ในตอนที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าประชิดตัวหลี่ลั่วนั้นเขาก็ได้กลิ่นของยาสลบแล้ว กลิ่นชนิดนี้แสบจมูกเป็อย่างมาก แต่หลี่ลั่วไม่มีเวลาตั้งตัวด้วยเหตุที่ถูกอีกฝ่ายปิดปากและจมูกเอาไว้
เขาลืมตาขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่บนรถม้า ส่วนมือและเท้าของตนนั้นไม่ได้ถูกมัดเอาไว้ อาจจะเป็เพราะว่าตนเป็เพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่เห็นตนอยู่ในสายตานัก
เสียงพูดคุยกันจากด้านนอกที่ได้ยินอยู่ก็คือผู้ที่กำลังเร่งควบรถม้าสองคนขึ้นไป แต่หากจะดูตามความกว้างของรถม้าแล้วด้านนอกนั้นมากที่สุดคงจะมีเพียงแค่สองคน หลี่ลั่วลุกขึ้นยืน หน้าต่างของรถม้านั้นกว้างพอที่เขาจะปีนออกไปได้ ทว่าด้วยความเร็วของรถม้า หากเขาปีนออกไปจากหน้าต่างะโลงไปจะตกลงไปตายหรือไม่?
ไม่สนใจแล้วว่าจะตกลงไปตายหรือไม่ จุดจบนั้นย่อมดีกว่าตกอยู่ในมือของคนเ่าั้เป็แน่ ดังนั้นหลี่ลั่วจึงปีนออกไปทางหน้าต่าง กระทั่งแขวนตัวอยู่บนหน้าต่าง ระยะห่างจากพื้นนั้นค่อนข้างสูง หลี่ลั่วคาดคะเนดูแล้วหากตนะโลงไปความน่าจะเป็ที่ตนจะต้องตกลงไปตายนั้นนั้นมีไม่สูงนัก แต่าแที่ได้รับนั้นน่าจะมากอยู่สักหน่อย นอกเสียจากว่าจะไม่ให้สองคนที่อยู่ด้านนอกพบเห็น ไม่เช่นนั้นแล้ว ต่อให้ตนไม่ได้รับาเ็ก็ยังถือว่าตกอยู่ในอันตรายอยู่ดี
ดวงจันทร์ในคืนไหว้พระจันทร์ทั้งกลมทั้งสว่าง ส่องแสงสว่างลงมาอาบพื้น ราวกับสวมอาภรณ์ให้กับผืนแผ่นดิน หลี่ลั่วคิดในใจ ในฐานะที่ตนเป็ผู้ที่ทะลุมิติย้อนเวลามาสำเร็จ ์คงจะไม่ล้อเล่นเช่นนี้กับเขาหรอกใช่ไหม จะให้เขาตายในวันนี้หรือไร?
สู้โว้ย หลี่ลั่วกัดฟันแน่นแล้วก็ะโลงไปทั้งแบบนี้เลย แต่เมื่อเขาะโลงไปนั้นเขาเก็บหัวและย่อตัวเอาไว้ เมื่อตกลงสู่พื้นเขาพยายามให้ตนเองปลอดภัยที่สุด
อาจจะเป็เพราะสองคนที่อยู่ด้านนอกมัวแต่สนทนากันอย่างออกรส อาจจะเป็เพราะเมื่อหลี่ลั่วะโลงมานั้นเขาตกลงมาบนพื้นหญ้า ดังนั้นเสียงจึงไม่ดังนัก ทั้งยังไม่ได้รับความสนใจจากพวกเขา
ร่างของหลี่ลั่วกลิ้งลงไปบนพื้นหญ้า จากนั้นเกิดเสียงกระแทกดังขึ้นครั้งหนึ่งแล้วเขาก็ตกลงไปในน้ำ
ในฤดูกาลนี้ความรู้สึกที่ตกลงไปในน้ำนั้นถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว เย็นสบายดี หลี่ลั่วว่ายน้ำเป็ จึงไม่เกิดความหวาดกลัวเมื่อตกลงไปในน้ำ แต่หลี่ลั่วมองไม่เห็นว่าฝั่งอยู่ที่ไหน เขาว่ายน้ำอยู่เป็เวลานานมาก ว่ายไปมาก็เริ่มค่อยๆ รู้สึกว่าไม่มีแรง จนกระทั่งหมดความรู้สึกไปทั้งร่าง
ย่าห์...
กู้จวิ้นเฉินไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดใจของเขาจึงร้อนรุ่มนัก เขาไม่เคยเปิดเผยต่อหน้าผู้อื่นมาก่อนว่าตนนั้นเป็ผู้มีวรยุทธ์ แต่ในวันนี้เขากลับไม่สนใจสิ่งใดแล้ว กู้จวิ้นเฉินยังจำได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาถึงตัวเขาเมื่อเด็กน้อยคนนั้นจับมือของเขาเอาไว้ ท่าทางที่เขายิ้มบางๆ นั้นช่างมีชีวิตชีวายิ่งนัก เขาบอกว่าสามารถถอนพิษให้ตนได้ เขาบอกว่ามีความปรารถนาอยู่สองอย่าง...เขายังไม่ทันได้เติบโต ดังนั้นจะต้องไม่เกิดเื่อันใดขึ้นเป็แน่
“ย่าห์...” กู้จวิ้นเฉินจับสายบังเหียนแน่น
“ย่าห์...” จวิ้นอีและอั้นจินอยู่ด้านหลังเขา
ยังดีที่รถม้าของอีกฝ่ายนั้นไม่เร็วเท่าม้าที่กู้จวิ้นเฉินควบมา
“ท่านอ๋อง” อั้นมู่เห็นกู้จวิ้นเฉินขี่ม้าไล่ตามมาด้วยความคาดไม่ถึง
“คนเล่า?” กู้จวิ้นเฉินถามเสียงเย็น
“พักผ่อนอยู่ที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ เร่งเดินทางมาตลอดทางเลยพ่ะย่ะค่ะ” อั้นมู่ตอบ
“จับเป็” ทิ้งไว้เพียงอักษรสองตัวเสร็จ กู้จวิ้นเฉินก็ไปช่วยคนในรถม้า ส่วนจวิ้นอี อั้นมู่ และอั้นจินนั้นไปจัดการกับสองคนที่เป็ผู้ขับรถม้า แต่ทว่าเมื่อกู้จวิ้นเฉินเปิดม่านประตูรถม้านั้นเขาพลันตัวเย็นเฉียบไปทั้งร่าง “คนเล่า?”
ทั้งสองคนที่จับตัวหลี่ลั่วมาถูกจับกุมเรียบร้อยแล้ว พวกเขายังไม่รู้เลยว่าเกิดเื่อันใดขึ้น? “ไว้ชีวิตด้วย...ผู้กล้าไว้ชีวิตด้วย พวกท่าน...พวกท่านคิดจะทำอันใด?”
กู้จวิ้นเฉินเดินไปข้างหน้าพวกเขา เตะเข้าไปเต็มแรงใส่ผู้ที่เอ่ยปากพูด ร่างของคนผู้นั้นลอยออกไป พรวด...กระอักเืออกมาทันที แต่คมกระบี่ของกู้จวิ้นเฉินกลับตวัดไปที่ขาของของฝ่ายตรงข้ามแล้ว
อ๊ากกก...อีกฝ่ายร้องเสียงแหลม เส้นเอ็นที่ขาถูกตัดขาดเสียแล้ว “เด็กน้อยในรถม้าเล่า?”
“อยู่...อยู่ในรถม้า” ที่ขาดนั้นคือเส้นเอ็นของขาเพียงข้างเดียว เขากอดขาข้างนั้นของตนเองเอาไว้ ถูกทำให้ใจนสติเลอะเลือนไปแล้ว
“ท่านอ๋อง?” จวิ้นอีเข้ามายืนข้างกายกู้จวิ้นเฉิน “ขอบหน้าต่างมีเศษผ้าติดอยู่พ่ะย่ะค่ะ เสี่ยวโหวเหฺย...อาจจะะโหน้าต่างหนีไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
กู้จวิ้นเฉินได้ยินแล้วก็ให้รู้สึกหัวใจบีบรัดแน่น เ้าคนสารเลวตัวเล็กนั่นมีความกล้าถึงกับะโหน้าต่างรถม้าเชียวหรือ เขาไม่้าชีวิตแล้วหรือไร? “ถ่ายทอดคำสั่งของข้าให้ใต้เท้าจวนว่าการสั่งคนมาปิดถนนสายนี้เสีย จงหาตัวให้ข้าทั้งคืน หาย้อนไปตามเส้นทาง”
“พ่ะย่ะค่ะ” จวิ้นอีเดินทางย้อนกลับไปทันที
กู้จวิ้นเฉินชี้คมกระบี่ไปที่พวกเขา “พูด ใครให้พวกเ้ามาชิงตัวจงหย่งโหว? หากเ้ากล้าโกหกออกมาสักคำ เปิ่นหวางจะให้พวกเ้าขอมีชีวิตก็ไม่ได้ขอความตายก็ไม่ได้”
“จง...จงหย่งโหวอันใดกัน? ท่าน...ท่านอ๋อง? ท่านคือท่านอ๋องหรือ?” คนทั้งสองเมื่อได้ฟังคำพูดของกู้จวิ้นเฉินแล้วถึงกับหน้าถอดสี
กู้จวิ้นเฉินขมวดคิ้ว “พวกเ้าเป็อันใดกันแน่?”
“พวก...พวกเราไม่รู้จักจงหย่งโหวอันใดนั่น เด็กคนนั้นพวกเราซื้อมาแล้ว จากนั้นคิดจะขายต่ออีกทอดหนึ่ง”
กู้จวิ้นเฉินรู้ว่ามีเื่ที่ชาวบ้านลักพาตัวเด็กไปขาย แต่เื่เหล่านี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่าเขากลับคิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาเจอเข้ากับตนเอง หัวใจของเขาที่มีความอดทนอดกลั้นไม่เคยมีความโกรธเกรี้ยวมาก่อน ใบหน้าสง่างามนั้นเ็าอย่างถึงที่สุด “ผู้ใดขายเด็กคนนั้นให้กับพวกเ้า?”
“จี๋เล่อฟางพ่ะย่ะค่ะ” อั้นมู่ตอบ “เมื่อข้าน้อยและอั้นจินพบว่าเสี่ยวโหวเหฺยหายตัวไปนั้น ฝูงชนมีคนมากมาย ทำให้ตามหาได้ยากนัก ข้าน้อยจึงขึ้นไปบนหลังคาของหอเหวยซิน เห็นคนอุ้มเสี่ยวโหวเหฺยเข้าไปในจี๋เล่อฟาง ที่เอวของเด็กน้อยห้อยหยกพกที่ท่านอ๋องประทานให้อยู่ ข้าน้อยจึงเข้าไปหา แต่เกรงว่าจะเป็การแหวกหญ้าให้งูตื่น จึงสะกดรอยตามมาตลอดทางพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็...เป็ลูกค้าของจี๋เล่อฟางที่ขายให้พวกเราขอรับ ลูกค้าผู้นั้นนัดพบพวกเราที่จี๋เล่อฟาง จากนั้นทำการซื้อขายกัน”
“รู้จักลูกค้าผู้นั้นหรือไม่?”
“ไม่ๆๆ...ไม่รู้จักขอรับ มีคนแนะนำมาอีกเช่นกัน พวกเราทำงานเช่นนี้ มีเส้นทางเฉพาะ พวกเราให้เงื่อนไขของเด็กกับผู้ที่เป็นายหน้า จากนั้นหลายวันถัดมาจึงจะไปพบนายหน้า คืนนี้นายหน้าส่งคนมาแจ้งกับพวกเราอย่างเร่งด่วน บอกว่าให้ทำการซื้อขายที่จี๋เล่อฟาง เด็กนั้นหาตัวได้แล้ว ดังนั้นพวกเราจึงไปที่นั่น”
“ผู้ที่ทำการซื้อขายกับพวกเ้าหน้าตาเป็เช่นใด พวกเ้ารู้ชัดเจนหรือไม่?” นายหน้าบอกกล่าวกับพวกเขาอย่างกะทันหัน เช่นนั้นการลักพาตัวหลี่ลั่วในคืนนี้ก็เป็ความคิดที่กะทันหันเช่นกัน การลักพาตัวนั้นกะทันหัน แต่ความคิดที่จะลักพาตัวนั้นเกรงว่าได้วางแผนไว้เนิ่นนานแล้ว
สามารถรู้อย่างกะทันหันว่าหลี่ลั่วจะออกมาข้างนอกเช่นนี้...เป็คนของสกุลหลี่หรือไม่?
คิดมาถึงตรงนี้ ไฟความโกรธในใจของกู้จวิ้นเฉินที่ข่มกลั้นเอาไว้ก็เกิดปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“มองเห็นไม่ชัดเจนขอรับ อีกฝ่ายตั้งใจแต่งตัวและแต่งหน้าเป็การพิเศษ”
เส้นเืสีเขียวบนมือของกู้จวิ้นเฉินที่กุมกระบี่เอาไว้นั้นปูดโปนขึ้นมา “เด็กน้อยคนหนึ่งะโหน้าต่างหนีออกไปจากรถม้า พวกเ้าต่างไม่รู้เื่รึ?”
ทั้งสองคนต่างมีท่าทางทึมทื่อ ไม่กล้าพูดจา
กู้จวิ้นเฉินมองไปทางอั้นมู่ “หลังจากกลับไป เ้ารับโทษเฆี่ยนห้าสิบครั้ง”
“บ่าวผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวโหวเหฺยะโหนีออกไปทางหน้าต่าง เขาก็ยังไม่รู้เื่ เป็ความสะเพร่าของเขาจริงๆ
“ท่านอ๋อง นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาลงโทษอั้นมู่นะพ่ะย่ะค่ะ ไม่สู้รอจนกระทั่งหาเสี่ยวโหวเหฺยกลับมาก่อนแล้วค่อย...” อั้นจินกล่าว
กู้จวิ้นเฉินพยักหน้า “นำตัวสองคนนี้กลับไป ให้พวกเขาย้อนคิดให้ดี คนะโลงไปจากหน้าต่างย่อมเกิดเสียงขึ้น ถ้าหากคิดไม่ออกก็ให้ตัดหูของพวกเขาทิ้งซะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ณ จวนจงหย่งโหว
“เป็เช่นใดบ้าง? หาเจอแล้วหรือไม่? หาตัวลั่วเกอเอ๋อร์พบแล้วหรือไม่?” เมื่อเห็นหลี่หงและคนอื่นๆ กลับมา หลี่หยางซื่อก็รีบก้าวเข้ามาถามไถ่
หลี่หงส่ายหน้า “ยังไม่เจอเลยขอรับ”
“เช่นนั้นเหตุไฉนเ้าจึงกลับมาเล่า?” หลี่หยางซื่อกระวนกระวายใจยิ่งนัก ลั่วเกอเอ๋อร์หายตัวไปแล้ว เป็การพลัดหลงแน่หรือ? “ด้วยความเฉลียวฉลาดของลั่วเกอเอ๋อร์จะพลัดหลงได้เช่นใดกัน?” หลี่หยางซื่อคิดถึงประเด็นสำคัญขึ้นมาได้ในทันทีแล้ว ลั่วเกอเอ๋อร์ฉลาดเฉลียวถึงเพียงนั้น ต่อให้พลัดหลงย่อมรู้ดีว่าจะกลับบ้านได้อย่างไร
“เื่นี้ฉีอ๋องได้รับ่ต่อไปแล้วขอรับ เขาให้พวกเรากลับมาที่เรือน” หลี่หงตอบ ส่วนเื่ที่ไฉนฉีอ๋องจึงมารับมือต่อ ไฉนจึงรู้เื่นี้รวดเร็วยิ่งนักนั้น หลี่หงคิดอย่างไรก็ไม่กระจ่างแจ้งนัก แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเื่เหล่านี้ เขาใส่ใจเพียงลั่วเกอเอ๋อร์เท่านั้น
“ฉีอ๋องรึ?” หลี่หยางซื่อขมวดคิ้ว “ไฉนฉีอ๋องจึงมารับ่ต่อได้เล่า?”
“เื่นี้ข้าก็ไม่รู้เช่นกันขอรับ เพียงแต่เมื่อสักครู่ใต้เท้าจวนว่าการได้บอกกับข้าว่าเื่นี้ฉีอ๋องรับ่ต่อไปแล้ว ให้พวกเรากลับมาพักผ่อนก่อน มีเื่อันใดพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที ยังมีอีกขอรับ ลั่วเกอเอ๋อร์นั้นถูกลักพาตัว โจรลักพาตัวถูกจับกุมตัวได้แล้ว แต่...แต่ว่าลั่วเกอเอ๋อร์ได้ะโหนีออกไปทางหน้าต่างระหว่างทาง ยามนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้วนั้นไม่มีผู้ใดรู้ได้”
อย่าว่าแต่หลี่หงเมื่อได้ยินแล้วถึงกับตกตะลึงจนหน้าถอดสี ขนาดหลี่หยางซื่อยังรู้สึกเหมือนความฝัน ลั่วเกอแอ๋อร์ะโหน้าต่างรถม้าหนีไป ช่างเป็เื่ที่เด็กทั่วไปไม่กล้าทำจริงๆ
“ในเมื่อหนีไปแล้ว เช่นนั้นก็แสดงว่าเขายังปลอดภัย เ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด มีเื่อันใดพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
“อืม” หลี่หงพยักหน้า “หลินเจี่ยเอ๋อร์ไม่เป็ไรใช่หรือไม่ขอรับ?”
“จะไม่เป็ไรได้อย่างไรกัน? นางรู้สึกว่าเป็ความผิดของนางที่ไม่ได้ดูแลลั่วเกอเอ๋อร์ให้ดี ได้แต่โทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา” หลี่หยางซื่อทอดถอนใจ “ยามนี้ไม่ต้องสนใจนางเป็การชั่วคราว หากยังหาตัวลั่วเกอเอ๋อร์ไม่เจอนางไม่มีทางวางใจลงได้ ไปพักผ่อนเสียก่อนเถิด”
“ขอรับ”
ผ่านไปหนึ่งคืนเต็ม อย่าว่าแต่คนทั้งหมดของจวนว่าการออกตามหาเลย กระทั่งคนของทหารม้าจากทั้งห้าเมืองก็ต้องออกมาตามหาด้วย เื่ใหญ่ขนาดนี้ ทางวังหลวงเองก็ตื่นตระหนกใ ในวันที่สองจ้าวหนิงฮ่องเต้ก็เร่งเรียกตัวกู้จวิ้นเฉินเข้าวัง ที่จริงไม่ต้องให้จ้าวหนิงฮ่องเต้เรียกตัว กู้จวิ้นเฉินก็คิดจะเข้าวังด้วยตนเองอยู่แล้ว การค้นหาทั้งคืนไม่ได้อะไรมาเลย เขากลับจวนอ๋องอาบน้ำ ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์แล้วจึงเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าจ้าวหนิงฮ่องเต้
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยเห็นกู้จวิ้นเฉินตกอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้มาก่อน จ้าวหนิงฮ่องเต้สะดุ้งใ แต่ไม่ใช่ว่ากู้จวิ้นเฉินจะดูน่าเวทนาไปเสียทีเดียว เขายังคงรูปโฉมงดงามและมีอำนาจบารมี ยังคงเป็ฉีอ๋องที่สง่างามดังเดิม มีเกียรติและหยิ่งผยอง สูงส่งเอื้อมไม่ถึง
หากแค่ดวงตาทั้งคู่ของเขามองจ้าวหนิงฮ่องเต้ด้วยความเ็า ไม่ใกล้ชิดเหมือนในกาลก่อน อีกทั้งบริเวณโดยรอบใต้ดวงตายังมีรอยคล้ำสีดำลึก แค่ปราดมองไปเห็นก็รู้แล้วว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนหลับพักผ่อนให้ดี
“นี่เ้าเป็อันใดกัน?” จ้าวหนิงฮ่องเต้รีบเร่งให้คนไปชงชาที่ทำให้สมองปลอดโปร่งมาถ้วยหนึ่ง “กินอาหารเช้ามาแล้วหรือไม่?”
กู้จวิ้นเฉินดื่มชาถ้วยนั้นหมดในอึกเดียว จึงรู้สึกปลอดโปร่งผ่องใสขึ้นบ้างเล็กน้อย “หลานเสียมารยาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ เมื่อคืนลั่วเกอเอ๋อร์ถูกลักพาตัว หลานเกรงว่าจะเกิดเื่กับเขา จึงสั่งการคนจวนว่าการและทหารม้าห้าเมืองให้ออกปฏิบัติการทั้งคืนพ่ะย่ะค่ะ ขอเสด็จอาทรงอภัยโทษให้ด้วย ที่จริงหลานควรจะเข้าวังั้แ่เมื่อคืน แต่เกรงว่าจะรบกวนการนอนหลับพักผ่อนของเสด็จอาพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวหนิงฮ่องเต้ทราบว่ากู้จวิ้นเฉินนั้นถูกชะตากับหลี่ลั่วยิ่งนัก และทราบว่าหลี่ลั่วมักจะไปจวนฉีอ๋องบ่อยๆ และยังทราบอีกว่าของกินที่พระองค์ประทานให้กับกู้จวิ้นเฉินโดยส่วนใหญ่แล้วจะตกไปอยู่ในท้องของหลี่ลั่ว จ้าวหนิงฮ่องเต้คิดว่าหลานชายคนนี้ของตนเป็คนเคร่งขรึมไม่ค่อยพูดจาั้แ่ยังเล็ก มีเด็กน้อยที่ร่าเริงแจ่มใสอย่างหลี่ลั่วเป็เพื่อนให้คลายเหงาก็คงจะดีไม่น้อย
แต่เมื่อดูจากวันนี้แล้ว ในใจของหลานชายผู้นี้ เกรงว่าหลี่ลั่วอาจจะไม่ได้เป็เพียงเด็กน้อยที่เป็เพื่อนคลายเหงาเท่านั้น ยังมีความผูกพันระหว่างพี่ชายและน้องชายอยู่ในนั้นด้วย
“เื่นี้มีเหตุมีผล เจิ้นย่อมเข้าใจเ้า” จ้าวหนิงฮ่องเต้เองก็กังวลกับสถานการณ์ของหลี่ลั่วอยู่เช่นกัน “เด็กน้อยดีๆ คนหนึ่ง ไฉนจึงถูกลักพาตัวได้?”