ค.ศ. 2210 ฤดูร้อน เมืองจิงหัว
แม้ว่าจะอยู่ใกล้ชานเมืองแต่ถนนหนทางในเมืองจิงหัวก็ยังเต็มไปด้วยความแออัด เย่เทียนเซี่ยเดินอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คนมากมาย สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีสบายๆ ก้มหน้ามองปลายเท้าบนพื้น สายตาของเขามองไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้จับจ้องไปทางทิศใดเป็พิเศษ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้เดินชนคนอื่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว เย่เทียนเซี่ยใส่เสื้อเชิ้ตลายสีฟ้ากับกางเกงเข้ารูปสีดำที่มีสภาพค่อนข้างเก่า และสวมรองเท้าแตะสีฟ้า ทั้งตัวเป็ชุดอยู่บ้านสบายๆ แต่ถึงอย่างนั้นกลิ่นอายความอันตรายที่เขาปล่อยออกมาโดยไม่ตั้งใจก็ยังคงทำให้สาวๆ มองมาทางเขาบ่อยๆ
วันนี่คือวันที่ 60 ที่มีการแจกจ่ายอุปกรณ์เชื่อมต่อของเกม “World of Fate” และเป็วันแรกที่เกม “World of Fate” จะเปิดตัวอย่างเป็ทางการ ณ เวลาเที่ยงตรง และตอนนี้ก็เป็เวลาเก้าโมงแล้ว
แม้ว่าจะเป็วันที่ 60 แล้วแต่ร้านขายอุปกรณ์ที่ใกล้ที่สุดก็ยังมีคนต่อแถวยาวเหยียด เย่เทียนเซี่ยไม่แปลกใจเลยสักนิด เขาหยุดต่อแถวที่ปลายแถว จำนวนคนในตอนนี้ทั้งหมดยังเทียบไม่ได้กับเดือนแรกที่อุปกรณ์เชื่อมต่อเกมออกวางขาย ยิ่งคนที่จะอดใจรอจนถึงเวลานี้ได้อย่างเขายิ่งไม่ค่อยมี เย่เทียนเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีคราม ท่ามกลางท้องฟ้านั้นปรากฏรอยยาวสีขาวพาดผ่าน รอยยาวสีขาวนั้นราวกับรอยแยกของท้องฟ้าที่ถูกผ่าด้วยมีด มันปรากฏบนท้องฟ้าั้แ่ร้อยปีก่อนและได้จุดประกายความวุ่นวายไปทั่วโลก บรรดาผู้รู้ก็พากันสันนิษฐานไปต่างๆ นานา แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปผู้คนจากที่คิดว่าร่องรอยบนท้องฟ้านี้ช่างแปลกประหลาดก็ค่อยๆ กลายเป็คุ้นชินกับมันไปในที่สุด จนกระทั่งมนุษย์ในปัจจุบันนี้เมื่อเกิดมาแล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้าก็จะต้องมองเห็นรอยยาวนี้อยู่บนนั้น และแล้วท้องฟ้าสีครามไร้ตำหนิก็เหลือไว้เพียงในรูปภาพเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนเท่านั้น
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย กรุณาแสดงตัวอย่าง DNA ของคุณด้วยค่ะ” พนักงานสาวแย้มยิ้มอย่างมืออาชีพ แต่รออยู่นานเธอก็ยังไม่ได้คำตอบกลับจากชายหนุ่มตรงหน้า เย่เทียนเซี่ยยิ้มมุมปาก ในใจได้แต่คิดชื่นชมพนักงานสาวตรงหน้าว่าเธอช่างเหมาะกับคำว่าเจริญหูเจริญตาเสียจริง การเพลิดเพลินไปกับความสวยของผู้หญิงถือเป็หนึ่งในความสุขของผู้ชายหลายๆ คน ซึ่งแม้แต่เย่เทียนเซี่ยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
สายตาโลมเลียของเขาถูกแสดงออกมาอย่างเปิดเผย แต่ไหนแต่ไรมาหญิงสาวก็ต้องรับมือกับคนประเภทนี้อยู่ทุกๆ วัน แต่เธอก็ไม่เคยสูญเสียความเยือกเย็นของตัวเองเลยสักครั้ง แต่ทว่าในครั้งนี้เธอกลับรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นถี่รัว สายตาทั้งคู่ของเขาแสดงให้เห็นถึงความลึกล้ำอันตรายที่แม้จะรู้ดีว่านั่นอาจจะเป็หุบเหวลึก แต่เหมือนกับเธอถูกความลึกลับบางอย่างที่ไม่อาจต้านทานฉุดดึง ดูดกลืนเข้าไปและยินยอมที่จะจมลงไปโดยไม่ขัดขืน
เส้นผมเส้นหนึ่งที่ถูกดึงออกมาอยู่ในมือของเย่เทียนเซี่ยถูกยื่นไปตรงหน้าของหญิงสาว นั่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนตื่นจากภวังค์ไม่กล้าสู้สายตาของชายหนุ่ม เธอหยิบเส้นผมครึ่งเส้นจากฝ่ามือของเขาด้วยท่าทีเขินอาย ฝ่ามือของเขาและเธอัักันเป็่สั้นๆ การัักันใน่สั้นๆ นั้นทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอพองโต
เขาเป็คนที่อันตรายจริงๆ เสียงหนึ่งในใจเธอบอกอย่างนั้น แต่หัวใจที่เต้นผิดจังหวะก็ไม่อาจสงบลงได้เลย เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ได้แต่จับอุปกรณ์ในมือเล่นไปมาเพื่อปกปิดความลนลานเล็กๆ ของตัวเอง “คุณ้าอุปกรณ์แบบไหนคะ... เป็แบบจี้ห้อยคอหรือแบบสายรัดข้อมือดีคะ”
เกมเสมือนจริงเกิดขึ้นครั้งแรกในปลายศตวรรษที่ 21 และในศตวรรษที่ 22 ก็ได้พัฒนามาจนถึงจุดสูงสุด โดยจะสามารถเชื่อมต่อได้ผ่านทางเครื่องมือคล้ายหมวกครอบศีรษะและแคปซูล ซึ่งในโลกเสมือนจริงนั้นก็จะประกอบด้วยโลกอีกโลกหนึ่งและชีวิตอีกครึ่งหนึ่ง ปัจจุบันในศตวรรษที่ 23 เกมเสมือนจริงก็ได้มีนวัตกรรมใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง นั้นก็คือ “World of Fate” ที่ซึ่งเต็มไปด้วยความลึกลับ ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่นเพียงแค่อุปกรณ์เชื่อมต่อของเกมก็เป็ที่จับตามองแล้ว อุปกรณ์เชื่อมต่อของเกมนั้นไม่ใช่หมวกครอบศีรษะหรือแคปซูลอีกต่อไป แต่เป็จี้เล็กๆ ที่สามารถห้อยคอได้หรือเป็สายรัดที่สามารถสวมที่ข้อมือได้ เวลาเล่นเกมก็ไม่ต้องต่อสายไฟ ไม่มีการทำงานที่ซับซ้อน รวมทั้งยังไม่ต้องชาร์จไฟเพิ่ม ตามคำอธิบายนั้นอุปกรณ์นี้มีไฟฟ้าในตัวเองมากพอที่จะใช้งานได้ถึง 50 ปีขึ้นไป อุปกรณ์เชื่อมต่อของเกมขึ้นอยู่กับความชอบของผู้เล่นซึ่งสามารถเลือกได้อย่างอิสระ เพียงแต่หนึ่งคนสามารถใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อเกมได้เพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งจะผูกอยู่กับ DNA ของตัวผู้เล่นนั่นเอง
และที่บ้ามากกว่านั้นก็คือ อุปกรณ์เชื่อมต่อเกมทั้งหมดนั้น แจกฟรี!
เย่เทียนเซี่ยใช้มือดึงเครื่องประดับที่อยู่บนสร้อยคอเส้นยาวสีดำของตัวเอง หญิงสาวเพิ่งสังเกตเห็นว่าบนหน้าอกของเขาห้อยเครื่องประดับแปลกตาอันหนึ่งเอาไว้อยู่ มันเป็เครื่องประดับสีดำที่มีรูปร่างเรียวยาวแปลกตา ั้แ่ส่วนบนไล่มาจนถึงส่วนล่างของเครื่องประดับมีรูขนาดต่างกันอยู่เจ็ดรูกระจายตัวกันอยู่อย่างสะเปะสะปะและไม่รู้ว่ามันคือภาพลวงตาหรืออะไร แต่ภายใต้แสงอาทิตย์เธอเห็นรางๆ ว่าเ้ารูทั้งเจ็ดนั้นสะท้อนแสงออกมาบางเบา ซึ่งแสงที่สะท้อนออกมาแต่ละแสงก็มีความแตกต่างกัน เมื่อรวมกันแล้วเหมือนกับเป็สีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดงซึ่งเป็สีทั้งเจ็ดของแสงอาทิตย์
“คุณผู้ชาย กะ...กรุณารอสักครู่นะคะ” หญิงสาวรับรู้ได้เลยว่าเธอได้สูญเสียความเป็ตัวเองไปอีกครั้ง สีหน้าและการกระทำของเธอที่แสดงออกมานั้นไม่เป็ธรรมชาติอย่างชัดเจน เธอนำเส้นผมของเย่เทียนเซี่ยใส่เข้าไปในเครื่องมือ และเมื่อข้อมูลทั้งหมดปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอเธอก็ไม่อาจห้ามตัวเองให้จดจำข้อมูลของเขาเอาไว้ในใจได้ หลังจากนั้นเธอจึงกดปุ่มสีแดงเพื่อให้การผูกตัวตนของผู้ใช้เสร็จสมบูรณ์ แล้วจึงยื่นสายรัดข้อมือสีดำพร้อมนามบัตรลวดลายสวยงามมาตรงหน้าเย่เทียนเซี่ย “คุณผู้ชายคะ นี่คืออุปกรณ์ของคุณค่ะ กรุณารักษาไว้ให้ดีและหวังว่าคุณจะสนุกไปกับเกมนะคะ แล้วก็ นี่คือนามบัตรในการให้บริการของบริษัทเรา ถ้าหากมีปัญหาอะไรทางเรายินดีให้คำปรึกษาได้ตลอดเวลาค่ะ”
เย่เทียนเซี่ยยื่นมือซ้ายออกมาแต่ยังไม่ทันได้รับของกลับมา หญิงสาวก็ตัดสินใจรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นสบสายตากับดวงตาของเขา เธอก็รับรู้ได้ถึงใบหน้าคมเปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดของปีศาจร้าย และคำตอบของเขาก็ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอสั่นไหวมากยิ่งขึ้น “ดอกมะลิแห่งความฝันอันเย้ายวน มะลิ กุหลาบ และลิลลี่ป่าถือเป็การรวมตัวกันที่สมบูรณ์แบบ ทั้งยังผสมผสานและคงไว้ซึ่งความอบอุ่นและสดชื่น กลิ่นหอมบริสุทธิ์ทำให้คนลุ่มหลงมัวเมา เหมาะกับสาวน้อยที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและสง่างาม ผู้หญิงแบบนั้นก็คือจิติญญาที่พระเ้าประทานให้เหล่ามวลมนุษย์ ไม่รู้ว่าผมจะได้รับเกียรติจากเธอในการใส่สายรัดข้อมือสีดำนี่ให้ผมบ้างหรือเปล่า”
ริ้วสีแดงพาดผ่านแก้มนุ่มของหญิงสาว เธอก้มหน้าลงอย่างเสียมิได้ ความเยือกเย็นอย่างมืออาชีพที่ฝึกฝนมาหลายปีไม่รู้หายไปไหนหมด ดอกมะลิแห่งความฝันอันเย้ายวนก็คือชื่อของน้ำหอมที่เธอชื่นชอบ ั้แ่ครั้งแรกที่เธอได้กลิ่นของมัน ตลอดจนถึงวันนี้เธอไม่เคยพูดถึงความโปรดปรานของเธอเลยสักครั้ง
เย่เทียนเซี่ยไม่คิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเขินอายได้ง่ายดายขนาดนี้ อย่างกับผู้หญิงที่ไม่เคยผ่านความรักมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น นี่มันยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากจะแกล้งเธอมากขึ้น ลึกเข้าไปในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มของปีศาจร้าย เขามองหญิงสาวใช้มือที่ชื้นเล็กน้อยของเธอสวมสายรัดข้อมือให้เขา เดิมทีมันเป็การกระทำง่ายๆ แต่มือสั่นๆ ของเธอกลับทำให้เวลายาวนานขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ตลอดขั้นตอนนั้นเย่เทียนเซี่ยก็ได้แต่เพลิดเพลินไปกับท่าทางที่ทำให้คนมองเจริญหูเจริญตาของเธอ
ในท้ายที่สุดหญิงสาวก็ได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดของเธอยื่นกระดาษใบหนึ่งใส่มือเขาพลางก้มหน้าลงต่ำ “คุณผู้ชายคะ นี่...นี่คือเบอร์ส่วนตัวของฉัน ถ้าคุณมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับการใช้ละก็ สะ...สามารถโทรหาฉันได้ตลอดเวลาเลยนะคะ”
พอพูดถึงตอนท้ายของประโยคเสียงของเธอก็เบาลงจนเหมือนยุง แม้แต่เธอเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองที่คอยปฏิเสธคนที่ตามจีบมากมายอยู่ทุกวันกลับให้เบอร์ผู้ชายที่เพิ่งเจอหน้ากันเพียงครั้งแรก
เย่เทียนเซี่ยลูบไล้สายรัดบนข้อมือไปมา มันเกือบจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักเลยสักนิด เขาส่งรอยยิ้มให้หญิงสาวที่ทำให้เธอลุ่มหลงก่อนจะเดินหันหลังจากไป สายตาของหญิงสาวจ้องมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มไป สติล่องลอยเหมือนหลงอยู่ในมนตร์ปีศาจ
เมื่อผ่านหัวมุมถนนไปเย่เทียนเซี่ยก็โบกมือหนึ่งครั้ง กระดาษสองใบที่เขาไม่แม้แต่จะมองสักครั้งก็กลายเป็เพียงเศษกระดาษปลิวไปตามลมราวกับเวทมนตร์ สีหน้าของเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขายังคงเดินต่อไปด้วยชุดสบายๆ กลับไปที่พักของตัวเอง สถานที่ซึ่งไม่อาจเรียกได้ว่าเป็บ้าน
ในสังคมวัตถุนิยมยุคนี้ทุกๆ ที่เต็มไปด้วยบาปและความโสมม หญิงสาวคนนั้นก็เหมือนกับเพชรล้ำค่าที่อยู่กลางทะเลทราย แต่สำหรับคนที่มีดวงดาวที่งดงามที่สุดบนโลกอยู่แล้วอย่างเขา นั่นมันก็เป็ได้เพียงแค่เพชรเท่านั้น
เย่เทียนเซี่ยยกข้อมือขึ้นมองสายรัดสีดำบนข้อมือ แม้ว่าเขาจะเรียนรู้วิธีการใช้งานต่างๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนใหญ่ของมันแล้ว แต่ครั้งแรกที่เริ่มใช้เขาก็ยังคงแปลกใจนิดหน่อย บางทีตอนที่ทุกคนได้มันมาก็คงจะมีความสงสัยเหมือนกับเขาในตอนนี้เป็แน่ เช่นขนาด รูปร่าง และน้ำหนัก ของสิ่งนี้สามารถเชื่อมต่อกับโลกที่เรียกว่า “Fate” ซึ่งว่ากันว่าเป็ตำนานของศตวรรษนี้ได้จริงหรือ
ในตอนที่เขากำลังตกอยู่ในภวังค์นั่นเอง เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังขึ้นจากทางด้านหน้าของเขา เย่เทียนเซี่ยเพิ่งจะเดินมาถึงหัวมุมถนนและเขาก็แทบจะชนเข้ากับเ้าของเงาที่เพิ่งจะเลี้ยวมาอย่างรีบร้อน เย่เทียนเซี่ยยกมือซ้ายขึ้นกันด้านหน้าด้วยสัญชาติญาณ ทันใดนั้นฝ่ามือของเขาก็ััเข้ากับก้อนกลมๆ นุ่มนิ่มคู่หนึ่ง การััมันอย่างเต็มเปาทำให้เย่เทียนเซี่ยหัวใจเต้นแรง ฝ่ามือของเขาเกือบจะไม่สามารถควรคุมน้ำหนักในการััได้ หลังจากนั้นราวกับว่าเขาเพิ่งระลึกได้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังจับอยู่นั้นคืออะไร เย่เทียนเซี่ยรีบหมุนตัวแล้วออกวิ่งทันที!
“อ๊าย!...”
เสียงแหลมสูงที่เย่เทียนเซี่ยพอจะจินตนาการได้ดังขึ้นจากที่ไกลๆ ทางด้านหลังของเขา และเมื่อเขาหันมองกลับไปก็ได้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดกระโปรงสีฟ้าขาวกำลังกอดหน้าอกของตัวเองเอาไว้ด้วยความใ และกลุ่มคนทางด้านหลังของเธออีกสี่คนที่กำลังวิ่งตามเขามาด้วยใบหน้าถมึงทึง!
ในบรรดาคนทั้งสี่คนนั้นมีทั้งวัยรุ่นและวัยกลางคน พวกเขาทั้งหมดสวมชุดสูทและรองเท้าหนังสีดำ และสองในสี่คนยังสวมแว่นตาสีดำอีกด้วย คนพวกนี้แต่งตัวอย่างกับกลัวชาวบ้านเขาจะไม่รู้ว่าเป็บอดี้การ์ด ความเร็วของคนทั้งสี่น่าใมาก ไม่นานพวกเขาก็วิ่งตามมาถึงด้านหลังของเย่เทียนเซี่ยจนเกือบจะคว้าเอาแผ่นหลังของเขาไว้ได้ เย่เทียนเซี่ยมองเห็นว่าด้านหน้าเป็ตรอกแคบๆ ระหว่างตึกสองตึก เขาจึงรีบเลี้ยวเข้าไปในตรอกนั้นทันที เมื่อเลี้ยวเข้ามาได้ครึ่งหนึ่งของตรอกชายสี่คนนั้นก็เกือบจะเร่งฝีเท้าเข้ามาทันแล้ว แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่เพราะตรอกข้างหน้าเป็ทางตันที่ไม่มีใครผ่านไปได้ แต่เป็เพราะว่าคนที่พวกเขากำลังไล่ตามอยู่ดีๆ ก็หายตัวไปซะอย่างนั้น!
พวกเขาเห็นอยู่ตำตาแท้ๆ ว่าไอ้หนุ่มนั่นมันวิ่งนำหน้าพวกเขาห่างกันไม่ถึงครึ่งวิเข้ามาตรงนี้ ไม่มีทางที่จะเล็ดลอดสายตาของพวกเขาไปได้ มันจะบินหรือหายตัวไปเฉยๆ ได้จริงๆ หรือไง
ทั้งสี่คนตกอยู่ในความมึนงงสักพัก ก่อนจะเดินไปมารอบๆ อยู่พักใหญ่จนในที่สุดหนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นมา “แย่แล้ว! หรือว่าจะเป็แผนเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมัน” พูดจบพวกเขาก็รีบวิ่งจากไปทันที
ท่ามกลางความว่างเปล่าสูงขึ้นไปบนตึกหกชั้น เย่เทียนเซี่ยเฝ้ามองกลุ่มคนเ่าั้จากไป สีหน้าของเขาแสดงออกถึงการครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขายกมือซ้ายขึ้นมา มุมปากของเขากระตุกเป็ร้อยยิ้มปีศาจ ฝ่ามือของเขาเหมือนว่ายังคงรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มชวนััเหลืออยู่ แม้แต่กลิ่นกายที่น่าหลงใหลของหญิงสาวคนนั้นก็เหมือนจะลอยมาตามลม “ดูเหมือนว่าฐานะของน้องสาวคนนี้คงจะไม่ธรรมดาซะแล้ว ถ้าฉันทำร้ายหัวใจอันบอบบางของเธอไป ก็ถือว่าเป็บาปมหันต์ของฉันแล้วกัน เพราะว่า...ฉันจงใจอะนะ”