วังหลวงในตอนเช้าตรู่
ในเวลานี้ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวังหลวง ลานประลองขนาดใหญ่ที่มีรัศมีกว้างหนึ่งพันเมตรก็เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก
ลานประลองแห่งนี้มีกำแพงสูงสิบเมตรล้อมรอบ ทางทิศตะวันตกของลานมีผู้ชมเข้ามานั่งเต็มแล้วกว่าสองหมื่นคน!
ประตูทางเข้าสีแดงในทางทิศใต้ของลานประลอง มีผู้คนจำนวนมากกำลังทยอยเดินเข้ามา ซึ่งมีนางกำนัลจากในวังเป็คนนำทางให้ไปนั่งตรงที่นั่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้วทางทิศตะวันตก
โดยปกติแล้ว ลานประลองแห่งนี้เป็สถานที่ฝึกฝนการต่อสู้ของทหารชั้นสูงของราชสำนัก แต่คนที่มาในวันนี้ล้วนแต่เป็ขุนนางระดับสูงทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ เชื้อพระวงศ์ รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงและเหล่าตระกูลที่มีรากฐานสำคัญของต้าิ
ด้วยเหตุผลที่ง่ายมากก็คือ เพราะในวันนี้นั้น คืองานประลองยุทธ์ของราชสำนักที่จะจัดขึ้นเพียงปีละครั้ง!
งานประลองยุทธ์ของราชสำนักต้าิเป็การแข่งขันระดับสูง มันแสดงถึงพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ และยังเป็การแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการพัฒนาในอนาคตของราชวงศ์ต้าิด้วย
แม้ว่าการประลองยุทธ์นี้จะเป็ที่รู้จักกันดี แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้ามาชมการประลองได้จริงๆ ผู้ที่ได้รับเชิญเข้าชมการประลอง ถือเป็สามหมื่นคนที่ได้รับเกียรติอันสูงสุดแล้ว
ในเวลานี้ ตรงกลางด้านทิศตะวันออกของลานประลอง มีกลองาขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบเมตรและหนาห้าเมตร ที่ดูแข็งแกร่งและมีน้ำหนักมากตั้งอยู่ รอบๆ พื้นผิวกลองสีขาวเทามีลวดลายสีขาวล้อมรอบเป็วงกลม พอลองมองดูดีๆ แล้ว ก็จะเห็นว่ามีแสงสว่างปรากฏขึ้นเล็กน้อย
วันนี้เป็แบบทดสอบแรกของงานประลอง คือการให้ผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าร่วมการแข่งขันตีกลองโดยห้ามใช้วิชายุทธ์ ต้องตีให้ลวดลายสีขาวเปลี่ยนสี โดยจะคัดผู้มีความสามารถแปดสิบคนจากหนึ่งพันกว่าคนเข้าสู่การต่อสู้ในรอบต่อไป
ความแข็งแกร่งเป็การแสดงออกถึงศักยภาพภาพของนักรบที่โดดเด่นคนหนึ่ง การแข่งขันในรอบแรกของการประลองยุทธ์จึงเป็การตีกลอง เรียบง่าย แต่ทรงพลัง!
และกรรมการในการตัดสินในครั้งนี้นั่นก็คือ ผู้กล้าเก้าคน
ตำแหน่งที่นั่งด้านหน้าของผู้ชมทางทิศตะวันตกมีคนนั่งอยู่เก้าคน ทางกราบซ้ายเป็เสนาบดีจากหกกรมใหญ่ ได้แก่ เสนาบดีกรมพลเรือน เสนาบดีกรมคลัง เสนาบดีกรมพิธีการ เสนาบดีกรมกลาโหม เสนาบดีกรมอาญา และสนาบดีกรมโยธา! ส่วนทางกราบขวาเป็ชายชราสวมชุดสีดำพกดาบสีทอง พวกเขาคือองครักษ์หน้าพระที่นั่งที่มีอำนาจและผลงานสูง
แค่เสนาบดีของทั้งหกกรม ก็มีอำนาจบารมีในราชสำนักจนมากเกินประมาณแล้ว พวกเขามีพลังความสามารถที่ยากจะคาดเดาได้ แค่นั่งเฉยๆ อยู่ตรงนั้นก็ทำให้คนรู้สึกเหมือนมีูเากดทับอยู่แล้ว พลังความน่ากลัวมันแผ่ซ่านออกมาตลอดเวลา
ถ้าตัดทั้งเก้าคนนี้ที่ปกติแทบไม่ได้เห็นหน้านี้ออกไป ที่นั่งด้านหลังก็เป็กลุ่มผู้มีอิทธิพล ตระกูลใหญ่จำนวนมาก ที่นั่งของพวกเขายิ่งอยู่หน้ามากเท่าไร ก็แปลว่าตำแหน่งฐานะของเขาก็ยิ่งสูงเท่านั้น
ไม่ไกลจากที่นั่งด้านหน้านัก เป็ที่นั่งของสามในสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ซึ่งได้แก่ ตระกูลหลิว ตระกูลหลิน ตระกูลซ่ง โดยที่ด้านหลังของพวกเขานั้นมีผู้าุโ พ่อบ้าน ผู้น้อยหลายคนติดตามมาชมการประลองด้วย
ในหมู่ผู้น้อยเ่าั้ เป็คนที่โดดเด่นและมีพร์ ล้วนแต่มีสิทธิเข้าร่วมการประลองยุทธ์ทั้งนั้น
เพียงแต่ว่า นายใหญ่ของสามตระกูลพวกเขานั้นมีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะด้านหน้าของพวกเขายังมีที่ว่างเหลืออยู่ แต่พวกเขาไม่มีสิทธิได้ไปนั่งตรงนั้น
เพราะมันเป็ที่นั่งของตระกูลเยี่ย!
“ตระกูลเยี่ย มีดีอะไรกัน”
ผู้น้อยที่มีสิทธิเข้าร่วมการประลองของตระกูลหลินคนหนึ่ง เห็นคนของตระกูลเยี่ยที่ยังไม่มาวางมาดใหญ่โต ในใจก็รู้สึกอึดอัดก็เลยพูดระบายคับแค้นใจออกมา
ผู้าุโที่อยู่ข้างๆ พอได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดเสียงต่ำและเข้มว่า “ฮาวหราน ห้ามพูดจาเหลวไหล ตอนนี้ตระกูลเยี่ยไม่ใช่ตระกูลเยี่ยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เรามีเื่กับเขาไม่ไหวนะ!”
พวกเขาต้องไม่กล้ามีเื่กับตระกูลเยี่ยอยู่แล้ว เพราะเยี่ยหลิงอวินที่นั่งอยู่กับเสนาบดีอีกห้าคน คือเสนาบดีกรมอาญาแห่งต้าิคนปัจจุบัน และเขาเป็น้องชายแท้ๆ ของนายใหญ่ตระกูลเยี่ย!
เพราะเยี่ยหลิงอวิน ทำให้อำนาจของตระกูลเยี่ยมีมากกว่าขั้นหนึ่ง แต่ลูกสาวของเขาเยี่ยซียิ่งเป็ดั่งพญาหงส์ ที่ทำตัวเหนือกว่าคนที่มีความสามารถทั้งหมดในสี่ตระกูลใหญ่
แล้วเยี่ยซียังหมั้นหมายกับองค์ชายเก้าสุดยอดคนของราชวงศ์ต้าิอีก ทำให้ฐานะตำแหน่งของนางเพิ่มพูนขึ้น ทรัพยากรในการฝึกฝนของนางก็มีเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เว้นระยะห่างจากคนหนุ่มสาวจากอีกสามตระกูลไปโดยสิ้นเชิง!
เพราะแบบนี้ นายใหญ่ของอีกสามตระกูลถึงได้โกรธแค้นมาก แต่ไม่ได้แสดงออกมา
ตอนนี้จะมีปัญหากับตระกูลเยี่ยไม่ได้เด็ดขาด แต่กลับกัน พวกเขายังต้องไปประจบประแจงด้วยซ้ำ
หลินฮาวหรานรู้ว่าผู้าุโหมายความว่าอย่างไร แต่เขาไม่เชื่อข่าวลือพวกนั้น ยังคงพูดอย่างไม่พอใจว่า “แม้แต่พี่เจ๋อเทียนก็สู้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้หรือ?”
ผู้าุโส่ายหน้าเศร้าๆ
หลินฮาวหรานก็เลยไม่พูดอะไรต่อ เขาทำเป็เหมือนว่ามองไม่เห็น เขาแทบจะไม่เหลือความมั่นใจอะไรเลย รู้ว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ก็เลยเลือกที่จะเงียบไป
“รีบดูนั่น”
ในเวลานี้เอง มีคนชี้ไปที่ประตูทางทิศใต้ ก็พบกลุ่มคนสวมชุดสีม่วงและสีดำค่อยๆ เดินไปตรงที่นั่งของผู้ชมอย่างช้าๆ เขาคือผู้บริหารระดับสูงของสมาคมใต้หล้า
ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนผู้นำไว้หนวดแพะ เขายิ้มอย่างสุภาพให้กับทุกคน จากนั้นก็นั่งไปที่ด้านหน้าของคนดู
ถึงแม้สมาคมใต้หล้าจะเป็สถานที่ขายสินค้าของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ แต่ในความเป็จริงแล้ว เพราะในสมาคมใต้หล้ามีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งมากมาย ถึงได้มีอิทธิพลทั่วทั้งราชวงศ์ต้าิได้ ดังนั้นจะดูถูกอำนาจของพวกเขาไม่ได้เลย
จากนั้น ก็มีกลุ่มอิทธิพลอีกจำนวนหนึ่งทยอยเข้ามา แต่ว่ามีแค่กลุ่มต่อมาเท่านั้นที่ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก
กลุ่มคนพวกนี้สวมชุดสีดำทั้งหมด มีแค่ผู้หญิงที่เป็ผู้นำคนเดียวเท่านั้นที่สวมชุดสีแดงเพลิงเป็ที่สะดุดตาอย่างมาก
เสื้อผ้ารัดรูปที่เผยให้เห็นเรือนร่างอย่างเต็มที่ รูปร่างที่ดูสง่างามและอวบอิ่ม แขนที่เรียวงามราวกับดอกบัว ขาเรียวยาวขาวราวกับหิมะก็เผยออกมาให้เห็นเช่นกัน แม้ว่านางจะปิดผ้าที่ใบหน้าโดยเผยให้เห็นแค่ดวงตาเท่านั้น แต่ดวงตาที่คมคายขนตาที่เรียวยาว ก็ััได้ถึงความมีเสน่ห์นับไม่ถ้วนของนาง
ผู้หญิงคนนี้คือประมุขเมืองใต้ดินหวังเฉิง จี้หงหลิง!
ได้ยินมาว่า เพราะนางงดงามมากเลยไม่ค่อยปรากฏตัวออกมาให้ใครได้พบเห็น แต่ยิ่งเป็แบบนั้น มันก็ยิ่งทำให้นางเป็ที่เคารพบูชาอย่างมาก
ผู้ชายจากตระกูลใหญ่พวกนี้ล้วนแต่เป็ชายหนุ่มเืร้อน พอเห็นจี้หงหลิงที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจแล้ว สายตาของพวกเขาก็แทบหลุดออกจากเบ้ากันทั้งนั้น ถึงแม้จะเคยได้ยินชื่อเสียงมานานว่าประมุขเมืองใต้ดินหวังเฉิงนั้นงดงามมาก แต่พอได้เห็นกับตาก็ยังทนไม่ไหวต้องตะลึงกันไปหมด
แต่ว่า จี้หงหลิงพาคนของตัวเองนั่งลงได้ไม่นาน ที่ประตูใหญ่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา สายตาของทุกคนถูกดึงดูดไปกันหมด!
คนกลุ่มนั้นสวมชุดเขียวอมฟ้าลวดลายดอกไม้ มีชายวัยกลางคนสีหน้ามั่นใจเดินเข้ามา โดยที่ข้างกายของเขานั้นก็มีผู้หญิงติดตามมาด้วยคนหนึ่ง
ใบหน้าของนางงดงามมาก ผ้าไหมสีน้ำเงินสามพันเส้นตกลงมากระทบเอวที่บอบบางและบั้นท้ายที่สวยงามของนาง
นางไม่ได้ตั้งใจจะให้สะดุดตาใคร นางเพียงแต่เดินไปทีละก้าวเท่านั้น แต่ว่าร่างกายของนางกลับปล่อยความสง่างามและเ็าออกมา ทั้งๆ ที่สวมชุดเขียวอมฟ้าเหมือนกัน แต่กลับเป็คนเดียวที่สะดุดตามากที่สุด!
อีกทั้งทุกคนยังััได้ถึงออร่าที่เป็ธรรมชาติ ราวกับว่าิญญาและร่างกายของนางนั้นถูกรวมเข้าเป็หนึ่งเดียว!
คนที่มานั้นคือคนรุ่นใหม่ที่โดดเด่นเป็ที่สุดของราชวงศ์ต้าิในเวลานี้ เยี่ยซี
นางเพิ่งจะทะลวงขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่แปดระดับประสานเป็หนึ่งได้เมื่ออาทิตย์ก่อน!
“... คิดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยซีจะสะดุดตาขนาดนี้ แค่นางปรากฏตัว ิญญาของข้าก็เหมือนหลุดออกจากร่างเลย” มีลูกหลานตระกูลใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ก็แน่ล่ะสิ เ้าคิดว่าอย่างไร? เยี่ยซีของข้าไม่เพียงหน้าตาดี เมื่อหลายวันก่อนยังทะลวงขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่แปดได้อีก! อายุสิบหกก็มีระดับประสานแล้ว เ้าเคยเห็นสักกี่คน?”
มีคนพูดอย่างมั่นใจว่า “เยี่ยซีของข้าเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่พิเศษ นางมีร่างกายดั่งิญญาลม มีความว่องไวสูงกว่าคนทั่วไปอย่างมาก นางเป็คนที่มีพร์ในศาสตร์กระบี่มาก อีกทั้งยังได้ความว่องไวจากสายลม แค่ชักกระบี่ออกมาก็มีพลังที่น่ากลัวแล้ว ไม่มีใครเทียบได้เลย”
ร่างิญญาแห่งลม เป็ร่างกายพิเศษ และเยี่ยซีก็มีร่างกายแบบนี้มาั้แ่เกิด
เมื่อได้ยินคนวิเคราะห์ อีกคนก็มองไปที่แผ่นหลังของเยี่ยซีแล้วพูดอย่างเสียดายว่า “เพราะฉะนั้นนะ เทพธิดาของข้าอย่าแข็งแกร่งไปมากว่านี้เลยนะ? ให้โอกาสข้าได้ตามเ้าทันหน่อยเถอะ!”
“ฝันไปเถอะเ้า อย่ามาบังข้านะ” คนด้านหลังเอามือดันผู้ชายที่บังเขาออก แล้วมองแผ่นหลังของหญิงงามอย่างชื่นชม
เมื่อคนของตระกูลเยี่ยนั่งลงแล้ว สายตาของทุกคนก็เริ่มเหมือนกัน
จากนั้น สายตาของทุกคนก็มองไปที่พระที่นั่งบนลานประลองทางด้านทิศเหนือ รอให้ิอ๋องเสด็จมา!
ด้านข้างบนลานพระที่นั่งมีการจัดวางเก้าอี้สีทองดำไว้สามสิบสี่ตัว พระสนมสามสิบสี่คนที่งดงามกำลังนั่งรอิอ๋องเสด็จมาอย่างเงียบๆ รวมไปถึงหยางเสวี่ยหรงด้วย!
เพราะได้หลิงจือโลหิตแดง อาการป่วยที่เป็มานานหลายปีของนางก็ได้รับการรักษาที่ต้นเหตุ นางจึงหลุดพ้นจากความเ็ปทรมาน ในเวลานี้นางแต่งหน้าด้วยแป้งบางๆ เพื่อปกปิดความเศร้าหมองที่มี
เมื่อสองเดือนก่อน ิอวี่หายไปจากวังหลวงโดยไม่มีสาเหตุ หยางเสวี่ยหรงตามหาไปทั่ววังหลวงแต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของิอวี่เลย
นางแทบบ้าและอยากจะรายงานไปยังราชสำนัก ถึงแม้ิอ๋องจะเก็บตัวอยู่ แต่นางก็ยังคุกเข่าอยู่ที่หน้าตำหนักิหุนอยู่ทั้งคืนเพื่อขอพบิอ๋องสักครั้ง แต่นางก็ยังถูกไล่ออกมา
เดิมอารมณ์ของนางก็ไม่ดีนักอยู่แล้ว พอนางได้เห็นชายหนุ่มหญิงสาวที่มาชมงานประลองกว่าหมื่นคนด้านล่างก็นึกถึงิอวี่ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่เขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ...
ความรู้สึกที่ย่ำแย่ภายในจิตใจก็พุ่งกลับมาอีกครั้ง!
น้ำตาของหยางเสวี่ยหรงไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว นางก้มหน้าสะอื้นเพราะความเ็ปในจิตใจทำให้อารมณ์พลุ่งพล่าน มือทั้งสองข้างจับกันแน่นจนจิกเข้าไปในเนื้อจนทำให้เืออกโดยไม่รู้ตัว