‘ดาบพายุเงาวายุคลั่ง’ เป็เพลงดาบที่เร็วเป็เลิศชนิดหนึ่ง คล้ายกับ ‘เพลงกระบี่ถลาลม’ อยู่บ้างแต่เพลงกระบี่ถลาลมเป็เพลงกระบี่ชั้นทองขั้นกลางส่วนเพลงดาบพายุเงาวายุคลั่งเป็เพลงดาบชั้นนิลขั้นต้น พลังอยู่คนละระดับต่างกันราวฟ้ากับดิน
กระบี่ถลาลมเก้ากระบี่ของเสวียนเทียนถือกำเนิดมาจากเพลงกระบี่ถลาลมแต่ร้ายกาจชนะเพลงกระบี่ถลาลมที่เป็เพลงกระบี่ชั้นทองขั้นกลางอยู่มากทั้งยังผสมวิถีจิตเร็วของเพลงกระบี่ดับเงาไว้ด้วย
เพลงกระบี่ดับเงาไม่ใช่เพลงกระบี่ชั้นนิลธรรมดาเสวียนเทียนยังไม่รู้ระดับที่แน่นอนของมัน แต่ต้องไม่ใช่เพียงชั้นนิลขั้นต้นแน่นอนเมื่อเสวียนเทียนนำวิถีจิตเร็วของเพลงกระบี่ดับเงามาผสานเข้ากับถลาลมเก้ากระบี่ความเร็วเมื่อเทียบกับเพลงดาบพายุเงาวายุลั่งแล้วไม่ด้อยกว่าแม้แต่น้อยหรืออาจเหนือกว่าด้วยซ้ำ
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง
เสียงโลหะปะทะกัน ชั่วดีดนิ้วมือ เสียงใสกังวานต่อเนื่องระลอกหนึ่งก็ดังขึ้นกระบี่หิมะเหมันต์ในมือของเสวียนเทียนกับดาบยาวในมือของเฉิงจิ้งเฟิง ชั่วพริบตาก็ปะทะกันสิบกว่าครั้ง
ถึงแม้ว่าจะผสานวิถีจิตเร็วของเพลงกระบี่ดับเงาลงไปในถลาลมเก้ากระบี่แต่เพลงดาบพายุเงาวายุคลั่งนั้น อย่างไรก็เป็วิทยายุทธ์ชั้นนิลความเร็วของทั้งสองรวดเร็วขนาดนั้น ระหว่างสองคนไม่มีใครช้ากว่าใคร
ในด้านความเร็ว ทั้งสองกินกันไม่ลงแต่ในด้านพลังกลับแตกต่าง!
เพลงดาบพายุเงาวายุคลั่งที่เฉิงจิ้งเฟิงฝึกเป็หลักมุ่งเน้นความเร็วด้านพลังค่อนข้างธรรมดา เมื่อเทียบกับจางเจ๋อเทายังด้อยกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง
แต่พลังภายในของเสวียนเทียนแฝงพลังของกระบี่หยกขาวเล่มน้อยกลางหว่างคิ้วเล่มนั้นไว้แต่เดิมก็ล้ำลึกอยู่แล้ว ยิ่งผ่านการควบแน่นด้วยวิชาเคล็ดหลอมปราณพลังก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก เทียบกับปราณแท้ของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งยังเหนือกว่าอยู่หนึ่งขั้น
อาวุธของทั้งสองปะทะกันเฉิงจิ้งเฟิงได้ยินเพียงเสียงดังกังวานก้องดังขึ้นพลันมีพลังมหาศาลโจมตีซัดเข้ามาจากกระบี่ในมือของเสวียนเทียน
หลังการปะทะต่อเนื่องสิบกว่าครั้งเฉิงจิ้งเฟิงก็รู้สึกว่าไม่เพียงง่ามมือชา ก้าวเท้าก็เริ่มไม่มั่นคงจนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าวผู้ฝึกยุทธ์รอบเวทีประลองอดไม่ได้ต้องขยี้ตาให้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดเฉิงจิ้งเฟิงเพิ่งบุกเข้าไปหาเสวียนเทียน เงาดาบมืดฟ้ามัวดิน ท่าทางข่มขวัญคนแต่คิดไม่ถึงว่ากระบี่เดียวของเสวียนเทียนก็บีบให้ต้องถอยกลับมา
เพลงกระบี่ดับเงา...ทะลุคอ
หลังหนึ่งกระบี่บีบเฉิงจิ้งเฟิงให้ถอยเสวียนเทียนไม่หยุดชะงัก ฉวยจังหวะโจมตีตามไป ใช้กระบวนท่าสังหาร ‘เพลงกระบี่ดับเงา’ ไพ่ตายที่ใหญ่ที่สุดของเขาออกมาทันที
ฟึ่บ!
แสงเย็นเยียบสายหนึ่งเร็วจนถึงที่สุดแทงทะลุอากาศมา
เมื่อเห็นแสงเย็นเยียบสายนี้ เฉิงจิ้งเฟิงเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งขึ้นมาโลกเบื้องหน้ากลายเป็มืดสนิท ในสีดำมืดมิดเหลือเพียงแสงกระบี่สายนั้นเจิดจ้าเหนือสิ่งอื่นใด
ท่าทะลุคอ! หนึ่งกระบี่ทะลุลำคอนี่เป็กระบี่ที่ทุ่มตัวโจมตีทิ้งทุกการป้องกันเป้าหมายของกระบี่นี้คือโจมตีครั้งเดียวสังหารดับดิ้น! ถ้าหากไม่เร็วจนถึงขีดสุดกระบี่นี้ยังไม่ทันแทงถึงลำคอของผู้อื่นคู่ต่อสู้ก็โจมตีผู้ใช้กลับมาได้อย่างง่ายดายเพราะไร้การป้องกันใดๆ
ความเร็วของเสวียนเทียนเห็นได้ชัดว่าบรรลุถึงขั้นนั้นแล้ว
เมื่อหนึ่งกระบี่นั้นโจมตีออกมาเฉิงจิ้งเฟิงรู้สึกได้ถึงความหนาวเสียดแทงกระดูก กระบี่ยังมาไม่ถึงจิตสังหารสายหนึ่งก็แผ่พุ่งทะลุลำคอของเฉิงจิ้งเฟิงวินาทีต่อมาโลกเบื้องหน้าก็มืดดับเหลือเพียงรัศมีกระบี่บาดตาสายนั้นราวกับดวงดาววาดผ่านท้องฟ้ายามราตรีพุ่งเข้ามาหาเขา
ความตาย ความกลัว ความสิ้นหวังความคิดด้านลบนานัปการพริบตาก็ฟุ้งขึ้นมาในสมองของเฉิงจิ้งเฟิง เฉิงจิ้งเฟิงรู้สึกแค่ว่าหัวใจเย็นเยียบราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
ถอย!
ถอย!
ถอย!
เฉิงจิ้งเฟิงขวัญผวาความกล้าหดหายสองข้ากระทืบพื้นแรงๆ หนึ่งครั้ง ร่างกายก็ราวกับศรคมดอกหนึ่งถอยไปข้างหลังพร้อมกันนั้น ดาบยาวในมือก็ตั้งขวางป้องกันด้านหน้าลำคอไว้ในเสี้ยววินาที
เคร้ง!
เสียงกังวานดังขึ้นเฉิงจิ้งเฟิงไม่เสียทีที่เป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภา ชั่วระยะห่างเท่าเส้นผมเขาป้องการกระบี่สังหารของเสวียนเทียนไว้ได้
พลังมหาศาลไหลบ่ามาจากกระบี่ของเสวียนเทียนโจมตีดาบยาวในมือของเฉิงจิ้งเฟิง ส่งผ่านมาถึงทั้งร่างของเฉิงจิ้งเฟิงอีกทีหนึ่ง
เฉิงจิ้งเฟิงสะท้านอย่างรุนแรงทีหนึ่งร่างกายที่ขยับถอยอยู่กระเด็นลอยขึ้นมาปลิวไปในอากาศสิบกว่าเมตรตกลงบนพื้นเวทีประลอง ห่างจากขอบเวทีอีกไม่ถึงห้าเมตร
วิ้ง! ดาบยาวในมือยังคงสั่นสองมือของเฉิงจิ้งเฟิงชาดิก โดยเฉพาะตรงง่ามนิ้ว ทั้งยังแฝงความเจ็บอยู่ด้วยในดวงตาของเขาไม่เหลือแววความหยิ่งยโส มีเพียงความหวาดกลัวและตะลึงงันเท่านั้น
กระบี่เมื่อครู่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่ชมอยู่อาจจะรวดเร็วจนน่าตื่นตะลึงแต่เฉิงจิ้งเฟิงได้ัักับความตายในระยะใกล้ รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของกระบี่นั้นดี
กระบี่นั้นเป็เพียงแค่จุดเริ่มต้น! แสงกระบี่เย็นเยียบตามติดมาเสวียนเทียนใช้กระบวนท่าสังหารท่าที่สองออกมาแล้ว
เพลงกระบี่ดับเงา...ตัดหัวใจ
เสวียนเทียนเพิ่งจะใช้กระบวนท่าออกมารัศมีกระบี่เพิ่งปรากฏ เฉิงจิ้งเฟิงก็รู้สึกเย็นเยือกที่หัวใจกระแสลมสายหนึ่งพัดมาจ่ออยู่ที่หัวใจดวงตาของเฉิงจิ้งเฟิงรอบด้านกลายเป็มืดมิดไร้แสงสว่างเหลือเพียงรัศมีกระบี่ในมือของเสวียนเทียน เจิดจ้าเหนือสิ่งอื่นใดรัศมีกระบี่นั้นเร็วจนถึงขีดสุด หนึ่งกระบี่แทงมาทางเฉิงจิ้งเฟิงตรงตำแหน่งหัวใจที่กระแสลมพัดจ่ออยู่
กระบี่นี้กำลังจะตัดทะลุหัวใจของเฉิงจิ้งเฟิง
หลังััความรู้สึกหวาดกลัวจาก ‘ท่าทะลุคอ’ เมื่อครู่ ในใจของเฉิงจิ้งเฟิงยิ่งหวาดหวั่น เมื่อครู่ที่กันกระบี่นั้นของเสวียนเทียนไว้ได้เป็โชคช่วยเท่านั้นเขาไม่คิดจะััความรู้สึกเช่นนั้นเป็ครั้งที่สอง
“ข้ายอมแพ้! ข้ายอมแพ้!” เฉิงจิ้งเฟิงร้องเสียงหลงออกมาด้วยความหวาดกลัวร่างกายพุ่งถอยไปอีกครา
รัศมีกระบี่ที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วหยุดลงเสวียนเทียนถือกระบี่หยุดอยู่ตรงจุดที่เฉิงจิ้งเฟิงยืนอยู่เมื่อครู่เหลือเพียงปราณกระบี่สายหนึ่งยังคงพุ่งไปข้างหน้าถูกดาบยาวที่ขวางตรงหน้าอกของเฉิงจิ้งเฟิงกันไว้ครึ่งหนึ่งอีกครึ่งหนึ่งทะลุเข้าไปในร่างของเฉิงจิ้งเฟิงราวกับแท่งเข็มแทงเข้าไปตรงบริเวณหัวใจ
โชคดีที่ในร่างมีปราณแท้ชั้นเบิกนภาป้องกันอยู่ทั้งปราณกระบี่สายนั้นก็ไม่มากพอแทงเข้าไปในร่างก็ถูกปราณแท้ชั้นเบิกนภากันไว้ได้แล้ว
แต่หัวใจของเฉิงจิ้งเฟิงก็ยังคงส่งกระแสความเจ็บออกมาราวกับว่าโดนกระบี่แทงทะลุไปจริงๆ เฉิงจิ้งเฟิงอ้าปากหอบหายใจหนักในดวงตามีแต่ความหวาดผวา มองกระบี่ในมือเสวียนเทียนราวกับเห็นปีศาจ
กระบี่ในมือของเสวียนเทียนนั้นเฉิงจิ้งเฟิงรู้สึกว่ามีเพียงคำสองคำเท่านั้นที่นิยามได้ น่ากลัว! น่ากลัวอย่างที่สุด! เฉิงจิ้งเฟิงเป็ถึงนายน้อยของตระกูลเฉิง เป็ศิษย์ในของสำนักดาบเทวะเป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง แต่กลับไม่สนศักดิ์ศรียอมแพ้ให้กับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าต่อหน้าบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนผู้ชมรอบเวทีประลองดวงตาเบิกโพลง มองเฉิงจิ้งเฟิงด้วยสายตาดูถูก
ผู้ฝึกยุทธ์ไม่น้อยแค่นเสียงขึ้นจมูกส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยเฉิงจิ้งเฟิง นายน้อยแห่งตระกูลเฉิง
เมื่อได้ยินเสียงแค่นหัวเราะของบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ลอยมาเฉิงหยวนอู่ผู้นำตระกูลเฉิงก็รู้สึกราวกับใบหน้าถูกตบสองฉาดเข้าอย่างแรงจางเจ๋อเทาถึงจะแพ้แต่ก็เพราะาเ็จากการประลอง แต่เฉิงจิ้งเฟิงกลับยอมแพ้เองทำตระกูลเฉิงเสียหน้าหมดสิ้น
กระบี่หิมะเหมันต์ในมือเสวียนเทียนชี้ไปทางเฉิงจิ้งเฟิงแม้ว่ากระบี่จะไม่ขยับแต่เฉิงจิ้งเฟิงก็รู้สึกได้ว่ามีพลังที่น่าหวาดหวั่นส่งผ่านมาจากตัวกระบี่แทบจะทะลุเข้ามาในร่างของเขา ทำเขารู้สึกหวาดกลัว
ฉับพลัน ในใจของเฉิงจิ้งเฟิงก็สว่างวาบขึ้นมา ความคิดอันน่ากลัวอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นในสมอง “จิตกระบี่! หรือว่านี่คือจิตกระบี่ที่เขาร่ำลือกัน?”
แต่ว่า นี่เป็เพียงความคิดไม่นานก็ถูกเฉิงจิ้งเฟิงปัดทิ้งไป จิตกระบี่เป็พลังของจิตอันลึกล้ำลี้ลับก่อให้เกิดอิทธิพลกับความคิดของผู้คนได้ มือกระบี่ที่บรรลุจิตกระบี่กระบี่ในมือไม่ขยับแต่พลังของจิตก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้เกิดภาพหลอนได้ทำให้คู่ต่อสู้ตกอยู่ในภาพหลอน ได้รับแรงกดดันทางด้านจิตใจมหาศาลหลุดพ้นออกมาไม่ได้ จนถึงขนาดที่ว่าจิตใจพลังทลาย ตายไปทั้งอย่างนั้น
กระบี่ของเสวียนเทียนถึงแม้ว่าจะมีพลังที่ระบุไม่ได้บางอย่างทำให้เฉิงจิ้งเฟิงรู้สึกหวาดกลัวแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นทำให้เกิดภาพหลอน แล้วก็ไม่มีแรงกดดันทางจิตใจอย่างรุนแรงด้วย ถึงแม้ว่าเฉิงจิ้งเฟิงจะไม่ต่อต้านแต่ก็ยังรู้สึกได้
“คนผู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้วถึงแม้ว่ายังไม่บรรลุจิตกระบี่ที่เขาเล่าลือกัน แต่ก็เหยียบไปถึงหน้าประตูแล้ว ไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจบรรลุจิตกระบี่อันสูงส่งเข้าได้จริงๆตอนนี้เขาสามารถต่อสู้ได้อย่างร้ายกาจแล้ว ถึงตอนนั้นคงสังหารศัตรูได้อย่างร้ายกาจง่ายดายราวกับหยิบของออกมาจากถุง ราวกับยกฝ่ามือ น่ากลัว! น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
ในใจของเฉิงจิ้งเฟิงสั่นสะท้าน ต่อหน้าเสวียนเทียนเขาไม่มีความรู้สึกเหนือกว่าใดๆเหลืออยู่ มีแต่ความหวาดกลัว ความรู้สึกต้อยต่ำเสวียนเทียนก้าวเท้าครึ่งหนึ่งเข้าไปยังประตูของจิตกระบี่แล้ว ทั้งที่มีพลังวัตรเพียงชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าห่างไกลจนเฉิงจิ้งเฟิงไม่อาจเทียบได้
เฉิงจิ้งเฟิงยอมแพ้ไปแล้วเสวียนเทียนย่อมรักษากฎของการประลอง ไม่ตั้งใจทำร้ายคนสายตามองไปทางเฉิงจิ้งเฟิงพูดขึ้นว่า “ไสหัวลงจากเวทีประลองไปซะ!”
เฉิงจิ้งเฟิงมองไปทางเสวียนเทียนแผ่นหลังเปียกโชกในใจเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว แทบจะพังทลาย ได้ยินคำนี้ก็ราวกับได้รับอภัยโทษตอบเสียงสั่น “ได้! ได้!”
พอได้ยินคำสั่งเขาก็ถอยหลังลงจากเวทีประลองไปบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ที่เห็นเหตุการณ์ ไม่มีใครไม่หัวเราะลั่นเฉิงหยวนอู่รวมไปถึงผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลเฉิงทุกคนไม่มีใครไม่อับอายใบหน้าร้อนราวไฟลวก
ผู้ฝึกยุทธ์รอบเวทีประลองไม่ได้เผชิญหน้ากับเพลงกระบี่ดับเงาของเสวียนเทียนเพียงเห็นว่ากระบี่ของเสวียนเทียนเร็วมากพวกเขาไม่อาจััได้ถึงความรู้สึกน่าหวาดหวั่นที่เฉิงจิ้งเฟิงได้ประสบดังนั้นการที่เฉิงจิ้งเฟิงประกาศยอมแพ้ด้วยตัวเอง พวกเขาย่อมหัวเราะเยาะเย้ย แต่ถ้าเปลี่ยนให้ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์คนไหนก็ตามมารับเพลงกระบี่ดับเงาของเสวียนเทียนหนึ่งกระบี่คงตายสถานเดียว แม้กระทั่งความสามารถจะต่อต้านสักนิดก็คงไม่มี
ชิ้ง!
กระบี่หิมะเหมันต์เก็บเข้าฝักยามไม่ต้องใช้กระบี่ กระบี่เก็บเข้าไปในฝัก ปราณกระบี่เก็บงำ ในฐานะมือกระบี่เปิดเผยประกายคมกริบไม่ใช่หนทางเดียว มีเข้มงวดมีผ่อนปรน จึงจะเป็วิถีกระบี่ที่แท้จริง
ทายาทตระกูลจางและตระกูลเฉิงล้วนแพ้ให้แก่เสวียนเทียนแล้วสามตระกูลเหลือเพียงตระกูลหนิวเท่านั้น
ในมือของเสวียนเทียนยังมีใบรางวัลค่าหัวล้านตำลึงเป็หลักฐานที่ตระกูลหนิวจ้างพรรคฝูเวยมาสังหารเสวียนเทียนอยู่ ในสามตระกูลนั้น เสวียนเทียนมีความแค้นกับตระกูลหนิวลึกล้ำที่สุดโกรธแค้นมากที่สุด
สายตาของเสวียนเทียนไม่แม้แต่จะมองกรรมการของงานประลองอย่างอู๋เหวินเสียงแต่ไปหยุดอยู่ที่อัฒจันทร์ของตระกูลหนิวทางตะวันออก ะโขึ้นมา “คู่ที่สามควรถึงตาตระกูลหนิวแล้ว หนิวจื้อเฉียง เ้าจะหดหัวเป็เต่าในกระดองยอมแพ้ไปเองหรือจะมาสู้กับข้าสักตั้ง?”
จางเจ๋อเทากับเฉิงจิ้งเฟิงถูกเสวียนเทียนเอาชนะไปอย่างง่ายดายเสวียนเทียนในยามนี้ราวกับดวงอาทิตย์เคลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่มีใครต้านทานได้
หนิวเจิ้นซาน เฉิงหยวนอู่ จางกู่เฟิงใบหน้าของทั้งสามอดเคร่งเครียดขึ้นมาไม่ได้ ครั้งนี้เชิญตระกูลหวงมาเข้าร่วมการประลองทายาทรุ่นหลังเดิมทีคิดว่าจะชิงหมู่บ้านหวงปั้วมาจากตระกูลหวงได้อย่างเปิดเผยถูกต้องไม่เสียเืเนื้อ ทำลายรากฐานของตระกูลหวงที่สร้างมาหลายปีได้
ใครจะคิด เื่ราวในโลกช่างยากคาดเดาหมากตานี้ของตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามตระกูลกลับกลายเป็การยกก้อนหินมาทุบเท้าตัวเองเสียอย่างนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้