คุกเข่าลงหรือ?
วินาทีนั้น แทบจะทุกคนต่างพากันนิ่งงัน ไร้การตอบสนองใดๆ
ท่านหญิงจ้าวอิ้งเสวี่ย้าให้หนานกงเยวี่ยคุกเข่าลง?
ทว่า…
ทุกคนต่างพากันหันมองไปที่หนานกงเยวี่ยอย่างพร้อมเพรียง ครั้นหนานกงเยวี่ยรู้สึกตัว นางรีบฝืนยกยิ้ม พลางเอ่ยออกมาอย่างเ็าว่า “หากข้าคุกเข่าลงตรงนี้ เกรงว่าเ้าจะทนรับความกดดันไม่ไหว”
ตามหลักการแล้ว จ้าวอิ้งเสวี่ยได้แต่งเข้ามาเป็ภรรยาของเหนียนเฉิง แต่งเข้าตระกูลเหนียน ถึงแม้จะมีความแค้นต่อกันมากเพียงใด ทว่าหนานกงเยวี่ยก็ยังมีศักดิ์เป็แม่สามีและาุโกว่า ไหนเลยจะสมเหตุสมผลที่ให้ผู้าุโมาคุกเข่าให้กับผู้เยาว์กว่า?
ทว่าในเมื่อจ้าวอิ้งเสวี่ยบอกให้นางคุกเข่า ย่อมต้องมีสาเหตุที่นางบอกเช่นนั้น
"เ้าลองคุกเข่าดูเสีย เปิ่นจวิ้นจู่จะได้กลับไปคิดว่ารับไหวหรือไม่!"
ครั้นคำว่า "เปิ่นจวิ้นจู่" ดังขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่า แม้หนานกงเยวี่ยจะคุกเข่าลงตรงนี้ นางก็รับไหวอย่างแน่นอน!
ใบหน้าของหนานกงเยวี่ยมืดมนขึ้นเล็กน้อย มือทั้งสองข้างที่ถือถ้วยชาสั่นเทา แม้นางจะคาดเดาั้แ่แรกแล้วว่า จ้าวอิ้งเสวี่ยผู้นี้ไม่มีทางเบามือกับนาง ทว่าการบอกให้นางคุกเข่าขอโทษต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ในใจนางยังคงรู้สึกมิยินยอม
"ทำไมหรือ? บอกพวกข้าว่าจะขอโทษ ทว่าแม้แต่ความจริงใจในการขอโทษ ยังไม่มีเลยงั้นหรือ" จิ้นหวางเฟยเอ่ยพลางยกยิ้มแกมหัวเราะเล็กน้อย “เช่นนั้นสู้ไม่บอกให้บุตรสาวเ้ามาขอโทษแทนเ้าจะดีเสียกว่า”
ความเกลียดชังของจิ้นหวางเฟยที่มีต่อหนานกงเยวี่ยและเหนียนเฉิง ไม่น้อยไปกว่าจ้าวอิ้งเสวี่ย ทั้งชีวิตของบุตรสาวเพียงคนเดียวของนางถูกสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้ทำร้าย นางจะยินดียอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร จะไม่โกรธเกลียดได้เยี่ยงไร?
หนานกงเยวี่ยสูดหายใจลึก ราวกับกำลังพยายามสงบจิตใจของตัวเอง คุกเข่างั้นหรือ?
ในเมื่อพวกนาง้าให้นางคุกเข่าขอโทษ เช่นนั้นแค่นางคุกเข่าแล้วอย่างไร?
“หากข้าคุกเข่าลง ท่านหญิงจะคลายความโกรธเคืองลงหรือไม่? เื่นี้จะจบลงแค่เพียงเท่านี้ใช่หรือไม่?” หนานกงเยวี่ยเอ่ยอย่างแน่วแน่ เมื่อเทียบกับใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่นี้ ยามนี้ใบหน้านางแลดูกดดันอย่างมาก แม้แต่บรรยากาศในห้องโถงยังเคร่งขรึมขึ้นมาไม่น้อย
จ้าวอิ้งเสวี่ยไม่ตอบ สิ่งนี้ดูจะเป็สิ่งที่หนานกงเยวี่ยคาดเดาไว้แล้ว
คุกเข่างั้นหรือ?
หึ หนานกงเยวี่ยทอดถอนหายใจเ็า นางรู้อยู่แล้วว่าเพียงแค่คุกเข่าลง ไม่มีทางคลายความขุ่นเคืองโกรธเกลียดในใจของจ้าวอิ้งเสวี่ยได้แน่ นางคงยังเคี่ยวกรำเฉิงเอ๋อร์ ยังคงทรมานเขาเช่นเดิม ทำให้นางอับอายและขายหน้า จ้าวอิ้งเสวี่ยแต่งเข้ามาในตระกูลเหนียน เดิมทีคงมิได้มีเจตนาดี เช่นนั้นนางคงมีหนทางเดียวที่พอจะช่วยชีวิตเฉิงเอ๋อร์ได้...
ครั้นคิดถึงแผนที่ตนเองเตรียมไว้วันนี้ ในใจหนานกงเยวี่ยพลันสงบลงไม่น้อย
บรรยากาศในห้องโถงอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ทุกคนต่างเฝ้ามองการเผชิญหน้ากันของทั้งสอง ทันใดนั้นหนานกงเยวี่ยย่อกายและคุกเข่าลงต่อหน้าจ้าวอิ้งเสวี่ยอย่างจริงจัง ภาพนี้ทำให้แทบทุกคนในเหตุการณ์มิอาจปกปิดความประหลาดใจของตัวเองได้
ทุกคนล้วนเคยพบเจอนาง และรู้จักนิสัยของหนานกงเยวี่ยดี นางเคยก้มหัวให้ใครั้แ่เมื่อไหร่
ทว่าตอนนี้...
นางคุกเข่าลงจริงๆ หรือ ทั้งยังต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้อีก!
“ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย วันนั้นข้ามิสมควรตบท่านหญิงอิ้งเสวี่ยตามอารมณ์เลย วันนี้ข้าตั้งใจเป็พิเศษเพื่อขออภัยต่อท่านหญิง หวังว่าท่านหญิงจะไม่ถือสาผู้น้อย ให้อภัยต่อความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจของข้าในครั้งนั้น”
หนานกงเยวี่ยเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ สองมือประเคนน้ำชา ยื่นให้ตรงหน้าจ้าวอิ้งเสวี่ย
ถึงกระนั้น ในใจของนางกลับกัดฟันด้วยความเกลียดชัง
จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ๋ยจ้าวอิ้งเสวี่ย วันนี้นางเหยียบย่ำใบหน้าของนาง ‘หนานกงเยวี่ย’ ลงกับพื้น ทว่าในวันหนึ่ง นางจะต้องทำให้จ้าวอิ้งเสวี่ยมาคุกเข่าลงตรงหน้านางให้ได้!
เมื่อถึงเวลา...
นาง ‘หนานกงเยวี่ย’ จะทำให้ 'จ้าวอิ้งเสวี่ย' อับอายขายหน้าโดยไร้ความปรานี!
“ความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ...” จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างราบเรียบ ไม่แม้แต่ปกปิดความประชดประชันในน้ำเสียง “เป็ความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจสินะ!”
ในระหว่างที่จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ย นางรับถ้วยชาจากมือหนานกงเยวี่ย ทว่ากลับมิได้ยกดื่ม นางปรายตามองใบหน้าเหยเกไม่น่ามองของหนานกงเยวี่ย และยกยิ้มเล็กน้อย “การขอโทษเช่นนี้ มิใช่ว่าควรต้องคำนับและโขกศีรษะด้วยหรือ?”
จ้าวอิ้งเสวี่ยพึมพำราวกับไม่ได้ตั้งใจ ความหมายในคำพูดนั้นชัดเจนอย่างมาก ยามที่คำพูดประโยคนั้นของนางหลุดออกมา ในใจของทุกคนพลันแข็งเกร็ง
สำหรับหนานกงเยวี่ยที่คุกเข่าลงต่อหน้าจ้าวอิ้งเสวี่ยเมื่อครู่นี้ เกรงว่าจะเป็อะไรที่ถึงขีดจำกัดมากแล้ว โขกศีรษะ...หนานกงเยวี่ยจะทำตามได้หรือ?
หากแต่ครั้งนี้ หนานกงเยวี่ยทำให้ทุกคนประหลาดใจอีกครั้ง
“โขกศีรษะ...ใช่แล้ว โขกศีรษะ การขอขมาเช่นนี้ย่อมต้องโขกศีรษะเป็ธรรมดา...” หนานกงเยวี่ยฉีกยิ้ม สีหน้าแลดูไม่เป็ธรรมชาติ แต่ดูเหมือนว่านางจะแสร้งทำตัวเป็ธรรมชาติอย่างสุดความสามารถ อากัปกิริยาของนางแลดูอึดอัดเป็อย่างยิ่ง
ท่ามกลางสายตาของทุกคน หนานกงเยวี่ยก้มตัวลงไป และโขกศีรษะลงบนพื้น จนเกิดเสียงดัง ‘ปัง’ เสียงนั้นดังมากเสียจนทุกคนได้ยินกันอย่างชัดเจน...
บรรดาฮูหยินในเหตุการณ์ ครั้นเห็นฉากนี้ คราแรกที่เห็นพวกนางอึ้งงันไปชั่วครู่หนึ่ง ทว่าในเวลาต่อมา กลับรู้สึกมีความสุขอย่างมิอาจบรรยายได้ หากมิใช่เพราะรู้กาลเทศะ เกรงว่าพวกนางคงปรบมือให้ด้วยความดีอกดีใจแล้ว
ยกน้ำชา...คุกเข่า...โขกศีรษะ...
แต่ละอย่างพวกนี้ หนานกงเยวี่ยจะทำอันไหน?
ทว่าวันนี้นางทำทั้งหมดอย่างสมบูรณ์แบบ
คิดถึงตอนแรก ยามที่หนานกงเยวี่ยกดขี่พวกนางโดยอาศัยฐานะของตนเอง เป็สิ่งที่น่ากริ่งเกรงเสียนี่กระไร ในตอนนั้น ‘หนานกงเยวี่ย’ ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะมีวันนี้
ผู้คนล้วนจับจ้องนั่งชมงิ้วเื่นี้ ใบหน้าของเหนียนเย่าและฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนมีสีหน้าไม่ดีนัก อย่างไรเสีย หากหนานกงเยวี่ยเสียหน้า จวนเหนียนเองก็เสียหน้าไม่ต่างกัน
ทว่า...ยามนี้ พวกเขาคิดเพียงแค่ว่า การขอขมาของหนานกงเยวี่ยจะสามารถทำให้จิ้นหวางเฟยและจ้าวอิ้งเสวี่ย สองแม่ลูกคู่นี้คลายความโกรธ และแก้ไขความคับข้องใจระหว่างทั้งสองตระกูลลงได้
ทว่าทุกสิ่งที่ลู่ซิวหรงเห็น กลับมีบางอย่างที่นางไม่เข้าใจ
นางมั่นใจว่าหนานกงเยวี่ยผู้นี้วางยาเพื่อเตรียมยาพิษให้จ้าวอิ้งเสวี่ยอย่างชัดเจน เหตุใดยังทำตามอีกฝั่งให้ตัวเองอับอายด้วย
นี่มิใช่นิสัยของหนานกงเยวี่ย และยังไม่ใช่รูปแบบในการลงมือของนาง!
เกรงว่าเื่นี้...
ขณะที่ลู่ซิวหรงกำลังครุ่นคิด หนานกงเยวี่ยที่กำลังคุกเข่าลงกับพื้น ในดวงตานางฉายแววชั่วร้าย ฉับพลันนั้น นางยื่นมือไปจับข้อเท้าจ้าวอิ้งเสวี่ยอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย...” จ้าวอิ้งเสวี่ยร้องอุทานออกมาด้วยความใ
นับั้แ่ที่ถูกเหนียนเฉิงพรากความบริสุทธิ์ ในใจของจ้าวอิ้งเสวี่ยต่อต้านการัักับผู้อื่นมาโดยตลอด ไม่เพียงเท่านี้ มิใช่แค่ใบหน้าและมือของจ้าวอิ้งเสวี่ยที่ถูกไฟร้อนแผดเผา ทว่าิัส่วนใหญ่บนร่างกายนางยังถูกทำลายไปด้วย
การที่หนานกงเยวี่ยเข้าไปจับข้อเท้าจ้าวอิ้งเสวี่ยโดยที่นางมิทันตั้งตัว ยิ่งกว่านั้นยังไปจับตรงจุดที่จ้าวอิ้งเสวี่ยรู้สึกเจ็บ ทำให้จ้าวอิ้งเสวี่ยเหยียบหนานกงเยวี่ยอย่างรุนแรงโดยที่แทบจะไม่รู้ตัว...
เสียงกรีดร้องอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนตื่นใ ครั้นเห็นว่าหนานกงเยวี่ยยังคงกำข้อเท้าของจ้าวอิ้งเสวี่ย ผู้คนที่นั่นล้วนเปลี่ยนสีหน้าทันใด
หนานกงเยวี่ยจะทำอะไร?
คำถามนี้เกิดขึ้นในหัวของผู้คนที่เห็นเหตุการณ์แทบทั้งหมด
จิ้นหวางเฟยรู้สึกตัวเป็คนแรก นางก้าวเข้าไปข้างหน้าทันที ้าที่จะปกป้องจ้าวอิ้งเสวี่ย
ทว่าหนานกงเยวี่ยตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยว นางจับข้อเท้าของจ้าวอิ้งเสวี่ยแน่น ลากข้อเท้านางโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น จ้าวอิ้งเสวี่ยที่เดิมทีเป็เพียงสตรีบอบบาง ยิ่งยามนี้มีาแจากไฟร้อนแผดเผาเพิ่มเข้ามาอีก นางจึงถูกลากลงไปบนพื้นได้อย่างง่ายดาย
“หนานกงเยวี่ย เ้าทำอะไร เ้าบ้าไปแล้วหรือ” ครั้นเหนียนเย่าตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาลุกขึ้นยืนและก้าวเท้ายาวตรงไปข้างหน้าทันที
แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน ยังลุกขึ้นอย่างตื่นตระหนก นางก้าวเดินออกไปโดยมีไม้เท้าประคองร่างกาย
เมื่อชั่วครู่นี้ แรกเริ่มคือหนานกงเยวี่ยก้มหัวให้ ครั้นนางยอมอ่อนข้อลง การทะเลาะกันของทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะเริ่มคลี่คลายลง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าหนานกงเยวี่ยที่ยังดีๆ อยู่ กลับกลายเป็บ้าขึ้นทันใด นางจะทำอะไร?
ถ้าหากว่านางคิดจะทำร้ายจ้าวอิ้งเสวี่ยอีกครั้ง...
นางคิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลยังเลวร้ายไม่พออีกหรือ?