บทที่ 102 การแยกกลุ่ม
“โฮก--!!”
“ฟ่อ--”
สัตว์ปีศาจ ณ ที่นี้ล้วนมีดวงตาดุร้าย ร่างกายใหญ่โต แต่ละตัวสูงเท่าเนินเขา พวกมันก่อตัวเป็วงกลมและเผชิญหน้ากัน ส่งเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวจนสั่นะเืในอากาศ
ในเวลานี้ ฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินบังเอิญตกลงมาในใจกลางของการเผชิญหน้าระหว่างสัตว์ปีศาจเหล่านี้ ทั้งคู่ดูตื่นตระหนกและไม่กล้าขยับตัว เหงื่อเย็นไหลอาบใบหน้า
สัตว์ปีศาจทุกตัวที่นี่มีพลังการต่อสู้เทียบได้กับนักรบระดับกลางขั้นมหาสมุทร หากทั้งสองคนสอดมือเข้าไปยุ่ง อาจถูกฉีกกระชากเป็ชิ้นๆ ไร้ศพสมบูรณ์ให้ได้ฝัง
“โชคไม่ดีจริงๆ!” ฉู่อวิ๋นชุ่มเหงื่อ รู้สึกเสียวสันหลัง เขาสบถสาปแช่งอยู่ในใจ
เดิมทีพวกเขากำลังจะข้ามเสาศักดิ์สิทธิ์และผ่านใจกลางป่าสีเืไปได้แล้ว ทุกสิ่งกลับพังทลายลงด้วยเสียงคำรามนั้น!
ตอนนี้สัตว์ปีศาจทั้งหมดตื่นขึ้นแล้ว พวกมันต่างก็หันมาห้ำหั่นกันเอง ซึ่งน่ากลัวมาก
สถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็สนามรบพื้นทรายเหลืองของเหล่าสัตว์ปีศาจ ซากศพที่ขาดชิ้นกองรวมกัน กลิ่นเืโชยข้นในอากาศ เสียงคำรามสั่นคลอนพื้นที่โดยรอบ
“นี่… ข้าควรทำอย่างไรดี?” มู่หรงซินถือคันธนูตามจันทร์ไว้ หันหลังชนกับฉู่อวิ๋นแล้วกวาดตามองไปรอบๆ
ทั้งคู่ถูกล้อมอย่างแ่า มีสัตว์ปีศาจอัดแน่นอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่มีที่ว่างให้หลบหนีเลย
ลมหายใจของสัตว์ปีศาจขนาดใหญ่รอบตัวพวกเขาก่อให้เกิดหมอกควันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต่อให้สัตว์ปีศาจตัวใดในที่นี้แค่จาม ก็ทำให้ฉุ่อวิ๋นและมู่หรงซินล้วนหวาดผวาทั้งนั้น
ฉู่อวิ๋นกำกระบี่ชื่อยวนในมือแน่น เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเบาๆ “ซินเอ๋อร์... สัตว์ปีศาจพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถจัดการได้ อีกเดี๋ยว รอให้พวกมันสู้กันแล้วเราค่อยใช้ช่องว่างจากตรงนั้นหลบหนีไป!”
มู่หรงซินหายใจหอบและตอบด้วยเสียงสั่น “จะหนี... จะหนีอย่างไร? ยี่สิบ...ไม่สิ สัตว์ปีศาจสามสิบกว่าตัวล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว นี่เทียบเท่ากับนักรบระดับห้าขั้นมหาสมุทรสามสิบกว่าคนเลยนะ!”
“ตอนนี้เราทำได้แค่สู้ตายแล้ว... ไม่เช่นนั้น ขืนเราเคลื่อนที่ตอนนี้ คงถูกพวกมันโจมตีและฆ่าเราก่อน” ฉู่อวิ๋นเองก็กังวลมากเช่นกัน
“อาฮู้ว!”
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน ก็มองเห็นสัตว์ปีศาจร่างกายสีแดงจำนวนหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยท่าทางที่ดุร้ายและสง่างาม ทันใดนั้น เสียงคำรามอันกึกก้องนั้นก็ทำให้สัตว์ปีศาจขนาดใหญ่ทุกชนิดคำรามและต่อสู้กัน ร่างกายเปล่งประกาย กรงเล็บสะท้อนระยับ
หลังจากนั้น ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยฝนโลหิต สัตว์ปีศาจหลายสิบตัวถูกสัตว์ที่คลุ้มคลั่งจู่โจม กัดร่างกายจนแยกออกเป็ชิ้นๆ เืสีน้ำเงินสาดกระเซ็นไปทั่ว
นี่เป็สถานการณ์ที่โดนกระทำแต่ฝ่ายเดียว ในไม่ช้า สัตว์ปีศาจจากที่อื่นก็ถูกฆ่าจนราบเรียบ เืเนื้อของพวกมันปลิวเปรอะไปทั่วพื้นดิน ร่องรอยของกระดูกกระจัดกระจาย กลิ่นคาวสนิมเข้มข้นโชยเข้าจมูก
“นี่คือ... ราชสีห์เขี้ยวโลหิต?!” เมื่อมองดูสัตว์ปีศาจที่ยืนอยู่อย่างยิ่งใหญ่ตรงหน้า ฉู่อวิ๋นก็เบิกตากว้างทันที หัวใจของเขาเต้นระส่ำ
ราชสีห์เขี้ยวโลหิตเหล่านี้ มีความสูงหกหมี่ เป็สัตว์ปีศาจที่ล้อมรอบและสังหารสมาชิกตระกูลฉู่ย่อย
พลังการต่อสู้ของพวกมันเทียบได้กับสัตว์ปีศาจระดับสูง กระหายเืเป็ที่สุด ชอบกินเนืุ้์ พวกมันเป็สัตว์ปีศาจที่รับมือได้ยากที่สุดในป่าสีเื
ไม่คิดว่าพวกมันจะมาปรากฏตัวสังหารหมู่ที่นี่
“สัตว์ปีศาจพวกนี้นี่แหละที่ฆ่าคนของข้า!” ดวงตาของฉู่อวิ๋นเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ เขาหายใจถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาได้พบกับฆาตกรตัวจริงที่สังหารคนของเขา จะไม่โกรธได้อย่างไร?
แต่ฉู่อวิ๋นทำได้เพียงกัดฟันและควบคุมอารมณ์ตัวเอง เพราะด้วยความแข็งแกร่งในระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แม้ว่าเขาจะสามารถฆ่าสัตว์ปีศาจระดับต่ำบางตัวได้ แต่กับระดับกลางแล้วยังไม่ควรเสี่ยง
“โฮก?”
ทันใดนั้น จมูกของราชสีห์เขี้ยวโลหิตก็กระตุก ดวงตาที่ดุร้ายของพวกมันกวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะมองเห็นฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินที่ซุ่มซ่อนอยู่ในพื้นทราย
หลังจากที่เห็นฉู่อวิ๋น ดวงตาของราชสีห์เขี้ยวโลหิตก็ส่องประกายแวววาวอย่างแปลกประหลาด ราวกับว่ากำลังนึกหวนถึงบางสิ่งอยู่
พวกมันได้กลิ่นเืของมนุษย์หนุ่มคนนี้ ซึ่งคล้ายกับเหล่ามนุษย์ผู้แข็งแกร่งที่พวกมันพบเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
เืมนุษย์ในครั้งนั้นอร่อยล้ำ สามารถบำรุงร่างสัตว์ปีศาจและเติมเต็มแกนสัตว์อสูรได้ ราชสีห์เขี้ยวโลหิตทุกตัวต่างยังคงไม่ลืมรสชาติที่ค้างอยู่ในลำคอ พวกมันจ้องมองที่ฉู่อวิ๋นพลางน้ำลายไหล นึกอยากจะกินเขาเป็ชิ้นๆ เพื่อลิ้มรสอีกครั้ง!
“รีบวิ่ง!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ แววตาของฉู่อวิ๋นก็ดุดันขึ้น เขาหันกลับไปแล้วผลักมู่หรงซินไปข้างหน้า พลังปราณไหลเวียนไปทั่วร่าง เขาก้าวออกไปพร้อมก้าวเงาบิน ราชสีห์เขี้ยวโลหิตพวกนี้เล็งพวกเขาเอาไว้แล้ว!
หากถูกจับได้ คงจะถูกแยกออกเป็ชิ้นๆ ฉู่อวิ๋นไม่มีเวลาหันหลังกลับ ทำได้เพียงวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง พลังปราณที่ล้นออกมาในทันทีนั้นทำให้เขารู้สึกอยากอาเจียน แต่นี่คือสถานการณ์เป็ตาย เขาหยุดไม่ได้!
"ฮู่ ฮู่..." มู่หรงซินที่ถูกผลักก็ใช้ร่างกายและพลังยุทธ์พุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
“อาฮู้ว!”
“ชืด ชืด!”
สิ่งที่น่าสิ้นหวังคือที่นี่มีสัตว์ปีศาจมากเกินไป อันตรายรอบด้าน แม้ว่าทั้งคู่จะใช้กำลังทั้งหมดหลบหนี มันก็ไร้ประโยชน์!
ทางด้านซ้าย มีคชสารเขาัดินกว่าสิบเชือกวิ่งไปมาบนพื้นด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อและด้วยพลังอันล้นหลาม
ทางด้านขวา หนูหน้าผีเกาะกลุ่มวิ่งกันมา รังสีความน่ากลัวนี้คล้ายจะทำให้ภูตผีร่ำไห้เทพเซียนร่ำร้อง
ข้างหน้า ปีศาจลิงตาสีทองสามตัวที่ใหญ่โตราวกับูเาขวางทางไว้ พวกมันดุร้าย และ้าจะฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
เมื่อมองขึ้นไป ก็มองเห็นปีกของนกทิวาหลายตัวบินอยู่บนท้องฟ้า เพียงกระพือปีกก็ทำให้เกิดลมโชยกลิ่นเืและเกิดเงาสีดำขึ้นมาทันที
“ให้ตายเถอะ นี่มันทางตัน!!!” ฉู่อวิ๋นหยุดนิ่งอย่างรวดเร็วและก่นด่าด้วยความโกรธ เขามองหันกลับไป มองเห็นฝูงราชสีห์เขี้ยวโลหิตที่มีสีหน้าขี้เล่นกำลังวิ่งเข้ามาหา เขี้ยวของพวกมันแหลมคมมาก
“หมดกัน!” ในตอนนี้ มู่หรงซินหมดหวังแล้ว ขาของนางเริ่มอ่อนแรงและล้มลงกับพื้น แม้แต่จะยกคันธนูขึ้นยังไม่กล้า
สี่ทิศแปดด้านล้วนเป็สัตว์ปีศาจ เทียบเท่ากับนักรบขั้นมหาสมุทรหลายสิบคนกำลังโจมตีพวกเขาอยู่ ไม่อาจต้านทานได้
ในเวลานี้ ทำได้เพียงแค่ขอให้ตายอย่างไม่ทุกข์ทรมานก็พอแล้ว
นี่เป็สถานการณ์ที่น่าสิ้นหวัง!
“ข้าไม่ยอมแพ้!” ฉู่อวิ๋นมองไปที่สัตว์ปีศาจที่พลุ่งพล่าน ดวงตาเสือคู่หนึ่งฉายแววความโกรธที่แผดเผา!
เขาผ่านทุกข์มานับหมื่น เอาชนะความยากลำบากมานับแสน ทั้งหมดก็เพื่อมาที่นี่ จนกระทั่งได้ทะลวงระดับขั้น ได้รับการช่วยเหลือจากสุนัขบพิตริญญา โอกาสที่จะรอดออกไปจากป่าสีเืก็เพิ่มขึ้นมาก
แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เขาตกอยู่ในความเป็ตายและกำลังจะถูกสัตว์ปีศาจนับพันกัดกิน
นี่เป็สิ่งที่ฉู่อวิ๋นไม่อาจยอมรับได้!
“โฮก--”
ในเวลานี้ เสียงคำรามของสัตว์ปีศาจสั่นะเืทั่วท้องฟ้า พวกมันพุ่งมาจากทุกทิศทาง รวมตัวกันพยายามคว้าเนืุ้์อันล้ำค่า และฉีกร่างของฉู่อวิ๋นออกเป็ชิ้น ๆ
ฉู่อวิ๋นมองไม่เห็นแสงสว่างเพราะมีสัตว์ปีศาจบดบัง พวกมันพุ่งมาด้วยความรวดเร็ว บดบังแสงจากดวงอาทิตย์!
“พี่หญิง... ขอโทษ!”
ดวงตาของฉู่อวิ๋นริ้นไปด้วยหยาดน้ำตา เขายกกระบี่ชื่อยวนขึ้นสูง พยายามสู้เต็มที่
เขาพยายามเต็มที่แล้ว แต่การต่อสู้กับโชคชะตา ดูเหมือนจะเป็ฝ่ายเขาที่พ่ายแพ้
"โฮก!”
ราชสีห์เขี้ยวโลหิตเป็ตัวแรกที่เข้าโจมตี พวกมันเร็วราวกับภูตผี เปิดปากที่เปื้อนเือ้ากว้างพร้อมกัดฉู่อวิ๋น!
“เวิ้ง——”
แต่ในตอนนี้เอง แสงสีทองก็แผ่ออกไปทุกทิศทางโดยมีฉู่อวิ๋นเป็ศูนย์กลาง รัศมีไร้ที่สิ้นสุด สว่างจ้ากลบเงาอันดำมืด เสียงดังก้อง!
มองเห็นเกราะอากาศสีทองเล็กๆ โอบล้อมทั้งคู่ไว้ ก่อนจะขยายขนาดออกไปอย่างรวดเร็ว คลื่นอากาศสั่นะเืจนได้ยินเสียงเสียดสี ทำให้สัตว์ปีศาจที่เข้ามาโจมตีทั้งหมดล้มลง ปรากฏฝนโลหิตทั่วท้องฟ้า!
ไม่เพียงเท่านั้น ราชสีห์เขี้ยวโลหิตที่อยู่ใกล้ที่สุดยังเป็ตัวแรกที่ได้รับการโจมตีที่รุนแรงนั้นไป พวกมันถูกเกราะอากาศสีทองกระแทกอย่างแรง เนื้อแตกกระจาย กระดูกหักท่อน และตกลงมาจากกลางอากาศ
“ปัง ปัง ปัง——”
สัตว์ปีศาจทั้งหมดค่อยๆ ถูกกระแทกล้มลงทีละตัว ทำให้พื้นสั่นะเื อวัยวะภายในของพวกมันถูกทำลายจนตายตาที่!
“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ฉู่อวิ๋นตกตะลึง พลางมองดูซากสัตว์ปีศาจที่ตกลงมากลางอากาศ
“คุณหนูเช่นข้าตายแล้วหรือ? ว้าว ดาวตกสัตว์ปีศาจ! นี่ข้าขึ้น์แล้วหรือ?” มู่หรงซินก็รู้สึกเหลือเชื่อเช่นกันและไม่โต้ตอบอะไรอยู่นาน
“จิ๊ดจิ๊ด!”
ในเวลานี้ เสี่ยวหวงก็โผล่ร่างกายเล็กๆ สีเหลืองทองออกมาจากแขนเสื้อของฉู่อวิ๋น มันโผล่หัวออกมาจ้องมองไปที่ซากสัตว์ปีศาจด้วยดวงตาที่ไร้เดียงสาคู่นั้น
“เป็เ้าทำหรือ!? เ้าหนู?” ฉู่อวิ๋นที่เห็นเกราะอากาศสีทองสดใสก็ก้มหน้าลงมองเสี่ยวหวงที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมของเขา และในที่สุดก็เข้าใจ
เมื่อครู่นี้ เสี่ยวหวงใช้เกราะอากาศลึกลับกวาดล้างสัตว์ปีศาจที่เข้ามาใกล้ทั้งหมดออกไปเพื่อช่วยทั้งคู่
“์! คุณหนูเช่นข้ากลัวแทบตายแล้วนะ!!” มู่หรงซินเผยสีหน้าราวกับรอดพ้นจากภัยพิบัติมาได้ แน่นอนว่านางยังจำทักษะอวกาศของเสี่ยวหวงได้
ในตอนแรก สัตว์ปีศาจตัวน้อยนี้ยังใช้เกราะอากาศในทะเลโอสถในป่าสนธยาได้ แต่ต่อมาแม้ว่ากระแสสัตว์ปีศาจจะมาถึง แต่มันก็ไม่เคยใช้มันอีกเลย
ไม่คิดว่าตอนนี้ที่เป็่เวลาวิกฤต เสี่ยวหวงกลับใช้มันได้อีกครั้ง ทำให้ทั้งคู่ใจนเหงื่อตก
“หรือว่า…นี่คือผลจากการกินแกนสัตว์อสูรของอสุรกายน้ำตาทอง?” ฉู่อวิ๋นจำได้ว่าเสี่ยวหวงเคยกลืนแกนสัตว์อสูรมาก่อน ทันทีที่คิดออกเขาก็ยืดตัวตรง ยืนฝ่ามือออกไปลูบเสี่ยวหวงที่อยู่ในอ้อมแขน
“จิ๊ดจิ๊ด...”
เสี่ยวหวงถูไถมือของฉู่อวิ๋นเล่นและพยักหน้าอย่างเป็ธรรมชาติ จากนั้นเปลือกตาของมันก็ตก ดวงตากลมโตเริ่มเหม่อลอย ก่อนจะขดตัวเข้าไปในเสื้อคลุมของฉู่อวิ๋นอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าเพื่อช่วยทั้งสองคน เสี่ยวหวงใช้พลังกับเกราะอากาศในครั้งนี้ไปไม่น้อย มันหมดพลังและรู้สึกเหนื่อยแล้ว
“เวิ้ง——”
แสงสีทองที่ห่อหุ้มนี้นั้นเต็มไปด้วยความลับแห่ง์ มันกั้นมนุษย์และสัตว์ปีศาจออกจากกัน ชั่วครู่หนึ่ง พวกมันต่างตาโตและตาเล็ก[1] รู้สึกหมดหนทาง ดูเหมือนว่างานเลี้ยงเนืุ้์ในครั้งนี้พวกมันคงไม่อาจได้ลิ้มรสแล้ว
“โฮก--”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามที่ทำให้ท้องฟ้าสั่นะเืดังมาจากด้านหน้า คราวนี้ พลังที่มีนั้นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้สัตว์ปีศาจทั้งหมดตัวสั่น สัตว์ปีศาจที่อ่อนแอจำนวนมากล้มลงคุกเข่า
“ซืด-”
ในขณะเดียวกันก็มีเสียงร้องอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยพลังอันน่าพรั่นพรึง มันทำให้มนุษย์ตัวสั่น ทำให้สัตว์ปีศาจคุกเข่าลง ั์ตาของพวกมันสั่นเทา
แต่เพราะการป้องกันของเกราะอากาศ เสียงคำรามอันทรงพลังนี้จึงไม่ส่งผลกระทบใดต่อฉู่อวิ๋นและมู่หรงซิน
“เสียงคำรามอีกแล้ว! สัตว์ปีศาจชนิดใดกันที่ก่อปัญหาอยู่?!” ดวงตาของฉู่อวิ๋นฉายแววจริงจัง เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวภายในเกราะอากาศสีทอง จ้องเขม็งไปข้างหน้า ก่อนหน้านี้ มันเป็เสียงคำรามที่ปลุกสัตว์ปีศาจทั้งหมดให้ตื่นขึ้น ทำให้เขาและมู่หรงซินตกอยู่ในความตาย
ทรายสีเหลืองทอดยาวสุดสายตา บนพื้นทรายเต็มไปด้วยกิ่งไม้หักล้ม ด้านหน้ามีสิงโตตัวหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับัั์อีกตัว พวกมันมีขนาดไม่ใหญ่นัก สูงเพียงห้าถึงหกหมี่ แต่รัศมีที่เปล่งออกมาจากตัวพวกมันยิ่งใหญ่มาก
ยิ่งกว่านั้น ไม่มีสัตว์ปีศาจตัวใดกล้าเข้าใกล้พวกมันเลย
“สมบัติศักดิ์สิทธิ์เป็ของข้า! เ้าอย่าได้คิดแย่งชิง!”
ในเวลานี้ สิงโตตัวนั้นกำลังพูดอยู่จริงๆ
----------
[1] สบมองกันและกัน