เด็กน้อยยังคอยเอาผมของเฉินเนี้ยนหรานเข้าปากอยู่บ่อยครั้ง
ในอ้อมกอดเป็ลูกชายตัวนุ่มตรงหน้าคือใบหน้าของท่านเซียนซือที่้าเงิน
เฉินเนี้ยนหรานขมวดคิ้ว“เช่นนั้นท่านเซียน้าสิ่งใดจึงจะยอมช่วยเด็กคนนี้”
จนถึงตอนนี้นางพยายามฝืนให้ตนเองใจเย็นลง
แล้วทำตนให้เป็แม่ค้าคนหนึ่งซึ่งกำลังเจรจากับ…ท่านเซียนซือผู้นี้
และเป็ตอนนั้นเองที่เฉินเนี้ยนหรานเห็นว่าท่านเซียนผู้นี้หน้าตาไม่เลวเลย
ซึ่งเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
เมื่ออยู่ในสายตาของนางท่านเซียนผู้นี้จะมองอย่างไรก็ไม่น่าพอใจสักเท่าใด
เพราะทั้งๆที่เขาสามารถช่วยลูกชายนางได้ แต่กลับมาคุยข้อแลกเปลี่ยนเสียอย่างนั้น
ท่านเซียนเมื่อเห็นนางเพิ่งจะพิจารณาตนเองอย่างจริงจังถึงได้ยกยิ้มที่ตนเองคิดว่าดูดีที่สุดออกมาอย่างพอใจ
“อืมเ้าพูดก่อนว่า ข้านั้นเป็อย่างไร?”
รอยยิ้มนี้พูดกันตามหลักเหตุผลแล้วมันเป็รอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์มาก
แต่เมื่ออยู่ในสายตาร้อนใจของเฉินเนี้ยนหรานแล้วรู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ เหตุใดช่างน่าเกลียดเช่นนี้
เด็กชายในอ้อมกอดยังเปลือยเปล่าเมื่อถอดนานเข้า นางกลัวยิ่งนักว่าเด็กคนนี้จะไม่สบาย
“ข้าว่าท่านไม่มีความสามารถนั้นแล้วแสร้งทำหลอกเอาเงินผู้อื่น ช่างเถิด ข้าไม่ขอร้องท่านแล้ว”เฉินเนี้ยนหรานลุกขึ้นยืนแล้วไม่สนใจท่านเซียนซือคนนั้นอีก
นางที่ใจเย็นลงแล้วคิดถึงถึงยุคปัจจุบันว่าจะมีเซียนมีเทพจริงๆ เสียที่ใดกัน พอคิดได้ตอนนี้จึงรู้สึกเกลียดตนเองที่เสียสติไป
โดยไม่รู้เลยว่าท่านเซียนซือกำลังโปรยเสน่ห์ใส่นางโดยคิดว่าตนเองจะได้รับใจของสตรีผู้นี้แน่ๆ
ทว่า
ลูกศิษย์ที่อยู่ด้านข้างส่ายหน้าอย่างเห็นใจ“เฮ้อ ท่านอาจารย์ ท่านมั่นใจมาตลอดว่าจะได้ใจของสตรีนับหมื่นในตอนนี้กลับพ่ายแพ้แล้วนะขอรับ ดูเหมือนเสน่ห์ลวงใจสตรีนับหมื่นของท่านอาจารย์จะมีวันที่ไร้ผล”
เซียนซือโกรธจนตัวสั่นเื่นี้ขายหน้ามากแล้วยังถูกลูกศิษย์แทงใจดำอีก รู้หรือไม่ว่าเขาเสียหน้ามากเพียงใดกัน
“แม่นางกล้าพูดว่าข้าเสแสร้งหลอก อ๊าก อ๊า ข้าโกรธมากเลยนะ มานี่มาข้าจะรักษาโรคของลูกเ้าให้จริงๆ แต่ข้าจะให้เ้าติดหนี้บุญคุณข้าหนึ่งครั้ง ถึงยามนั้น…เ้าต้องคืนข้าด้วยก้อนโคลนดีหรือไม่?”
แม้จะสงสัยในตัวของเซียนซือขี้โม้ท่านนี้อยู่บ้างแต่ความคิดที่้าให้ลูกหายดีมีมากกว่า
อย่างไรถวนถวนก็ได้รับาเ็จริงๆ
นางหมุนตัวกลับไปจ้องหน้าเซียนซือตรงหน้าด้วยความสงสัย“โคลน?”คนปกติ เหตุใดต้องเอาโคลนก้อนหนึ่ง?
“ใช่แค่โคลนก้อนเดียว” เซียนซือยืดอกขึ้น
“โคลนนี้ไม่ธรรมดาใช่หรือไม่เ้าคะ?” เฉินเนี้ยนหรานไม่คิดเช่นนั้นจริงๆเซียนซือที่ต้องจ่ายเงินเชิญมาในราคาสองร้อยตำลึง ไม่มีทางจะขอนางเพียงโคลนก้อนเดียวง่ายๆ
ลูกศิษย์ที่ยืนอยู่ด้านข้างจิปากอย่างไม่พอใจในดวงตามีความขุ่นเคืองปรากฏออกมา
เดี๋ยวมองไปทางท่านอาจารย์ทีมองมาที่เฉินเนี้ยนหรานที
สายตานั้นหากมองดีๆจะพบว่าเขาเห็นใจเฉินเนี้ยนหราน
“ไม่ผิดเพียงแค่โคลนก้อนเดียว ลูกชายของเ้าถูกคนเอาน้ำร้อนสาดใส่หากพูดว่าาแนี้ภายนอกยังดูธรรมดา แต่หากไม่มีข้าเซียนซือคนนี้ลงมือ เด็กคนนี้เกรงว่าต่อไปคงไม่สามารถมีทายาท”
มือที่กอดเด็กชายขยับกอดแน่นขึ้นดวงตากลมโตเบิกกว้าง “ความหมายของท่านคือ…ต่อไปเด็กคนนี้จะไม่ตั้ง…”
เซียนซือพยักหน้าแล้วก้าวเดินมาตรงหน้าของนาง
แหวกขาของถวนถวนที่กำลังดูดนิ้วของนางพร้อมทั้งยังชี้ตรงแผลที่หว่างขาของเขาด้วยท่าทางจริงมาก
“เ้าดูเองสิตรงอัณฑะทั้งสองนี้ได้รับาเ็หนัก”
ไอร้อนลอยขึ้นมานี่คือการได้รับาเ็จากภายใน “เด็กเพียงนี้แต่กลับได้รับาเ็หนักเช่นนี้เ้าคิดว่าเด็กคนนี้ยังจะสามารถมีลูกได้อีกหรือ?”
ปัง…
หัวสมองของเฉินเนี้ยนหรานเหมือนจะะเิออกมา
เสียงดังปังจนนางไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก
เื่เช่นนี้ไม่ใช่ว่านางไม่เข้าใจ
ในยุคปัจจุบันตอนที่นางทำงานเป็อาสาสมัครอยู่ที่โรงพยาบาล เคยใกล้ชิดกับผู้ป่วยประเภทนี้อยู่เหมือนกัน
สถานการณ์เช่นนี้ปกติแล้วมีความเป็ไปได้ว่านกเขาจะไม่ขันแล้ว
เด็กคนนี้ยังเล็กนักกลับเกิดเื่ใหญ่เช่นนี้
หากเป็บุรุษธรรมดาคนหนึ่งสุดท้ายกลายเป็คนที่นกเขาไม่ขัน
อีกทั้งยังเปลี่ยนเป็คนที่ไม่มีอารมณ์กำหนัดเช่นนั้นเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไร
พอคิดถึงพวกขันทีที่สูญเสียตรงส่วนนั้นไปในโทรทัศน์ที่เคยดูใจของเฉินเนี้ยนหรานจึงกังวลไปหมด
นางไม่อยากให้ถวนถวนของนางกลายเป็ขันที
ค่าตอบแทนก็ค่าตอบแทนเถอะ
เพื่อความสุขของลูกชายแม้นางต้องเอาของทั้งโลกให้กับเขา ก็จะรักษาลูกชายให้ได้
“ท่านมั่นใจว่าจะช่วยเด็กคนนี้ได้ใช่หรือไม่?” ภายใต้ภาพลักษณ์ภายนอกที่แข็งแกร่งน้ำเสียงที่พูดออกมาจึงเ็าไร้ความรู้สึก
เฉินเนี้ยนหรานในตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างมีไฟลุกโชนออกมา
นางที่เป็เช่นนี้ทำให้สองอาจารย์ศิษย์เซียนสือถึงกับตัวสั่น
“ให้เขามอบตัวเป็ศิษย์ข้าั้แ่นี้จะได้รับพรจากสำนักเซียนของพวกเรา ฝึกตนบำเพ็ญเพียร โตไป ร่างกายจะแข็งแรงดีมากแต่ค่าตอบแทนที่เ้าต้องชดเชยให้ข้าคือโคลนหนึ่งก้อน”
จนถึงตอนนี้บุรุษคนนี้ยังคงคิดถึงโคลน
เฉินเนี้ยนหรานพยักหน้า“ได้ พูดมาเถิด โคลนก้อนนี้จะให้ข้าจ่ายค่าตอบแทนเท่าใดเ้าคะ?”
“ได้ไม่เลวๆ ความจริงฮูหยินหลินได้บอกกับข้าแล้วว่ามารดาของเด็กคนนี้เป็คนที่มีชีวิตอาภัพ ข้าไม่ใช่คนที่โลภมาก เพียงแค่ถึงตอนนั้นข้า้าให้เ้าไปเอาก้อนโคลนพิเศษด้วยกันก็พอ!”
“ไปเอา?” เฉินเนี้ยนหรานมองบุรุษตรงหน้าด้วยความสงสัย
สำหรับเขาย่อมรับรู้ว่าตนเองเป็คนที่ฮูหยินหลินจัดให้เข้ามานางจึงไม่แปลกใจเลยสักนิด
หากไม่ใช่เช่นนี้พอมาคิดแล้วถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดท่าทีของท่านเซียนซือถึงได้แปลกประหลาดเช่นนี้
นางหงุดหงิดท่านเซียนซือผู้นี้มีสิทธิ์อะไรคิดว่านางจะสามารถเอาโคลนมาได้
“ใช่ไปเอาโคลน เพราะโคลนก้อนนั้น พวกเราที่อยู่ในโลกใบนี้ไม่สามารถนำมันมาได้”
เพียงแค่ประโยคนี้กลับทำให้ทั้งร่างของเฉินเนี้ยนหรานเย็นเยียบ
นางคือิญญาที่ข้ามมิติมานั้นไม่ใช่เื่เท็จ
แต่อย่างไรก็คิดไม่ได้ว่าบุรุษคนนี้กลับมองออก
นางกล้ารับประกันได้ว่าก่อนหน้านี้ตนไม่ได้รู้จักกับคนผู้นี้มาก่อน
“ท่าน…”
ดวงตาสวยของนางเบิกกว้างภายในนั้นเขียนคำว่าสงสัยเต็มไปหมด
เซียนซือตรงหน้ายิ้มสดใสอีกครั้งก่อนจะกลับไปทำท่าทางดั่งเทพเซียนสูงส่งที่แสนน่าหมั่นไส้ของเขาต่อ
“ตัวข้าน่ะคือดาราดวงที่สิบแปดบนท้องฟ้าลงมาจุติ สามารถรับรู้เื่ราวทั้งหมดที่คนบนโลกนี้ไม่รู้เพียงแค่วินาทีที่เข้ามา ข้าสามารถมองิญญาของเ้าออก”
เฉินเนี้ยนหรานกลอกตามองบนความใเมื่อครู่ได้สลายหายไป
เพียงแค่รู้สึกว่าเซียนซือคนนี้ยามไม่พูด ยังคล้ายกับเซียนซืออยู่หรอก
พอเปิดปากพูดไม่รู้สึกเลยจริงๆ ว่าเขาเป็คนที่สูงส่ง
“ได้เ้าค่ะข้ารับปากท่าน ถึงตอนนั้นจะช่วยไปเอาโคลนมาให้ แต่ยามนี้เด็กคนนี้ไม่ได้อยู่ในมือของข้าท่านจะรับเขาไปเป็ศิษย์ได้อย่างไร?”
ถามประโยคนี้ออกไปเฉินเนี้ยนหรานกลับเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลัง
นี่ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
ฮูหยินผู้เฒ่าเชื่อใจเซียนซือคนนี้ถึงเพียงนี้ขอเพียงเขาเอ่ยปาก ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องรับปากอย่างแน่นอน
“เื่นี้ง่ายมากหลังจากออกไปในวันนี้ ข้าจะพูดกับพวกเขา ว่าเด็กคนนี้จะตามข้าไป”
“ตามไปด้วย?” เมื่อจับคำพูดนี้ได้เฉินเนี้ยนหรานตื่นเต้นขึ้นมา
“ใช่สิเ้าตื่นเต้นเพียงนั้นเพื่ออะไร?” ตาของเซียนซือกลอกไปมา “หรือเ้าอยากจะเป็แม่นมของเซียนเด็ก? จริงสิตอนนี้เด็กคนนี้กำลัง้าแม่นมพอดี”
สายตาลามกมองมายังหน้าอกของเฉินเนี้ยนหรานจนนางรู้สึกเหมือนถูกถอดเสื้อออกจนหมดอย่างไรอย่างนั้น
ความรู้สึกนี้นางไม่ชอบใจเลย
แต่เฉินเนี้ยนหรานในตอนนี้ไม่สนใจสิ่งอื่นแล้ว
นางเอ่ยขอออกมาอย่างปรารถนา“ใช่เ้าค่ะๆ ข้าสามารถเป็แม่นมของเด็กคนนี้ได้ ท่านวางใจได้เลย แม้ข้าจะไม่มีนมแต่ข้าสามารถช่วยหาแม่นมให้เขาได้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดข้าจะออกเอง และการดูแลยามปกติเป็ข้าที่จะดูแลเขาเองท่านเซียนซือไม่ต้องเป็กังวล ขอแค่ ขอแค่ให้ข้าตามไปด้วยก็พอเ้าค่ะ”
คนบางคนเผยรอยยิ้มร้ายกาจออกมาก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า
“ข้าขอพิจารณาสักครู่ทายาให้เด็กคนนี้ก่อน เซียนเด็กคนนี้ ข้ารับเป็ศิษย์แล้ว”
ในตอนนี้เฉินเนี้ยนหรานไม่กล้าทำผิดต่อบุรุษสูงส่งผู้นี้
นางวางถวนถวนลงที่พื้นแต่โดยดีมองลูกศิษย์คนนั้นเอาของเหลวใสมาทางบริเวณาแที่ถูกน้ำร้อนลวกของถวนถวน
เด็กน้อยคล้ายจะชื่นชอบการลูบที่เย็นสบายเช่นนี้มากจึงไม่ได้ร้องไห้โยเย กลับกัน แขนขาของเด็กน้อยยังเตะอากาศไปมา
เขามักจะพ่นฟองออกมาตลอดเวลา
“อา…อือ…”
เมื่อเห็นเฉินเนี้ยนหรานไม่สนใจตนเองเด็กน้อยจึงกัดนิ้วมือของตนอย่างน้อยใจ
ดวงตาใสแจ๋วเหมือนกำลังตำหนิว่าเหตุใดมารดาถึงไม่มาอุ้มข้าเหตุใดไม่หอมข้า รักข้าท่านต้องหอมข้า รักข้ายิ่งต้องอุ้มข้าบ่อยๆ รักข้าต้องอยู่กับข้าให้มากสักหน่อย…
หัวใจเปี่ยมรักของมารดาถูกสายตาน้อยใจของเด็กน้อยสยบจนแพ้ราบคาบ
ใจของเฉินเนี้ยนหรานพองโต
เซียนซือที่อยู่ด้านข้างกลับมองเสี่ยวถวนถวนอย่างพิจารณา
บางครั้งสายตาของเขาจะมองไปที่ตัวของนาง
เพียงแต่ที่ทำให้เซียนซือหงุดหงิดคือ นางไม่มองตรงมาที่เขาเลยสักนิด
เขายื่นหน้าไปตรงหน้าของเฉินเนี้ยนหรานหลายครั้งทว่ากลับไม่ได้รับการตอบกลับ
สุดท้ายเซียนซือจึงกระแอมออกมาด้วยความหงุดหงิดเต็มทน
“ท่านเซียนซือพิจารณาเสร็จแล้วหรือท่านจะจ้างข้าเป็แม่นมของเด็กคนนี้ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“อะแฮ่มเป็แม่นมของเซียนเด็กไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกนะ”
“พูดเงื่อนไขของท่านมาเถิด”เฉินเนี้ยนหรานรีบรุดไปตรงหน้า
นักพรตที่สามารถมองิญญาของนางออกจะอย่างไรย่อมต้องมีความแตกต่าง
แม้เื่เช่นนี้จะแฝงไปด้วยความงมงายแต่นางกลับอดที่จะยอมรับไม่ได้ ข้ามมิติก็เจอมาแล้ว เื่แปลกประหลาดเช่นนี้จะขาดมันไปได้อย่างไร
“อืมแม่นมของเด็ก เ้าจะต้องเป็คนออกเงิน”
“เ้าค่ะเื่นี้สมควรเ้าค่ะ” นางเป็แม่ของเด็ก พูดตามหลักเหตุผลแล้วควรเป็คนป้อนนมเด็กคนนี้ แต่น่าเสียดายที่ยามนี้นางไม่มีน้ำนมแล้วดังนั้นเพื่อหาแม่นมให้เด็ก นับเป็เื่ที่สมควร
“ชีวิตประจำวันของเด็กคนนี้เ้าจะต้องรับผิดชอบ”
“ได้เ้าค่ะไม่มีปัญหา เป็เื่ที่สมควรแล้วเ้าค่ะ”
“ข้าจะรับผิดชอบแค่การสั่งสอนวิถีเซียนของสำนักพวกข้าให้แก่เขาส่วนในตอนอื่นๆ เ้าจะต้องรับผิดชอบสั่งสอนเขา”
“ได้เ้าค่ะเื่นี้ยิ่งสมควรเลยเ้าค่ะ”
“เ้าจะต้องรับผิดชอบเื่อาหารสามมื้อของข้าและลูกศิษย์”
“…ไม่มีปัญหาเ้าค่ะ”
“และค่าใช้จ่ายของข้า”
…
“ก็…ก็ได้เ้าค่ะ…แต่หนึ่งปีท่านอย่าใช้เงินเกินห้าร้อยตำลึง”นี่คือสมบัติก้นกรุของข้า นี่คือสมบัติก้นกรุของข้าแล้ว
“วางใจเถิดข้าไม่มีทางใช้เงินของเ้าเยอะเกินไปนักหรอก เดิมทีข้าเพียงอยากจะบอกว่าหนึ่งปีไม่เกินห้าสิบตำลึงตอนนี้เ้ากลับพูดออกมาอย่างใจกว้างว่าจะให้ข้าห้าร้อยตำลึง เช่นนั้นข้าจะยิ้มรับไปก็แล้วกัน”
เฉินเนี้ยนหรานปวดใจราวกับกินแมลงวันเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น
