พ่อบ้านพาช่างมาเจาะกำแพงตรงนั้น ถังชิงหรูได้ยินเสียงดังโครมคราม เลยพานอารมณ์ไม่ดี ออกมาจากจวน
นางกำลัง้าเมล็ดพันธุ์สมุนไพรและพืชผักเพิ่มเติมอยู่พอดี จึงฉวยโอกาสออกมาเดินเล่นสูดอากาศข้างนอก ตอนนี้เฟิ่งหยางไม่คุมนางเข้มมาก แต่นางรู้ว่ามีคนเฝ้าจับตามองอยู่ในที่ลับ แม้ว่าเขาจะดีกับนางอย่างไร ก็ไม่มีทางปล่อยไปเฉยๆ นางรับรู้ตรงส่วนนี้ได้ และไม่อยากหาเื่ใส่ตัว หากทำให้เฟิ่งหยางบันดาลโทสะ แม้แต่อิสระอย่างตอนนี้ก็คงถูกยึดคืน
คนสัญจรไปมาบนถนนน้อยลงมาก ยังจำได้ว่าตอนเข้าเมืองชิ่งครั้งแรก นางรู้สึกว่าที่นี่เจริญมาก ไม่นึกว่าสถานที่ยังคงเดิมแต่คนกลับเปลี่ยนไป เมืองหน้าด่านแห่งนี้นับวันก็ยิ่งเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ
"ท่านป้า นี่คือเมล็ดผักใช่หรือไม่ ขายอย่างไร" ถังชิงหรูมองดูของบนแผงพลางเอ่ยถามแม่ค้า
"นี่เป็เมล็ดหัวไชเท้า ห่อละสิบอีแปะ ส่วนห่อนี้ข้าไปขุดมาได้จากบนูเา แต่ไรมาไม่เคยมีใครพบเห็น และไม่มีคนรู้จักด้วย หากแม่นางชอบ อีแปะเดียวก็ให้เ้าแล้ว" ท่านป้าผู้นั้นเอ่ยพลางชี้ไปยังของที่ 'ไม่เคยมีใครพบเห็น'
หญิงผู้นั้นอุ้มเด็กเล็กคนหนึ่งอยู่ เด็กคนนั้นสวมเสื้อผ้าขาดๆ กำลังอ้าปากร้องไห้จ้า ถังชิงหรูเห็นใบหน้าดวงน้อยของเขาแดงก่ำ จึงถามไปว่า "เขาไม่สบายหรือ ไฉนถึงร้องไห้ขนาดนี้เล่า ข้าพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่"
"แม่นางช่างเป็คนดียิ่ง แต่ไม่ต้องหรอก เด็กคนนี้หาได้เจ็บไข้ แค่หิวเท่านั้น ครอบครัวเราไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว"
"ของบนแผงของเ้าก็กินได้ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่เอามาให้เด็กกินหน่อยเล่า" ถังชิงหรูได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ "เพื่อเงิน แม้แต่ชีวิตเด็กก็ไม่นำพาอย่างนั้นหรือ"
"แม่นางอาจยังไม่ทราบ ครอบครัวพวกเราไม่มีจะกิน เมล็ดพืชผักก็มีแค่นี้ เอามากินได้ที่ไหน ส่วนของหน้าตาพิกลเหล่านี้ พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน จะกล้าเอามากินได้อย่างไร นี่คือหลานชายเพียงคนเดียวของข้า มารดาเขาคลอดยากเสียชีวิตตอนที่คลอดเขาออกมา บุตรชายของข้าเสียใจมากจนไม่อาจทำใจได้ ยามขึ้นเขาไปล่าสัตว์เกิดเหม่อลอย พลัดตกหน้าผาตาย ตาแก่บ้านข้าออกไปทำนา ข้าต้องดูแลหลาน หากมีของกิน พวกเราไม่กินก็ได้ แต่ไม่กล้าให้เด็กคนนี้ต้องลำบาก" หญิงผู้นั้นกล่าว "หากแม่นางยินดีซื้อเมล็ดผักเหล่านี้ ข้าจะไปซื้อของกินมาให้เขาเดี๋ยวนี้เลย"
พ่อค้าแผงด้านข้างเอ่ยพลางทอดถอนใจ "ยามชิ่งอ๋องยังอยู่ พวกเราเคยจนขนาดนี้เสียที่ไหน ตอนนี้ขุนนางใหม่มารับตำแหน่ง ก็ขึ้นภาษีทันที ชีวิตนับวันก็ยิ่งลำบากยากเข็ญนัก"
"ชู่! เ้าเบื่อชีวิตนักหรือไงฮึ" คนที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามาหยุดปากคนผู้นั้น "หากเ้าอยากตาย ก็อย่าให้เดือดร้อนมาถึงลูกเมีย รู้อยู่ว่าคนผู้นั้นฆ่าคนตาไม่กะพริบ"
ถังชิงหรูได้ยินพวกเขาสนทนากัน ก็ยิ่งไม่ชอบเมิ่งหลิงเป็ทวีคูณ แค่เขามาปรากฏทั่วทั้งเมืองชิ่งก็ระส่ำระสาย ประชาชนในเมืองทุกคนล้วนได้รับผลกระทบ แม้แต่เผ่าอิงกูที่อยู่ไม่ไกลนักก็ยังต้องเดือดร้อนเพราะเขา ตอนนี้นางยังหาวิธีไปเผ่าอิงกูไม่ได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้อิงฉีจะเป็อย่างไรบ้างนางเป็สหายหญิงในยุคโบราณคนแรกที่คบหากัน ไม่อยากให้เกิดเื่กับนางเลยจริงๆ
"แม่นาง..." ป้าขายเมล็ดผักมองนางอย่างวิตก "แม่นาง ท่านตัดสินใจได้หรือยัง"
"ขออภัยด้วย" เมื่อครู่นางมัวแต่ใจลอย ป้าขายเมล็ดผักเรียกอยู่สองสามครั้งยังไม่ได้ยิน ดูจากสีหน้าคิดว่านางคงไม่ยินดีซื้อ ดังนั้นก็เลยรู้สึกร้อนใจ ถังชิงหรูหยิบเงินปลีกออกมาหนึ่งตำลึง เอ่ยว่า "ของบนแผงของท่านข้าซื้อทั้งหมด รวมถึงของจากแผงของพวกท่านด้วย ข้าเหมาหมดเลย แต่ข้าคนเดียวคงถือไม่ไหว พวกท่านช่วยขนไปที่ประตูจวนฉินเอาของไปมอบให้พ่อบ้านที่นั่น บอกเขาว่าแม่นางแซ่ถังเป็คนซื้อมา"
"ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณแม่นาง" พ่อค้าแม่ค้าแผงข้างๆ ต่างกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ "แม่นางเป็พระโพธิสัตว์เดินดินแท้ๆ ์ย่อมมองเห็น แม่นางต้องได้รับผลดีตอบแทนอย่างแน่นอน"
"ท่านป้า" ถังชิงหรูเรียกแม่ค้าขายเมล็ดผักที่กำลังตื้นตันใจผู้นั้น "เด็กคนนี้ยังไม่ครบเดือน หากปล่อยให้ท้องหิวบ่อยๆ เกรงว่าเขา... ท่านมีหลานแค่คนเดียว คิดว่าคงจะรักและทะนุถนอมเขามาก เพื่อให้เขามีสุขภาพที่ดี ท่านอย่าปล่อยให้เขาหิวเป็อันขาด ทางที่ดี่นี้อย่าให้เขาออกจากบ้านเลย"
"หากเป็ไปได้ ข้าก็อยากเลี้ยงเขาราวกับสมบัติล้ำค่าจนเติบใหญ่ แต่แม่นาง ชาวบ้านตาดำๆ อย่างพวกเรา ขนาดแค่อยากจะมีชีวิตอยู่ก็ยังยากเลย" หญิงชราค้อมกายคำนับถังชิงหรูอย่างสุดซึ้ง "แม่นาง เห็นท่านดูเป็คนรู้หนังสือ พวกเราแต่ละคนล้วนเป็คนหยาบ ไม่รู้จักอักษร ตั้งชื่อดีๆ กับเขาไม่เป็ แม่นางช่วยตั้งชื่อให้แก่เขาได้หรือไม่"
ถังชิงหรูมองดูเด็กน้อยราวกับต้นกล้า ั์ตาก็ผุดแววเอ็นดู แฝงไปด้วยความรู้สึกจนใจ นางแหงนหน้ามองดวงตะวัน ทอยิ้มเอ่ยว่า "งั้นก็ชื่อสู่กวง[1]ก็แล้วกัน"
"สู่กวง? ข้าแซ่อ้าย เด็กคนนี้มีชื่อว่าอ้ายสู่กวง" หญิงชรากอดหลานของตนเอง พลางเอ่ยว่า "แค่ฟังก็รู้ว่าเป็ชื่อที่ดีมาก ไม่ใช่ลูกแมวลูกหมาที่ไหน แต่เป็สู่กวงของย่า"
"สู่กวงเป็ตัวแทนแห่งความหวัง เด็กคนนี้จะเป็ความหวังของครอบครัวพวกท่าน" ถังชิงหรูััดวงหน้าของทารกน้อยด้วยความเอ็นดู
ทันใดนั้น เด็กน้อยก็คว้านิ้วมือของนางไว้ ไม่เพียงแต่หยุดร้องไห้ ยังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างเบิกบานใจ
"ดูสิ เขาหัวเราะแล้ว" หญิงชราร้องอุทานด้วยความตื่นเต้น "หลายวันมานี้นอกจากร้องไห้ก็นอนหลับ ไม่เคยหัวเราะอย่างนี้มาก่อนเลย คนในหมู่บ้านล้วนบอกว่าเขาเป็เด็กปัญญาอ่อน..."
"ข้าดูโหงวเฮ้งเป็ เด็กคนนี้หน้าผากอิ่มนูน ใบหน้าสดใสเกลี้ยงเกลา เติบโตไปจะต้องเป็คนมีความสามารถและเป็เสาหลักของครอบครัว ท่านป้า ท่านรอเสพสุขได้เลย" ถังชิงหรูกล่าววาจา
"ขอให้สมพรปากของแม่นางด้วยเถิด" หญิงชราค้อมกายคำนับอีกครา
ชาวบ้านที่อยู่โดยรอบรู้สึกราวกับเห็นรัศมีเปล่งประกายออกมาจากร่างกายของสตรีที่อยู่เบื้องหน้า รอยยิ้มของนางอบอุ่นอ่อนโยน ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความรักความเมตตา
ยามนี้ที่มุมแห่งหนึ่งฝั่งตรงข้าม คนสองคนเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด หนึ่งในนั้นสะกิดคนข้างๆ กล่าวว่า "ใต้เท้าหัตถ์ปีศาจ สตรีคนนี้มีพลังอำนาจในการล่อลวงจิตใจผู้คน ท่านจะปล่อยนางไปจริงๆ หรือ ข้ามีลางสังหรณ์ว่า สตรีผู้นี้อาจเป็ตัวปัญหาใหญ่ มิสู้จัดการเสียั้แ่ที่ปีกหางของนางยังไม่แข็ง..."
"เ้าอย่าเื่มาก" เมิ่งหลิงมองเขาด้วยสายตาเยียบเย็น "ข้ามีแผนการของตัวเอง"
"ก็จริง ด้วยอุปนิสัยของท่าน ใครก็แล้วแต่ที่อาจเป็ภัยคุกคามแม้แต่น้อยนิด ท่านย่อมบีบให้พวกเขาตายก่อนที่จะได้แตกหน่ออยู่แล้ว" คนผู้นั้นโบกพัดในมือพลางยิ้มกริ่ม
ถังชิงหรูไม่รู้ตัวว่าถูกเมิ่งหลิงจับตามองอยู่ นางจ่ายเงินซื้อของจากพ่อค้าแม่ค้าเ่าั้ นอกจากหญิงชราที่ได้มากหน่อย ของจากร้านอื่นล้วนจ่ายตามราคาปรกติทั่วไป ใช่ว่านางจ่ายมากกว่านี้ไม่ได้ เพียงแต่ไม่อยากให้พวกเขารู้สึกว่าได้อะไรมาโดยง่าย ต่อไปก็จะไม่รู้จักการขวนขวายเพื่อให้มีชีวิตที่ดี
เมื่อก่อนนางเป็หมอเทวดา ชาวบ้านต่างรู้จักนางกันทุกคน ยามนี้เปลี่ยนแปลงสถานะ ไม่นึกว่าเพียงไม่นานก็กลายเป็ที่รู้จักของพวกเขาอีกแล้ว นางทำตัวเด่นเกินไปหรือไม่ ถังชิงหรูนึกทบทวนตนเอง
พอถังชิงหรูออกมาจากที่นั่นก็พบคนผู้หนึ่งเข้า ความประหลาดใจผุดวาบในแววตา คนผู้นั้นหาใช่ใครอื่น แต่เป็ป้าสะใภ้ใหญ่ของฉินเหยาที่นางเพิ่งผูกด้ายแดงไว้ให้เมื่อไม่นานมานี้ ดูท่าสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย ดูเหมือนจะคึกคักเบิกบานอย่างยิ่ง หรือว่า... จะสำเร็จแล้ว?
ถังชิงหรูยกยิ้มก่อนก้าวเท้าเข้าไปตบที่ไหล่ของอวี๋ซื่อ เอ่ยว่า "อาซ้อ"
อวี๋ซื่อสะดุ้งโหยง เอ่ยอย่างหัวเสีย "ใครน่ะ ไม่รู้หรือไงว่าคนใก็ตายได้เหมือนกัน ิญญาของมารดาแทบจะออกจากร่างอยู่แล้ว"
ขณะด่าทอก็หมุนตัวมา ยามเห็นถังชิงหรูก็อึ้งงันไปชั่วขณะ รีบผลักรอยยิ้มออกมาบนสีหน้า เอ่ยว่า "อุ๊ยนึกว่าใคร ที่แท้แม่นางนี่เอง เ้ามาเดินเที่ยวตลาดหรือ"
ถังชิงหรูทอยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า "ใช่แล้วล่ะ อาซ้อซื้อของอยู่หรือ"
"ใช่สิ เหยาเอ๋อร์ของเราใกล้จะได้เข้าสกุลจางแล้ว ของต้องใช้มากมายเชียวล่ะ พวกเราต้องเตรียมให้พร้อมสรรพ" อวี๋ซื่อกล่าวด้วยสีหน้าลำพองใจ แต่พอนึกได้ว่าวาสนาของฉินเหยาได้มาจากสตรีคนนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิม "คราก่อนแม่นางด่วนจากไป ข้าลืมถามไปเสียสนิทว่าแม่นางมาจากจวนไหน มิทราบว่าจะให้เรียกท่านว่าอย่างไร"
ถังชิงหรูหัวเราะเบาๆ "อาซ้อเกรงใจไปแล้ว ข้าเป็แค่สาวใช้ธรรมดา ชื่อก็เป็เ้านายที่ตั้งให้ มีอันใดเอ่ยถึงกันเล่า อีกอย่างหลานสาวของท่านจะได้เป็เ้าคนนายคนแล้ว ต่อไปไม่แน่ว่าข้ายังต้องคำนับให้นาง คราวหน้าหากนางพบข้า ก็คงกลายเป็คนไม่รู้จักกันไปแล้ว จริงสิ หลานสาวของท่านแซ่ฉินล่ะสิ"
"ฉินเหยา" อวี๋ซื่อเอ่ย "แต่สถานะของเ้าต่ำต้อย ไม่อาจเรียกชื่อนาง เรียกได้แต่นายหญิงเท่านั้น"
"ก็จริง" ถังชิงหรูผงกศีรษะ "แล้วแม่นางฉินเข้าไปที่นั่นเมื่อไรเล่า นายท่านจางต้องตานางแล้วหรือ"
"พูดถึงเื่นี้ ก็ต้องขอบคุณพี่น้องของเ้าผู้นั้น นางให้เหยาเอ๋อร์ไปเที่ยวเล่นในจวนอยู่บ่อยๆ ไปครั้งสองครั้งก็ได้พบกับนายท่านจางแล้ว นายท่านจางเห็นเหยาเอ๋อร์ของข้าหน้าตาสะสวยก็เลยถูกใจ ต่อไปเหยาเอ๋อร์ของเราต้องเป็ที่โปรดปรานแน่ หากคลอดบุตรชายหรือบุตรสาวออกมาสักคนก็จะได้เป็ฮูหยินของสกุลจาง ถึงเวลานั้นพวกเราจะต้องตอบแทนพวกเ้าสองพี่น้องอย่างดีแน่นอน" อวี๋ซื่อเริ่มวาดขนมเปี๊ยะชิ้นใหญ่ให้ถังชิงหรูอีกครา ส่วนจะได้กินเมื่อไร ก็ไม่อาจรู้ได้เหมือนกัน
หากถังชิงหรูเป็แค่สาวใช้ธรรมดาคนหนึ่งจริงๆ ได้เห็นขนมเปี๊ยะชิ้นโตขนาดนี้อาจหลงเชื่อเอาง่ายๆ แต่น่าเสียดายที่อวี๋ซื่อคิดไปเองฝ่ายเดียว
"ขอบคุณอาซ้อมาก" ถังชิงหรูเห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าเื่ที่ฉินเหยาจะได้แต่งเข้าจวนเศรษฐีจางถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้ว
คนโง่งมเหล่านี้วาดฝันอนาคตไว้งดงามเกินไป ฮูหยินสกุลจางหาใช่แม่พระอย่างที่คิด ฉินเหยาจะร้ายกาจแค่ไหนก็เป็เพียงสาวบ้านนอกไม่รู้ประสีประสาคนหนึ่ง จะสู้กับจางฮูหยินได้หรือ? อีกอย่าง สกุลจางแต่ไรมาไม่เคยขาดอนุภรรยา ฉินเหยาแต่งเข้าไป ก็เป็เพียงกึ่งบ่าว ยังต้องเขียนสัญญาขายตัว จางฮูหยินจะขายนางทิ้งเมื่อไรก็อาศัยแค่วาจาประโยคเดียวเท่านั้นมิใช่หรือ
อวี๋ซื่อเพ้อฝันถึงชีวิตที่สวยสดงดงามในอนาคต โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ายังมีฝันร้ายรอพวกนางอยู่ข้างหน้า นี่คือค่าตอบแทนของการข่มเหงคนดีหวั่นเกรงคนชั่วของพวกนาง
"นายท่านจางมอบเงินร้อยตำลึงให้เหยาเอ๋อร์ของเราเป็สินสอดทองหมั้น เ้าว่า ในหมู่บ้านของพวกเรา จะมีแม่นางบ้านไหนมีเงินถึงร้อยตำลึงกันบ้าง" อวี๋ซื่อเอ่ยอย่างลำพองใจ "ต่อให้เป็บุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน แต่งออกไปยังได้แค่สิบตำลึงเท่านั้นเอง ตอนนี้เหยาเอ๋อร์ของเรากลายเป็คนมีหน้ามีตาในหมู่บ้านไปแล้ว คนเ่าั้ยังกล้าดูถูกนางอีก ช่างไม่รู้จักดีชั่วเอาเสียเลย"
ถังชิงหรูยืนยิ้มฟังอวี๋ซื่อคุยโตโอ้อวดเป็คุ้งเป็แควอยู่เงียบๆ จนนางคุยโม้พอแล้ว ก็ยกมือโบกเป็การไล่นางกลับ
--------------------------------------------------------------------------------
[1] สู่กวง หมายถึงแสงสว่างยามรุ่งอรุณ