เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ประตูของจวนฉินอ๋องเต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัด แน่นอนว่าหานอวิ๋นซีไม่รู้ว่า ไม่ว่าจะในหรือนอกวัง มีเ้ามือพนันรายใหญ่ไม่น้อยกว่าสามสิบราย พนันกันว่าวันนี้นางจะเข้าประตูจวนฉินอ๋องได้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้มีคนเดิมพันกันมากถึงพันคน
แม้จะไม่มีเสียงแห่งความยินดี แต่เสียงฮือฮาของผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นมา
หานอวิ๋นซีแทบไม่ต้องกังวลว่าจะตื่นสายเลย เพราะถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงอื้ออึง นางแอบมองดูท้องฟ้า ยังเหลือเวลาอีกพอสมควร เพียงพอให้นางตั้งสติและทายาที่ใบหน้า
เมื่อพิษเล็กๆ มาพบกับนางที่เป็นักแก้พิษระดับเหรียญทอง แค่คืนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการร่องรอยทั้งหมด
หานอวิ๋นซีดึงผ้าก๊อซออก ล้างยาสมุนไพรและใช้ปลายนิ้วลูบเบาๆ บริเวณเดิมที่เป็เนื้องอก ซึ่งตอนนี้เรียบ แบน และจางลงแล้ว
น่าเสียดายที่ไม่มีกระจก ไม่เช่นนั้นหานอวิ๋นซีคงจะได้เห็นรูปลักษณ์ของตนเองในตอนนี้ อย่างไรก็ตามนางคิดว่าแม้ว่าจะไม่สวย แต่อย่างน้อยแค่ไม่มีเนื้องอก ก็คงไม่ได้เป็ผู้หญิงที่น่าเกลียดอีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่?
นางหยิบเข็มในระบบล้างพิษที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกมา พร้อมกับหยิบผงพิษเพื่อป้องกันตัวออกมาด้วยเล็กน้อย จัดคัดแยกของเสียเข้าระบบล้างพิษชั่วคราว จัดการทำความสะอาดทุกอย่างอย่างเกลี้ยงเกลา แม้ว่าจะมีคนได้กลิ่นสมุนไพร แต่ก็ไม่มีทางพบสิ่งผิดปกติใดๆ แน่นอน
หานอวิ๋นซีคลุมผ้าคลุมหน้าเ้าสาว นั่งอยู่ในเกี้ยว หลับตาและพักผ่อนเพื่อรอเวลาอันเป็มงคลที่จะมาถึง
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนที่มาเฝ้าดูก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งในวันที่สองของงานอภิเษก เมืองหลวงยังคงเต็มไปด้วยผู้คน แม้แต่คนของตระกูลหานก็ปลอมตัวและปะปนท่ามกลางฝูงชนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ในที่สุดฤกษ์งามยามดีก็มาถึง!
“เอี๊ยด...”
เมื่อเสียงเปิดประตูของจวนฉินอ๋องดังขึ้น ผู้คนที่อยู่หน้าประตูต่างเงียบลงทันทีและไม่มีใครกล้าส่งเสียง
จวนฉินอ๋องไม่ได้เล่นลูกไม้ใดๆ เปิดประตูหลักอย่างใจกว้าง ทว่ากลับไม่เห็นเ้าบ่าวออกมา ไม่มีแม้แต่คนที่จะต้อนรับเ้าสาว มีเพียงบ่าวเฝ้าประตูเท่านั้นที่ออกมาและยืนอยู่ที่ประตู
นี่คือ...หมายความว่าอะไร?
ต้องมีเ้าบ่าวต้องมาเตะคานเกี้ยวเ้าสาวก่อน แล้วเ้าสาวถึงจะลงจากเกี้ยวได้ไม่ใช่หรือ?
สถานการณ์นี้ ทำให้หน้าประตูที่เงียบอยู่แล้ว ก็เงียบกว่าเดิมไปอีก ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เกี้ยวพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็คนที่พนันว่าเ้าสาวจะได้เข้าประตู หรือคนที่พนันว่าเ้าสาวจะไม่ได้เข้าประตู ทั้งหมดต่างกระวนกระวายใจอย่างมากและไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
คนในตระกูลหานที่อยู่ในหมู่ฝูงชนอดไม่ได้ที่จะด่าทอหานอวิ๋นซีในใจ ถึงแม้ว่าการอภิเษกเข้าจวนฉินอ๋องจะเป็การคบผู้ที่มีฐานะสูงกว่า ทว่ามันก็ไม่ใช่เื่น่าขายหน้าอะไรเสียหน่อย!
มีความเย้ยหยันซ่อนอยู่ในดวงตาของหวังซีผอ นางเพียงแค่นิ่งเงียบเพื่อทำให้ฉากนี้น่าอึดอัดใจ และรอให้เวลาอันเป็มงคลผ่านไป
แต่ใครจะรู้ว่า จู่ๆ ก็มีเสียง “ปัง” ดังขึ้นมาพร้อมกับประตูเกี้ยวเ้าสาวที่ถูกเปิดออกจากด้านใน หานอวิ๋นซีสวมเฟิ่งกวานเสียะเพ่ยและผ้าคลุมหน้าสีแดง ก้าวลงจากเกี้ยวเ้าสาวอย่างสง่างาม
นางไม่ได้มีรูปร่างสูง และการขาดสารอาหารเป็เวลานานทำให้ผอม ทั้งยังชอบใส่เสื้อผ้าที่ไม่พอดีกับตัว แต่เมื่อนางยืดหลังตรง ยกศีรษะขึ้นสูงเล็กน้อย ด้วยท่าทางการยืนแบบนี้ ดูมีบุคลิกที่โดดเด่นซึ่งทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้
“ถึงเวลาฤกษ์งามยามดีแล้ว ทำไมไม่บรรเลงเพลงเฉลิมฉลองล่ะ?” นางถามเสียงดัง
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนจึงจะดึงสติกลับมาได้และเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
คุณพระ เ้าสาวถีบประตูลงจากเกี้ยวเองเช่นนี้ เป็ไปได้อย่างไร นี่มันผิดธรรมเนียมนะ!
“ช่างเป็ผู้หญิงที่ไร้ยางอายเสียจริง ไม่คิดเลยว่าจะลงมาเอง ขายไม่ออกก็เลยลงมาเคาะประตูด้วยตนเอง ต่ำตม!”
ท่ามกลางกลุ่มฝูงชน จู่ๆ ก็มีคนสาปแช่งขึ้นมา
มีเสียงสะท้อนจากรอบด้าน ทั้งต่ำตม ไร้ยางอาย แม้กระทั่งด่าว่าโสเภณีก็มีเช่นกัน
หานอวิ๋นซีก็เป็คนเหมือนกัน เป็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง นางเองก็ยังรู้สึกว่าตนเองไร้ยางอายเหลือเกิน แต่นางจะทำอะไรได้อีกนอกจากทำเช่นนี้ ถูกขังอยู่ในเกี้ยวและรอฤกษ์ต่อไปงั้นหรือ? จะให้นางรอไปถึงเมื่อไรกัน?
ฮ่องเต้ที่ออกคำสั่งให้ฉินอ๋องอภิเษกเพียงเพราะโกรธเขา จนทำให้เื่ราวบานปลายไปอย่างมาก แล้วฮ่องเต้จะทำอะไรฉินอ๋องได้อีกล่ะ? สุดท้าย ความผิดทุกอย่างก็จะตกอยู่ที่นางคนเดียว หากนางตาย การหมั้นหมายก็จะหายไป
ความขมขื่นเล็กน้อยแล่นวาบไปในใจ ทว่าหานอวิ๋นซียังคงร่าเริง การเอาชีวิตรอดจึงจะเป็หนทางที่ง่ายที่สุด
ท่ามกลางการสาปแช่ง หานอวิ๋นซีถามเสียงดังว่า “เดิมทีควรจะเป็ฉินอ๋องที่ทำสิ่งนี้ ทว่าฉินอ๋องยุ่งเกินกว่าจะมา ดังนั้นข้าเลยทำแทน นี่พวกเ้ากำลังหมายความว่าการที่ข้าต่ำตมเป็เพราะฉินอ๋องทำให้ข้าเป็เช่นนี้หรือ?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ฝูงชนที่เฝ้าดูก็โวยวายขึ้นทันที
“หานอวิ๋นซี เ้ากำลังกลับผิดให้เป็ถูก โจมตีใส่ร้ายคนอื่นหรือ! ฉินอ๋องไม่้าอภิเษกกับเ้าต่างหาก!”
“ใช่แล้ว เ้าคิดว่าฉินอ๋องยินยอมที่จะอภิเษกกับเ้าจริงๆ หรือไร! ั้แ่เด็กเ้าไม่เคยส่องกระจกเลยใช่หรือไม่? ไม่รู้หรือไรว่าหน้าตาตนเองเหมือนตัวอะไร?”
หานอวิ๋นซีหยุดเดิน และหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับต้นเสียง ร่างกายผอมบาง แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ไท่เฮาเป็คนกำหนดการอภิเษก และฮ่องเต้เองก็มีคำสั่งให้การอภิเษกเสร็จสิ้นภายในเดือนนี้ ถ้าพวกเ้าบอกว่าฉินอ๋องไม่้าอภิเษกกับข้า หมายความว่าฉินอ๋องจะฝ่าฝืนคำสั่งของฮ่องเต้งั้นหรือ เขาเป็คนหน้าไหว้หลังหลอกอย่างนั้นหรือ? ใครเป็คนพูดกัน ออกมาให้ข้าเห็นหน่อยซิ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ผู้คนที่เฝ้าดูก็เงียบไปชั่วขณะ ใบหน้าของคนสองสามคนตอนนี้หวาดกลัวอย่างมากจนสีหน้ามืดมัว ตกตะลึงและพูดไม่ออก คนรอบข้างก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมาอีก ใครจะไปกล้าิ่ประมาทฉินอ๋องกัน?
ทุกคนต่างปิดปาก เต็มไปด้วยความเงียบ หานอวิ๋นซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้กำลังใจตัวเอง และะโอย่างภาคภูมิใจว่า “มโหรี บรรเลง!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้