ผู้ดูแลเหลาอาหารจากอำเภอซั่งกล่าวว่า “เหลาอาหารของข้า้าของน้อยกว่าเหลาอาหารของเขาเล็กน้อย เป็เต้าหู้สองพันชั่ง ฟองเต้าหู้สิบชั่ง”
คนที่อาศัยอยู่ในอำเภอซั่งน้อยกว่าที่อำเภอฉางผิง ปริมาณสินค้าในเหลาอาหารก็เป็เช่นนี้เอง
หลี่หรูอี้กล่าวว่า “พวกเราขายเต้าหู้ให้คนในหมู่บ้านชั่งละสี่ทองแดงครึ่ง ดังนั้นจึงไม่สามารถขายให้พวกท่านราคานี้ได้ เราจะขายในราคาห้าทองแดง ส่วนฟองเต้าหู้ก็เป็หกทองแดง”
ผู้ดูแลทั้งสองสบตากัน พวกเขามาด้วยตนเองเช่นนี้เพื่อจะประหยัดเงินให้ได้วันละหลายสิบทองแดง นึกไม่ถึงว่าจะไม่บรรลุเป้าหมาย “พวกเราซื้อในปริมาณมาก พวกเ้าลดราคาให้หน่อยไม่ได้หรือ”
หลี่หรูอี้มีท่าทีมั่นคงหนักแน่น “ท่านเองก็เห็นว่าบ้านเรามีงานมากเพียงใด ปริมาณการผลิตเต้าหู้และฟองเต้าหู้ในแต่ละวันก็มากมาย สามารถเจียดไปขายให้พวกท่านได้หลายพันชั่ง ก็นับว่าพยายามเต็มที่แล้ว ดังนั้นทางด้านราคาย่อมต้องคุยกัน”
หลี่ซานที่ฟังอยู่ด้านข้างก็ไม่ได้สอดแทรก ทางด้านการค้า ในครอบครัวไม่มีใครสู้หลี่หรูอี้ได้เลย
“ได้ เช่นนั้นก็เอาตามนี้ บ้านพวกเ้าไม่ง่ายเลยจริงๆ” ผู้ดูแลจากอำเภอซั่งมองไปยังหลี่หรูอี้ที่อายุยังน้อยเท่าบุตรีของตน เด็กเท่านี้ก็เป็คนคุยธุรกิจแล้ว เด็กยากจนเติบโตเร็วจริงๆ
“พวกท่านเป็ผู้ดูแลเหลาอาหาร เป็กิจการใหญ่ ส่วนพวกเราทำเพียงกิจการเล็กๆ” หลี่หรูอี้ร่างสัญญา
โบราณว่า แม้จะเป็พี่น้องแท้ๆ ก็ต้องลงบัญชีให้ชัดเจน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเื่ทำการค้ากับคนนอกเลย นอกจากจวนขุนนางที่มีอำนาจอิทธิพลมากแล้ว ไม่ว่าบ้านหลี่จะทำธุรกิจกับใครก็ต้องร่างสัญญา
หลี่ซานมอบไหกระเบื้องสีดำยาวสูงหนึ่งฉื่อให้ผู้ดูแลทั้งสองคนละไหแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “นี่คือผักดองที่บ้านเราทำ พวกท่านลองนำไปชิมดูเถิด” สองพ่อลูกคนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ ทำให้การค้าประสบความสำเร็จ ทั้งยังนำเสนอผักดองออกไปได้ด้วย
“ข้าเพิ่งเคยได้ยินเป็ครั้งแรก”
“พวกท่านมีน้ำใจแล้ว ขอบคุณมาก”
ผู้ดูแลทั้งสองเก็บสัญญาไว้ แล้วนำไหผักดองกลับไปด้วยความสุข
หลี่ซานไปส่งถึงปากทางหมู่บ้านแล้วเดินกลับมา เมื่อเข้ามาในห้องครัวก็พูดยิ้มๆ ว่า “หากพวกเขากินผักดองแล้วอาจจะอยากซื้อผักดองจากบ้านเราก็เป็ได้”
“เ้าค่ะ ผักดองที่พวกเราทำเป็เพียงหนึ่งส่วนของที่ดินทั้งหมดในภาคเหนือ พวกเขาเป็ผู้ดูแลเหลาอาหารย่อมเชี่ยวชาญทางด้านนี้ ย่อมทราบว่าฤดูหนาวเหมาะกับการกินผักดองที่สุด หากนำไปขายย่อมได้ราคา จะต้องมาขอซื้อจากพวกเราแน่นอน” หลี่หรูอี้นำหมูก้อนที่ถูกบิปั้นเรียบร้อยแล้วออกมาใส่ลงไปในหม้อที่มีน้ำมันท่วมจนส่งเสียงดังชี่ๆ ออกมา ลูกชิ้นหมูส่งกลิ่นหอม มีสีเหลืองทอง ยั่วน้ำลายผู้คนยิ่งนัก
หลี่สือยืนมองมือของหลี่หรูอี้อยู่ข้างๆ เพื่อจดจำวิธีการบิปั้นลูกชิ้นหมูของนางเอาไว้ในสมอง จนกระทั่งนางสั่งจึงเริ่มทำบ้าง เริ่มด้วยทาน้ำมันลงบนฝ่ามือ จากนั้นจึงบิแบ่งเนื้อหมูเป็ก้อนเล็กๆ ออกมาวางบนฝ่ามือแล้วปั้นเป็ลูกกลมๆ นำลงไปทอดในหม้อที่มีน้ำมันอยู่
ส่วนผสมของลูกชิ้นหมูจะใช้เนื้อหมูเจ็ดส่วนมันหมูสามส่วน นำไปผสมกับต้นหอม ผงเครื่องเทศ ผงขิงแห้ง ผงพริกไทย เกลือ และไข่ขาวแป้ง เมื่อทอดออกมาแล้วจะมีกลิ่นหอมอบอวลและรสชาติที่เข้มข้น
หลี่ซานมองลูกชิ้นสีเหลืองทองที่เพิ่งนำออกมาจากหม้อ ทั้งๆ ที่ได้กินอิ่มท้องไม่เคยขาดอาหารที่เต็มไปด้วยน้ำมันทุกวัน แต่เมื่อเห็นลูกชิ้นก็ยังอยากกินอีก ช่างแย่จริงๆ “ลูกสาวข้า เ้าคิดจะขายผักดองของบ้านเราชั่งละเท่าใด”
หลี่หรูอี้หยิบตะเกียบขึ้นมา คีบลูกชิ้นทอดลูกหนึ่งใส่ปาก อร่อยเลิศรสจริงๆ แต่มันร้อนเกินไป ร้อนจนนางพูดไม่ออก ผ่านไปพักใหญ่จึงค่อยพูดได้ “ผักดองขายแบบบรรจุใส่ไห ไหใหญ่ขายหนึ่งตำลึง ไหกลางแปดเฉียน ไหเล็กห้าเฉียน”
ไหใหญ่มีผักดองราวสิบชั่ง ไหกลางมีราวแปดชั่ง ไหเล็กมีประมาณห้าชั่ง นี่เป็ฤดูหนาวจึงขายผักดองชั่งละหนึ่งเฉียน ทั้งยังแถมไหที่บรรจุด้วย ครอบครัวร่ำรวยในละแวกนี้ต้องมาซื้อหาเป็แน่
หลี่ซานตกตะลึง เมื่อวานเขาเพิ่งคิดว่าไหผักดองที่มีอยู่ในห้องใต้ดินรวมแล้วมีเกือบพันใบ มันมากมายเกินไป กินพื้นที่เกินไป ์ หากรู้ว่าผักดองจะขายได้ราคาสูงเพียงนี้ เขาคงจะซื้อผักทั่วทั้งหมู่บ้านหลี่มาให้ลูกสาวทำเป็ผักดองไปบรรจุใส่ไห จากนั้นก็ขายๆๆ และขายจนร่ำรวย
หลี่สือคีบลูกชิ้นขึ้นมาเป่าไปหลายครั้งแล้วป้อนใส่ปากหลี่ซาน ถามด้วยใบหน้าคาดหวังว่า “ท่านพี่ ลูกชิ้นนี้ข้าเป็คนปั้นเอง ดีหรือไม่”
หลี่ซานยิ้มกว้าง “อร่อย” จากนั้นจึงรับตะเกียบมาคีบลูกชิ้นสองลูกใส่ปาก มันมีกลิ่นของต้นหอม ขิง และหมูปรุงรสโชยออกมา หอมกว่าหมูทอดปกติมากนัก หอมกว่าหมูน้ำแดงเสียอีก หอมจนเขาอยากกินทั้งจาน
หลี่หรูอี้จงใจพูดขึ้นว่า “ท่านไม่ปวดใจที่ลูกชิ้นหมูต้องใช้น้ำมันมากแล้วหรือ”
หลี่ซานมองไปที่หม้อ ทอดลูกชิ้นหมูไปแล้วสิบชั่ง น้ำมันที่มีอยู่ครึ่งหม้อลดลงไปแล้วสามส่วน ซึ่งน้ำมันเหล่านี้ถูกดูดเข้าไปในลูกชิ้น มิน่าเล่าลูกชิ้นจึงได้อร่อยนัก เขาอดพูดไม่ได้ว่า “่งานมงคลเช่นในเทศกาลหรือ่งานปีใหม่ทอดลูกชิ้นได้ ส่วนในวันปกติ หากทอดลูกชิ้นจะฟุ่มเฟือยเกินไป”
“เ้าค่ะ ท่านไปพูดกับแม่ข้าเถิด” หลี่หรูอี้นำลูกชิ้นถ้วยเล็กไปวางลงบนมือของหลี่ซาน ให้เขายกไปให้จ้าวซื่อกิน
น้ำมันในหม้อถูกนำไปทอดลูกชิ้นเต้าหู้และเต้าหู้ก้อนต่อไป อีกสองวันจะมีแขกมา บ้านนางไม่มีอาหารมังสวิรัติให้กิน แต่หากเป็อาหารมังสวิรัติที่ทอดด้วยน้ำมันหมูคงไม่เป็ไร
ผ่านไปอีกครู่หนึ่งหลี่หรูอี้ก็เรียกอู่เอ้อร์มา บอกให้เขานำลูกชิ้นถ้วยหนึ่งไปให้ครอบครัวอู่กิน
การทำงานของครอบครัวอู่ในหลายวันมานี้ล้วนอยู่ในสายตาของหลี่หรูอี้ เมื่อทำได้ดีย่อมให้อาหารเลิศรสเป็รางวัล
ลูกชิ้นเต้าหู้มีส่วนผสมหลักเป็เต้าหู้ นอกจากนี้ยังมีต้นหอม แครอทขูดและแป้ง ส่วนเครื่องปรุงรสมีเกลือและผงเครื่องเทศ เมื่อทอดออกมาจะมีสีเหลืองทองผสมแดง น่ากินกว่าลูกชิ้นหมูมาก อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมน่าอร่อย ให้ความรู้สึกหวานที่ปลายลิ้น ถึงกินมากก็ไม่เลี่ยน
จากนั้นหลี่หรูอี้ก็ใช้น้ำมันหมูไปทำตับหมูพะโล้ หัวใจหมูพะโล้และหูหมูพะโล้ แล้วบอกให้หลี่สือนำหม้อใบใหญ่ไปทำถั่วลิสงทอด
นางจางกินลูกชิ้นเต้าหู้ไปสามชิ้นพลันรู้สึกได้ถึงรสชาติที่ดีของเนื้อหมู ในใจยิ่งนับถือฝีมือครัวของหลี่หรูอี้มากขึ้นอีก กล่าวกับคนในครอบครัวว่า “งานในครัวควรให้ข้าทำ พวกเ้าช่วยข้าดูแลคุณชายน้อยเถิด ข้าจะไปห้องครัว”
หลี่หรูอี้นำเครื่องในหมูและหัวหมูไปตุ๋นพะโล้ ไม่ได้มีงานมากมายอะไร ส่วนถั่วลิสงที่หลี่สือทำก็เกือบสุกแล้ว
“นางจาง ตอนกลางคืนเ้าดูแลน้องชายข้าก็เหนื่อยมากแล้ว วันนี้ไม่ต้องสนใจเื่ในห้องครัวหรอก”
“ดูแลคุณชายน้อยเป็หน้าที่ของบ่าว บ่าวไม่เหนื่อยเลยเ้าค่ะ” นางจางจะยืนดูหลี่หรูอี้และท่านอาของนางทำงานอยู่ในครัวโดยไม่ได้พักได้อย่างไร นางกวาดตามองไป เห็นถั่วลิสงและเมล็ดแตงโมดิบตระกร้าใหญ่อยู่ในมุมหนึ่งที่ยังไม่ได้นำไปทอด “ก่อนหน้านี้บ่าวเคยทำถั่วลิสงทอด เมล็ดแตงโมทอด ถั่วสนทอด และเกาลัด เช่นนั้นถั่วลิสงและเมล็ดแตงโมสองตะกร้านั่นก็ให้บ่าวนำไปทอดเถิด”
หลี่หรูอี้พยักหน้า “หากเ้ารู้สึกเหนื่อยก็เรียกอู่ต้าและอู่เอ้อร์มาช่วยได้”
ผ่านไปพักใหญ่ อู่ต้าและอู่เอ้อร์ก็เดินหัวเราะถือจานเปล่าเข้ามาในครัว เมื่อเห็นนางจางกำลังทอดถั่วลิสงก็รีบเข้ามาช่วย
“ที่ตุ๋นอยู่ในหม้อคือเนื้อหมู ไม่จำเป็ต้องสนใจ อีกครึ่งชั่วยามข้าจะมาดูเอง” หลี่หรูอี้กล่าวทิ้งไว้ประโยคหนึ่งแล้วเดินออกไปจากครัวพร้อมหลี่สือ ส่งมอบงานในห้องครัวให้แม่ลูกอู่
อู่ต้าเติมฟืนลงในเตาพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ลูกชิ้นเต้าหู้ที่คุณหนูทำอร่อยจริงๆ ข้าไม่เคยกินลูกชิ้นที่อร่อยเพียงนี้มาก่อน”
นางจางกระซิบบอก “ั้แ่พวกเรามาที่นี่คุณหนูก็ไม่ค่อยได้เข้าครัว แต่หากนางเข้าครัว ไม่ว่าจะทำอะไรก็อร่อยทั้งสิ้น”
อู่เอ้อร์เพิ่งเข้าครัวมาก็เห็นลูกชิ้นหมูจานใหญ่วางอยู่ข้างเตา เขาปรายตามองแล้วมองอีก เ้านายไม่อยู่ แอบกินลูกชิ้นสักหน่อยได้หรือไม่
เพียะ! นางจางสะบัดมือตบหน้าอู่เอ้อร์จนเสียงดัง ทำเอาอู่ต้าที่ยืนทำงานอยู่หน้าเตาถึงกับใ
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้