“เขาได้รับพิษดอกเสน่หา หนีไปได้ไม่ไกลหรอก!”
“ตามให้เจอ! อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเจอศพ!”
“......”
ยามพระอาทิตย์ตก แสงตะวันที่มองเห็นกำลังจะลับขอบฟ้า สาดแสงทั่วทั้งปฐีเป็สีแดงฉาน
อวี๋มู่ใช้เสื้อคลุมห่มคลุมเด็กน้อยในอ้อมอก หลบอยู่ซอกโพรงระหว่างหินใหญ่สองก้อน ลมหายใจผ่อนเบา เกรงกลัวทหารที่ไล่ตามมา
รอจนเสียงฝีเท้าภายนอกนั้นห่างไกลออกไป เขาถึงกล้าลุกขึ้นยืน ผลักก้อนหินออก ่ท้องที่มีาแฉีกขาดเริ่มออกอาการเ็ปรวดร้าว เืหลั่งรินราวกับของฟรีไม่คิดเงิน ชุดเกราะแข็งแรงสีดำเปื้อนเื แนบติดกับิั
เขากัดฟัน ใช้แรงและวิชาตัวเบา อุ้มเด็กน้อยแล้วเหินขึ้นฟ้าโฉบผ่านป่าทึบ
พื้นที่บนูเานี้ช่างซับซ้อน ประจวบกับฤดูร้อน ป่าดิบร้อนชื้นบดบังแสงตะวัน ทั้งลึกและลับ เขาเพียง้าหาถ้ำที่ไร้ซึ่งสัตว์ป่าเพื่อซ่อนตัวก่อน เมื่อฟ้ามืด คนเ่าั้ก็จะขาดการติดตามร่องรอยของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงเอง
มีระบบคอยชี้ทางให้ ในเวลาอันรวดเร็วเขาก็เจอถ้ำที่เหมาะสม เมื่อมุดเข้าไป ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น เ็ปจนหน้ายับยู่ยี่
เด็กน้อยตัวร้อนรุม ใบหน้าเล็กที่เหมือนหยกแกะสลักแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป มือเล็กคว้าเสื้อตรงหน้าอกของอวี๋มู่ ลมหายใจที่พ่นออกมาทั้งร้อนและลน ขณะกำลังหายใจ ก็กระอักเืออกมาจนเสื้อผ้าเปื้อนเื
อวี๋มู่รีบยกตัวเขาให้สูงขึ้นเพื่อไม่ให้สำลัก จากนั้นก็ยื่นมือใช้แขนเสื้อเช็ดขอบปากที่เปื้อนเืให้เขา
เมื่อเสร็จสิ้น เขาโล่งอกถอนหายใจเฮือกใหญ่ วางคนลง จากนั้นอาศัยตอนที่ฟ้ายังสว่างอยู่ออกไปเก็บกิ่งไม้แห้งจากด้านนอก เพื่อใช้ก่อไฟง่ายๆ
จนกระทั่งก่อไฟด้วยกิ่งไม้เสร็จ ฟ้าก็มืดสนิท ในป่าลึกขนาดนี้ ยามฟ้ามืด ไร้ซึ่งไฟก็เปรียบเสมือนคนตาบอด เมื่อคำนวณได้ว่าน่าจะพ้นจากอันตรายแล้ว อวี๋มู่จึงเริ่มถอดเสื้อโดยอาศัยแสงจากกองไฟ ฉีกผ้าจากแขนเสื้อมาพันแผลที่ท้อง
โชคดีที่ตอนเขาข้ามมิติมายังโลกนี้ ตัวละครนี้พกยาจินฉวง (金疮药)[1] ไว้กับตัว ไม่ถึงกับให้เขาต้องมาตายเพราะเืไหลหมดตัวก่อน
อวี๋มู่ค่อยๆ พันผ้าตรงเอวหลายรอบ พลางบ่นกับระบบ : เ้าระบบ ฉันว่านะ นายยังโกรธฉันเพราะเื่ราวจากโลกที่แล้วอยู่หรือเปล่า? พอข้ามมิติมาทันทีก็เจอเข้ากับประกายหอกคมดาบ นี่นายกะเอาให้ฉันตายเลยหรือไง?
ตอนที่เขาข้ามมิติมา ในมืออุ้มเด็กน้อยห้าขวบไว้ในอ้อมอก ยังไม่ทันปรับตัวทัน แสงประกายจากดาบก็พุ่งทะลวงเข้ามา แทงเข้าตรงท้องเขาจนเป็แผล โชคดีที่ชาติปัจจุบันเขาเป็พวกนักเลงประจำโรงเรียนในวัยหนุ่ม มีประสบการณ์ต่อยตีมาพอสมควร บวกกับเป็จอมยุทธ์ยอดฝีมือมีวิชาตัวเบาและกำลังภายในร่วมด้วย นับว่าไม่ง่ายกว่าจะหนีพ้นจากพรรคจอมมารมาได้
[โฮสต์ครับ ดูคุณพูดเข้าสิ โลกนี้มันก็เป็แบบนี้อยู่แล้ว ยุทธภพเอย จอมยุทธ์เอย ประกายหอกคมดาบมันเื่ปกติครับ มา เดี๋ยวผมจะให้ดูข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้]
ฉับพลันก็มีข้อมูลมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสมอง มือที่กำลังพันแผลหยุดชะงัก ค่อยๆ ซึมซับข้อมูล
นิยายเื่นี้เกี่ยวกับเื่ราวของโลกยุทธภพ
พระเอกถือกำเนิดในสำนักที่ชื่อเสียงโด่งดัง ต่อมาถูกพรรคมารบุกเข้าโจมตีทำลายสำนัก เขาแน่วแน่อยากจะแก้แค้นให้กับครอบครัวมิตรสหาย จากนั้นก็คำนับผู้สูงส่งท่านหนึ่งเป็อาจารย์ ท่องไปทั่วหล้า รอบรู้เื่ราวยุทธภพ ท้ายที่สุดกลายเป็ประมุขบู้ลิ้ม แค่เอ่ยปากผู้คนมากมายก็คล้อยตามและจัดการทำลายบดขยี้พรรคจอมมาร และเกรียงไกรไปทั่วปฐี
ตัววายร้ายในเื่นี้ชื่อว่า เว่ยจวินหยาง ซึ่งเป็เ้าสำนักชิงอีที่ฉาวโฉ่เลื่องชื่อ ฝีมือและโฉมหน้าหล่อเหลานับว่าเป็หนึ่งในใต้หล้า แต่นิสัยเหลาะแหละ ใจคอโเี้ มากรักและเ้าชู้ นิยมเลี้ยงชูนายบำเรอหลายสิบคนในสำนัก ไม่ว่าใครหากออกมาคนหนึ่งก็นับว่าหล่อเหลาเป็ที่หนึ่งทีเดียว ที่เจียงหูนี้มีชายหนุ่มที่เลื่องชื่อทั่วยุทธภพอยู่ห้าคน ทุกคนไม่เพียงแต่มีความโดดเด่นเป็เอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง ทั้งยังเป็ยอดฝีมือ ถูกขนานนามว่าเป็คุณชายทั้งห้าแห่งสำนักชิงอี มีฉายาของแต่ละคน ส่วนตัวละครที่อวี๋มู่ข้ามมิติมาก็คือหนึ่งในบรรดาคุณชายทั้งห้า ซึ่งอยู่อันดับหนึ่ง มีฉายาว่า คุณชายมู่กระบี่เมฆาวิสุทธิ์
เหมือนเช่นโลกที่แล้ว ตอนที่เขาข้ามมิติมา ฝั่งพระเอกกำลังคำนับอาจารย์กันอยู่ แล้วยังเป็คนน่ารักที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นสุมทรวง แต่ทั้งเื่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอยู่ดี
เป้าหมายที่เขาต้องเอาชนะใจในเื่นี้คือประมุขวายร้ายเว่ยจวินหยาง ต้องเอาชนะใจให้หัวใจเต็มทั้งห้าดวงเพื่อจบภารกิจ
เว่ยจวินหยางในตอนนี้ถูกกำจัดโดยการร่วมมือกันหักหลังจากน้ำมือของคุณชายที่เหลือทั้งสี่คน ทั้งยังเป็เพราะฝึกฝนวิชาธาตุไฟเข้าแทรกและถูกพิษร้ายแรงเข้าร่าง ตอนนี้สภาพจึงน่าสังเวชเป็ที่สุด
อวี๋มู่ใช้แรงพอๆ กับวัวเก้าตัวบวกเสืออีกสองตัวรวมกัน กว่าจะช่วยเขาออกมาจากที่ซ่องสุมของเผ่ามารได้ ส่วนเื่ราวต่อไปจะดำเนินอย่างไร แล้วต้องทำยังไงถึงจะเติมคะแนนความประทับใจ คงต้องรอให้เขาคลำทางเอาเอง
ยังไงก็ต้องค่อยๆ เป็ ค่อยๆ ไป เป็ขั้นเป็ตอน
เหม่อมองเปลวไฟจากกองไฟอยู่ชั่วครู่ อวี๋มู่ถอนหายใจ : ระบบ ต่อจากนั้นเหลียงเสี่ยวหานเป็ยังไงบ้าง นายมองเห็นหรือเปล่า?
ระบบเงียบไปชั่วครู่ ค่อยเอ่ย [เขาฆ่าตัวตายแล้ว เหมือนเนื้อเื่ตามนิยาย เขากักขังตัวหญิงสาวที่หน้าตาคล้ายคุณ วันๆ เอาแต่เรียกเธอว่าครูฮะๆ เหมือนคนบ้า จากนั้นพระเอกกับตำรวจก็บุกมาช่วยนางเอกไว้ ขณะที่ถูกควบคุมตัว เขาก็คว้าปืนตำรวจมาจ่อขมับและยิงตัวตาย]
อวี๋มู่อึ้ง รู้สึกแน่นอก ความเ็ปค่อยๆ แผ่ซ่านออกมา จนทำให้เขาแทบลืมว่าการหายใจ
ผ่านไปเนิ่นนาน เขาจึงเอ่ย : …...ทำไมถึงยึดติดอยู่กับตัวฉันขนาดนั้นกันนะ? บนโลกนี้มีผู้คนมากมาย เขาเองก็ออกจะยอดเยี่ยม แค่ลืมฉันซะ ทุกอย่างก็จบแล้วไม่ใช่หรือ?
เหมือนคิดอะไรได้ จากนั้นเขาถามต่อ : เป็เพราะว่าเื่ราวที่ถูกเขียนไว้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างนั้นใช่ไหม?
กระนั้น ระบบกลับตอบเขาชัดถ้อยชัดคำ [ไม่ใช่ครับ]
[จากเนื้อเื่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จุดจบของเหลียงหานอาจจะไม่ต้องตายเสมอไป ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเขาเป็หัวใจสำคัญ เป็เส้นทางที่เขาเลือกเอง]
อวี๋มู่ : ……
ระบบถามเขา [โฮสต์กำลังเ็ปใจเหรอครับ?]
อวี๋มู่ : ฉันขออยู่เงียบๆ คนเดียวสักพัก
อวี๋มู่เ็ปใจจริงๆ ไม่ใช่เ็ปรุนแรง หากแต่เจ็บแบบทื่อๆ แต่ไม่คลายหายไปไหน
เขาหงุดหงิดอยู่ในใจ ปากแห้ง แล้วยังหาบุหรี่ไม่เจอ เขาเพียงแค่เด็ดหญ้าบนพื้นมาเคี้ยวในปาก กัดอยู่อย่างนั้นเงียบๆ พักหนึ่งถึงเริ่มสงบลงบ้าง
เขาหลอกตัวเองว่าทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว นั่นไม่ใช่โลกของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ปรากฏตัว ท้ายที่สุดจุดจบของเหลียงหานก็ต้องลงเอยแบบนั้นอยู่ดี
ภารกิจของเขาตอนนี้คือต้องรับผิดชอบคะแนนความประทับใจของเว่ยจวินหยาง โฟกัสที่เื่นี้ดีกว่า
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาเบนความสนใจไปที่เด็กน้อยที่ยังคงสลบไสล บนตัวมีเสื้อผ้าเขาห่มอยู่ ลูบไล้ใบหน้าเขา ความร้อนแผ่มายังมือของเขา
“หนาว…...หนาวจัง” เด็กน้อยคว้ามือเขาไว้ในอ้อมอก แล้วละเมอว่าหนาวอยู่อย่างนั้น
อวี๋มู่เป็คนชอบเด็กอยู่แล้ว เมื่อเห็นเขาเป็เช่นนี้ ก็เริ่มรู้สึกเอ็นดู
เขากอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมอกอีกครั้ง รู้สึกว่าทั้งร่างของเว่ยจวินหยางนั้นร้อนเพราะไข้สูง ชัดว่าไข้สูงเกินไปจึงทำให้เขาเกิดภาวะหนาว เขาถามระบบ : ระบบ ปล่อยเขาไข้ขึ้นสูงแบบนี้ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ไอ้พิษดอกเสน่หากับธาตุไฟเข้าแทรกนี่มันอะไรกัน? พอจะรักษาได้หรือเปล่า?
[คุณไม่มีทางรักษาได้หรอก แต่จะหาคนอื่นมาช่วยน่ะพอได้] ระบบเริ่มค้นหาข้อมูล จากนั้นตอบเขา [ในป่าูเานี้มีหมอเทวดาที่ซ่อนตัวอยู่ ร้ายกาจมากๆ เขาอยู่ที่หุบเขาแห่งนี้แหละครับ แต่หายากมาก ตอนนี้ฟ้ายังมืดอยู่ ถ้าจะหาก็คงต้องพรุ่งนี้]
อวี๋มู่รู้ว่าที่ระบบพูดมีเหตุผล เขาถอนหายใจ จากนั้นกอดเด็กน้อยแน่นขึ้นกว่าเดิม พิงผนังถ้ำแล้วหลับพักชั่วครู่
พึ่งจะหลับตาได้ไม่นานนักก็รู้สึกหนักตรงอก ทับจนเขาครางออกมา รีบลืมตาขึ้นดู พอมองคนตรงหน้าชัดๆ ก็ใจนลูกกะตาแทบหลนออกจากเบ้า
เห็นเพียงเด็กน้อยห้าขวบเมื่อครู่ตอนนี้กำลังกลายร่างเป็เว่ยจวินหยางที่ตัวโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแค่แขนขา กระทั่งผมก็ค่อยๆ ยาวขึ้น เดิมใบหน้าที่อ่อนเยาว์ตอนนี้เปลี่ยนเป็ใบหน้าที่งดงามละเอียดอ่อนชัดเจน ท่ามกลางแสงไฟนั้นดูงดงามดุจภาพวาด แฝงความหมายลึกล้ำหมื่นพรรณนา
เดิมเสื้อผ้าที่หลวมโครกตอนนี้เริ่มยืดตามสรีระของเขา ร่างที่แทบจะเปลือยเปล่านอนทับอยู่บนตัวอวี๋มู่ กล้ามเนื้อสวยเป็มัด เอวบาง แต่แฝงด้วยพลังงานเปี่ยมล้น ชัดว่าฝึกฝนวิทยายุทธเป็เวลาเนิ่นนานกว่าจะได้สรีระที่ดูแข็งแรงงดงามเช่นนี้
ผมยาวสยายอ่อนนิ่มปรกตรงไหล่เขา ลู่ลงตามแรงโน้มถ่วงกองอยู่กับพื้น ราวกับงูที่เลื้อยคลานเป็่ยาว
เผชิญหน้ากับเื่ราวน่าแปลกประหลาดเช่นนี้ อวี๋มู่ยากที่จะทำตัวนิ่งเฉย ในใจร้องหาระบบอย่างบ้าคลั่ง : ระบบๆๆ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น! นี่มันจะมายากลเกินไปแล้ว! ทำไมจู่ๆ ตัวเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นล่ะ?
[อะไรคือจู่ๆ ก็ตัวขยายใหญ่ขึ้น? อันที่จริงเขาก็อายุ 23 อยู่แล้ว วันนี้เพราะธาตุไฟเข้าแทรกถึงตัวเล็กลงต่างหาก! แม้ว่าจะไม่ขยายตัวตอนนี้ อีกหน่อยไม่ช้าก็เร็วก็ต้องตัวขยายใหญ่อยู่ดีครับ!]
อวี๋มู่ : ยังมีพลังมายากลแบบนี้ด้วยเหรอ?
[จึ๊ ดูก็รู้ว่าไม่ได้อ่านข้อมูลดีๆ]
“อวี๋มู่หรือ……” ขณะที่อวี๋มู่กำลังจะย้อนระบบสักที เว่ยจวินหยางที่ตื่นขึ้นมาก็คว้าข้อมืออวี๋มู่กดไว้กับกำแพงในทันใด อีกมือหนึ่งบีบคอเขาไว้ นิ้วมือเรียวขาวของเขาจับคางอวี๋มู่เพื่อบังคับให้เขาสบตา
“ให้ฉัน…...”
เสียงของเขาทั้งต่ำและแหบ แต่กลับน่าฟังอย่างแปลกประหลาด บวกกับใบหน้าที่เหมือน์ประทาน เล่นเอาอวี๋มู่ถึงกับตาค้างไปชั่วครู่
เขายังไม่ทันได้คิดว่า ‘ให้ฉัน’ หมายความว่าอย่างไร เว่ยจวินหยางก็ประทับจูบเข้ามา
กลิ่นคาวเืในปากชายหนุ่มปลุกอวี๋มู่ตื่นจากภวังค์ อยากจะก่นด่าให้ตายเถอะ แล้วรีบใช้มือผลักเว่ยจวินหยางออก แต่ก็ดันไม่ออกเสียอย่างนั้น!
เขารวบรวบกำลังภายในจะปล่อยฝ่ามือใส่เว่ยจวินหยาง แต่กลับถูกอีกฝ่ายใช้มืออีกข้างคว้าไว้ก่อน เพียงแค่จับเบาๆ พลังก็ย้อนคืนกลับ
ในคืนนั้น... เขาโดนกระทำชำเรา
------------------------------------------------------------------------------------------------
คำอธิบาย
ชื่อตอน คำว่า ซึนเดเระ(ภาษาปาก, สแลง) คำพูดหรือพฤติกรรมที่แสดงออกมาโดยไม่ตรงกับทัศนคติของตน, ปากไม่ตรงกับใจ, ปากอย่างใจอย่าง
[1] ยาจินฉวง(金疮药) ยาขนานโบราณ มีฤทธิ์ช่วยในการห้ามเื