เมื่อออกจากหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า กู่ไห่ก็เริ่มเตรียมการเปิดร้านของตนที่ฝั่งตรงกันข้าม
เหล่าผู้ฝึกตนบนถนนยังคงตกตะลึงกับเหตุการณ์ ที่อีกฝ่ายนำหินิญญาระดับสูงกว่าเจ็ดแสนก้อน ออกมากองตรงหน้าคุณชายอาน
แต่เพียงพริบตา กลับพบว่ายังมีเื่ชวนพิศวงยิ่งกว่าอีก
เหตุใดถึงมีร้านขายของ มาเปิดที่ฝั่งตรงกันข้ามถนนกับหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าได้เล่า?
ร้านนี้คิดที่จะเปิดขายอะไรหรือ?
และไม่นาน ทุกคนก็รู้ว่ามันคือหอกู่ฉิน...
“เ้าล้อข้าเล่นหรือ? กู่ไห่บ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ? หรือมีเงินมากเกินไปจนสติฟั่นเฟือน? ถึงได้มาเปิดหอกู่ฉิน ตรงข้ามกับหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า นี่ถือว่าเป็การรนหาที่ตายชัดๆ”
“ใช่แล้ว! ั้แ่หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าเปิดกิจการ ร้านกู่ฉินทั่วเมืองอิ๋นเยวี่ย ก็ขายของไม่ได้เลย นอกจากหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยแล้ว กู่ฉินชั้นดีทั้งหมด ก็มาจากสถานที่แห่งนี้ กู่ฉินทุกชนิดที่้า สามารถหาได้จากที่นี่ จึงไม่มีใครแข่งกับร้านนี้ได้อีก... บนถนนสายนี้ มีหอกู่ฉินเปิดและปิดกิจการไปไม่รู้เท่าใดแล้ว”
“เปิดหอกู่ฉินตรงข้ามหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า รนหาที่ตายจริงๆ”
“กู่ไห่บ้าไปแล้ว หินิญญาระดับกลางสี่หมื่นก้อน ก็คงจะเสียเปล่า เหมือนทิ้งลงแม่น้ำอีกครั้ง”
ผู้ฝึกตนที่รู้ข่าว ต่างก็ไม่กล้าที่จะสบตากับเขา
เพียงสองวัน ทุกคนในจวนขุนนางก็ถูกปล่อยตัว ไม่นานหลังจากนั้น กู่ไห่ก็ไปลงทะเบียนร้านค้า จากนั้นสองวันต่อมา ป้ายร้านอย่างเป็ทางการ ก็ถูกแขวนไว้ที่หน้าร้าน
“หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน” ผู้ฝึกตนที่เดินผ่านไปมา ต่างก็อดแวะอ่านชื่อร้านของกู่ไห่ไม่ได้
“หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน? หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า? ฮ่าๆ ๆๆ ใครกันที่จะเป็อันดับหนึ่ง?” ใครคนหนึ่งพูดกลั้วหัวเราะ
“กู่ไห่คิดที่จะแก้แค้นจริงๆ หรือ?”
“แก้แค้น? เ้าไม่คิดว่านี่เป็เื่น่าขันหรืออย่างไร?”
เหล่าผู้ฝึกตนที่เดินอยู่บนถนน ต่างก็แสดงสีหน้าฉงน
เมื่อมีหินิญญาเปิดทาง ขุนนางของแคว้นต้าฮั่นก็หากลุ่มช่างฝีมือ มาทำการตกแต่งหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนจึงเริ่มมีงานยุ่งกันแล้ว
...
ที่ฝั่งตรงข้ามถนน
ณ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า
ในห้องใต้หลังคา เถ้าแก่เจียงเทียนอี้มองดูแผ่นป้ายของร้านฝั่งตรงข้าม ด้วยสายตาราบเรียบ ‘หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน’? พลัน ดวงตาของเขาก็สั่นระริกอย่างโกรธเคือง
ส่วนคุณชายอันที่อยู่ข้างๆ กัน ก็เหลือบมองไปทางหอกู่ฉิน ที่กำลังทำการตกแต่งอยู่อย่างเ็า
“กู่ไห่ เ้านี่คิดจะแก้แค้นหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างนั้นหรือ? เปิดหอกู่ฉิน? อีกทั้งยังเปิดตรงข้ามร้านเรา? ช่างไม่เจียมตนเลย... แล้วมาดูกัน ว่าเ้าจะล้มละลายอย่างไร?” คุณชายอานกล่าว พลางแสดงสีหน้าเหยียดหยาม
เถ้าแก่เจียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ก่อนเอ่ย “คุณชายอาน ไม่รู้เพราะเหตุใด ข้ากลับรู้สึกไม่ดีเท่าใดนัก”
“มีอะไรไม่ดีกัน? หลายปีมานี้ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าเจอคู่แข่งมากี่คน? แต่พวกเขาต่างก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้มิใช่หรือ?
ข้าส่งคนไปตรวจสอบมาแล้ว กู่ไห่ผู้นี้เพียงแต่โชคดี จึงได้ขึ้นมาเป็หัวหน้าสังกัดวารีแห่งหออี้ผิน... ฮึ่ม! ก็แค่เต่าดินที่ออกมาจากดินแดนรกร้างและแห้งแล้ง เ้ายังจะกลัวอีกหรือ?
กว่าจะถึงวันนี้ หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าของเรา ต้องผ่านคลื่นลมมามากน้อยเพียงไร แล้วเ้ายังจะใส่ใจกับเื่แค่นี้อีก?” คุณชายอานยิ้มเยาะ
“ขอรับ!” เจียงเทียนอี้พยักหน้า
…
ณ ตำหนักเสี่ยวเยว่
บนเกาะลอย มู่เฉินเฟิงกำลังเดินไปมาอย่างร้อนรน ส่วนหลงหว่านชิงและไต้ซือหลิวเหนียน ต่างก็กำลังรอคอยบางอย่างอยู่เงียบๆ
ไม่นาน กู่ไห่ก็เดินออกจากห้องโถงใหญ่ ที่อยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก
“กู่ไห่ ก่อนหน้านี้ ในห้องเ้ามีเสียงอะไรหรือ?” หลงหว่านชิงถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไร เมื่อสิบปีก่อน ข้าเคยสร้างกู่ฉินขึ้นมาตัวหนึ่ง แต่หลายปีมานี้ ไม่ได้ใช้งานเลย เมื่อสักครู่ จึงปรับเสียงมันนิดหน่อย” กู่ไห่อธิบายสั้นๆ พลางส่ายหน้า เพื่อคลายความร้อนใจของคนทั้งสาม
“หัวหน้าสังกัดวารีกู่ ท่านคิดจะขายกู่ฉินจริงๆ หรือ? ตอนนี้เมืองอิ๋นเยวี่ย ได้แพร่กระจายข่าวออกไปแล้ว มีผู้คนมากมายแสดงความไม่พอใจ ที่ท่านไปเปิดร้านท้าทายหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า” มู่เฉินเฟิงมองกู่ไห่อย่างไม่เข้าใจ
“ท้าทาย? ใครบอกว่าข้าจะท้าทายหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า?” กู่ไห่ถามพร้อมรอยยิ้ม
“อา! ท่านมิได้ท้าทาย แล้วทำไมจึงเปิด ‘หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน’ เล่า?” มู่เฉินเฟิงถามอย่างงุนงง
“ก่อนหน้านี้ มิได้บอกท่านไปแล้วหรอกหรือ? ว่าข้าวางแผนที่จะทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ ในเมืองอิ๋นเยวี่ย แต่เพราะี้เีที่จะต้องตามสำรวจร้านทุกร้าน เมื่อได้เห็นกู่ฉิน จึงคิดขึ้นมาได้ว่า เช่นนั้นพวกเราก็ไปเปิดร้านขายกู่ฉินกันเถอะ” กู่ไห่ตอบกลั้วหัวเราะ
“เ้าคิดที่จะล้างแค้นมิใช่หรือ?”
“ไม่! ข้าก็แค่จะเอาเงินที่เสียไป กลับคืนมาเท่านั้นเอง” กู่ไห่อธิบาย พลางยกยิ้ม
“เอาคืนมาอย่างนั้นหรือ? แล้วเ้าจะเอามันมาได้อย่างไร? คิดจะแย่งลูกค้าของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าหรือ?”
“ในโลกของการค้า การแข่งขันถือเป็เื่ธรรมดาที่ทุกคนจะต้องเจอ” กู่ไห่ส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยเสริมเพียงสั้นๆ
“กู่ไห่ เ้ามั่นใจแล้วใช่หรือไม่?” หลงหว่านชิงที่อยู่ด้านข้าง ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“แน่นอน! จะขายได้หรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ หวังว่ามันจะเป็ไปตามที่ข้าคาดหวัง” กู่ไห่กล่าว
“อืม!” หลงหว่านชิงพยักหน้าตอบอย่างกังวล
ตอนนั้นเอง ซ่างกวนเหินที่อยู่ไม่ไกลนัก ก็เดินเข้ามา
“โอ้? ซ่างกวนเหิน วันนี้ออกไปเดินเที่ยวในเมืองมา เป็อย่างไรบ้าง?” กู่ไห่ถามพลางยกยิ้ม
ซ่างกวนเหินมีสีหน้าร้อนรน และคล้ายจะไม่รู้เื่ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเปิดหอกู่ฉิน
“ฝ่าา! กระหม่อม้าที่จะยืมเงินจากพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” ซ่างกวนเหินยิ้มเจื่อนๆ
“หืม?” กู่ไห่อุทานด้วยความพิศวง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรกลับไป
“หลายวันมานี้ กระหม่อมััได้ถึงกลิ่นอายบางอย่างในเมืองนี้ ซึ่งเหมือนกับสิ่งที่กระหม่อมกินไปเมื่อครั้งก่อน แต่คนอื่นยังไม่รู้จักมัน กระหม่อมจึงอยากจะซื้อมันมากิน ก่อนที่พวกเขาจะรู้พ่ะย่ะค่ะ” ซ่างกวนเหินตอบเสียงเข้ม
ครั้งสุดท้ายที่กิน... เกราะทองเสวียนอู่ เศษกระดองของราชันเสวียนอู่?
“อืม? เ้า้าเท่าใด?” กู่ไห่ถามกลับ
“หินิญญาระดับสูงสองแสนก้อน” ซ่างกวนเหินตอบตามความเป็จริง
มู่เฉินเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง เบิกตากว้าง ผู้ใต้บังคับบัญชาของกู่ไห่ สามารถเปิดปากยืมหินิญญาระดับสูงได้มากถึงสองแสนก้อน เพื่อซื้ออาหาร? เ้ากินลงหรือ? ใช้หินิญญาระดับสูงสองแสนก้อน เพื่อซื้ออาหารเนี่ยนะ? ที่คิดจะกินจนจุกตายหรืออย่างไร?
หากศิษย์สังกัดไม้กล้าพูดเช่นนี้กับตน คงจะถูกฝ่ามือซัดกระเด็นไปนานแล้ว
“หินิญญาระดับสูงสองแสนก้อนหรือ? อืม! ก็ไม่มากจริงๆ แต่ตอนนี้ข้ามีเงินจำกัด เ้ารออีกสักสองสามวันได้หรือไม่?” กู่ไห่ถามกลับเสียงขรึม
หินิญญาระดับสูงสองแสนก้อน ไม่มากจริงๆ หรือ? มู่เฉินเฟิงจ้องมองไปยังฮ่องเต้และขุนนางคู่นี้อย่างไม่พอใจ
“แต่ข้ากลัวว่า กว่าจะถึงตอนนั้น ของคงจะหายไปแล้ว” ซ่างกวนเหินตอบอย่างกังวล
“เอาละ! ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็ไม่ต้องรอให้ตกแต่งเสร็จแล้ว พวกเราไปสร้างระเบียงที่ ‘หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน’ กันก่อนเถอะ” กู่ไห่กล่าว
พวกเขาเดินตามกู่ไห่ไปยังหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนทันที
ตอนนี้ ท่ามกลางการตกแต่งอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกตนจากทั่วบริเวณก็มารวมตัวกันด้านหน้าของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า พลางชี้นิ้วไปยังหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน
ในเวลาเดียวกันนั้น ก็ได้ยินเสียงกู่ฉินของปรมาจารย์ด้านกู่ฉิน ที่หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าเชิญมาบรรเลงเพลง
“ฝ่าา!” เหล่าขุนนางของแคว้นต้าฮั่นหลายคน เดินตรงมาหาฮ่องเต้ของตนอย่างรวดเร็ว
“รีบไปที่ระเบียงชั้นสาม ทำการตกแต่ง แล้วเปิดทำการเสีย” กู่ไห่สั่งเสียงต่ำ
“แต่เราเพิ่ง...” เหล่าขุนนางกลุ่มใหญ่เดินเข้าไปคัดค้าน
“ยังตกแต่งไม่เสร็จ แล้วเ้าจะเปิดทำการได้อย่างไร? อีกอย่างนะ กู่ไห่ ดูเหมือนเ้าจะไม่มีกู่ฉินขายใช่หรือไม่? ข้าได้ยินมาว่า เถ้าแก่ใหญ่ของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า เจียงเทียนอี้ ออกคำสั่งห้ามมิให้นักกู่ฉินคนอื่น ซื้อกู่ฉินจากพวกเ้า เ้าก็จะไม่อาจขายของได้ เช่นนี้แล้ว เ้าจะขายลมหรืออย่างไรกัน?” มู่เฉินเฟิงถลึงตาใส่
“ไม่มีสินค้าก็ขายไม่ได้หรือ?” กู่ไห่ยกยิ้มร้าย
“หืม?” มู่เฉินเฟิงแสดงสีหน้างุนงง เมื่อเห็นท่าทีของคนตรงหน้า
แน่นอน... หากไม่มีสินค้า ก็ไม่อาจขายได้? นั่นมิใช่สมเหตุสมผลหรอกหรือ?
ความคืบหน้าของการตกแต่งโดยผู้ฝึกตนนั้น เป็ไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน ระเบียงชั้นสามของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน ก็ถูกสร้างและตกแต่งจนแล้วเสร็จ ดูงดงามหรูหราอย่างหาที่เปรียบมิได้
ทุกคนเดินขึ้นไปยังระเบียง
ขณะที่ขุนนางบางคนกำลังควบคุมการตกแต่ง ก็มีขุนนางอีกหลายคนติดตามกู่ไห่ไป
เขาหยิบพู่กันและหมึกออกมาวางบนโต๊ะ ขุนนางของแคว้นต้าฮั่นก็พากันมานั่งที่เก้าอี้ แล้วกู่ไห่ก็เริ่มบรรจงเขียนบางอย่างลงบนกระดาษแผ่นหนึ่ง
“‘หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน จะเปิดให้สั่งจองกางฉิน[1] ณ บริเวณชั้นหนึ่ง... สินค้าจะมาถึงภายในครึ่งปี ผู้ใด้าสั่งซื้อ โปรดลงนามในสัญญาการขายและส่งมอบ”
“นำป้ายไปติดหน้าหอกู่ฉิน” กู่ไห่ออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!” ขุนนางาุโคนหนึ่งรับประกาศมาอย่างนอบน้อม แล้วจึงเดินไปยังกระดานประกาศที่นอกหอ
ตอนนี้ มู่เฉินเฟิงและคนอื่นๆ ต่างเบิกตากว้าง
“หัวหน้าสังกัดวารีกู่ ท่านล้อข้าเล่นหรือ? หกเดือนสินค้าถึงจะมา ท่านจะให้ลูกค้าจ่ายเงินก่อนอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉินเฟิงเบิกตากว้าง พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นั่นไม่บ้าเกินไปหรอกหรือ? ใครจะจ่ายเงินเพื่อลงนามในสัญญา? ท่านยังไม่มีสินค้าเลยด้วยซ้ำ
“มันเรียกว่า ‘การสั่งจอง’ ตราบใดที่ข้ามีสินค้าจริง มันก็ไม่นานเลยที่จะรอแค่ครึ่งปี” กู่ไห่ตอบยิ้มๆ
ในโลกก่อน มีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มากมาย เื่ของการขายสินค้าที่มีเพียงโครงการ ซึ่งต้องจ่ายเงินไปก่อน แล้วค่อยมารับบ้านไม่กี่ปีหลังจากนั้น เป็เื่ที่ปกติวิสัยมาก
“คิดว่าพวกเขาโง่หรือ? มันจะเป็ไปได้อย่างไรกัน?” มู่เฉินเฟิงแสดงท่าทีไม่อยากจะเชื่อ ต่อคำพูดและความคิดของคนตรงหน้า
“กางฉิน? กางฉินคืออะไรหรือ? มันคือสิ่งที่เ้าปรับเสียงในห้องก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่?” หลงหว่านชิงถามอย่างสนใจ
“เกือบเสร็จแล้ว ไว้วันหลังข้าจะแสดงกางฉินให้ทุกคนได้เห็น” กู่ไห่ตอบกลั้วหัวเราะ
“กางฉิน? กู่ฉินที่ทำมาจากเหล็กกล้า[2]? มันมีอะไรแปลกใหม่หรือไม่?” หลงหว่านชิงถามด้วยความกังขา
“กางฉินคือสินค้าใหม่ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ก็คือในวันมะรืนนี้ ท่านก็ได้เห็นมันแล้ว”
“แต่ก่อนหน้านี้ เ้าบอกข้าว่า เ้าเล่นกางฉินได้ไม่ค่อยดีนักนี่นา?” หลงหว่านชิงเอ่ยอย่างประหลาดใจ
“ไม่เก่ง! แต่ก็พอจะเล่นได้สองสามเพลง... วางใจเถอะ! นี่ถือว่าอยู่ใน่เริ่มเปิดกิจการเท่านั้น เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว ค่อยเชิญปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญมาดึงดูดลูกค้า” กู่ไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จริงด้วย!” หลงหว่านชิงพยักหน้า
“ฝ่าา! กางฉินนี้ จำเป็ต้องติดราคาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ขุนนางาุโถามเสียงเรียบ
กู่ไห่มองขุนนางาุโ ก่อนยกยิ้ม “ติดสิ! ในเมื่อเ้าเข้าใจแล้ว ก็ไปบอกคนอื่นด้วย อีกทั้งประโยคที่ว่า ‘กางฉินระดับเซียน’ ที่สามารถหาซื้อได้จากหอกางฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า ก็เอาไปแขวนไว้ด้วยเช่นกัน”
“อา! หินิญญาระดับสูงหนึ่งร้อยก้อน? กางฉินของข้า ราคาหนึ่งร้อยก้อนหินิญญาระดับสูง” กู่ไห่เอ่ย
“พ่ะย่ะค่ะ!”
“ในประกาศ เขียนให้ชัดเจนด้วย ว่ากางฉินระดับเซียนนี้ ทำมาจากวัสดุธรรมดา ไม่ใช่วัสดุิญญา” กู่ไห่เสริมอีก
“พ่ะย่ะค่ะ!” ขุนนางที่ได้ยินเช่นนั้น ก็น้อมรับพระบัญชา
มู่เฉินเฟิงมองกู่ไห่อย่างไม่เข้าใจ “กู่ไห่ ข้าสืบมาแล้ว กู่ฉินของปรมาจารย์กู่ฉินนั่น ทำมาจากไม้ธรรมดา ตั้งราคาหนึ่งร้อยหินิญญาระดับกลาง ก็ยังไม่มีใครซื้อ เพราะมันไม่คุ้มค่า
ส่วนกางฉินของเ้า ทำจากวัสดุทั่วไปเช่นกัน แต่เ้ากลับกล้าขายในราคาหนึ่งร้อยหินิญญาระดับสูงเลยหรือ? เช่นนั้น เ้าก็คงจะขายไม่ได้ ไม่มีใครซื้อหรอก”
กู่ไห่ยกยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “หากคนอื่นขายได้ แล้วเหตุใดข้าจึงจะขายไม่ได้เล่า ข้าจะขาย และมั่นใจว่าคนอื่นจะต้องแย่งกันซื้อ เพื่อที่จะได้มัน”
“เฮ่อ! บ้าแล้ว… เ้าบ้าไปแล้วจริงๆ!” มู่เฉินเฟิงจับจ้องกู่ไห่ พร้อมอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
กู่ไห่หาได้สนใจจะอธิบายต่อ เพียงหมุนตัว และพาทุกคนจากไป
ขณะเดียวกัน ประกาศสองแผ่นใหญ่ที่ติดเอาไว้นอกร้าน พลันทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็สนใจ และตื่นเต้นยิ่ง
---------------------------------------------
[1] กางฉิน (钢琴) คือ เปียโน
[2] คำว่า กาง (钢) ในกางฉิน (钢琴) หมายถึงเหล็ก หรือเหล็กกล้า ส่วน ฉิน (琴) มาจากคำว่ากู่ฉิน ดังนั้นเมื่อกู่ไห่พูดถึง ‘เปียโน’ หรือ ‘กางฉิน’ ในภาษาจีน หลงหว่านชิงและคนอื่นๆ จึงคิดว่ามันคือ ‘กู่ฉินที่ทำจากเหล็กกล้า’