“พี่สะใภ้ห้า พวกท่านลำเอียงเกินไปแล้ว พอท่านพ่อมิอยู่บ้าน พวกท่านก็รังแกข้า” ซ่งเป่าจูโวยวายอย่างไร้เหตุผล จิ่นเซวียนปรายตามองนางด้วยความมิพอใจ
“พวกเรารังแกเ้าหรือ ข้ารังแกเ้าอย่างไร การที่ข้าสั่งให้เ้าล้างจานคือการรังแกเ้าหรือ?”
“พวกท่านร่ำรวยแล้ว คิดจะทิ้งขว้างกัน นี่ยังเรียกว่าเป็ญาติพี่น้องกันอยู่หรือ?” ซ่งเป่าจูรู้สึกหดหู่ เมื่อนางคิดว่านางจะมิได้ส่วนแบ่งเลย นางรู้สึกว่านางควรได้สี่ส่วนถึงจะเหมาะสม อย่างไรนางก็เป็น้องสาวของซ่งจื่อเฉิน
“พวกเรายังมิทันได้เงิน เ้าก็ขอส่วนแบ่งเสียแล้ว เป่าจู เ้าคิดว่าเงินร่วงหล่นลงมาจากฟ้า[1] หรือ?พวกเราเสี่ยงชีวิตเพื่อเอาโสมคนนั้นมา หากมิใช่เพราะข้าวิ่งเร็ว ข้าคงถูกเสือกลืนลงท้องไปแล้ว”
นางร่ำรวยแล้วเกี่ยวกับซ่งเป่าจูอย่างไร ซ่งจื่อเฉินหวังให้ซ่งเป่าจูเปลี่ยนตนเอง แต่นางว่ามันยากยิ่งนัก
“ข้ามิได้ให้ท่านเอาเงินมาให้ข้าทั้งหมดเสียหน่อย ข้าอยากได้เพียงสี่ส่วนเท่านั้น มิมากเกินไปหรอก” ซ่งเป่าจูเชิดมุมปากพึมพำ ทุกคนหลุดเสียงหัวเราะคิกคักออกมาหลังจากที่นางเอ่ยจบ
พวกเขาออกเงินเปิดร้านค้าเอง แต่นางคิดจะชุบมือเปิบเอาเงินไปถึงสี่ส่วน เป็หนแรกจริงๆ ที่เห็นคนไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้
“ภรรยา ข้าว่าพวกเราแยกบ้านกันเถิด หากต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนบางคน มันคงจะเหนื่อยเกินไป” ซ่งจื่อเฉินมิพูดเื่อื่น เขายกเพียงเื่แยกบ้านขึ้นมาพูด ถ้อยคำพวกนี้มิได้พูดให้ซ่งเป่าจูฟังเท่านั้น ยังรวมถึงพวกซ่งหวาด้วย
หากพวกเขารู้จักพอ เขาก็จะพาร่ำรวยไปด้วยกัน แต่หากมิรู้จักพอ ก็ต้องผิดหวัง เขามิมีความจำเป็ที่จะต้องหาเงินเลี้ยงคนว่างงานเอาไว้
“เป่าจูเอ๋ย เ้ายังมิรีบขอโทษน้องห้ากับน้องสะใภ้ห้าอีก” ซ่งหวาเข้าใจความหมายของซ่งจื่อเฉิน เขามิ้าให้เสียเื่ ส่วนเื่เปิดร้าน ซ่งจื่อเฉินจะให้เขาเท่าใด เขาก็เอาเท่านั้น มิคิดบังคับ
ซ่งเป่าจูโกรธจัด นางสะบัดหน้าไปอีกทางและร้องในลำคอ “เหตุใดข้าต้องขอโทษเขา ในฐานะพี่ชาย เขาควรดูแลข้ามิใช่หรือ?”
“ผู้ใดบอกว่าเป็พี่ก็ควรดูแลเ้า ขนาดเ้ามีมือมีเท้า ยังบอกให้ข้านำเงินที่หามาได้ทั้งหมดให้แก่เ้า นี่มันเหตุผลไร้สาระอะไรกัน” ซ่งจื่อเฉินโมโหยิ่งกว่าจิ่นเซวียนเสียอีก ซ่งเป่าจูทำตัวเช่นนี้ เขายิ่งผิดหวังในตัวนาง
“เป่าจู หากเ้าอยากถูกท่านพ่อไล่ออกจากบ้านซ่งเหมือนท่านแม่ เ้าก็ทำเช่นนี้ต่อไปเถิด” ซ่งหวาผิดหวังกับน้องสาวต่างพ่อผู้นี้ยิ่งนัก พวกเขามองออกทุกอย่าง แต่น้องสาวกลับมองมิออก
ด้วยความสามารถและสติปัญญาของซ่งจื่อเฉินกับจิ่นเซวียนแล้ว ตระกูลซ่งจะกลายเป็ตระกูลที่ร่ำรวยในมิช้า พวกเขาควรคว้าโอกาสนี้เอาไว้ และอยู่ร่วมกับพวกจื่อเฉินต่อ
“พี่ชายพี่สะใภ้ทุกท่าน พวกเรากลับไปพักผ่อนกันก่อนเถิด ข้ากับสามีจะร่างแผนอย่างละเอียดออกมาภายหลัง เมื่อถึงเวลานั้นพวกท่านเพียงแค่ดำเนินการตามแผนของพวกเราก็พอแล้วเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนมิอยากมองซ่งเป่าจูอีก นางตัดสินใจแสดงท่าทีเ็าใส่ซ่งเป่าจู ตราบใดที่ทุกคนมิสนใจซ่งเป่าจู นางก็หัวเดียวกระเทียมลีบ เมื่อถึงเวลานั้น ก็คอยดูว่านางจะทนได้นานเพียงใด
“ซย่าจิ่นเซวียน เ้าคิดว่าข้าอาวรณ์เงินน่ารังเกียจของเ้าหรือ?ข้าขอแช่งให้เ้าทำการค้าขาดทุน” ซ่งเป่าจูพูดไปด่าไป นางกระทืบเท้าแล้ววิ่งกลับห้องของตนเอง
“เด็กเป่าจูถูกแม่เฒ่าเลี้ยงจนนิสัยเสีย” ซ่งหงถอนหายใจแ่เบา “ผู้ที่มิรู้เื่ คงคิดว่าพวกเราพี่ชายปฏิบัติกับนางมิดี เมื่อใดนางจะคิดได้เสียที”
“ปล่อยนางไปเถิด เมื่อถึงเวลานางจะดีขึ้นเองขอรับ” ซ่งจื่อเฉินพูดแล้วเดินออกจากห้องโถงใหญ่ไปกับจิ่นเซวียน
หลังจากที่จิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินเดินกลับมา พวกเขาก็ตรงไปที่ห้องหนังสือ!
“สามี พวกเราทำงานด้วยกันเถิด” ซ่งจื่อเฉินเปิดอุปกรณ์สี่อย่างที่จำเป็ในห้องหนังสือ แล้วเริ่มฝนหมึก จิ่นเซวียนเห็นเขายุ่งอยู่กับงาน ก็ทนเห็นเขาเหนื่อยเช่นนี้มิได้
“มิเป็ไร เ้าไปพักเถิด ข้าทำเอง” ซ่งจื่อเฉินวางแผนจะเขียนวิธีหาเงินออกมาสามรูปแบบ และให้ทุกคนดำเนินการตามแผนของเขา
เหลือเวลามิมากแล้ว พวกเขาจำเป็ต้องหาเงินจำนวนหนึ่งให้ได้ก่อนการสอบคัดเลือก่วสันต์ เพื่อก่อร่างสร้างตัวในเมืองหลวง
“สามี บ้านของพวกเรามีน้ำตาลกรวดหรือไม่?” จิ่นเซวียนตั้งใจจะลงมือหมักเหล้า ยิ่งองุ่นทิ้งไว้นาน รสชาติจะยิ่งเสียง่ายขึ้น
“เื่นี้เ้าควรถามพี่สะใภ้สาม” ซ่งจื่อเฉินมิเคยยุ่งเื่ในครัว และมิชอบกินรสชาติหวาน เขาจึงมิได้สนใจของพวกนี้
จิ่นเซวียนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปหาพานซื่อ พานซื่อบอกกับนางว่าในบ้านมิมีน้ำตาลกรวด แต่มีน้ำตาลทรายขาวอยู่หลายจิน
“เซวียนเซวียน หากเ้าคิดว่าน้ำตาลทรายขาวใช้ได้ ข้าจะไปหามาให้เ้าเวลานี้เลย” พานซื่อยิ้มถามความเห็นของจิ่นเซวียน จิ่นเซวียนพยักหน้าตอบรับ และขอให้พานซื่อนำน้ำตาลทรายขาวมาให้นาง ถึงจะมิมีน้ำตาลกรวด แต่ใช้น้ำตาลทรายขาวแทนได้เช่นกัน
“เซวียนเซวียน ้าให้ข้าช่วยหรือไม่?” พานซื่อถามขึ้นมา หลังจากที่นางนำน้ำตาลทรายขาวมาให้จิ่นเซวียนแล้ว แต่จิ่นเซวียนปฏิเสธ
“ภรรยา เ้ากลับมาแล้ว” ซ่งจื่อเฉินได้ยินเสียงฝีเท้า เขาจึงเอ่ยทักจิ่นเซวียนด้วยเสียงเบา จิ่นเซวียนรับคำแล้วเดินเข้าห้องไป
“สามี ท่านอยากเรียนหมักเหล้ากับข้าหรือไม่?” สิ่งที่สำคัญที่สุดของการหมักเหล้าคือสูตรลับ จิ่นเซวียนมิอยากให้คนนอกรู้ เพราะกลัวว่าพวกเขาจะเก็บความลับเอาไว้มิอยู่
นี่คือสูตรลับที่สามารถทำกำไรได้มากที่สุด นางมิวางใจให้ผู้อื่นทำ ยกเว้นคนของตนเอง
“เช่นนั้นข้าจะไปช่วยเ้าก่อน เมื่อเ้าทำเสร็จ ข้าค่อยกลับมาเขียนแผนการค้าต่อ” ซ่งจื่อเฉินวางพู่กันลง และเข้าไปในมิติกับจิ่นเซวียน
พวกเขาเร่งทำงานกันในตำหนักเถาเซียน จิ่นเซวียนรับหน้าที่ล้างองุ่น ส่วนซ่งจื่อเฉินล้างโถเคลือบที่จะใช้หมักเหล้า
ทุกขั้นตอนในการหมักเหล้าองุ่นนั้นสำคัญมาก จิ่นเซวียนอธิบายรายละเอียดให้ซ่งจื่อเฉินฟังอย่างใจเย็น
ั้แ่วิธีการล้างองุ่น ตากแดด ไปจนถึงการเด็ดก้านออก การบดเนื้อองุ่น การบรรจุใส่โถและเติมน้ำตาล วิธีการเหล่านี้นางสอนซ่งจื่อเฉินทั้งหมด
หลังบรรจุองุ่นใส่โถและปิดผนึกเรียบร้อยแล้ว ซ่งจื่อเฉินก็ถามจิ่นเซวียนว่าต้องหมักเอาไว้นานกี่วัน
นางตอบว่าการหมักเหล้าองุ่นใน่หน้าร้อนนั้น ใช้เวลาเพียงแค่หกวันเท่านั้น
“ภรรยา เช่นนั้นองุ่นหนึ่งร้อยจินของพวกเราจะหมักเหล้าได้เท่าใดหรือ?” ซ่งจื่อเฉินถามมิหยุดเหมือนเด็กน้อยขี้สงสัย แต่จิ่นเซวียนกลับมิรำคาญเขา
“โดยทั่วไปองุ่นสามจินจะผลิตเหล้าได้หนึ่งจิน องุ่นคุณภาพดีจะให้ปริมาณเหล้ามากขึ้น องุ่นสิบโถแรกของพวกเราน่าจะผลิตเหล้าออกมาได้ทั้งหมดสามสิบจิน”
“ภรรยา เ้าไปนอนเถิด ข้าจะหมักเหล้าดอกท้อต่อสักสองสามไห เมื่อได้ที่แล้ว ข้าจะนำไปประมูลพร้อมเหล้าองุ่นของเ้า พวกเราจะตั้งราคาเริ่มต้น และให้คนเสนอราคา ผู้ใดให้ราคาสูงที่สุดจะได้มันไป” ซ่งจื่อเฉินยังมิง่วง เขาจึงอยากทำงานมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยนอน
“ข้าอยู่ทำงานกับท่านดีกว่า พวกเราเริ่มจากไปเก็บกลีบดอกท้อกันก่อนเถิด” จิ่นเซวียนค่อนข้างอยากรู้ ในนิทานและนิยายแฟนตาซีหลายเล่มต่างพูดถึงสุราดอกท้อเมามาย นางอยากรู้นักว่าสุราดอกท้อนั้นหมักอย่างไร
“สามี ท่านสอนข้าหน่อยว่าการหมักสุราดอกท้อต้องทำอย่างไรบ้าง”
“สุราดอกท้อนั้นค่อนข้างทำง่าย วัตถุดับที่จำเป็มีดอกท้อ สุราเกาเหลียง[2] และไป๋จื่อ[3] อันดับแรกพวกเราต้องเด็ดดอกท้อก่อน เลือกที่สะอาด สดใหม่ และสมบูรณ์วางลงบนกระด้ง จะใช้โถเคลือบที่ล้างด้วยน้ำอุ่นแล้วผึ่งให้แห้ง หรือไหสุราเกาเหลียงที่ขัดสะอาดแล้วก็ได้ ต่อมาเทดอกท้อลงในไหเหล้าหรือโถเคลือบ นำไป๋จื่อทั้งชิ้นวางลงในภาชนะหมัก และเทสุราเกาเหลียงลงไป หมักทิ้งไว้หนึ่งเดือน แล้วตักกลีบดอกท้อออกก็เสร็จเรียบร้อย”
“ที่แท้ก็ง่ายเช่นนี้!” จิ่นเซวียนได้ยินแล้วชื่นชมซ่งจื่อเฉินยิ่งนัก เขาคิดจะหมักสุราดอกท้อจริงๆ
เชิงอรรถ
[1] รางวัลร่วงลงมาจากฟ้าหรือ หมายถึง ได้ทุกอย่างมาโดยมิต้องออกแรง
[2] สุราเกาเหลียง หมายถึง สุราข้าวฟ่าง เป็เหล้าดีกรีแรง มีสีขาวที่หมักจากข้าวฟ่าง
[3] ไป๋จื่อ หมายถึง โกฐสอ คำว่า สอ ในภาษาเขมรแปลว่า ขาว เพราะส่วนรากที่นำมาใช้เป็ยา มีเนื้อในเป็สีขาว ภาษาจีนคำว่า ไป๋ แปลว่า ขาว ส่วนคำว่า จื่อ แปลว่า รากของต้นไม้ รวมกันเป็ รากไม้สีขาว ทั้งสองภาษาสื่อความหมายเดียวกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้