๆ ก็มีสตรีที่ออกเรือนแล้วย้ายเข้ามาอยู่ เขาจึงจำเป็จะต้องจ่ายค่าสินบนเสียหน่อย คิดดูแล้วเื่นี้เกรงว่าไม่ได้ง่ายอย่างที่สามีของตนว่า บอกว่าไม่มีคนใหญ่คนโตช่วยเหลือ นางไม่มีทางเชื่อหรอก
เพียงแต่ ขอเพียงจัดการปัญหานี้ได้ เื่อื่นก็ทำได้สบายแล้ว
“เพราะว่าบ้านหลังนี้เก่าแล้ว ดังนั้นจึงลดราคาเหลือแค่ห้าก้วน ที่เหลือข้าตัดสินใจเอง ซื้อนาหนึ่งไร่ ที่ดินทรายอีกหนึ่งไร่แล้วก็ที่ดินดีอีกสองไร่ให้กับเ้า”
หลังจากเฉินจื่อิคำนวณเงินเรียบร้อยแล้ว ก็เอาเงินสองก้วนที่เหลือใส่มือของนาง “ไร่นานั่นราคาแปดก้วนต่อหนึ่งไร่ ที่ดินทรายไม่มีค่ามาก จ่ายแค่สองก้วนก็เพียงพอ ที่ดินดีสองไร่ราคาไร่ละเจ็ดก้วน สองก้วนที่เหลือพวกเ้าก็ใช้ให้พอทั้งปีเถิด จะต้องประหยัดหน่อยนะ”
“ห้าก้วนก็สามารถซื้อบ้านมาได้แล้วหรือ? ท่านลุงคงไม่ได้เสียเงินตัวเองให้พวกข้าใช่หรือไม่เ้าคะ?” เฉินเนี้ยนหรานไม่รับเงิน กลับกันยังมองไปที่เฉินจื่อิอย่างจริงจัง
ครอบครัวท่านลุงช่วยเหลือนางมากมายเกินไปแล้ว นางไม่สามารถเอาเปรียบพวกเขาได้อีก
“ก็ได้ เ้านี่นะ บ้านหลังนี้ราคาก็ไม่ได้มากมายเท่าไรจริงๆ เพียงแต่พวกเ้าจะต้องใช้ชีวิต ทั้งยังพาน้องสาวสองคนมาอยู่ที่นี่อีก หากไม่มีเงินอยู่ในมือเลย เ้าคิดว่าตัวเองจะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้หรือ? อีกอย่าง บ้านหลังนั้นลุงก็เพิ่มเงินไปให้แค่เพียงสองก้วน ถือว่าเป็น้ำใจของพวกเราแล้วกัน หลานสี่ต่อไปเ้าจะต้องดูแลน้องดีๆ ล่ะ แค่นี้ก็ถือว่าเป็การตอบแทนครอบครัวลุงแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รีบไปจัดการทำความสะอาดเถิด ต่อไปที่นี่ก็ถือเป็บ้านของพวกเ้าแล้ว”
เื่ที่ต้องทำของเฉินจื่อิมีอีกเยอะ หลังจากส่งพวกเฉินเนี้ยนหรานสามพี่น้องเสร็จ ก็รีบออกเดินทางเข้าไปในเมือง ที่นี่เป็ชนบท อยู่ห่างจากร้านของเขาที่อยู่ภายในเมือง ต้องเดินทางถึงสองชั่วยาม
แม้เฉินจื่อิจะกลับเข้าเมืองไปแล้ว แต่กลับทิ้งกวนซูเยวียนเอาไว้
“ท่านพี่ ต่อไปพวกเราสามารถอยู่ที่ได้จริงหรือ?” ดวงตากลมโตของน้องหกมองมาที่เธอพร้อมถามไม่หยุด ถึงแม้บ้านนี้จะสวยสู้บ้านของป้าสะใภ้ไม่ได้ แต่น้องหกก็รู้สึกว่าต่อไปจะมีแค่นางกับพี่สาวอาศัยอยู่ด้วยกันสามคนแล้ว เช่นนั้นช่างเป็อะไรที่ดีมากเหลือเกิน แถมบ้านนี้ต่อให้เก่าอย่างไร ก็ไม่ถึงกับบ้านของท่านแม่ที่ผุผังไปหมดทั้งหลัง
น้องห้าโตกว่านางนิดหน่อย ทั้งยังรู้เื่กว่ามาก แต่ว่าในเวลานี้เด็กหญิงกลับควบคุมความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
“ใช่สิ ใช่สิ น้องหก ต่อไปพวกเราสามารถอยู่กับท่านพี่ได้แล้ว มีบ้านหลังนี้ ต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องแยกจากท่านพี่แล้ว”
พูดถึงตรงนี้ ในดวงตาของน้องห้าก็มีน้ำตาเอ่อคลอ มีเพียง์ที่รู้ว่าใน่เวลานี้นางกังวลที่จะสูญเสียท่านพี่สี่ไปมากแค่ไหน
ตอนนี้มีบ้านหลังนี้อยู่ ทั้งยังเป็บ้านที่ท่านพี่สี่ซื้อเองด้วย นางถึงได้มีความรู้สึกว่ามีที่ให้อยู่อย่างแท้จริง
“เด็กๆ อย่ามัวแต่มองเหม่อเลย มาเถิด พวกเ้าก็มาทำงานด้วย” เฉินเนี้ยนหรานเห็นสองสาวเอาแต่ตื่นเต้นกับการพิจารณาบ้านหลังนี้ จึงรีบเอาผ้าขี้ริ้วสองผืนยัดใส่มือของพวกนาง เป็ความหมายว่าให้พวกนางไปทำความสะอาด
“ได้เลยเ้าค่ะท่านพี่ ข้าทำงานเป็” น้องหกแขนขาเล็ก การกระทำจึงรวดเร็วว่องไวมาก
นางหันตัวไปแย่งผ้าขี้ริ้วมา แล้วเลียนแบบท่าทางของกวนซูเยวียน เช็ดถูบ้านอย่างเมามัน
กวนซูเยวียนมองแล้วขำ “เ้าเด็กคนนี้ ตัวเล็กแต่กลับแสบไม่เบา แต่ว่าลูกสาวเรือนนี้ดีนะ พูดรู้เื่ ไม่เหมือนเสี่ยวอู่ลูกชายของข้า ั้แ่เด็กก็ทำตัวเป็คุณชาย”
เสี่ยวอู่ก็คือเปาจื่อ เพราะว่าอายุน้อยยังไม่ได้เข้าเรียน วันนี้นางถึงพามาด้วย
ตอนนั้นที่ได้ยินนางกำลังบ่นถึงตน เสี่ยวเปาจื่อจึงโต้ขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ ท่านนิสัยไม่ดีเลย ตอนนี้ข้าก็มาช่วยแม่นางคนงามทำงานบ้านนะ ท่านดูสิ หยากไย่้าล้วนเป็ฝีมือข้ากำจัดเองทั้งนั้น”
เด็กชายพูดไปก็โบกไม้ไผ่ในมือไป แต่ด้วยความที่ควบคุมเรี่ยวแรงได้ไม่ดีนัก ไม้ไผ่บ้องนั้นพลาดไปโดนไหดินเผาที่อยู่ไม่ไกลเข้า
“เพล้ง!” ไหดินเผาที่ยังสามารถบรรจุของได้แสนน่าสงสาร ถูกเขาทำแตกอย่างไร้หัวใจไปเสียแล้ว
กวนซูเยวียนเท้าเอวด้วยความโกรธ “เฉินเปาจื่อ! วันนี้เ้าทำของพังไปครั้งที่เท่าไรแล้ว”
พูดจบก็ยกมือขึ้นจะสั่งสอนลูกชายจอมซน เป็เฉินเนี้ยนหรานที่หลังจากได้ยินเสียงก็รีบวิ่งเข้ามา ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยหลบไปด้านข้าง
“ข้าพาเปาจื่อไปดูสวนผักด้านนอกดีกว่าเ้าค่ะ”
เสี่ยวเปาจื่อที่ก่อเื่ยื่นหน้าออกมาจากอ้อมกอดของนาง ก่อนจะแลบลิ้นไปทางกวนซูเยวียนที่กำลังโมโหอยู่ ทั้งยังกระตุกมุมปากขึ้น ด้วยท่าทางระริกระรี้เป็เชิงว่า ท่านจับข้าไม่ได้หรอก ท่านจับข้าไม่ได้หรอก ทำเอากวนซูเยวียนทั้งโกรธทั้งขำ เ้าเด็กนี่ ซนจริงๆ
เพราะว่าเ้าของบ้านหลังนี้คือคนคุ้นเคยของท่านลุง จึงขายบ้านนี้มาด้วยราคาที่ถูก แถมรอบๆ ยังมีสวนผักอยู่จำนวนมาก พวกนี้คือสิ่งที่เฉินเนี้ยนหราน้ามาโดยตลอด เพราะว่ามีสวนผักพวกนี้และที่ดินที่สามารถตอบสนองความ้าของเธอ ผู้ใฝ่ฝันว่าอยากจะปลูกผักแบบธรรมชาติได้พอดี
หากไม่ใช่เพื่อทำความฝันให้เป็จริง เธอก็คงไม่มาซื้อบ้านอยู่ในชนบท แล้วไปหาเช่าบ้านอยู่ในเมืองแทน ตอนนั้นค่อยมาคิดว่าจะทำมาหากินอะไรก็ได้ [1]
แต่ว่าชีวิตใหม่นี้ จุดเริ่มต้นใหม่นี้ เธอยอมรับมันได้แล้ว และเธออยากจะมีชีวิตเป็ของตนเอง โดยทิ้งสิ่งสะดวกสบายมีความสุขพวกนั้นไป การทำความฝันให้เป็จริงคือเื่ที่เธออยากจะทำที่สุดในตอนนี้
รอบๆ แปลงผักมีติดแค่เพื่อนบ้านที่อยู่ทางด้านขวาเท่านั้นที่ปลูกผักกาดขาว ทางนั้นมีหญิงวัยกลางคนกำลังทำงานอยู่ พอหญิงคนนั้นเห็นมือของเธอจูงเปาจื่ออยู่ก็มองอย่างพิจารณา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทิ้งของในมือเดินยิ้มมาหาพวกเฉินเนี้ยนหราน
“น้องสาวคนนี้ เ้าก็คือญาติของลุงหลัวที่ย้ายเข้ามาใหม่สินะ ก่อนหน้านี้ตอนที่ลุงหลัวอยู่ พวกเราก็ได้ตกลงกันเอาไว้แล้วว่าข้าจะขอใช้พื้นที่ตรงนี้จะปลูกผักกาดขาว ตอนนี้พวกเ้ามาอยู่ต่อ เื่นี้จึงต้องบอกพวกเ้าเอาไว้ก่อน น้องสาว สวนผักกาดขาวนี้หากเ้ารีบใช้ล่ะก็พรุ่งนี้ข้าจะมาจัดการเก็บกวาด แต่หากไม่รีบ….ข้า…ข้าอยากจะค่อยๆ ตัดไปแล้วค่อยย้ายออกไป…”
พูดถึงตรงท้าย สีหน้าของหญิงวัยกลางคนก็เริ่มกระอักกระอ่วนขึ้นมา
มองคิ้วเข้ม ตากลมโตของนาง มือเท้าก็ใหญ่ มองออกเลยว่าเป็เท้าที่มาจากทำงาน เป็หญิงสาวที่ขยันมาก
เฉินเนี้ยนหรานยิ้มอ่อน “แม่นาง พวกเราไม่รีบใช้หรอกเ้าค่ะ ท่านก็ค่อยๆ ตัดผักกาดขาวจนเรียบร้อยแล้วค่อยคืนข้าก็ได้ ข้าชื่อว่าเฉินเนี้ยนหราน ไม่ทราบว่าท่านชื่อว่าอะไรหรือ? ต่อไปพวกเราเป็เพื่อนบ้านกันแล้วนะเ้าคะ มีอะไรก็ช่วยดูแลกันเถิด”
พวกนางเป็ผู้หญิงสามคน มาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เป็อะไรที่ง่ายดายมากที่จะถูกคนเอาไปครหานินทา มีความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้านไว้คือสิ่งที่เธอต้องทำที่สุดในเวลานี้
“ไอ๊หยา น้องสาวคนนี้ปากหวานเสียจริง สามีข้าสกุลฟาง เ้าก็เรียกข้าว่าพี่สะใภ้ฟางแล้วกัน ดูจากอายุแล้ว ข้าน่าจะแก่กว่าเ้า เ้าเรียกข้าว่าแม่นางนี่ค่อนข้างเสียเปรียบนะ น้องสาวเ้านี่หน้าตางดงามเสียจริง ราวกับออกมาจากรูปภาพอย่างไรอย่างนั้น ในหมู่บ้านของพวกเราน่ะ คนที่งามแบบเ้าน่ะ ยังไม่เคยมีเลย จริงๆ นะ”
-------------
เชิงอรรถ
[1] อธิบายเพิ่มเติม นางเอกของเื่ในบทต้นๆ นั้นยังไม่ยอมรับในร่างใหม่ที่ตนได้ และยังคงพูดถึงเ้าของร่างคนเก่า ในตอนที่ 10 นี้ เฉินเนี้ยนหรานมีความฝันใหม่ที่จะทำสวนปลูกผักแล้ว ดังนั้นั้แ่บทต่อไปนักแปลและทีมงานขออนุญาตเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้แทนตัวนางเอกเป็คำว่า ‘นาง’ เพื่อสื่อว่านางเอกพร้อมจะปรับตัวให้เข้ากับยุคที่อาศัยอยู่ได้แล้วค่ะ