เคยเจอหรือไม่เคยเจอ เหยียนอู๋อวี้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ
นางเผยสีหน้าสงบนิ่งเพื่อเป็การปกป้องตนเอง ฮวารั่วซีกลับเป็ฝ่ายเปิดปากเอ่ยก่อน “อู๋เจี๋ยอวี๋ อย่าได้พูดจาเหลวไหลโดยไม่มีหลักฐาน” ในคำพูดเต็มไปด้วยการปกป้อง
เหยียนอู๋อวี้หัวเราะเยาะในใจ และไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งแต่อย่างใดเลย
ภายนอกฮวารั่วซีกำลังปกป้องตนเองอยู่ ทว่าในความเป็จริงนางเพียงแค่เร่งเร้าให้อู๋เจี๋ยอวี๋พูดเื่หลักฐานออกมาก็เท่านั้น
อู๋เจี๋ยอวี๋เปิดปากพูดจริงดังคาด “สี่ห้าวันก่อนหม่อมฉันวิ่งวุ่นหาของขวัญวันประสูติไทเฮา ทันทีที่ออกจากสวนในวังหลวงพลันเห็นเหยียนเป่าหลินรีบร้อนออกไปจากระยะไกล ยามนั้นหม่อมฉันคิดอยากะโเรียกนาง ทว่านางเดินเร็วยิ่งนัก หม่อมฉันรู้สึกแปลกใจจึงเดินไปอีกสองก้าวก็พบเงาร่างของบุรุษผู้หนึ่งออกมาจากศาลาเล็ก แผ่นหลังในวันนั้นเหมือนกันกับทูตซวี่หรงที่เห็นในวันนี้ทุกประการ เมื่อองครักษ์เจอของแทนใจจากที่พักเขาในเวลานี้ หม่อมฉันจึงมั่นใจว่าคนคนนั้นต้องเป็ทูตซวี่หรงแน่เพคะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเหยียนอู๋อวี้จึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางนึกถึงวันนั้นทันที ตนเองเดินตามขันทีและพบกับจวินอู๋เสียที่ศาลาเล็ก คิดดูแล้วอู๋เจี๋ยอวี๋คงคิดว่าเงาร่างนั้นเป็ซวี่หรง
ทว่านางพูดออกไปไม่ได้ ยามนี้นางกับจวินอู๋เสียมีสัญญาพันธมิตรระหว่างกัน หากลากเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากจะยิ่งเพิ่มความน่าสงสัยแล้วไม่มีประโยชน์อื่นใดเลย
นางอ้าปากแย้งทันที “อู๋เจี๋ยอวี๋อาศัยเพียงแผ่นหลังของคนสองคนก็มั่นใจแล้วว่าหม่อมฉันเป็ชู้กับซวี่หรง นี่ออกจะเป็การตัดสินโดยพลการเกินไปสักหน่อย หม่อมฉันพูดได้หรือไม่ว่าพี่หญิงเจี๋ยอวี๋ก็เป็ชู้กับองครักษ์ในวังเช่นกัน เพราะหม่อมฉันเห็นพี่หญิงกับเหล่าองครักษ์เดินผ่านกันหลายครั้งด้วยสีหน้าคลุมเครือเป็อย่างยิ่ง!”
อู๋เจี๋ยอวี๋ถูกนางกล่าวทำให้อายเช่นนี้จึงโมโหจนหน้าดำหน้าแดง นางชี้เหยียนอู๋อวี้พลางกล่าวด้วยโทสะ “เหยียนเป่าหลิน เ้า...…”
“พอได้แล้ว!” ไทเฮาเห็นพวกเขายิ่งพูดยิ่งเลยเถิดพลันรู้สึกไม่พอใจ นางจึงขัดจังหวะการโต้เถียงของพวกนางด้วยเสียงเ็า แววตาเฉียบคมของนางหยุดอยู่บนร่างของเหยียนอู๋อวี้แต่เพียงผู้เดียว “เช่นนั้น เหยียนเป่าหลินก็บอกไม่ได้ว่าเหตุใดไข่มุกจึงไปอยู่ในที่พักทูตซวี่หรง!”
เหยียนอู๋อวี้กล่าวขอร้องทันที “หม่อมฉันถูกคนใส่ร้าย ไทเฮาโปรดให้ความเป็ธรรมแก่หม่อมฉันด้วยเพคะ!”
อู๋เจี๋ยอวี๋ได้ยินเจตนาปกป้องในคำพูดไทเฮาจึงรีบเอ่ยทันที “ไฉนของของผู้อื่นถึงไม่ได้ไปอยู่ที่นั่น ทว่าของเ้ากลับอยู่ที่นั่นแต่เพียงผู้เดียวได้!”
สายตาของทุกคนมองไปยังเหยียนอู๋อวี้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
ั้แ่เหยียนอู๋อวี้เข้าวังมาก็เป็ที่สนใจของทุกคน ความโปรดปรานของทั้งหกตำหนักไว้เพียงผู้เดียว แม้มีตำแหน่งเป็เพียงเป่าหลิน ทว่ากลับเป็นายหญิงเ้าของตำหนักเฟิ่งชัย อีกทั้งซ่งอี้เฉินยังปกป้องนางครั้งแล้วครั้งเล่า ยามนี้นางจึงเป็เป้าให้ผู้อื่นโจมตี
หากทำให้นางสูญเสียความโปรดปรานหรือแม้แต่ถูกโยนเข้าไปในตำหนักเย็นได้ถือเป็เื่ดีสำหรับทุกคน ส่วนนางถูกปรักปรำหรือไม่ หรือถูกคนใส่ร้ายหรือไม่นั้น เกี่ยวอันใดด้วย หาก้ามีชีวิตรอดในวังต้องห้าม มือผู้ใดไม่เปื้อนเืบ้าง?
ไทเฮาเท้าคางมองนาง แม่นมซูที่อยู่ด้านข้างเดินไปด้านหน้าพลางกล่าวเสียงนอบน้อม “เช่นนั้น เวลานี้ยังต้องตรวจสอบให้แน่ชัด หากล่วงเกินจุดใด เหยียนเป่าหลินโปรดให้อภัยด้วยเ้าค่ะ”
ระหว่างที่นางเอ่ยพลันมีองครักษ์สองนายก้าวออกมาด้านหน้าเตรียมมัดมือเหยียนอู๋อวี้เอาไว้ ไม่คาดคิดเลยว่าซูอิ่งที่ตามอยู่ด้านข้างตลอดจะกระโจนออกมาเอ่ยอย่างรีบร้อน “ไทเฮาโปรดเมตตา นายหญิงอยู่ในตำหนักเฟิ่งชัยทั้งวัน หากไม่ถูกเรียกพบก็ไม่ออกจากตำหนักง่ายๆ ไหนเลยจะไปหาเื่กับคนนอกได้ ต้องมีคนใส่ร้ายนางแน่นอนเพคะ ไทเฮาโปรดทบทวน นายหญิงร่างกายอ่อนแอเป็ทุนเดิม ก่อนหน้าก็ถูกพิษ ถูกโบยด้วยไม้ หากวันนี้ถูกทรมานอีก เกรงว่าจะทนต่อไปไม่ไหว ไทเฮาโปรดเมตตา! หาก้าลงมือจริงๆ บ่าวยินดีรับโทษแทนนายหญิงเพคะ!”
“ซูอิ่ง...…” เหยียนอู๋อวี้รู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากป้าโฉ่วถูกเรียกให้ไปเอาไข่มุก นางจึงถูกทิ้งไว้ด้านนอกและไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเรือน ข้างกายเหลือเพียงซูอิ่งคอยรับใช้เท่านั้น ทว่านางกลับไม่คาดคิดเลยว่าซูอิ่งจะกระโจนออกมาปกป้องเ้านายเช่นนี้
ซูอิ่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าและปกป้องเหยียนอู๋อวี้ นางโขกศีรษะขอร้องไม่หยุด “บ่าวผิวหยาบหนังหนา ทนต่อการทุบตี ไทเฮาตรัสว่าสอบสวนด้วยการทรมานคนรับใช้มิใช่หรือเพคะ? บ่าวสามารถพิสูจน์ได้ว่านายหญิงเป็ผู้บริสุทธิ์!”
ไทเฮาหลับตาราวกับว่าไม่ได้ยินละครบ่าวผู้จงรักภักดีปกป้องเ้านาย นางอยู่ในวังมานานหลายปี ดูจนเบื่อเต็มทนแล้ว ร่างกายเ้านายไม่สะอาด ลูกน้องจะไปสะอาดได้เยี่ยงไร? หากเ้านายเกิดปัญหา พวกบ่าวรับใช้หนีไม่พ้นต้องข้องเกี่ยวอย่างแน่นอน
ยามนี้ในเมื่อเหยียนอู๋อวี้เกิดเื่เช่นนี้ เกรงว่านางกำนัลผู้นี้คงเดาจุดจบของเ้านายออก จึงคิดจะลองสู้ดูก็เท่านั้น
แม่นมซูโบกมือ องครักษ์สองนายเข้ามาจับตัวนายบ่าวพร้อมกันแล้วลากตัวทั้งสองออกไป
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ขันทีด้านนอกถือถาดวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนและะโเสียงดัง “ทูลไทเฮา ค้นพบของในบันทึกเป็จำนวนมากจากในที่พักของซวี่หรงด้วยพ่ะย่ะค่ะ ไทเฮาทรงตรวจสอบ!”
แม่นมซูรีบไปรับถาดมา ไม่คิดเลยว่าด้านหลังจะมีขันทีอีกสองคนวิ่งถือถาดมาเช่นเดียวกัน และกล่าวว่าพบของในบันทึกสิ่งของในวัง
ถาดสามถาดวางเรียงอยู่เบื้องหน้าไทเฮา แม่นมซูมองอย่างละเอียดหนึ่งรอบด้วยสีหน้าที่ไม่น่ามองเป็อย่างยิ่ง จากนั้นนางพลันโน้มกายกระซิบข้างหูไทเฮา ไทเฮาลืมตาขึ้น ภายในดวงตาไม่อาจปกปิดความประหลาดใจเอาไว้ได้ นางเงยหน้ามองถาดเ่าั้ ต่อมาจึงกวาดสายตามองกลุ่มนางสนมปราดหนึ่งพลางกล่าวเสียงเข้ม “เอามาดูสักหน่อย”
ทุกคนเพียงรู้สึกแปลกใจ ทว่าเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่บนถาด ความประหลาดใจบนใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็ความหวาดกลัว
พวกเขาเห็นสิ่งของที่คุ้นเคยบนถาด บางอย่างเป็ของผู้อื่น บางอย่างก็เป็ของตนเอง
ทั้งสามถาดบรรจุสิ่งของล้ำค่าที่แตกต่างกัน ทว่าทุกคนในที่นี้มีส่วนเกี่ยวข้อง แม้กระทั่งลูกประคำเส้นหนึ่งของเต๋อเฟยก็วางอยู่ด้วยเช่นกัน
“ค้นเจอจากที่พักของทูตซวี่หรงทั้งหมดเลยหรือ?” เต๋อเฟยเอ่ยถามเสียงเคร่งขรึม
“ทูลเต๋อเฟย ทั้งหมดนี่พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีกล่าวตอบตัวสั่นเทา ในเมื่อเขารับผิดชอบเื่พวกนี้ย่อมรู้ว่าเื่นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง นึกไม่ถึงว่าจะพบสิ่งของของนางสนมทุกคนในวังในที่พักของซวี่หรง ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว เื่นี้มันแปลกเกินไปแล้วจริงๆ!
“ไทเฮา หม่อมฉันไม่รู้ว่าผ้าไหมผืนนี้หายไปั้แ่เมื่อใดเพคะ!” อู๋เจี๋ยอวี๋มองสิ่งของของตนเองบนถาดพลางนึกถึงสิ่งที่ตนเองเอ่ยกับเหยียนอู๋อวี้เมื่อครู่พลันรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว
นางสนมคนอื่นๆ พากันร้องขอความเป็ธรรมเสียงดังระงมตามกัน
“หม่อมฉันไม่รู้...…”
“ขลุ่ยของหม่อมฉันวางอยู่ในห้องดนตรี ไฉนถึงได้...…”
“กระเป๋าของหม่อมฉัน มารดาเป็ผู้ปักให้ หม่อมฉันไม่เคยมอบให้ผู้อื่นเลย…...”
…...
ไทเฮาได้ยินเพียงเสียงดังวุ่นวายสับสนอยู่ข้างหู นางจึงยกมือขึ้นตบโต๊ะแล้วะโลั่น “เงียบปาก!”
ทุกคนเงียบลงในพริบตาและพากันคุกเข่าบนพื้นตัวสั่นเทาไม่กล้าปริปาก
ไม่มีผู้ใดคาดคิดเช่นกันว่าไฟจะลุกไหม้บนร่างตนเอง แม้กฎหมายไม่ต้องรับผิดชอบทุกคน ทว่าท่าทีที่ไทเฮามีต่อเหยียนอู๋อวี้เมื่อครู่กลับเข้มงวดและไม่คิดจะปล่อยไปง่ายๆ หากไทเฮาไม่เข้าใจชั่วขณะและลากทุกคนไปทุบตี เช่นนั้นพวกนางก็ไม่มีโอกาสได้พูดแล้ว!
แววตาของไทเฮามองข้ามใบหน้าฮวารั่วซีก่อนจะไปหยุดอยู่บนร่างของเหยียนอู๋อวี้ เื่นี้แปลกประหลาดเกินไปจริงๆ ครั้งนี้ทำได้เพียงจับซวี่หรงมาสอบถามหาความจริงแล้ว!
ไทเฮากำลังจะอ้าปากเรียกตัว ทันใดนั้นพลันมีเสียงโกรธเกรี้ยวดังมาจากด้านนอก “สารเลว กล้าดีอย่างไรมาลงมือกับคนของข้าเช่นนี้ องครักษ์ ลากตัวไปปะา!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้