ฝ่ามืออุ่นๆ ของหรงซิวเคลื่อนไหวบน่ขาของอวิ๋นอี้อย่างอ่อนโยน ทว่านางกลับรู้สึกร้อนผ่าว
นางอยากหดขากลับมา แต่กลับถูกเขาจับไว้เช่นนั้น
เพลานี้แม้ว่าเขาจะจับข้อเท้าเรียวของนางอย่างแ่เบา อวิ๋นอี้กลับสู้แรงเขามิได้เลย
เขายังคงนวดต่อไป โน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วถามเสียงต่ำ "สบายหรือไม่?"
"......"
แรงของนางมิพอที่จะเอาชนะเขาได้ จึงทำได้เพียงยอม
อวิ๋นอี้กะพริบตาและพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“สบายก็อยู่เฉยๆ” เขาพูดแ่เบา “เ้าเป็สตรีที่ข้าปรนนิบัติเชียวนะ!”
“ข้า...ข้ามิได้ให้ฝ่าาปรนนิบัติข้านี่เพคะ!” อวิ๋นอี้หน้าแดง โต้กลับเสียงเบา
“ข้าอยากทำ”
นางพึมพำกับตัวเองแต่ไม่คิดว่าหรงซิวจะได้ยิน หลังจากที่ตอบนางแล้ว เขาก็กดมือแรงจนทำให้นางอดร้องครางออกมามิได้
ในคืนที่เงียบสงัด เสียงแ่เบาของนางช่างเย้ายวน
หรงซิวจู่ๆ ก็หัวเราะ “ส่งเสียงเช่นนี้ อยากให้ข้าทำกระไรกับเ้าหรือ?”
อวิ๋นอี้ได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน ราวกับเป็เสียงยั่วยวนของความรัก นางหน้าแดง ชี้ไปที่เขาอย่างโกรธเคือง "ฝ่าา! ข้าเปล่านะ! ฝ่าานั่นแหละที่คิดสกปรก!"
แม้ในความมืดมิด การมองเห็นของเขาก็ยังชัดเจน
ดวงตาสีดำของหญิงสาวเปล่งประกายราวกับอัญมณี ช่างน่ารักและมีเสน่ห์ แก้มของนางเป็สีแดงเข้ม ดูไร้เดียงสาเหลือเกิน
เดิมทีเพียงแค่ตั้งใจหยอกเย้านางเท่านั้น มิคิดเลยว่าตนจะปากแห้งและเืพลุ่งพล่านขึ้นมา
หรงซิวลดสายตาลง รู้ว่ามิควรทำเื่นั้นในที่เช่นนี้ สูดหายใจเข้าลึกๆ ยกมือขึ้น แล้วเอาผ้าห่มคลุมหัวนาง
“ฝ่าาจะทำกระไร!” เสียงของนางดังมาจากด้านในผ้าห่ม ขยับตัวยุกยิกจนเกิดเสียง พลันมุดหัวออกมา เอียงหน้ามองเขา
“จะรีบนอนหรือจะให้ข้านอนกับเ้า” หรงซิวอดทนมิไหว กัดฟันเตือนนาง
"อืม..."
อวิ๋นอี้เห็นกรามที่เกร็งของเขา พอจะเข้าใจขึ้นมา นางดุว่าเขาไร้ยางอาย เตะเข้าไปหนึ่งครา หันหลังให้เขา
ฝนตกปรอยๆ ดอกไม้ตูมที่อ่อนโยนจากต้นหลุดลอยไปในสายลม ใน่ครึ่งหลังของคืนนี้ ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มความเศร้าหมองของคืนวสันต์
อวิ๋นอี้ถ่างเปลือกตาไว้มิกล้านอน ทว่าไม่ทันได้รู้สึกตัวทนมิไหวอีกต่อไป นางขยับตัว ไม่นานก็หลับไป ตอนที่ลืมตาขึ้นมาก็เป็รุ่งเช้าเสียแล้ว
ข้างนอกมีเสียงระฆังดังก้อง ร่วมกับเสียงของกู่ซือฝานแผดร้องในลำคอ
“ท่านพี่ ตื่นหรือยังเพคะ?”
อวิ๋นอี้ขยี้ตาตอบ "ตื่นแล้ว"
"เช่นนั้นเร็วหน่อยเพคะ ต้องไปเรียนวิชาเช้าแล้วเพคะ" กู่ซือฝานพูดเตือนอย่างเป็ห่วง "รู้หรือไม่เพคะ ว่าหากไปช้าจะโดนลงโทษ!"
ใบหน้าของผู้ชนะของซูเมี่ยวเออร์ลอยเข้ามาในหัว อวิ๋นอี้ตอบด้วยสีหน้าหดหู่ว่า "รอข้านะ ข้าจะรีบ"
นางรีบลุกขึ้นจากเตียง ขาที่เพิ่งจะแตะพื้น อ่อนแรงในทันใด ผลของการยืนเป็เวลานานออกมาให้เห็นแล้ว นางด่าซูเมี่ยวเออร์ แล้วนึกถึงภาพเมื่อคืนนี้
มองสำรวจไปรอบๆ ห้องอย่างไม่มั่นใจ หรงซิวไม่อยู่แล้ว
เขาเคยมาที่นี่หรือไม่?
หรือการนวดขานาง เป็เพียงความฝันที่นางคิดไปเอง?
อวิ๋นอี้คิดคำตอบไม่ออก
กู่ซือฝานเร่งนาง นางจึงมิมีเวลาคิดต่อ วิ่งเหยาะไปตลอดทาง
วิชาเรียนตอนเช้าเป็การเรียนคัดลายมือ
ซูเมี่ยวเออร์ให้ทุกคนคัดทำเนียบประวัติสตรี พูดง่ายๆ คือเนื้อหาจรรยาบรรณและศีลธรรมของสตรี
เนื้อหาบางส่วนค่อนข้างน่าสนใจ แต่บางส่วนค่อนข้างน่าปวดใจนัก เช่น ต้องพูดน้อยเสียงเบา ต้องคิ้วต่ำตาต่ำ [1] เมื่อคุยกับบุรุษจะเห็นต่างมิได้ ทำได้เพียงเห็นด้วย ตอนทานข้าวหากมิได้รับอนุญาตจากบุรุษ จะไม่สามารถขึ้นโต๊ะรับประทานอาหารได้ ทำได้เพียงแค่รอ
"......"
อวิ๋นอี้คัดหนังสือพลางพึมพำ ความคิดล้าหลังเช่นนี้ใช้มิได้ รู้จักความเท่าเทียมระหว่างชายหญิงหรือไม่?
มิมีทางเลือก คำพวกนี้นางบ่นไปก็เท่านั้น หาก้าให้ผู้อื่นฟังจริงๆ เกรงว่าซูเมี่ยวเออร์จะให้นางคัดอีกหลายรอบ
อวิ๋นอี้ระวังทุกวิถีทาง นึกว่าตัวเองจะรอดจากภัยครานี้แล้ว ทว่าตอนที่คัดเสร็จเอาไปส่ง ซูเมี่ยวเออร์พลันยิ้มเล็กน้อย ให้คนเอาเนื้อหาที่นางเขียนส่งให้ทุกคนดู
พระชายาคนอื่นๆ พากันหัวเราะเมื่อได้เห็น
พระชายาเอกขององค์รัชทายาทที่หยิ่งในฐานะของตน ทันทีที่มาถึงสำนักซืออี๋นางก็มีกลุ่มของตัวเอง นางเป็ดั่งปลาได้น้ำ ต้องดูถูกอวิ๋นอี้ที่ไม่เป็ที่ยอมรับเป็ธรรมดา
นางเอามือปิดปากหัวเราะเยาะเย้ย “พระชายาเจ็ด อักษรของเ้า...ไอหยา...ทำเอาข้าใแทบสะดุ้ง!”
ทำเอาแทบสะดุ้ง...ทำไมไม่สะดุ้งไปเลยเล่า...
อวิ๋นอี้คิดอย่างโกรธเคือง รู้ว่านางจงใจหาเื่ จึงถามไปตามนั้น "โอ้? เกิดกระไรขึ้นหรือเพคะ?"
พระชายาเอกองค์รัชทายาทหน้าตาสะสวย ั์ตาอันมีเสน่ห์ของนางกวาดสายตามองฝูงชน จากนั้นจึงกล่าวว่า "ล้วนพูดกันว่าอักษรเป็ดั่งเ้าของ เหตุใดตัวอักษรของพระชายาเจ็ดจึงน่าเกลียดราวสุนัขปีนกำแพงเช่นนี้เล่า?"
เสียงหัวเราะดังลั่น
อวิ๋นอี้ยังคงยิ้ม มิเปลี่ยนแปลง
ชายาเอกองค์รัชทายาทด่าว่านางเหมือนสุนัข เป็เพียงคำพูด คิดว่านางจะอับอายหรือ?
ขออภัยด้วยที่นางหน้าหนา
อวิ๋นอี้ยืนนิ่ง ไม่ปฏิเสธหรือตอบโต้
การทะเลาะวิวาทที่พระชายาเอกคิดไว้มิได้เกิดขึ้น นางไม่ชอบใจ มุ่ยปากพูด "น่าเบื่อเสียจริง คนขี้ขลาด!"
คนขี้ขลาดหรือ?
ผู้พูดไม่ทำถึงจะเรียกว่าขี้ขลาด นางทำโดยไม่พูดเลยต่างหาก
ซูเมี่ยวเออร์ในฐานะผู้รับผิดชอบพิเศษ กอดอกมองดูการแสดง ทว่ากลับไม่มีกระไรให้นางดู นางจึงยืนขึ้นพูดว่า "พระชายาเจ็ด พวกเราเป็สะใภ้ของราชวงศ์นะเพคะ ทุกท่านต้องฝึกเขียน ตัวอักษรของพระชายาดูแล้วน่าจะต้องฝึกอีกมาก พระชายาเจ็ดมีปัญหาหรือไม่เพคะ?”
อวิ๋นอี้ส่ายหน้าอย่างไร้อารมณ์ “มิมีปัญหา คุณหนูซูจัดการเถิด ทว่ามีประโยคหนึ่งที่เ้าพูดผิดไป ข้าเป็สะใภ้ของราชวงศ์ ส่วนคุณหนูมิใช่ ดังนั้นมิมีคำว่า 'เรา'”
ทันทีที่คำนี้พูดออกมาซูเมี่ยวเออร์ก็หน้าเปลี่ยนสี ส่งสายตาเยือกเย็น พูดใส่นาง “คัดทำเนียบสตรีหนึ่งร้อยจบ คัดมิจบมิต้องเข้านอน!”
อวิ๋นอี้หันกลับมามองด้วยรอยยิ้ม เื่พูดแทงใจดำน่ะหรือ นางเก่งที่สุดเลยล่ะ
ซูเมี่ยวเออร์อ่อนแอเกินไป เพียงการกระตุ้นเล็กน้อยก็ทำให้นางโกรธจนหน้าเสียได้ เห็นเช่นนี้ในใจอวิ๋นอี้รู้สึกดีนัก
หลังจากเื่ราวเล็กๆ ผ่านไป อวิ๋นอี้ยังคงคัดต่อไป ทว่ามิได้สงบสุขนัก
นางกำลังคัดจบหนึ่งแผ่นด้วยความยากลำบาก สนมอ๋องโย่วมิรู้ว่าเดินมาจากที่ใดเดินชนแท่นหมึกของนาง หมึกดำหกลามลงบนกระดาษ กระดาษแผ่นที่เขียนแล้วใช้ไม่ได้เลย
อวิ๋นอี้มิได้มีทีท่ากระไร นางทิ้งไปแล้วเขียนใหม่
มีครั้งแรกก็มีครั้งที่สอง นางกระแทกแท่นหมึกสามคราติดต่อกัน ตอนที่กำลังจะเดินไป อวิ๋นอี้พลันคว้าข้อมือของนางไว้แน่น ดึงกลับมา แล้วมองนาง
"ขอโทษสิเพคะ"
สนมอ๋องโยวที่ถูกจับข้อมือแสดงความเย่อหยิ่งจองหอง แม้อวิ๋นอี้จะอยู่ในวัยเดียวกับนาง แต่มีซูเมี่ยวเออร์และพระชายาเอกเป็พวก จึงทำให้นางมิกลัว
เมื่อได้ยินให้นางกล่าวคำว่าขอโทษ ั์ตากลมโตของสนมก็กลอกตาอย่างแรง มิพอใจอย่างเห็นได้ชัด ขอโทษหรือ? ฝันไปเถิด!
อวิ๋นอี้กดมือแรงขึ้น "ขอโทษสิเพคะ"
"เ้า! เ้าหุบปาก!" สนมอ๋องโยวะโด้วยความเ็ป "แท่นหมึกของเ้าขวางทางข้าแท้ๆ ข้ามิเอาความใดๆ กับเ้า เ้ากลับจะมาคิดบัญชีกับข้าหรือ? ตลกเสียจริง!"
"จริงหรือ?" อวิ๋นอี้หรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด
“ใช่น่ะสิ!” เมื่อเห็นนางเช่นนี้ สนมอ๋องโยวเต็มไปด้วยความมั่นใจ นางกำลังจะพูดต่อ เห็นสตรีตรงหน้านางหยิบแท่นหมึกขึ้นมาสาดเข้าไปที่ใบหน้าของนาง
หมึกสีดำหนาปกคลุมทั่วทั้งใบหน้า ทุกคนที่อยู่ในนั้นตะลึง เมื่อมีสติกลับมาได้ ก็ยกมือขึ้นและะโ "พระชายาเจ็ด เ้า! เ้าทำกระไร!"
อวิ๋นอี้ปล่อยนาง เอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดนิ้วอย่างระมัดระวัง "มิได้ทำกระไรเพคะ"
"เ้าสาดหมึกใส่ข้า! ขอโทษข้าเสีย!" สนมอ๋องโยวบ้าไปแล้ว นางเป็ผู้รอบรู้มีหน้ามีตา นางเคยเสียหน้าใหญ่เช่นนี้ที่ใดกัน?
“ขอโทษหรือเพคะ? ข้าอยากจะสาดหมึก แต่หน้าใหญ่ของเ้าดันเข้ามา เ้าจะโทษข้าได้อย่างไร หมึกไม่หกลงบนใบหน้าของผู้อื่น ดันไปหกที่เ้า ต้องโทษว่าเ้าไม่ดูตาม้าตาเรือหรือเปล่าเล่า?”
กลับดำเป็ขาว พูดไร้สาระให้เป็เหตุผล นางตอบแทนให้สาสม
เชิงอรรถ
[1] คิ้วต่ำตาต่ำ 低眉顺目 หมายถึง ทำตัวไม่มีปากเสียง ไม่ต่อต้านผู้อื่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้